"ระเบิดพวกมันซะ!"
หลิน ยู สั่งราชาปิศาจเห็ดที่อยู่บนท้องฟ้า
ราชาปิศาจเห็ดดูเหมือนเข้าใจ รีบหันกลับมาทันที บินขึ้นไปเหนือกองทัพอันเดด ขว้างเห็ดระเบิดจำนวนหนึ่งลงไปยังด้านล่าง
"ตูม ตูม ตูมม!!!"
เกิดเสียงระเบิดขนาดใหญ่ข้างในหูของเขา
หลิน ยู ถึงกับตกตะลึงพบว่าเหล่านักบวชผีดิบเหล่านั้นยังไม่ตาย
ในทางกลับกัน พวกมันได้รับการคุ้มกันจากทหารโครงกระดูกที่พวกมันอัญเชิญออกมา ร่างของโครงกระดูกเหล่านั้นแตกกระจายไปทั่วพื้น
"สังหารมันซะ!"
หลิน ยู สั่งการพรางขมวดคิ้ว
ยิ่งระดับของมอนสเตอร์สูงเท่าไหร่ สติปัญญาของมันก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
มันรู้จักใช้กองทัพโครงกระดูกเพื่อป้องการโจมตีจากเห็ดระเบิด
มันไม่ง่ายที่จะให้ราชาปิศาจเห็ดโจมตีลงไปอีกครั้ง หากพวกมันสามารถป้องกันได้ครั้งหนึ่ง ครั้งต่อไปก็คงไม่ง่ายแล้ว
"ชิง กัง"
เขาตะโกนออกมาโดยไม่ลังเล
เมื่อชิง กัง ได้รับคำสั่งมันก็คำรามขึ้นบนท้องฟ้าอย่างดุร้าย
ทันใดนั้น ออร่าสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนทหารพืชทั้งหมด ในที่สุดค่าสถานะของพวกมันก็เหนือกว่าเหล่านักบวชผีดิบ
เหล่าภูติไม้โบราณได้รับสัญญาณเช่นกัน พวกมันทั้งหมดเริ่มใช้เหยียบย่ำพสุธา กระแทกเข้าไปยังฝูงมอนสเตอร์
ภูติไม้ธรรมชาติโบราณนั้นได้เรียกพรายไม้ออกมาเป็นจำนวนมากพวกมันเขาปะทะกับกองทัพโครงกระดูกที่ถูกอัญเชิญโดยนักบวชผีดิบทันที
หวือ!
หวือ!
หวือ!
ภายใต้การนำของชิง ถัง กองทัพแบนชีก็เข้าโจมตีด้วยเช่นกัน
คลื่นเถาวัลย์ยักษ์ได้เข้าปกคลุมพื้นดินทั้งหมดมุดลงไปในดินพุ่งออกมาจากด้านล่างของนักบวชผีดิบ รัดพวกมันเอาไว้
เมื่อรวมกับการระดมยิงของเป่า ปิง และการสนับสนุนจากเห็ดระเบิดที่อยู่บนอากาศ ในที่สุดเขาก็สร้างช่องว่างได้สำเร็จ
อาศัยจังหวะนี้
ราชสีห์เงามรณะสามตัวเปิดใช้งานสกิลเงาเร้นลับทันที กลายเป็นภาพติดต่อไปยังด้านหลังของนักบวชผีดิบ
"ฟุ่ด!"
ลำแสงใบมีดสีขาวมันมีลักษณะโค้งคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ตัดคอของนักบวชผีดิบหลายตัวอย่าง่ายด้าน ทำให้ศรีษะของมันแยกออกจากตัวทันที
สังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ใช่แล้ว
เพื่อจัดกับมอนสเตอร์ประเภทจอมเวทย์ เขาต้องมีมือสังหารเพื่อจัดการพวกมัน
เมื่อเห็นว่านักบวชผีดิบหลายคนเริ่มหันกลับไป โจมตีราชสีห์เงามรณะทั้งสาม หลิน ยู ก็ใช้พลังแห่งกฏใช้สกิลโล่กระจกของเต่าหนามเร้นลับตรงหน้าพวกมันทันที
"เพล้ง"
เสียงแตกหักดังขึ้น
กำแพงกระจกของเต่าหนามเร้นลับแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ถูกฝนกรดทำลายเป็นเสี่ยงๆ
มันยังคงมีช่องว่างระหว่างพลังแห่งกฏระดับ 7 และระดับ 8 แม้ว่าจะได้รับบัพจากชิ้นส่วนเทวะสองชิ้นและบัพจากดินแดน มันก็ป้องกันได้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากการหยุดชะงักของการโจมตีเพียงชั่วคราวนั้น มันก็ได้สร้างโอกาสให้ราชสีห์เงามรณะทั้งสาม หลบหนีออกจากฝูงมอนสเตอร์กลับไปยังกองทัพพืช
และในตอนนั้นเอง
ผลของเสียงคำรามแหละโทสะก็หมดลง
ความแข็งแกร่งของกองทัพลดลงกลับมาสู่ระดับเดิมอีกครั้ง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม กระโจมตีนี้ก็ทำให้พวกเขาสังหารพวกมันไปได้มากมาย ซึ่งดีกับ หลิน ยู เป็นอย่างมาก กองทัพดอกไม้มรณะระดับ 8 ได้กำเนิดขึ้นมา
"!^%!@^&&!@&"
ราวกับรู้ว่าพวกเขานั้นกำลังอ่อนแอ
ในเวลานั้นนักบวชผีดิบที่เหลืออยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยกไม้เท้าขึ้นสูงร่ายคาถาที่ซับซ้อนขึ้นมาหลายชุด
ผ่านไปซักพัก
เหล่านักบวชผีดิบที่เพิ่งถูกสังหารไปก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งกลายเป็นทหารโครงกระดูก
เมื่อรวมกับพื้นที่เปิดโล่งข้างๆ พื้นดินเริ่มแยกออก โครงกระดูกระดับ 8 ก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมาทีละตัว
ในชั่วพริบตาเดียว พวกมันก็ได้เติมเต็มกองกำลังที่พึ่งถูกสังหารไป
[ชื่อ : นักรบโครงกระดูก]
[เผ่าพันธุ์ : อันเดด]
[ระดับ : ระดับ 8 (ระดับ A)]
[ความแข็งแกร่ง : 1600 (+1120)]
[ร่างกาย : 1600 (+1120)]
[ความว่องไว : 1600 (+1120)]
[วิญญาณ : 1600 (+1120)]
[สกิล : ฟาดฟัน , กัด , กระโดด]
[พลังความโกหาหล : ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 70%]
[หมายเหตุ : โครงกระดูกที่สามารถพบได้ทั่วไปในโลกอันเดด มีการพลังการต่อสู้ที่ต่ำ แต่พวกมันมีเป็นจำนวนมาก]
เช่นเดียวกับที่แนะนำ
ค่าสถานะของเหล่านักรบโครงกระดูกที่เรียกออกมานั้นไม่ได้สูงมากแถมสกิลของมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก แต่ที่ทำให้ หลิน ยู ปวดหัวนั้นก็คือจำนวนของมัน
สิ่งที่สำคัญคือจำนวนโครงกระดูกที่ถูกอัญเชิญออกมา
หลังจากที่มันตายไปแล้ว มันไม่สามารถเกิดใหม่ขึ้นมาเป็นดอกไม้มรณะได้
แน่นอนว่าเผ่าอันเดดจัดการได้ยากเพราะพวกมันสามารถเกิดขึ้นใหม่ได้อย่างไม่รู้จบ
หลิน ยู ไม่มีทางเลือกน้องจากให้ทหารพืชของเขาโจมตีต่อไปค่อยสะสมเลือดเพื่อให้ใช้งานสกิลกระหายเลือดของแบนชีแห่งความบ้าคลั่ง
แม้ว่าเลือดซากศพของซอมบี้จะไม่ดีเท่ากับเลือดสดๆแต่มันก็ยังสามารถใช้เพิ่มความแข็งแกร่งได้ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
นั้นคือเรื่องราวทั้งหมด
ภายใต้ การโจมตีแบบพลีชีพของกองทัพดอกไม้มรณะ ใช้เวลาเพียง 20 นาที ก็สามารถกำจัดเหล่านักบวชผิดิบและนักรบโครงกระดูกที่อยู่ด้านนอกได้ในที่สุด
ทางด้านหลิน ยู เขาสูญเสียทหารขยายพันธุ์ร่างแยกไปหลายร้อยตัวเลยทีเดียว
สุดท้ายแล้ว เพราะกองกำลังเหล่านั้นเป็นเพียงร่างที่แยกตัวออกมามันไม่ได้รับบัพจากมอสชีวภาพ
ทำให้ค่าสถานะของมันต่ำอย่างมาก
แต่ในทางตรงกันข้ามเหล่าร่างหลักที่ได้รับบัพจากมอสชีวภาพนั้นล้วนปลอดภัยดี
ต้องขอบคุณเกราะป้องกันธรรมชาติและปราการรักษา ที่คอยสนับสนุนกองกำลังของพวกเขาทำให้ยังคงรักษาความแข็งแกร่งอยู่ได้
"ไปดูดกลืนสกิลพวกนั้นกัน"
หลังจากตรวจสอบสถานการณ์ของกองกำลังแล้ว หลิน ยู ก็สั่งให้ดอกไม้แห่งการกลืนกินทั้ง 8 ตัวที่อยู่รอบๆเขากลืนกินซากศพของนักบวชผีดิบ
หลังจากกลืนกินไปได้ซักพักหนึ่ง หัวเขาต้องก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนการกลืนกินสำเร็จ
[กลืนกินสำเร็จ ได้รับสกิล "อาณาจักรแห่งความตาย"]
[กลืนกินสำเร็จ ได้รับสกิล "อาณาจักรแห่งความตาย"]
[กลืนกินสำเร็จ ได้รับสกิล "อาณาจักรแห่งความตาย"]
.....
เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเจ็ดครั้งติดต่อกัน ซึ่งทั้งหมดมาจากการที่คัดลอกสกิลอาณาจักรแห่งความตาย
และสิ่งที่หลิน ยู คิดไม่ถึงก็คือ
เมื่อมาถึงเสียงที่แปด มันก็เปลี่ยนไป
[กลืนกินสำเร็จ ได้รับสกิล "ฝนพิษซากศพ" เนื่องจากประเภทของผู้ใช้เปลี่ยนไป สกิลจึงเปลี่ยนเป็น "ฝนกรดมรณะ"]
[ฝนกรดมรณะ (ใช้งาน) : สร้างเมฆสีดำขนาดใหญ่ขึ้นบนท้องฟ้าปล่อยฝนกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนอย่างรุนแรง ลดพลังป้องกันของศัตรูลง 10% เป็นเวลา 10 วินาที คลูดาว 60 วินาที]
นี้มัน!
เขากลืนกินได้สกิลนี้มางั้นหรอ?
มันเป็นสกิลโจมตีหมู่ขนาดใหญ่เลยนะนั้น!?
ด้วยความประหลาดใจ
ดวงตาของ หลิน ยู สว่างขึ้น
เขาได้เห็นพลังของฝนพิษซากศพด้วยตาของตัวเองแล้ว แม้แต่กองทัพภูติไม้โบราณที่ได้รับบัพจากวัตถุศักดิ์สิทธิ์กองทัพก็ได้ยังรับบาดเจ็บจากมัน ดังนั้นไม่ว่าใครจะก็คงจะจินตนาการได้ว่ามันทรงพลังขนาดไหนกัน
สิ่งสำคัญคือมันสกิลสกิลโจมตีหมู่ต่อเนื่อง
นอกจะมีความสามารถลดพลังป้องกันอีกด้วย
ไม่น่าแปลกใจที่การป้องกันของภูติไม้โบราณจะถูกทำลายอย่างง่ายดายในตอนนั้น มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แผนการกลืนกินสกิลของเขาจึงเปลี่ยนไป
จากดอกไม้แห่งการกลืนกินทั้งสิบ มี 5 ตัวได้คัดลอกสกิลอาณาจักแห่งความตายส่วนที่เหลือคัดลอก ฝนกรดอมตะ เพื่อให้กองกำลังของเขาสามารถเจาะแถวหน้าได้มากขึ้น
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลิน ยู ก็สั่งให้ดอกไม้แห่งการกลืนกิน กลืนกินซากศพของเหล่านักบวชผีดิบต่อไป
หลังจากที่นักบวชผีดิบถูกกลืนกินเข้าไปจนหมด มันก็มีเพียงตัวเดียวได้คัดลอกสกิล ฝนพิษซากศพ ได้สำเร็จ
รวมกับอีกหนึ่งตัวก่อนหน้านี้ก็เป็นสองตัว
"สกิลนี้บ้านี้ โอกาสคัดลอกต่ำเป็นบ้า"
หลิน ยู พูดกับตัวเอง พรางขมวดคิ้ว
ดูเหมือนเราต้องหากลุ่มนักบวชผีดิบอีกกลุ่มเพื่อกลืนกิน
เขาไม่ทางเลือกอื่นต้องจากต้องเดินหน้าต่อไปพร้อมกองทัพพืชเข้าใกล้รั่วเหล็กของโบสถ์
เขานั้นไม่รู้ว่าโบสถ์นี้ถูกทิ้งร้างมานานแค่ไหนแล้ว รั่วเหล็กฝั่งหนึ่งถูกกัดกร่อนกลายเป็นสีดำ บางแห่งถูกทะลวงกลายเป็นรูขนาดใหญ่ ดูทรุดโทรมมาก
หลิน ยู เอื้อมมือไปแตะที่รั้ว มันเกิดเสียง "เกร้ง" มันก็ได้พังทลายลง ซึ่งเปราะบางกว่าที่คิด
เขาคิดว่าสิ่งนี้ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีอย่างแน่นอนหรืออาจจะนานกว่านั้น
เมื่อมองผ่านรั้วเข้าไปยังด้านใน มันมีบาทหลวงผีดิบและนักบวชผีดิบอยู่อีกเกือบ 600-700 ตัวอยู่ในสวน
ลานทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยออร่าแห่งความตาย มันยากที่มองเข้าไปในโบสถ์ได้อย่างชัดเจน
หลิน ยู มองเห็นร่างขนาดยักษ์สองร่าง พวกมันสูงกว่า 10 เมตรเฝ้าอยู่หน้าประตูโบสถ์
ทุกครั้งที่พวกก้าว จะทิ้งร้องเท้าเน่าเปื่อยเอาไว้ ทำให้พื้นทั้งหมดสั่นสะเทือน
มันเป็นมอนสเตอร์บอสงั้นเหรอ?
ดวงตาของหลิน ยู สว่างขึ้น
สถานที่นี้อันตรายมากจริงๆ มันมีมอนสเตอร์อันเดดเป็นจนำวนมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีมอนสเตอร์บอสเพียงแค่ไม่กี่ตัว
เพราะแม้แต่มอนสเตอร์ที่เฝ้าประตูก็ยังเป็นระดับบอส เขาเกรงว่าต้องมีสมบัติบางอย่างอยู่ภายในโบสถ์อย่างแน่นอน
เขาไม่ลังเลอีกต่อไปนำกองทัพพืชเลาะไปยังรอบนอกของรั้วเหล็กในทันที
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็พบกับหลุมขนาดใหญ่ที่ถูกกัดเซาะ ซึ่งกองทัพพืชของเขาสามารถเดินผ่านไปได้
อย่างไรก็ตามเขานั้นไม่ได้รีบร้อนเดินเข้าไปยังลานกว้าง
แต่การเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณ เหล่าแบนชีที่อยู่ในกองกำลัง
พวกมันส่งเถาวัลย์ขนาดยักษ์เลื้อยผ่านรั้วเข้าไปในพื้นดินกระจายไปยังลานกว้าง
"โกร๋ววว"
ในตอนนั้นเอง นักบวชผีดิบที่อยู่ใกล้รั้วก็พบพวกเขาด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงคำรามไปยังสหายของพวกมันทันที
"ไป!"
แน่นอนว่า หลิน ยู ไม่เปิดโอกาสให้กับส่งสัญญาณไป
ด้วยเสียงออกคำสั่งที่แผ่วเบา เถาวัลย์ที่อยู่ใต้ดินก็พุ่งขึ้นมา รัดร่างของนักบวชผีดิบเอาไว้และลากมันออกมา
ไม่ว่ามันจะพยายามดิ้นรนเพียงใด มันก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการของเถาวัลย์ยักษ์ได้
ทันทีที่มันถูกลออกมาจากรั้ว พวกมันก็ถูกกองทัพพืชโจมตีและสังหารไปในทันที
[สังหารมอนสเตอร์ระดับแปด ได้พลังเวทย์ 1000 แต้ม]
[สังหารมอนสเตอร์ระดับแปด ได้พลังเวทย์ 1012 แต้ม]
.....
การสังหารมอนสเตอร์ระดับ 8 จะได้รับพลังเวทย์ประมาณ 1000 แต้มปริมาณของมันจะผันแปรไปตามความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์
เมื่อนับจำนวนกองทัพอันเดดถูกสังหารด้านนอก หลิน ยู นั้นได้รับพลังเวทย์มามากกว่า 300000 แต้มแล้ว
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือค่าประสบการณ์ของทหารของเขา
ภายใต้บัพจากปราชญ์แห่งพงไพร ทหารระดับ 7 ส่วนใหญ่จุดได้ทยอยเก็บค่าประสบการณ์จนเต็ม
นอกจากเป่าปิงที่เพิ่งอัพเกรดเป็นระดับ 8 ทหารราชวงศ์ตัวอื่นๆยังสะสมค่าประสบการณ์ได้อีกเกือบ 3000 แต้ม
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการสังหารมอนสเตอร์ระดับ 8 อย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ทำให้มันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ค่าสถานะเฉลี่ยของทหารพืชราชวงศ์ที่มีค่าประสบการณ์มากกว่าครึ่งนั้นพวกมันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
จากเดิมที่มี 2000 แต้ม ก็กลายเป็น 2023 แต้มแข็งแกร่งขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง
ต้องรู้ก่อนว่า
แม้ว่าทหารหายากเหล่านั้นจะมีค่าประสบการณ์เต็มแล้ว ก็ยังมีค่าสถานะเฉลี่ยอยู่เพียงระดับนี้เท่านั้น
ไม่ต้องพูดถึงทหารพืชราชวงศ์ที่มีสกิลที่ทรงพลังและค่าสถานะที่แข็งแกร่งโดยกำเนิด
เหล่าทหารหายากเทียบกับมันไม่ได้แม้แต่น้อย
สิ่งที่ทำให้ หลิน ยู กังวลก็คือทรัพยากรที่ใช้ในการอัพเกรดทหารพืชราชวงศ์
หากเป็นไปตามที่ จี้ หยุนซวง บอกก่อนหน้านี้ ทุกครั้งหลังจากระดับ 7 ทรัพยากรที่ใช้ในการอัพเกรดจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เขาไม่ได้มีทรัพยากรมากมายที่จะได้อัพเกรดทหารได้ขนาดนั้น
ตอนนี้อาจจะยังไม่เป็นไร
แต่หลักจากที่เขาก้าวสู่ระดับ 9 ละ?
ในเวลานั้น เขาสามารถอัญเชิญทหารระดับ 9 โดยตรง แต่ส่วนทหารราชวงศ์จำนวนเป็นต้องรวบรวมทรัพยากรเพื่ออัพเกรด
เขาได้แต่หวังว่ามันจะต้องใช้ทรัพยากรมากเกินไปในตอนนั้น
เขาสามารถรับได้หากใช้พลังเวทย์เพียงสิบเท่าหรือยี่สิบเท่า แต่สำหรับแก่นดินแดนนั้นมันเป็นของหายาก
สุดท้ายแล้ว ราชันระดับสูงไม่ใช่เรื่องายที่จะสังหารพวกเขา มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะได้รับแก่นแท้ดินแดนมา
ดูเหมือนว่าเราต้องวางแผนเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved