ตอนที่ 237 บังคับทะลวง

 ตอนที่ 237 บังคับทะลวง

"นี่...ไม่น่าจะเป็นไปได้!"

"หลินฉู่เทียนและทั้งสอง ถึงกับพ่ายแพ้"

"นั่นดูเหมือนจะ... เป็นสัจธรรมหมัด 4 ส่วน!"

"นี่...สัจธรรมหมัด 4 ส่วน กู่หยางผู้นี้ ท้ายที่สุแล้วเป็นสัตว์ประหลาดอะไรกันแน่"

"สัจธรรมหมัด 4 ส่วน...ก็ สำเร็จขั้นเล็กน้อยแล้ว สัจธรรมหมัดสำเร็จขั้นเล็กน้อย..."

"แม้กระทั่งในลานฝ่ายใน อัจฉริยะฟ้าประทานที่สามารถเข้าใจสัจธรรมหมัด 4 ส่วนก็หายากมากไม่ใช่หรือ!"

"ความเข้าใจเช่นนี้...ช่างประหลาดเกินไป!"

อัจฉริยะฟ้าประทานนับไม่ถ้วนต่างร้องออกมาอย่างตกใจ

พวกเขาเผยสีหน้าตกใจ มองกู่หยางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าดูถูกกู่หยางอีกต่อไปแล้ว

ขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้กลับเข้าใจสัจธรรมหมัดสำเร็จขั้นเล็กน้อยแล้ว...

ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้กู่หยางอายุเพียงสิบเจ็ดปีเท่านั้น

นี่ช่างเป็นสัตว์ประหลาดถึงขีดสุด

และทำให้พวกเขาในใจยอมรับอย่างสุดใจ

ประหลาดเกินไป!

ฉากนี้ตกอยู่ในสายตาของผู้อาวุโสเฉินและคนอื่น ๆ ด้วย

"กู่หยางผู้นี้...ช่างมีความเข้าใจที่น่ากลัวยิ่งนัก"

"ไม่คิดเลยว่าเขาถึงกับเข้าใจสัจธรรมหมัด 4 ส่วนได้..."

"สิบเจ็ดปี ขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้ระดับ 13 เข้าใจสัจธรรมหมัดสำเร็จขั้นเล็กน้อย..."

"ด้วยความเข้าใจเช่นนี้ กลัวว่าจะสามารถเทียบชั้นกับหลัวเหยียนเทียนได้แล้วกระมัง"

ผู้อาวุโสที่อยู่รอบ ๆ อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างตื่นตะลึง

หากมีใครได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสเหล่านี้ ย่อมต้องเผยสีหน้าตกใจออกมาอย่างแน่นอน!

เพราะหลัวเหยียนเทียนในปากของพวกเขา เป็นรัชทายาทของราชวงศ์ต้าเหยียน!

และเป็นอัจฉริยะฟ้าประทานที่สูงส่งที่สุดในราชวงศ์ต้าเหยียนตอนนี้ด้วย!

หากมองทั่วทั้งพันปี ไม่มีใครเทียบเคียงได้!

ถือได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาด!

ในสายตาของผู้อาวุโสเหล่านี้ตอนนี้

ความเข้าใจของกู่หยางสามารถเทียบเคียงกับหลัวเหยียนเทียนได้แล้ว

"เทียบกับหลัวเหยียนเทียนก็คงพูดไม่ได้ ถึงแม้ว่าอายุของหลัวเหยียนเทียนจะมากกว่ากู่หยางถึงสิบปี แต่ตอนนี้ฐานการบำเพ็ญเพียรของหลัวเหยียนเทียนถึงกับก้าวเข้าสู่ขอบเขตแก่นสุญตาระดับ 13 ขั้นสูงสุดแล้ว เกรงว่าอีกไม่นานก็จะทะลวงสู่ขอบเขตมรณะชีวันแล้ว อัจฉริยะฟ้าประทานทั้งหมดในสถาบัน ย่อมไม่มีใครเทียบกับคนผู้นี้ได้ได้"

ก็มีผู้อาวุโสอีกคนพยักหน้าพลางพูดออกมาอย่างจริงจัง

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้

ผู้อาวุโสอื่น ๆ ก็พยักหน้าเบา ๆ

"ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น" ผู้อาวุโสเฉินในชุดสีเขียวกล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ ในเวลานี้

เขามองกู่หยางด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

"สัญชาตญาณบอกข้าว่า...อาจจะมีวันที่กู่หยางได้เผชิญหน้ากับหลัวเหยียนเทียน"

"พรสรรค์ของกู่หยาง อาจจะไม่ด้อยไปกว่าหลัวเหยียนเทียน"

ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสเฉิน ผู้อาวุโสที่อยู่รอบ ๆ ก็เผยสีหน้าประหลาดใจทันที

สัญชาตญาณอีกแล้วหรือ

แถมยัง...พรสรรค์อาจจะไม่ด้อยไปกว่าหลัวเหยียนเทียน

มุมมองเช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่เห็นด้วย

เพียงคิดว่าผู้อาวุโสเฉินรักคนมีความสามารถเกินไป จึงขยายจุดเด่นของกู่หยางมากไป จนลืมจุดด้อยไป

การบำเพ็ญของกู่หยาง เป็นเพียงขอบเขตห้วงสมุทรแก่นแท้ระดับ 13 ขั้นสูงสุด ยังไม่ได้ทะลวงขอบเขตแก่นสุญตา

แต่ในด้านการบำเพ็ญ เป็นการเสียเปรียบอย่างชัดเจน

หากจะไล่ตามหลัวเหยียนเทียน ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน

พวกเขาส่ายหน้า แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

บนลานประลอง

ทั้งสามและค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้น สีหน้าอัปลักษณ์ยิ่งนัก

โดยเฉพาะหลินฉู่เทียน สีหน้ายิ่งเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน

ในที่สุดเขาก็ถูกกู่หยางกระแทกบินไปถึงสองครั้ง

และสองครั้งนี้ ก็ทำลายความภาคภูมิใจในใจเขาโดยสิ้นเชิง

สัตว์ประหลาด!

กู่หยางผู้นี้...ช่างเป็นสัตว์ประหลาดเกินไป!

ทั้งยังเข้าใจสัจธรรมหมัดสำเร็จขั้นเล็กน้อย!

ช่างไม่น่าเชื่อเลย!

หลัวเฉิงคุนและหลัวหยูเฟยก็กัดฟันแน่น

มองกู่หยางด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอึดอัดและไม่ยอมรับ

"พวกเจ้าแพ้แล้ว ตามข้อตกลง คนละหนึ่งหมื่นแต้มความรู้ ส่งมา"

กู่หยางไม่สนใจว่าทั้งสามจะคิดอะไร

เขาพูดอย่างสงบนิ่ง

ดูเหมือนผู้อาวุโสชุดเขียวจะพูดถูก

ในลานฝ่ายนอก ค่อนข้างหาแต้มความรู้ได้ง่าย

เพียงแค่เข้ามา ก็ได้รับแต้มความรู้ 40,000 แต้ม

รวมกับแต้มความรู้ 30,000 ของตัวเอง

ก็มี 70,000 แต้มความรู้แล้ว

แต่แต้มความรู้...

ทั้งสามมองกันและกัน เห็นได้ชัดว่าไม่อยากจ่าย!

หนึ่งหมื่นแต้มความรู้สำหรับพวกเขา ถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยเลย

ยิ่งไปกว่านั้น หลินฉู่เทียนเมื่อก่อนหน้านี้ ก็แพ้จนได้มอบแต้มความรู้หนึ่งหมื่นให้กู่หยางแล้ว

ให้เขาจ่ายหนึ่งหมื่นแต้มความรู้อีก...

นั่นก็เหมือนกับการขูดเลือดขูดเนื้อจากตัวเขาไปชัด ๆ!

คิดมาถึงตรงนี้

หลินฉู่เทียนและอีกสองคนก็มองตากัน

ดูออกถึงความโกรธแค้นและยืนกรานในดวงตาของกันและกัน

ถัดมา

พวกเขาสามคนราวกับพร้อมใจกันตัดสินใจอะไรบางอย่าง

ขึ้นลานประลองอีกครั้ง

"พวกเรายังไม่แพ้!"

หลินฉู่เทียนตะโกนเสียงดัง

ต่อมาถึงกับหยิบโอสถเม็ดประหลาดออกจากแหวนเก็บของใส่ปากทันที

เห็นฉากนี้

อัจฉริยะฟ้าประทานโดยรอบพากันตาค้างถลึงตา

"นั่นคือ...โอสถทะลวงสุญตา!"

"หลินฉู่เทียนเขาหมายจะทะลวงขอบเขตแก่นสุญตาโดยตรงหรือ!"

"นี่ ทะลวงขอบเขตแก่นสุญตา หลินฉู่เทียนจะอยู่ในลานฝ่านอกไม่ได้อีกแล้ว!

"เดี๋ยวก่อน...องค์ชายแปดและองค์หญิงเก้าถึงกับ..."

ถึงเวลานั้น ก็มีเสียงตกตะลึงดังขึ้นติดต่อกัน

สายตาของทุกคนก็มองไปอีกฝั่ง

ที่นั่น องค์ชายแปดหลัวเฉิงคุน และองค์หญิงเก้าหลัวหยูเฟยถึงกับหยิบโอสถทะลวงสุญตาออกจากแหวนเก็บของเช่นกัน

พวกเขาถึงกับจะทะลวงขอบเขตกันตรงนี้เลย!

ฉากที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ทุกคนตาค้าง

"พวกเขา...จะทะลวงสู่ขอบเขตแก่นสุญตากันหมด!"

"เพื่อแต้มความรู้หนึ่งหมื่น ต้องสู้กันขนาดนี้เลยหรือ"

"ไม่ใช่แค่นั้น หากถูกกู่หยางบีบคั้น จะส่งผลต่อเส้นทางการบำเพ็ญของพวกเขา ดังนั้น... ต่อให้ต้องบังคับทะลวงสู่ขอบเขตแก่นสุญตา..."

"พวกเขาก็ต้องเอาชนะกู่หยางให้ได้"

"ถึงกับพัฒนาไปถึงขั้นนี้แล้วหรือ!"

เสียงพูดคุยดังขึ้นต่อเนื่อง

และฉากนี้ ก็ตกลงในสายตาของผู้อาวุโสขอบเขตผันแปรทั้งหลาย

"ถึงกับหมายจะบังคับทะลวงหรือ"

"ดูท่ากู่หยางสร้างแรงกดดันให้พวกเขามากเกินไปจริง ๆ"

"กู่หยางแสดงพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งเกินไป ถ้าไม่สามารถเอาชนะกู่หยางได้ กลัวว่าจะส่งผลต่อเส้นทางการบำเพ็ญของพวกเขาทั้งสาม"

"ดังนั้นจึงตั้งใจจะบังคับทะลวงขอบเขต อาศัยช่องว่างขอบเขตมาบีบคั้นกู่หยางหรือ"

"เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องน่าสนใจขึ้นมาแล้ว"

"ข้าอยากดูว่ากู่หยางจะรับมืออย่างไร"

ผู้อาวุโสทั้งหลายพูดคุยอยู่ครู่หนึ่ง สายตาก็กวาดมาที่กู่หยาง

ตอนนี้กู่หยางก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น

ในขณะที่ทั้งสามหลอมกินโอสถทะลวงสุญตา

บนท้องฟ้าก็เริ่มกลุ่มก้อนเป็นเมฆฝนสีดำทึบฟ้า

ในพริบตา

ท้องฟ้ากลายเป็นสีมืดมนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ท้องฟ้ายังถูกปกคลุมด้วยเมฆดำทึบหลายชั้น

กลิ่นอายน่ากลัวยังแผ่ซ่านออกมาจากนั้น

เห็นดังนี้ กู่หยางก็หมุนดวงตาไปมา

ทัณฑ์สายฟ้า

ว่าแล้วก็...

เขาเป็นคนได้สัมผัสด้วยตัวเอง

ว่าทัณฑ์สายฟ้าช่วยหลอมร่างได้จริง ๆ

แต่ไม่รู้ว่า...

กู่หยางกะพริบตา ในใจผุดความคิดกล้าหาญขึ้นมา

หลินฉู่เทียนทั้งสามแน่นอนว่าไม่ได้สนใจสายตาของกู่หยาง

พวกเขานั่งขัดสมาธิบนลานหินอย่างใจจดใจจ่อ

ขณะเดียวกัน ภายในร่างพวกเขา ยังมีแก่นก่อกำเนิดชีวิตหนึ่งก้อนกำลังก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ

อีกสักครู่พวกเขาก็จะฝ่าทัณฑ์สายฟ้า ควบแน่นแก่นก่อกำเนิดชีวิตแล้ว!

หากทะลวงขอบเขตแก่นสุญตา พวกเขาไม่เชื่อว่ากู่หยางจะยังสู้พวกเขาได้!

คิดไปถึงตรงนี้

ทั้งสามก็สูดหายใจลึก เตรียมตัวที่จะดึงแก่นก่อกำเนิดชีวิตที่เพิ่งก่อตัวเสร็จออกมา

รับการหล่อหลอมจากทัณฑ์สายฟ้า!

แต่ก็ในตอนนี้เอง

กู่หยางก็ลงมือ!

ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน

กู่หยาง...

ถึงกับกระโจนตัวขึ้นไป

ในพริบตาก็ปรากฏกายอยู่บนฟ้า

และก็เป็นเวลานี้พอดี

บนเมฆทัณฑ์สายฟ้าเหนือศีรษะของหลินฉู่เทียน ถึงกับปะทุฟ้าผ่าน่ากลัวออกมาอย่างยิ่งหนึ่งสาย

เสียงสายฟ้ามหึมาดังสนั่น

เดิมทีก็มุ่งมาที่หลินฉู่เทียน

แต่การปรากฏตัวของกู่หยาง...

ถึงกับขวางหน้าสายฟ้านั่นไว้ได้ทัน

หลังจากนั้น...

ตู้มมมม!

สายฟ้าหนาใหญ่น่ากลัวนั่น ถึงกับฟาดลงบนร่างของกู่หยางโดยตรง!

กู่หยางไม่ได้ต่อต้านเลย

ปล่อยให้ฟ้าผ่าปะทุระเบิดบนร่างกายของตนเอง!

ความรู้สึกซ่านชาวาบไหลผ่านทั่วทั้งร่าง

กู่หยางขมวดคิ้วเล็กน้อย

มีผล

แต่...ผลดูจะไม่มากนัก

คิดไตร่ตรองสักครู่ กู่หยางก็ยื่นมือทั้งสองออกไป

ถึงกับดึงสายฟ้าที่ปะทุออกมาจากเมฆทัณฑ์สายฟ้าอีกสองเส้นมารวมกัน

เขากางมือออก

ดึงฟ้าผ่าทัณฑ์สายฟ้าทั้งสามเส้นมาเข้าตัวทั้งหมด

และฉากนี้...

ก็ทำให้ทุกคนอ้าปากค้าง มองจนตาเหลือก