ตอนที่ 609 : โทรศัพท์จักรวาล! ปล้นผู้ลี้ภัย!

“ฝ่าบาท มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นขอรับ” เจิ้งหยวนฉีพูดอย่างจริงจัง

“มีอะไร?” โจวโจวอึ้ง

“วันนี้ไม่มีผู้ลี้ภัยใหม่มาที่อาณาจักรตะวันสาดแสงของพวกเราเลยขอรับ ไม่มีเลยสักคน” เจิ้งหยวนฉีจริงจัง

“สถานการณ์นี้ผิดปกติมาก พูดตามหลักการแล้ว แม้ว่าอิทธิพลของการปรับปรุงรูปลักษณ์จะลดลงไปบ้าง แต่มันก็น่าจะทำให้มีผู้ลี้ภัยมาที่อาณาจักรตะวันสาดแสงของพวกเราน้อยลงเท่านั้น ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่ไม่มีผู้ลี้ภัยเลย ข้าคิดว่ามันน่าจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ ขอรับ”

โจวโจวขมวดคิ้ว

“ผู้ลี้ภัยพวกนี้ไปยังเมืองอื่นของอาณาจักรตะวันสาดแสงรึเปล่า?” เขาคิดอยู่ชั่วขณะและพูดออกมา

หลังจากอาณาจักรตะวันสาดแสงได้พิชิตอาณาจักรทาฮัน อาณาจักรออโรร่า อาณาจักรไททัน และอาณาจักรรัตติกาลเห่าหอนได้แล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอาณาจักรตะวันสาดแสงก็ไม่ได้ทิ้งหลายๆ เมืองในอาณาจักรของพวกเขา แต่พวกเขาได้เลือกยึดครองและสร้างเมืองขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับชาวอาณาจักรตะวันสาดแสงที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

มันใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ลี้ภัยใหม่เหล่านี้จะเข้าร่วมกับเมืองอื่นๆ ของอาณาจักรตะวันสาดแสงระหว่างทางแทนที่จะเลือกมาที่เมืองหลวง

เพราะพวกเขาก็ยังได้รับผลจากพรสวรรค์แห่งลอร์ดรูปงามและพรสวรรค์แห่งลอร์ดอื่นๆ เหมือนเดิม

“ไม่ใช่ขอรับฝ่าบาท ข้าได้สั่งการไปยังเมืองอื่นๆ แล้วว่าถ้าพวกเขาได้รับผู้ลี้ภัยเข้ามา พวกเขาจะต้องแจ้งมาที่เมืองหลวงทันทีและรวบรวมผู้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นมาที่เมืองหลวงเพื่อที่พวกเราจะได้รวบรวมทรัพยากรเลี้ยงดูและฝึกฝนพวกเขาได้ และทำให้ศักยภาพของพวกเขาพัฒนาได้มากที่สุด ซึ่งข้าไม่ได้ข่าวใดๆ จากเมืองอื่นเลย ซึ่งก็หมายความว่าพวกเขาน่าจะไม่ได้รับผู้ลี้ภัยไปแน่ๆ”

ใช่แล้ว เมืองตะวันสาดแสงมีโทรศัพท์อยู่

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยเพราะทั้งยานภูตทมิฬและยานราตรีประดับดาวนั้นมีระบบการสื่อสารอยู่

โจวโจวเพียงแค่บอกให้เหวินหยาปรับแต่งระบบการสื่อสารให้กลายเป็นอุปกรณ์การสื่อสารส่วนบุคคลผ่านฟังก์ชั่นวิจัยของยานบิน ดังนั้นเขาจึงสามารถผลิตโทรศัพท์ออกมาได้ง่ายๆ

และตอนนี้ เจ้าหน้าที่ของอาณาจักรตะวันสาดแสงก็มีโทรศัพท์ใช้แล้ว

หลังจากสร้างโรงงานผลิตโทรศัพท์ขึ้นมาสักสองสามแห่งและเพิ่มจำนวนการผลิตขึ้น ชาวอาณาจักรตะวันสาดแสงทุกคนก็คงจะมีโทรศัพท์ใช้กัน!

นี่เป็นระดับที่แม้แต่เจ้าอุตสาหกรรมการทหารที่พัฒนาเทคโนโลยีของดาวเคราะห์สีน้ำเงินขึ้นสุดกำลังก็ยังไม่สามารถทำได้

“แล้วทหารที่รับผิดชอบในการคุ้มครองผู้ลี้ลัยระหว่างทางล่ะ พวกเขาพบเจอผู้ลี้ภัยบ้างไหม?” โจวโจวถามออกมาอีกครั้ง

“ไม่เลยสักคนขอรับ อย่างไรก็ตาม ข้าก็ได้บอกให้ผู้บัญชาการอู๋ตู่ส่งทหารออกไปตรวจสอบเรื่องนี้ในบริเวณรอบๆ แล้ว”

โจวโจวพยักหน้า

ตอนนี้เขาทำได้แค่รอข่าวเท่านั้น

จากนั้นเขาก็เรียกไป่อี้เข้ามา

“คาราวะฝ่าบาท” ไป่อี้กล่าวแสดงความเคารพ

“วันนี้ให้เจ้านำกองทัพไปจัดการกับภารกิจของจักรวรรดิอัศวินต่อ ข้ามีเรื่องอื่นต้องไปทำ”

โจวโจวกล่าว

จากนั้นเขาก็กำมือขวาเบาๆ และลูกบอลพลังงานโลหิตอันหนึ่งก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นมา และก่อตัวขึ้นเป็นอวตารค้างคาวโลหิตอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ส่งมันให้กับไป่อี้

“ข้าจะทิ้งอวตารค้างคาวโลหิตนี้ไว้กับเจ้า ข้าจะสามารถสังเกตสถานการณ์ทางฝั่งของเจ้าได้ผ่านอวตารค้างคาวโลหิตนี้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็ให้แจ้งข้าทันที”

โจวโจวกล่าว

เขามีพรสวรรค์แห่งลอร์ดกลับสู่เมืองและสามารถวาร์ปไปยังดินแดนต่างๆ ของเขาได้ มันจึงเป็นเรื่องสะดวกมากที่เขาจะใช้มันเพื่อสนับสนุน

สำหรับเขาในตอนนี้ ในฐานะกำลังรบที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรตะวันสาดแสง เขาย่อมสามารถต่อสู้ด้วยตัวเองได้และรับประกันความปลอดภัยของตัวเองได้

“เจ้าค่ะฝ่าบาท!” ไป่อี้กล่าวด้วยความเคารพ

ในเวลานั้นเอง ทหารคนหนึ่งก็บินเข้ามาจากท้องฟ้าไกลๆ เขาอุ้มสาวน้อยคนหนึ่งไว้บนแผ่นหลังและบินเข้ามาหาโจวโจวอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ร่อนลงมาบนพื้นและกล่าวด้วยความเคารพต่อโจวโจวว่า

“ฝ่าบาท ท่านอัครมหาเสนาบดี พวกเราได้ตรวจสอบเรื่องผู้ลี้ภัยของอาณาจักรตะวันสาดแสงแล้ว หลังจากที่พวกเราบินออกไปจากอาณาจักรตะวันสาดแสง พวกเราก็บินไปตามถนนเส้นหลักและตรวจสอบไปเรื่อยๆ จากนั้นพวกเราก็พบกับสาวน้อยคนนี้”

“ชื่อของเธอคือหยิงหนิง เมื่อพวกเราพบเธอ เธอก็กำลังซ่อนตัวอยู่ในตอไม้ ในเวลานั้น เสื้อผ้าของเธอนั้นขาดวิ่นและเต็มไปด้วยเลือด มันราวกับว่าเธอเพิ่งพบกับการต่อสู้มา”

“พวกเราได้รักษาและดูแลเธอก่อน จากนั้นพวกเราจึงได้รู้มาจากเธอว่าเธอและกลุ่มญาติพี่น้องของเธอนั้นต้องการเข้าร่วมกับอาณาจักรตะวันสาดแสงของพวกเรา แต่พวกเขาก็ถูกดักปล้นระหว่างทางโดยกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งสีฟ้า”

“ญาติพี่น้องของหยิงหนิงถูกจับไปหมด และแม่ของเธอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญสายอาชีพก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องเธอ และทำให้เธอหนีมาได้ จากนั้นพวกเราจึงได้พบกับเธอ”

“หยิงหนิงยังบาดเจ็บอยู่นิดหน่อย แต่พวกเราก็ได้ทำการรักษาเบื้องต้นแล้ว เธอถือว่าปลอดภัยแล้วและน่าจะหายดีในครึ่งเดือนขอรับ”

ทหารผู้นั้นกล่าว

สายตาของโจวโจวมองไปยังสาวน้อย

ในเวลานี้ สาวน้อยที่ชื่อว่าหยิงหนิงก็ได้เปลี่ยเสื้อผ้าใหม่แล้ว ทำให้เธอดูสะอาดสะอ้านขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของเธอก็ยังซีดเซียว และร่างกายของเธอก็สั่นเป็นบางครั้ง เธอน่าจะอยู่ในอาการตื่นตระหนกอยู่

เห็นได้ชัดว่าเธอยังคงกลัวมอนสเตอร์ที่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

โจวโจวโน้มตัวลงมาและลูบหัวของเธอ

เคล็ดวิชาโกลาหลฟื้นกาย เปิดใช้งาน!

พลังงานโกลาหลต้นกำเนิดบางๆ ได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากมือของเขาและพุ่งผ่านร่างกายของหยิงหนิง ซึ่งช่วยรักษาอาการบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอกของเธอ

ใบหน้าของหยิงหนิงที่เคยซีดเซียวได้ฟื้นกลับคืนสีสันอย่างรวดเร็วภายใต้การรักษาของเคล็ดวิชาโกลาหลฟื้นกาย และดวงตาของเธอก็ค่อยๆ ทอประกายขึ้นมา

โจวโจวไม่รู้เลยว่ามันเป็นเพราะระดับของพลังโกลาหลฟื้นกายของเขานั้นสูงเกินไป

ความกลัวในดวงตาของสาวน้อยลดลงกว่าครึ่งหลังจากถูกรักษา

“ขอบคุณมากค่ะพี่ชาย”

หยิงหนิงกล่าวด้วยความซาบซึ้ง

“ไม่เป็นไร”

“พี่ชายคือราชาของอาณาจักรตะวันสาดแสงงั้นเหรอ?”

แม้ว่าหยิงหนิงจะยังเด็ก แต่เธอก็ฉลาดมาก

เธอพอจะเดาได้แล้วว่าพี่ชายหน้าตาดีตรงหน้าของเธอคือราชาตะวันสาดแสงที่แม่ของเธอได้พูดถึงจากบทสนทนาของทุกคนเมื่อครู่

“ใช่แล้ว” โจวโจวพยักหน้าเบาๆ

“พี่ราชา โปรดช่วยแม่ของข้าด้วย! เมื่อแม่ของข้าบอกให้ข้าหนีมา แม่ก็ได้ตะโกนบอกให้ข้ามาที่อาณาจักรตะวันสาดแสงเพื่อมาหาฝ่าบาท แม่บอกว่าฝ่าบาทเป็นราชาแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ทรงพลังและมีเมตตามากๆ พี่จะต้องช่วยครอบครัวของหยิงหนิงได้แน่ๆ ใช่ไหม?”

ดวงตาของหยิงหนิงเต็มไปด้วยน้ำตา

โจวโจวมองไปยังหยิงหนิงที่กำลังร้องไห้และสีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นมา

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยครอบครัวของเจ้าให้ได้เลย” โจวโจวพูดออกมาอย่างจริงจัง

แม้ว่าคนเหล่านี้จะยังไม่ได้เป็นชาวเมืองของอาณาจักรตะวันสาดแสง แต่พวกเขาก็ตั้งใจจะมาเข้าร่วมกับอาณาจักรของเขาแล้ว

ในฐานะราชาแห่งอาณาจักรตะวันสาดแสง การลักพาตัวชาวเมืองของเขาไปย่อมเป็นการยั่วยุเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!

เขาจะทำให้ศัตรูต้องชดใช้นับร้อยนับพันเท่า!

“ขอบคุณมากค่ะพี่ราชา!”

หยิงหนิงกอดแขนโจวโจวทันทีและตะโกนออกมาเสียงดัง

โจวโจวไม่ได้พูดอะไรออกมาและลูบหลังของหยิงหนิงเบาๆ เท่านั้น

คนอื่นๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา อย่างไรก็ตาม สีหน้าของพวกเขาก็หนักอึ้งเล็กน้อย

เด็กคนนี้ไม่ร้องไห้ออกมาเลยตลอดทาง เธอกล้าร้องออกมาเมื่อเธอเห็นฝ่าบาทตกลงช่วยครอบครัวของเธอเท่านั้น

มันจะเห็นได้เลยว่าเธอรู้สึกกดดันแค่ไหน

โจวโจวเม้มปากเมื่อเขาเห็นหยิงหนิงร้องไห้

ถ้ามันเป็นดาวเคราะห์สีน้ำเงิน… เด็กคนนี้น่าจะยังอยู่มัธยมต้นอยู่และกำลังเล่นกับเด็กๆ ในรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างมีความสุขใช่ไหม?

“อาณาจักรอสูรเหมันต์…”

โจวโจวพึมพำกับตัวเอง

เสียงของเขาเย็นชาขึ้นเล็กน้อย

หลังจากได้ยินรายละเอียดจากทหาร เขาก็คิดถึงเผ่าพันธุ์อสูรเหมันต์ในอาณาจักรอสูรเหมันต์ทันที

มีแค่พวกมันเท่านั้นที่ตรงตามลักษณะที่หยิงหนิงอธิบายเอาไว้