“แล้วเซียนเส้าหยางและอัศวินแสงสวรรค์ล่ะ?”
หลี่หยวนกันถาม
“อัศวินแสงสวรรค์กำลังควบคุมการต่อสู้อยู่ ส่วนเซียนเส้าหยาง… เพราะก่อนหน้านี้ปีศาจศรวิญญาณเหมันต์อู๋ซินได้ปรากฏตัวขึ้นบนสมรภูมิและต้องการสังหารทหารของพวกเรา ทำให้เซียนเส้าหยางและอัศวินแสงสวรรค์ร่วมมือกันหยุดอีกฝ่าย อย่างไรก็ตาม เซียนเส้าหยางก็ได้รับบาดเจ็บจากลูกศรด้วยการลอบโจมตีของอีกฝ่าย”
“อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นแค่อาการบาดเจ็บระดับกลางเท่านั้นและไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่เซียนเส้าหยางก็ไม่สามารถจะเข้าร่วมศึกได้สักพัก”
เจิ้งหยูกล่าว
“เส้าหยางได้รับบาดเจ็บเหรอ? ตอนนี้เขาอยู่ไหน?”
หลี่หยวนกันถามออกมาด้วยความเป็นกังวลในทันที
เซียนเส้าหยางและอัศวินแสงสวรรค์คือสองจากสามผู้กล้าแห่งอาณาจักรออโรร่า!
นอกจากนี้ยังมีผู้กล้าอีกคนที่มีชื่อว่านักเวทจิตวิญญาณทมิฬที่ถูกสังหารโดยการลอบโจมตีของสามผู้กล้าของอีกฝ่ายในศึกการรุกรานของอาณาจักรทาฮันครั้งก่อน
การตายของนักเวทจิตวิญญาณทมิฬทำให้หลี่หยวนกันเศร้ามาก เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับข่าวเช่นนี้อีก ดังนั้นเขาจะไม่เป็นกังวลได้ยังไง?
“เซียนเส้าหยางกำลังพักอยู่ในที่พักชั่วคราวขอรับ ข้าสามารถพาฝ่าบาทไปดูได้”
เจิ้งหยูกล่าว
หลี่หยวนกันพยักหน้าและกำลังจะเดินไป แต่เขาก็คิดถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ เขามองไปยังโจวโจวและถามว่า “เจ้าอยากไปกับข้าไหม? ข้าจะแนะนำให้เจ้ารู้จักกับเซียนเส้าหยางเอง”
“ไว้คราวหลังดีกว่าขอรับ ข้ามีเรื่องต้องรีบไปทำ ข้าจะจากไปทันทีหลังจากที่ข้าจัดการเรื่องทางนี้เสร็จแล้ว”
โจวโจวส่ายหัว
หลี่หยวนกันเองก็ส่ายหัวอย่างไม่เต็มใจเท่าไร
ไม่รู้ว่ามันน่าเสียดายที่เขาไม่ได้พาโจวโจวไปเจอกับเซียนเส้าหยางหรือว่ามันน่าเสียดายที่เขาไม่ได้เห็นโจวโจวใช้วิธีการพิเศษนั้นอีกครั้ง
“เจิ้งหยู เจ้าไม่ต้องไปกับข้าก็ได้ ให้หาลูกน้องที่ไว้ใจได้พาข้าไปก็พอ สำหรับเจ้าให้ตามเจ้าตะวันสาดแสงไป ส่วนเรื่องการบัญชาการกองทัพ เจ้าก็จัดการไปก่อนละกันจนกว่าข้าจะกลับมา”
หลี่หยวนกันกล่าว
“ขอรับฝ่าบาท!”
เจิ้งหยูพยักหน้าและส่งคนไปเรียกผู้ช่วยของเขามาและบอกให้อีกฝ่ายพาหลี่หยวนกันไปหาเซียนเส้าหยาง
“เจ้าตะวันสาดแสง ท่านต้องการอะไรหรือเปล่า? ท่านสามารถบอกข้าได้ทุกเรื่องเลย มันไม่มีอะไรที่ข้าไม่สามารถทำได้ในเมืองมหาอำนาจแห่งนี้”
เจิ้งหยูตบหน้าอกของเขา
โจวโจวยิ้มให้เขาและไม่ได้สร้างความลำบากให้กับเขา “งั้นท่านแม่ทัพช่วยพาข้อไปดูมอนสเตอร์แห่งหมอกพวกนั้นที”
“งั้นก็ตามข้าไปดูที่กำแพงเมืองได้เลย พวกมันน่าจะเปิดฉากโจมตีในอีกครึ่งชั่วโมง เมื่อถึงเวลานั้นท่านก็สามารถดูพวกมันได้ตามต้องการเลยเจ้าตะวันสาดแสง แม้ว่าท่านอยากจะบุกเข้าไปในกองทัพศัตรูเพื่อดู ข้า เจิ้งหยูก็จะปกป้องชีวิตของท่านเองตราบใดที่ผู้กล้าของอีกฝ่ายไม่ปรากฏตัวออกมา”
เจิ้งหยูกล่าวด้วยความมั่นใจ
“ขอบคุณมากท่านแม่ทัพ”
โจวโจวยิ้มและพยักหน้า
จากนั้นโจวโจวและคนอื่นๆ ก็ตามเจิ้งหยูไปที่กำแพงเมือง
ในไม่ช้า ทุกคนก็มาถึงกำแพงเมือง
ทุกคนเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าพื้นดินขนาดใหญ่เต็มไปด้วยซากศพซึ่งมีทั้งมนุษย์และมอนสเตอร์แห่งหมอก
เลือดของทั้งสองฝ่ายผสมกันทำให้สนามรบในปัจจุบันนองเลือดยิ่งขึ้นไปอีก
“ความแข็งแกร่งของศัตรูอยู่ในระดับไหน?”
โจวโจวถามอย่างใจเย็น
“ตอนนี้อาณาจักรทาฮันยังเหลือกองกำลังอีก 600,000 คน และเมืองมหาอำนาจของพวกเราก็รวบรวมกำลังรบมาจากทั้งอาณาจักรออโรร่า ซึ่งก็มีจำนวนทหารอยู่ทั้งหมด 200,000 คน”
เจิ้งหยูตอบ
โจวโจวขมวดคิ้ว
ทำไมความเสียหายถึงได้รุนแรงขนาดนี้?
อาณาจักรออโรร่ายังมีกองกำลังเหลือประมาณ 500,000 คนในครั้งล่าสุดที่เขามา แต่แค่วันเดียวกลับมีทหารตายไปถึง 300,000 คนงั้นเหรอ?!
โจวโจวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และรู้สึกได้ถึงความโหดร้ายของสงคราม
“เจ้าตะวันสาดแสงไม่ต้องเป็นห่วงไป แม้ว่ากองทัพของพวกเราจะด้อยกว่าอีกฝ่าย แต่นี่คือเขตของอาณาจักรออโรร่าของเรา ไม่ว่าจะเป็นด้านชัยภูมิ ทรัพยากร เครื่องจักรสงคราม ขวัญกำลังใจ และข้อได้เปรียบอื่นๆ พวกเราก็เหนือกว่าอีกฝ่ายมาก”
“ดังนั้นแม้ว่าพวกเราจะมีกองทัพแค่ 200,000 คน แต่ในความเห็นของข้าแล้ว ตราบใดที่ไม่มีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้น พวกเราก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรในการหยุดอีกฝ่ายเอาไว้”
เจิ้งหยูยิ้มอย่างมั่นใจ
โจวโจวอึ้งไปชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้า
ไม่ว่าสุดท้ายความจริงจะเป็นยังไง แต่การมีกำลังใจเช่นนี้ย่อมดีกว่า…
ต่อมาโจวโจวก็คุยกับอีกฝ่ายเกี่ยวกับเรื่องอื่นๆ ของอาณาจักรทาฮันและอาณาจักรออโรร่า รวมทั้งเรื่องผู้กล้าของอาณาจักรทั้งสอง
เวลาครึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“อู๋ฉี!”
“ทาคามะ!”
“โซโก!”
เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดทุกชนิดดังขึ้นจากขอบสนามรบที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นเมตร
จากนั้นโจวโจวและคนอื่นๆ ก็เห็นมอนสเตอร์แห่งหมอกจำนวนมากพุ่งออกมาจากระยะไกลราวกับคลื่นยักษ์
ในจำนวนนี้มีทั้งมอนสเตอร์ที่วิ่งอยู่บนพื้นและบินอยู่บนท้องฟ้า
เขามองไม่เห็นช่องว่างใดๆ เลย ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา
โจวโจวเพ่งความคิด เขาส่งข้อความไปหาทหารระดับเพชร 500 คนใต้กำแพงและบอกให้พวกเขารอให้ประตูเมืองเปิด จากนั้นก็ให้ออกไปรับศึกด้านนอก และกลับมาในทันที
เหล่าทหารรับคำสั่ง จากนั้นโจวโจวก็มองไปยังไป่อี้ที่อยู่ข้างๆ เขา
“ไป่อี้ เจ้ารับผิดชอบในการนำทัพในคราวนี้ละกัน ปิดบังออร่าผู้กล้าของเจ้าไว้ท่ามกลางเหล่าทหารชั่วคราว ถ้าผู้กล้าของอีกฝ่ายโจมตีก็ให้โจมตีสวนกลับไปและนำทัพกลับมาทันที”
“เจ้าค่ะท่านลอร์ด!”
ไป่อี้กล่าวด้วยความเคารพ
จากนั้นเธอก็เดินลงไปจากกำแพงเมืองและไปนำทัพ
เมื่อเห็นเช่นนี้ โจวโจวก็บอกเจิ้งหยูเกี่ยวกับเรื่องนี้
“เปิดประตูเมือง…”
เจิ้งหยูขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในสถานการณ์ที่ความแตกต่างด้านความแข็งแกร่งระหว่างศัตรูนั้นมีเป็นจำนวนมาก ทางเลือกที่ดีที่สุดย่อมเป็นการป้องกันเมืองเอาไว้
การเปิดประตูเมืองคือการกระทำที่อันตรายมากๆ อย่างไรก็ตามเขาก็คิดถึงคำสั่งของฝ่าบาทอย่างรวดเร็ว และดวงตาของเขาก็มั่นคงขึ้นมา
“ได้ ข้าจะให้ทหารไปเปิดประตูเมืองเดี๋ยวนี้เลย!”
โจวโจวพยักหน้ารับ
การเปิดประตูเมืองถือเป็นทางเลือกสุดท้าย
ก่อนหน้านี้ สาเหตุส่วนใหญ่ที่เขาสามารถทำให้ทหารของเขากระโดดลงมาจากกำแพงเมืองและพุ่งเข้าใส่ทัพข้าศึกก่อนที่จะกระโดดกลับไปที่กำแพงเมืองนั้นเป็นเพราะกำแพงเมืองไม่สูงพอ แต่สำหรับดินแดนระดับเพชร กำแพงเมืองของเมืองมหาอำนาจก็สูงถึงพันเมตร!
ด้วยความสูงเช่นนี้ แม้ว่าทหารระดับเพชร 500 คนของเขาจะสามารถกระโดดลงไปได้โดยไม่รับบาดเจ็บ แต่มันคงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะกระโดดขึ้นมาบนนี้ได้อีก
เมื่อเป็นเช่นนั้น มันคงจะดีกว่าที่จะให้เจิ้งหยูจัดการเรื่องนี้
“ไม่ต้องห่วง ทหารของข้าจะกลับมาในไม่ช้า เมื่อเวลานั้นมาถึงก็ให้ปิดประตูเมืองทันที”
โจวโจวยืนยันกับเจิ้งหยู
เจิ้งหยูถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่สีหน้าของเขาก็ยังจริงจังอยู่เล็กน้อย
ในไม่ช้า ประตูของเมืองมหาอำนาจก็เปิดออก
ทหาร 500 คนและไป่อี้พุ่งออกไปจากเมืองทันที และกลายเป็นภาพติดตากว่า 500 ร่างในขณะที่พวกเขาพุ่งไปหากองทัพ 600,000 คนของอีกฝ่าย!
เมื่อพวกมันเห็นทหาร 501 คนนี้ ไม่เพียงแต่มอนสเตอร์แห่งหมอกที่อยู่ทางฝั่งตรงข้ามจะอึ้งไป แต่แม้แต่เจิ้งหยูและทหารคนอื่นๆ บนกำแพงเมืองก็ยังอึ้งไปด้วย
จากนั้นเจิ้งหยูก็ทำหน้าตกใจ
นี่เป็นเพราะเขาสามารถบอกได้ว่าทหาร 501 คนนี้คือผู้เชี่ยวชาญระดับเพชรเหมือนกันกับเขา!
โอ้พระเจ้า…
เจิ้งหยูอึ้งไป
“เจ้าตะวันสาดแสง ทหารพวกนี้เป็นทหารของท่านงั้นเหรอ?”
เขากลืนน้ำลายและถามโจวโจว เขาอดไม่ได้ที่จะใช้คำว่า 'ของท่าน' เพื่อให้เกียรติ