ตอนที่ 287 ฝนกรดมรณะ

"ระเบิดพวกมันซะ!"

หลิน ยู สั่งราชาปิศาจเห็ดที่อยู่บนท้องฟ้า

ราชาปิศาจเห็ดดูเหมือนเข้าใจ รีบหันกลับมาทันที บินขึ้นไปเหนือกองทัพอันเดด ขว้างเห็ดระเบิดจำนวนหนึ่งลงไปยังด้านล่าง

"ตูม ตูม ตูมม!!!"

เกิดเสียงระเบิดขนาดใหญ่ข้างในหูของเขา

หลิน ยู ถึงกับตกตะลึงพบว่าเหล่านักบวชผีดิบเหล่านั้นยังไม่ตาย

ในทางกลับกัน พวกมันได้รับการคุ้มกันจากทหารโครงกระดูกที่พวกมันอัญเชิญออกมา ร่างของโครงกระดูกเหล่านั้นแตกกระจายไปทั่วพื้น

"สังหารมันซะ!"

หลิน ยู สั่งการพรางขมวดคิ้ว

ยิ่งระดับของมอนสเตอร์สูงเท่าไหร่ สติปัญญาของมันก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

มันรู้จักใช้กองทัพโครงกระดูกเพื่อป้องการโจมตีจากเห็ดระเบิด

มันไม่ง่ายที่จะให้ราชาปิศาจเห็ดโจมตีลงไปอีกครั้ง หากพวกมันสามารถป้องกันได้ครั้งหนึ่ง ครั้งต่อไปก็คงไม่ง่ายแล้ว

"ชิง กัง"

เขาตะโกนออกมาโดยไม่ลังเล

เมื่อชิง กัง ได้รับคำสั่งมันก็คำรามขึ้นบนท้องฟ้าอย่างดุร้าย

ทันใดนั้น ออร่าสีแดงก็ปรากฏขึ้นบนทหารพืชทั้งหมด ในที่สุดค่าสถานะของพวกมันก็เหนือกว่าเหล่านักบวชผีดิบ

เหล่าภูติไม้โบราณได้รับสัญญาณเช่นกัน พวกมันทั้งหมดเริ่มใช้เหยียบย่ำพสุธา กระแทกเข้าไปยังฝูงมอนสเตอร์

ภูติไม้ธรรมชาติโบราณนั้นได้เรียกพรายไม้ออกมาเป็นจำนวนมากพวกมันเขาปะทะกับกองทัพโครงกระดูกที่ถูกอัญเชิญโดยนักบวชผีดิบทันที

หวือ!

หวือ!

หวือ!

ภายใต้การนำของชิง ถัง กองทัพแบนชีก็เข้าโจมตีด้วยเช่นกัน

คลื่นเถาวัลย์ยักษ์ได้เข้าปกคลุมพื้นดินทั้งหมดมุดลงไปในดินพุ่งออกมาจากด้านล่างของนักบวชผีดิบ รัดพวกมันเอาไว้

เมื่อรวมกับการระดมยิงของเป่า ปิง และการสนับสนุนจากเห็ดระเบิดที่อยู่บนอากาศ ในที่สุดเขาก็สร้างช่องว่างได้สำเร็จ

อาศัยจังหวะนี้

ราชสีห์เงามรณะสามตัวเปิดใช้งานสกิลเงาเร้นลับทันที กลายเป็นภาพติดต่อไปยังด้านหลังของนักบวชผีดิบ

"ฟุ่ด!"

ลำแสงใบมีดสีขาวมันมีลักษณะโค้งคล้ายพระจันทร์เสี้ยว ตัดคอของนักบวชผีดิบหลายตัวอย่าง่ายด้าน ทำให้ศรีษะของมันแยกออกจากตัวทันที

สังหารด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ใช่แล้ว

เพื่อจัดกับมอนสเตอร์ประเภทจอมเวทย์ เขาต้องมีมือสังหารเพื่อจัดการพวกมัน

เมื่อเห็นว่านักบวชผีดิบหลายคนเริ่มหันกลับไป โจมตีราชสีห์เงามรณะทั้งสาม หลิน ยู ก็ใช้พลังแห่งกฏใช้สกิลโล่กระจกของเต่าหนามเร้นลับตรงหน้าพวกมันทันที

"เพล้ง"

เสียงแตกหักดังขึ้น

กำแพงกระจกของเต่าหนามเร้นลับแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ถูกฝนกรดทำลายเป็นเสี่ยงๆ

มันยังคงมีช่องว่างระหว่างพลังแห่งกฏระดับ 7 และระดับ 8 แม้ว่าจะได้รับบัพจากชิ้นส่วนเทวะสองชิ้นและบัพจากดินแดน มันก็ป้องกันได้เพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม จากการหยุดชะงักของการโจมตีเพียงชั่วคราวนั้น มันก็ได้สร้างโอกาสให้ราชสีห์เงามรณะทั้งสาม หลบหนีออกจากฝูงมอนสเตอร์กลับไปยังกองทัพพืช

และในตอนนั้นเอง

ผลของเสียงคำรามแหละโทสะก็หมดลง

ความแข็งแกร่งของกองทัพลดลงกลับมาสู่ระดับเดิมอีกครั้ง

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม กระโจมตีนี้ก็ทำให้พวกเขาสังหารพวกมันไปได้มากมาย ซึ่งดีกับ หลิน ยู เป็นอย่างมาก กองทัพดอกไม้มรณะระดับ 8 ได้กำเนิดขึ้นมา

"!^%!@^&&!@&"

ราวกับรู้ว่าพวกเขานั้นกำลังอ่อนแอ

ในเวลานั้นนักบวชผีดิบที่เหลืออยู่ฝั่งตรงข้ามก็ยกไม้เท้าขึ้นสูงร่ายคาถาที่ซับซ้อนขึ้นมาหลายชุด

ผ่านไปซักพัก

เหล่านักบวชผีดิบที่เพิ่งถูกสังหารไปก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งกลายเป็นทหารโครงกระดูก

เมื่อรวมกับพื้นที่เปิดโล่งข้างๆ พื้นดินเริ่มแยกออก โครงกระดูกระดับ 8 ก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมาทีละตัว

ในชั่วพริบตาเดียว พวกมันก็ได้เติมเต็มกองกำลังที่พึ่งถูกสังหารไป

[ชื่อ : นักรบโครงกระดูก]

[เผ่าพันธุ์ : อันเดด]

[ระดับ : ระดับ 8 (ระดับ A)]

[ความแข็งแกร่ง : 1600 (+1120)]

[ร่างกาย : 1600 (+1120)]

[ความว่องไว : 1600 (+1120)]

[วิญญาณ : 1600 (+1120)]

[สกิล : ฟาดฟัน , กัด , กระโดด]

[พลังความโกหาหล : ค่าสถานะทั้งหมดเพิ่มขึ้น 70%]

[หมายเหตุ : โครงกระดูกที่สามารถพบได้ทั่วไปในโลกอันเดด มีการพลังการต่อสู้ที่ต่ำ แต่พวกมันมีเป็นจำนวนมาก]

เช่นเดียวกับที่แนะนำ

ค่าสถานะของเหล่านักรบโครงกระดูกที่เรียกออกมานั้นไม่ได้สูงมากแถมสกิลของมันก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก แต่ที่ทำให้ หลิน ยู ปวดหัวนั้นก็คือจำนวนของมัน

สิ่งที่สำคัญคือจำนวนโครงกระดูกที่ถูกอัญเชิญออกมา

หลังจากที่มันตายไปแล้ว มันไม่สามารถเกิดใหม่ขึ้นมาเป็นดอกไม้มรณะได้

แน่นอนว่าเผ่าอันเดดจัดการได้ยากเพราะพวกมันสามารถเกิดขึ้นใหม่ได้อย่างไม่รู้จบ

หลิน ยู ไม่มีทางเลือกน้องจากให้ทหารพืชของเขาโจมตีต่อไปค่อยสะสมเลือดเพื่อให้ใช้งานสกิลกระหายเลือดของแบนชีแห่งความบ้าคลั่ง

แม้ว่าเลือดซากศพของซอมบี้จะไม่ดีเท่ากับเลือดสดๆแต่มันก็ยังสามารถใช้เพิ่มความแข็งแกร่งได้ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

นั้นคือเรื่องราวทั้งหมด

ภายใต้ การโจมตีแบบพลีชีพของกองทัพดอกไม้มรณะ ใช้เวลาเพียง 20 นาที ก็สามารถกำจัดเหล่านักบวชผิดิบและนักรบโครงกระดูกที่อยู่ด้านนอกได้ในที่สุด

ทางด้านหลิน ยู เขาสูญเสียทหารขยายพันธุ์ร่างแยกไปหลายร้อยตัวเลยทีเดียว

สุดท้ายแล้ว เพราะกองกำลังเหล่านั้นเป็นเพียงร่างที่แยกตัวออกมามันไม่ได้รับบัพจากมอสชีวภาพ

ทำให้ค่าสถานะของมันต่ำอย่างมาก

แต่ในทางตรงกันข้ามเหล่าร่างหลักที่ได้รับบัพจากมอสชีวภาพนั้นล้วนปลอดภัยดี

ต้องขอบคุณเกราะป้องกันธรรมชาติและปราการรักษา ที่คอยสนับสนุนกองกำลังของพวกเขาทำให้ยังคงรักษาความแข็งแกร่งอยู่ได้

"ไปดูดกลืนสกิลพวกนั้นกัน"

หลังจากตรวจสอบสถานการณ์ของกองกำลังแล้ว หลิน ยู ก็สั่งให้ดอกไม้แห่งการกลืนกินทั้ง 8 ตัวที่อยู่รอบๆเขากลืนกินซากศพของนักบวชผีดิบ

หลังจากกลืนกินไปได้ซักพักหนึ่ง หัวเขาต้องก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนการกลืนกินสำเร็จ

[กลืนกินสำเร็จ ได้รับสกิล "อาณาจักรแห่งความตาย"]

[กลืนกินสำเร็จ ได้รับสกิล "อาณาจักรแห่งความตาย"]

[กลืนกินสำเร็จ ได้รับสกิล "อาณาจักรแห่งความตาย"]

.....

เสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเจ็ดครั้งติดต่อกัน ซึ่งทั้งหมดมาจากการที่คัดลอกสกิลอาณาจักรแห่งความตาย

และสิ่งที่หลิน ยู คิดไม่ถึงก็คือ

เมื่อมาถึงเสียงที่แปด มันก็เปลี่ยนไป

[กลืนกินสำเร็จ ได้รับสกิล "ฝนพิษซากศพ" เนื่องจากประเภทของผู้ใช้เปลี่ยนไป สกิลจึงเปลี่ยนเป็น "ฝนกรดมรณะ"]

[ฝนกรดมรณะ (ใช้งาน) : สร้างเมฆสีดำขนาดใหญ่ขึ้นบนท้องฟ้าปล่อยฝนกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนอย่างรุนแรง ลดพลังป้องกันของศัตรูลง 10% เป็นเวลา 10 วินาที คลูดาว 60 วินาที]

นี้มัน!

เขากลืนกินได้สกิลนี้มางั้นหรอ?

มันเป็นสกิลโจมตีหมู่ขนาดใหญ่เลยนะนั้น!?

ด้วยความประหลาดใจ

ดวงตาของ หลิน ยู สว่างขึ้น

เขาได้เห็นพลังของฝนพิษซากศพด้วยตาของตัวเองแล้ว แม้แต่กองทัพภูติไม้โบราณที่ได้รับบัพจากวัตถุศักดิ์สิทธิ์กองทัพก็ได้ยังรับบาดเจ็บจากมัน ดังนั้นไม่ว่าใครจะก็คงจะจินตนาการได้ว่ามันทรงพลังขนาดไหนกัน

สิ่งสำคัญคือมันสกิลสกิลโจมตีหมู่ต่อเนื่อง

นอกจะมีความสามารถลดพลังป้องกันอีกด้วย

ไม่น่าแปลกใจที่การป้องกันของภูติไม้โบราณจะถูกทำลายอย่างง่ายดายในตอนนั้น มันเป็นแบบนี้นี่เอง

ในเมื่อมันเป็นแบบนี้แผนการกลืนกินสกิลของเขาจึงเปลี่ยนไป

จากดอกไม้แห่งการกลืนกินทั้งสิบ มี 5 ตัวได้คัดลอกสกิลอาณาจักแห่งความตายส่วนที่เหลือคัดลอก ฝนกรดอมตะ เพื่อให้กองกำลังของเขาสามารถเจาะแถวหน้าได้มากขึ้น

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลิน ยู ก็สั่งให้ดอกไม้แห่งการกลืนกิน กลืนกินซากศพของเหล่านักบวชผีดิบต่อไป

หลังจากที่นักบวชผีดิบถูกกลืนกินเข้าไปจนหมด มันก็มีเพียงตัวเดียวได้คัดลอกสกิล ฝนพิษซากศพ ได้สำเร็จ

รวมกับอีกหนึ่งตัวก่อนหน้านี้ก็เป็นสองตัว

"สกิลนี้บ้านี้ โอกาสคัดลอกต่ำเป็นบ้า"

หลิน ยู พูดกับตัวเอง พรางขมวดคิ้ว

ดูเหมือนเราต้องหากลุ่มนักบวชผีดิบอีกกลุ่มเพื่อกลืนกิน

เขาไม่ทางเลือกอื่นต้องจากต้องเดินหน้าต่อไปพร้อมกองทัพพืชเข้าใกล้รั่วเหล็กของโบสถ์

เขานั้นไม่รู้ว่าโบสถ์นี้ถูกทิ้งร้างมานานแค่ไหนแล้ว รั่วเหล็กฝั่งหนึ่งถูกกัดกร่อนกลายเป็นสีดำ บางแห่งถูกทะลวงกลายเป็นรูขนาดใหญ่ ดูทรุดโทรมมาก

หลิน ยู เอื้อมมือไปแตะที่รั้ว มันเกิดเสียง "เกร้ง" มันก็ได้พังทลายลง ซึ่งเปราะบางกว่าที่คิด

เขาคิดว่าสิ่งนี้ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่าร้อยปีอย่างแน่นอนหรืออาจจะนานกว่านั้น

เมื่อมองผ่านรั้วเข้าไปยังด้านใน มันมีบาทหลวงผีดิบและนักบวชผีดิบอยู่อีกเกือบ 600-700 ตัวอยู่ในสวน

ลานทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยออร่าแห่งความตาย มันยากที่มองเข้าไปในโบสถ์ได้อย่างชัดเจน

หลิน ยู มองเห็นร่างขนาดยักษ์สองร่าง พวกมันสูงกว่า 10 เมตรเฝ้าอยู่หน้าประตูโบสถ์

ทุกครั้งที่พวกก้าว จะทิ้งร้องเท้าเน่าเปื่อยเอาไว้ ทำให้พื้นทั้งหมดสั่นสะเทือน

มันเป็นมอนสเตอร์บอสงั้นเหรอ?

ดวงตาของหลิน ยู สว่างขึ้น

สถานที่นี้อันตรายมากจริงๆ มันมีมอนสเตอร์อันเดดเป็นจนำวนมาก เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีมอนสเตอร์บอสเพียงแค่ไม่กี่ตัว

เพราะแม้แต่มอนสเตอร์ที่เฝ้าประตูก็ยังเป็นระดับบอส เขาเกรงว่าต้องมีสมบัติบางอย่างอยู่ภายในโบสถ์อย่างแน่นอน

เขาไม่ลังเลอีกต่อไปนำกองทัพพืชเลาะไปยังรอบนอกของรั้วเหล็กในทันที

หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็พบกับหลุมขนาดใหญ่ที่ถูกกัดเซาะ ซึ่งกองทัพพืชของเขาสามารถเดินผ่านไปได้

อย่างไรก็ตามเขานั้นไม่ได้รีบร้อนเดินเข้าไปยังลานกว้าง

แต่การเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณ เหล่าแบนชีที่อยู่ในกองกำลัง

พวกมันส่งเถาวัลย์ขนาดยักษ์เลื้อยผ่านรั้วเข้าไปในพื้นดินกระจายไปยังลานกว้าง

"โกร๋ววว"

ในตอนนั้นเอง นักบวชผีดิบที่อยู่ใกล้รั้วก็พบพวกเขาด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นมันก็ส่งเสียงคำรามไปยังสหายของพวกมันทันที

"ไป!"

แน่นอนว่า หลิน ยู ไม่เปิดโอกาสให้กับส่งสัญญาณไป

ด้วยเสียงออกคำสั่งที่แผ่วเบา เถาวัลย์ที่อยู่ใต้ดินก็พุ่งขึ้นมา รัดร่างของนักบวชผีดิบเอาไว้และลากมันออกมา

ไม่ว่ามันจะพยายามดิ้นรนเพียงใด มันก็ไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการของเถาวัลย์ยักษ์ได้

ทันทีที่มันถูกลออกมาจากรั้ว พวกมันก็ถูกกองทัพพืชโจมตีและสังหารไปในทันที

[สังหารมอนสเตอร์ระดับแปด ได้พลังเวทย์ 1000 แต้ม]

[สังหารมอนสเตอร์ระดับแปด ได้พลังเวทย์ 1012 แต้ม]

.....

การสังหารมอนสเตอร์ระดับ 8 จะได้รับพลังเวทย์ประมาณ 1000 แต้มปริมาณของมันจะผันแปรไปตามความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์

เมื่อนับจำนวนกองทัพอันเดดถูกสังหารด้านนอก หลิน ยู นั้นได้รับพลังเวทย์มามากกว่า 300000 แต้มแล้ว

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือค่าประสบการณ์ของทหารของเขา

ภายใต้บัพจากปราชญ์แห่งพงไพร ทหารระดับ 7 ส่วนใหญ่จุดได้ทยอยเก็บค่าประสบการณ์จนเต็ม

นอกจากเป่าปิงที่เพิ่งอัพเกรดเป็นระดับ 8 ทหารราชวงศ์ตัวอื่นๆยังสะสมค่าประสบการณ์ได้อีกเกือบ 3000 แต้ม

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการสังหารมอนสเตอร์ระดับ 8 อย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ทำให้มันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ค่าสถานะเฉลี่ยของทหารพืชราชวงศ์ที่มีค่าประสบการณ์มากกว่าครึ่งนั้นพวกมันก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

จากเดิมที่มี 2000 แต้ม ก็กลายเป็น 2023 แต้มแข็งแกร่งขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง

ต้องรู้ก่อนว่า

แม้ว่าทหารหายากเหล่านั้นจะมีค่าประสบการณ์เต็มแล้ว ก็ยังมีค่าสถานะเฉลี่ยอยู่เพียงระดับนี้เท่านั้น

ไม่ต้องพูดถึงทหารพืชราชวงศ์ที่มีสกิลที่ทรงพลังและค่าสถานะที่แข็งแกร่งโดยกำเนิด

เหล่าทหารหายากเทียบกับมันไม่ได้แม้แต่น้อย

สิ่งที่ทำให้ หลิน ยู กังวลก็คือทรัพยากรที่ใช้ในการอัพเกรดทหารพืชราชวงศ์

หากเป็นไปตามที่ จี้ หยุนซวง บอกก่อนหน้านี้ ทุกครั้งหลังจากระดับ 7 ทรัพยากรที่ใช้ในการอัพเกรดจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เขาไม่ได้มีทรัพยากรมากมายที่จะได้อัพเกรดทหารได้ขนาดนั้น

ตอนนี้อาจจะยังไม่เป็นไร

แต่หลักจากที่เขาก้าวสู่ระดับ 9 ละ?

ในเวลานั้น เขาสามารถอัญเชิญทหารระดับ 9 โดยตรง แต่ส่วนทหารราชวงศ์จำนวนเป็นต้องรวบรวมทรัพยากรเพื่ออัพเกรด

เขาได้แต่หวังว่ามันจะต้องใช้ทรัพยากรมากเกินไปในตอนนั้น

เขาสามารถรับได้หากใช้พลังเวทย์เพียงสิบเท่าหรือยี่สิบเท่า แต่สำหรับแก่นดินแดนนั้นมันเป็นของหายาก

สุดท้ายแล้ว ราชันระดับสูงไม่ใช่เรื่องายที่จะสังหารพวกเขา มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะได้รับแก่นแท้ดินแดนมา

ดูเหมือนว่าเราต้องวางแผนเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด