ตอนที่ 94

โจวชู เซเกือบจะล้มลง

ข้าพูดเบา ๆ แต่เจ้ายังได้ยิน

ถ้าเจ้าได้ยินข้า เจ้าไม่สามารถทำเป็นว่าเจ้าไม่ได้ทำได้?

ข้าอายแทนกับคำถามของเจ้า โอเคไหม

“ท่านเสนาบดี ท่านได้ยินผิดแล้ว! มันไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้พูด!” โจวชู ส่ายหัวของเขา

“อย่างนั้นเหรอ?” เสียงของ หยิน หวู่โหย่ว สงบในขณะที่เธอพูดอย่างไม่เป็นทางการว่า “ไห่ถัง ข้าได้ยินผิดไปหรือไม่?”

"ไม่!" ไห่ถังกล่าวด้วยความมั่นใจ “ข้าได้ยินด้วย เมื่อฝ่าบาทเข้ามา นี่คือสิ่งที่ผู้ดูแลโจวพูด!”

โจว ชู: “…”

“ผู้ดูแลโจว เจ้าดูถูกข้าหรือเปล่า” หยิน หวู่โหย่ว พูดอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าเป็นเพียงผู้รับผิดชอบแผนกหลอมอาวุธและไม่รู้เรื่องบทกวีหรือ?”

“ไม่ ไม่อย่างแน่นอน” แน่นอนว่า โจวชู ต้องปฏิเสธมัน “ข้าไม่เคยคิดแบบนั้น ท่านเสนาบดี ข้าเป็นแค่ช่างตีเหล็ก ข้าจำคำศัพท์ไม่ได้ด้วยซ้ำ ข้าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับบทกวี”

“อย่างนั้นเหรอ? เจ้าอยากจะบอกว่าเจ้าได้ยินจากผู้เล่าเรื่องคนนั้นอีกครั้งหรือไม่” หยิน หวู่โหย่ว กล่าว“ข้าจำได้ว่าเจ้าไม่ได้ให้บทกวีที่ข้าขอให้เจ้าเขียนครั้งที่แล้วใช่ไหม”

"ไม่!" ไห่ถังสะท้อน

โจวชู กลอกตาไปที่เธอ เราเป็นสหายที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน เจ้าช่วยข้าที่นี่ไม่ได้เหรอ

“ท่านเสนาบดี ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการแต่งบทกวีในความรับผิดชอบของโรงหลอมที่ 0” โจว ชู กล่าวพร้อมกับเตรียมตัวเอง “ท่านไม่สามารถใช้อำนาจในทางที่ผิดได้—”

“แล้วถ้าข้าจะทำล่ะ” หยิน หวู่โหย่ว กล่าวว่า “ข้าจะให้เจ้าเลือกสองทาง หนึ่งคือแต่งกลอนใหม่นี้ให้สมบูรณ์ และอีกคือแต่งกลอนสองบทก่อนหน้าให้สมบูรณ์”

โจว ชู: “…”

นี่เป็นทางเลือกหรือไม่?

ข้าไม่มีทางเลือก.

“ท่านเสนาบดี ถ้าข้าบอกว่าไม่ทำล่ะ? ท่านจะถอดข้าออกจากตำแหน่งผู้ดูแลโรงหลอมที่ 0 หรือไม่” โจว ชู ถาม

“มันไม่ถึงขนาดนั้น” หยิน หวู่โหย่ว กล่าว “เจ้าเป็นคนมีพรสวรรค์ ข้าจะไม่ไปถึงขนาดนั้น—”

“ดีมาก” โจว ชู พึมพำ

“อย่างไรก็ตาม ข้าไม่สามารถทำในสิ่งที่ท่านขอให้ทำในตอนนี้ได้เช่นกัน” หยิน หวู่โหย่ว ตอบ “ในฐานะเสนาบดีใหญ่ หน้าที่ของข้าไม่ได้รวมถึงการให้ข้อมูลแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า”

โจว ชู: “…”

ผู้หญิงและวายร้ายนั้นรับมือยากจริงๆ

ความไร้เหตุผลเป็นพรสวรรค์ของผู้หญิงจริงๆ

ช่างเป็นคนพาล

ข้า โจว ชู จะไม่ยอมแพ้เพื่อสิ่งนี้อย่างแน่นอน!

สิบห้านาทีต่อมา โจวชู ก็ออกจากที่พักขององค์หญิงอย่างกล้าหาญ

ในบ้านขององค์หญิง หยิน หวู่โหย่ว ถือกระดาษไว้ในมือด้วยท่าทางดูถูกเหยียดหยาม

“ตัวอักษรที่ห่วยแตก แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ยังเขียนได้ดีกว่าเขา!” หยิน หวู่โหย่ว บ่นพึมพำ อดทนต่อการดูถูก และอ่าน

“ฤดูใบไม้ผลิอยู่ เป็นฤดูกาลของดอกสาลี่ เหมือนผ้าไหมสีขาวที่ไร้ร่องรอย แต่มีกลิ่นหอมแผ่ซ่านไปทั่ว กลีบดอกจับตัวเป็นเกล็ดบนต้นไม้ราวกับเกล็ดหิมะ ค่ำคืนเงียบสงัด รุ่งเรืองดั่งแสงสว่าง อาบไล้ด้วยแสงจันทร์อันเยือกเย็น โลกจะสว่างไสวด้วยแสงสีเงิน”(อันนี้แปลจากENGมา อย่าหวังจังหวะพลองจองจากผมเลย ผมก็ไม่ค่อยเก่งเหมือนกัน อันนี้แปลตามความเข้าใจของผม)

ในขณะที่ หยิน หวู่โหย่ว ท่องเบา ๆ ดวงตาของเธอก็สว่างขึ้นเรื่อย ๆ แก้มของเธอแดงเล็กน้อยและรู้สึกร้อนเล็กน้อย

('Gushe Immortal'ผมไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีหาตำนานเกียวกับชื่อนี้ไม่เจออะไรเลยเลยเรียกว่านางสวรรค์ไปก่อนเจอแล้วจะมาแก้ให้)“นางสวรรค์ที่สง่างาม อยู่เหนือโลกีย์ไม่แปดเปื้อน ด้วยดอกไม้นับไม่ถ้วน ดอกไม้นี้สง่างามท่ามกลางดอกไม้อื่น ความสูงส่ง ความสง่างาม ความพิเศษไม่อาจรับรู้ เมื่อกลับมาที่ศาลาหยก นั้นจึงจะรู้ถึงเอกลักษณ์ของดอกไม้”(ตอนจะเลือกเรื่องนี้มาแปลไม่คึกว่าบทกวีจะเยอะขนาดนี้และอนาคตจะเยอกว่านี้อีก)

เมื่อ หยิน หวู่โหย่ว อ่านประโยคสุดท้ายจบ ใบหน้าสวยของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนลูกแอปเปิ้ล รูปลักษณ์ที่บอบบางและน่าหลงใหลของเธอทำให้ใคร ๆ ก็อยากจะกัดเธอ

ข้าดีขนาดนั้นเลยเหรอ? เธอคิด

นางสวรรค์คนนี้คือใคร?( 'Gushe Immortal')

หยิน หวู่โหย่ว งงงวยเล็กน้อย เธออ่านหนังสือมากมายตั้งแต่ยังเด็ก แต่เธอไม่เคยเห็นชื่อ นางสวรรค์คนนี้มาก่อน('Gushe Immortal') มาก่อนเลยจริงๆ

เธอไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับศาลาหยก นี้มาก่อนเช่นกัน แต่เธอสามารถเดาความหมายของมันได้อย่างคลุมเครือ

“ฝ่าบาท ผู้ดูแลโจวเขียนบทกวีนี้ถึงท่าน เขากล้าหาญจริงๆ!” ไห่ถังอุทาน

"หุบปาก!" หยิน หวู่โหย่ว พูด“วันนี้เจ้าไม่เห็นอะไรเลยเข้าใจไหม”

ไห่ถังกลอกตาแล้วพูด“ข้าเข้าใจแล้ว”

“ไปที่โรงหลอมที่ 0 ในวันพรุ่งนี้และส่งข้อมูลของช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญเหล่านั้นไปให้ ถามเขาด้วยว่า นางสวรรค์(Gushe Immortal)คนนี้เป็นใคร”

ไห่ถังอยากจะถามจริงๆ ว่าวันนี้ข้าไม่เห็นอะไรเลยเหรอ? ทำไมท่านถึงให้ข้าถามเกี่ยวกับ นางสวรรค์? (Gushe Immortal)

แน่นอนว่าเธอไม่กล้าถาม ถ้าเธอทำเช่นนั้นองค์หญิงจะโกรธมาก

ไห่ถังออกจากห้อง เมื่อเธอปิดประตู เธอเห็น หยิน หวู่โหย่ว พับกระดาษอย่างระมัดระวังและวางลงในหนังสือ ขณะที่เธอกำลังทำเช่นนี้ ใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่อ...

โจว ชูเดินกลับไปที่โรงหลอมที่ 0 เขาตบตัวเองสองสามครั้ง เขาไม่มีสมาธิกับการตีเหล็ก? ทำไมเขาต้องเสแสร้งเป็นคนมีการศึกษา...

เมื่อเขาก้าวเมื่อผ่านประตูโรงหลอมที่ 0 หัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน เขาหยุดและมองไปรอบๆ

ครู่ต่อมา เขาขมวดคิ้วและเข้าไปในประตู

หลังจากประตูโรงหลอมที่ 0 ปิดลง เสียงถอนหายใจแผ่วเบาก็ดังขึ้นจากต้นไม้ในระยะไกล

สิ่งที่คนผู้นี้ไม่รู้คือหลังประตูโรงหลอมที่ 0 มุมปากของโจว ชูยกยิ้มอย่างเย็นชา

เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น โจว ชูก็ตื่นแต่เช้าตามปกติ ก่อนอื่นเขาตรวจสอบความคืบหน้าในการฝึกฝนของ จาง อี้เป่ยและคนอื่น ๆ จากนั้นให้คำแนะนำแก่พวกเขาเกี่ยวกับวิธีการหลอมสร้าง ขณะที่เขากำลังจะกลับไปเริ่มการตีเหล็ก ไห่ถัง ก็มาถึง

เธอไม่ได้มาคนเดียว เธอพาคนสองคนจากแผนกหลอมอาวุธมาด้วย คนเหล่านี้กำลังแบกกล่องสี่เหลี่ยมขนาดสองฟุตสองสามกล่อง

ไห่ถังให้วางกล่องลงบนโต๊ะ จากนั้นโบกมือให้พวกเขารออยู่ข้างนอก ก่อนที่เธอจะพูดว่า “นี่คือของที่ท่านต้องการ องค์หญิงให้ข้านำมาส่ง”

“ทั้งหมดนี้เป็นความลับของแผนกหลอมอาวุธ ทรงมีรับสั่งเป็นพิเศษว่าอย่าให้บุคคลภายนอกเห็น ผู้ดูแลโจว หลังจากท่านอ่านจบ โปรดแจ้งให้ข้าทราบ ข้าจะนำพวกมันกลับ”

โจวชู พยักหน้า "ไม่ต้องกังวล จะไม่มีอะไรผิดพลาด”

นี่คือโรงหลอมของแผนกหลอมอาวุธ มันถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนา และคนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้

แม้ว่าจะมีใครบางคนแอบเข้าไปในโรงหลอมผ่านยามที่อยู่ด้านนอก พวกเขาคิดว่าคนคุ้มกันคนเหล่านี้อ่อนแอหรือไม่?

เว้นแต่ผู้เชี่ยวชาญระดับสามที่แอบเข้ามา ไม่ว่าใครจะมา พวกเขาจะถูกจับ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เจ้าไปได้แล้ว” โจวชู ต้องการดูข้อมูลของ จู ชวนเฟิง อย่างรวดเร็วและโบกมืออย่างหยาบคายไปที่ ไห่ถัง

เท้าของไห่ถังดูเหมือนจะมีรากงอกออกมา เธอไม่แม้แต่จะขยับ ทำให้มือของ โจวชู ที่เอื้อมไปหยุดที่กล่อง

“มีอะไรอีกไหม” โจว ชู อดไม่ได้ที่จะถาม

“ฝ่าบาทขอให้ข้าถามท่าน ใครคือ นางสวรรค์”(Gushe Immortal) ไห่ถังกล่าว

โจว ชู: “…”

เขาพูดไม่ออก เขาไม่เคยพูดไม่ออกในสองวันที่ผ่านมามากกว่าในหนึ่งปีที่ผ่านมา

เขาสมควรได้รับมัน ทำไมเขาถึงแสร้งทำเป็นเป็นคนมีการศึกษาโดยไม่มีเหตุผล? ปัญหาเลยมาหาถึงที่

“ฝ่าบาทตรัสว่าไม่เป็นไรหากเจ้าไม่พูดอะไร ฝ่าบาทจะไม่โกรธท่าน” ไห่ถัง กล่าวต่อ

โจว ซู กลอกตาไปมาในหัวของเขา เราต้องฟังสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผู้หญิงพูด ถ้าเธอบอกว่าเธอจะไม่โกรธ เธอก็จะทำอย่างแน่นอน

ท่านเป็นองค์หญิงแต่ยังแค้นลูกปลาอย่างข้า

นอกจากนี้ ไม่ว่ายังไงเจ้าก็เป็นเสนาบดีใหญ่ของแผนกหลอมอาวุธ เจ้าสนใจการตีเหล็กมากกว่านี้ไม่ได้หรือถ้าเจ้าไม่มีอะไรทำ ทำไมเจ้าเอาแต่ถามเกี่ยวกับบทกวีแทนที่จะทำงานของเจ้า?

โจว ชู่ ถอนหายใจ “มีผู้อมตะอาศัยอยู่บนภูเขาเดียวดาย ที่อยู่ห่างไกล เธอมีผิวหนังเหมือนน้ำแข็งหรือหิมะ อ่อนโยนและขี้อายเหมือนเด็กสาว พวกเขาไม่กินข้าว แต่กลับกินลม ดื่มน้ำค้าง ขี่เมฆและขี่มังกรบิน ท่องไปในมหาสมุทรทั้งสี่”(คำว่า Gu she ให้ที่สุดก็หาเจอ เหมือนเป็นชื่อภูเขาสักลูกในจีน พิมพ์ว่า Gushe Mountain

สามารไปหากันดูได้นะครับ ใครอ่านออกเสียงคำว่า Gushe ได้มาแนพนำหน่อยนะครับ ผมเลยแปลไปก่อนว่าภูเขาเดียวดาย)

“มีมีผู้อมตะอาศัยอยู่บนภูเขาเดียวดาย ที่อยู่ห่างไกล เธอมีผิวหนังเหมือนน้ำแข็งหรือหิมะ อ่อนโยนและขี้อายเหมือนเด็กสาว” หยิน หวู่โหย่ว พึมพำกับตัวเอง ใบหน้าสวยของเธอแดงขึ้นเรื่อยๆ เธอหันหน้าหนี กลัวว่าสาวใช้ของเธอจะเห็น

โจวชู คนน่ารังเกียจ!

อาชู—

โจวชู จามและลูบจมูก ใครด่าข้า!

วินาทีต่อมา เขาพลิกดูข้อมูลของ จู ชวนเฟิง

ในบรรดาข้อมูลที่ หยิน หวู่โหย่ว ส่งให้ ไห่ถัง มีหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับ จู ชวนเฟิง โดยรวมแล้วอาจมีหลายแสนคำ

สิ่งนี้ทำให้ โจวชู ตระหนักถึงอำนาจของราชสำนักอีกครั้ง

แม้ว่านี่จะเป็นโลกแห่งวิถียุทธ์ชั้นสูง แต่ราชสำนักก็ไม่ได้อ่อนแอเลย พวกเขามีอำนาจควบคุมช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ

ข้อมูลนี้บันทึกเกือบทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิตของ ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ รวมถึงอาวุธที่พวกเขาสร้างขึ้น สิ่งที่พวกเขาถนัด และจุดอ่อนของพวกเขาคืออะไร

หยิน หวู่โหย่ว เชื่อใจข้าจริงๆ

หากข้อมูลนี้รั่วไหลไปยังศัตรู ศัตรูก็จะสามารถจัดการกับ ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ ได้

ผลที่ตามมาจะประเมินไม่ได้

โจวชู พลิกดูข้อมูลของ จู ชวนเฟิง อย่างระมัดระวัง ไม่พลาดแม้แต่คำเดียว

ยิ่งมองก็ยิ่งตกใจ

แม้ว่าเขาเคยเห็น จู ชวนเฟิง มาหลายครั้ง แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่า จู ชวนเฟิง จะทรงพลังขนาดนี้!

เพื่อนคนนี้เติบโตมาพร้อมกับรัศมีตัวเอก

ก่อนที่เขาจะอายุยี่สิบปี เขาเป็นเพียงช่างตีเหล็กในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขาเทียบไม่ได้กับ ช่างตีเหล็กฝึกหัด เมื่อเขาอายุยี่สิบปี เขาบังเอิญช่วยชีวิตปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก จากนั้นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กก็รับเขาเป็นศิษย์

ตั้งแต่นั้นมา จู ชวนเฟิง ก็ดูเหมือนจะโกง

เช่นเดียวกับที่ หยางหง พูด เขาใช้เวลาห้าปีในการเป็น ปรมาจารย์ช่างตีเหล็ก ช่างตีเหล็กธรรมดาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยเจ็ดถึงแปดปีก่อนที่พวกเขาจะสามารถเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กได้

หากใช้เวลาห้าปียังไม่น่าตกใจพอ เขาใช้เวลาเพียงสามปีในการเป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กระดับสูง คนส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาสิบปี

หลังจากนั้น เขาใช้เวลาเพียงสิบปีในการก้าวข้ามธรณีประตูที่ปรมาจารย์ช่างตีเหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนไม่สามารถข้ามไปได้ตลอดชีวิตของพวกเขา และกลายเป็นช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ

ปีนั้นเขาอายุยังไม่ถึงสี่สิบด้วยซ้ำ!

เขาทำลายสถิติการเป็น ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญ ที่อายุน้อยที่สุด ช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญที่อายุน้อยที่สุดใน อาณาจักรต้าเซี่ย เป็นช่างตีเหล็กผู้เชียวชาญเมื่ออายุสี่สิบ

ไม่เพียงเท่านั้น ตามรายละเอียดแล้ว จู ชวนเฟิงได้สูญเสียทั้งพ่อและแม่ไป ตัวเขาเองไม่มีบุตรหรือภรรยา แม้แต่ข้อมูลจาก แผนกหลอมอาวุธ ก็บอกว่าเขาไม่มีจุดอ่อน!

ตามข้อมูลของจู ชวนเฟิง ไม่เพียงเป็นแค่อัจฉริยะเท่านั้น แต่เขายังเป็นคนที่สมบูรณ์แบบโดยแทบไม่มีข้อบกพร่อง!

ฝากติดตามเพจ "นักแปลลูกอ่อน" ด้วยนะครับ ผิดพลาดประการใดเม้นบอกกันได้นะครับ จะพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

ตอนนี้เรามีกลุ่มแล้วนะครับ ในกลุ่มลับลงขั้นต่ำวันละ5-7ตอนเว็บลงวันละ2