บทที่ 280 : ทางเลือกที่แตกต่าง ผลลัพธ์ที่แตกต่าง
ครั้งสุดท้ายที่ปราชญ์ปรากฎขึ้นบนดาวชงหยางคือเมื่อไหร่? หลายคนจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้อาวุโสที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาสามปราชญ์นั้นก็มีอายุมากกว่า 7,000 ปีแล้ว มันนานเกินไปแล้วตั้งแต่เขาบรรลุเต๋า
อย่างไรก็ตาม หลายคนก็ยังจำลักษณะของปรากฏการณ์ที่บันทึกไว้ในหนังสือได้
ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อพวกเขาเห็นแสงหลากสีจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและรวมตัวกันในทิศทางเดียวกัน คนเหล่านี้จึงเข้าใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ปราชญ์!
หลังจากสามปราชญ์ ในที่สุดก็มีปราชญ์อีกคนหนึ่งที่สามารถข้ามช่องว่างนี้ได้สำเร็จและก้าวเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์
ในขณะนี้ พลังแก่นแท้ของโลกก็ดูเหมือนจะกำลังเดือดพล่าน ดอกไม้บานสะพรั่งทุกที่และเสียงเพลงก็ดังขึ้น ความมืดมิดในทุกทิศทุกทางสว่างไสวด้วยแสงแห่งธรรม
และแกนหลักของปรากฏการณ์เหล่านี้ก็อยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองลู่หลิง
หลายคนเริ่มคาดเดาว่ามันน่าจะเป็นหนึ่งในสองเซียนอนันต์ทองของตระกูลหลี่
และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ…
นี่หมายความว่านับจากวันนี้เป็นต้นไป อีกหลายพันปีข้างหน้าของดาวชงหยางก็จะเป็นยุคของพวกเขา
ท้ายที่สุดแล้ว ปราชญ์ทั้งสามก็แก่มากแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง ในเวลาเดียวกับที่ปรากฏการณ์นี้ปรากฏขึ้น ผู้คนจำนวนมากจึงเริ่มเตรียมของขวัญมากมายและวางแผนที่จะไปแสดงความยินดีกับเขาหลังจากปรากฏการณ์สิ้นสุดลง
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความรู้สึกของเซียนทองและเซียนอนันต์ทอง
ปราชญ์ทั้งสามคนไม่ได้คิดแบบพวกเขา
….
สำนักปรโลกอันศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ทั่วดาวชงหยาง แต่สำนักใหญ่ก็ตั้งอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ
สถานที่แห่งนี้ตกอยู่ในความมืดมิดมาครึ่งปีแล้ว มันมีธารน้ำแข็งที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่สมัยโบราณ ที่นี่แทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตปกติเลย มันมีเพียงผีเท่านั้นที่เดินไปมา ราวกับว่าพวกเขากำลังประกาศว่านี่คือดินแดนแห่งความตาย
ปราชญ์ของสำนักปรโลกอันศักดิ์สิทธิ์กำลังนอนหลับอยู่ที่นี่
ตำนานเล่าว่าเขาเป็นผู้ปกครองแห่งความตาย คนที่เขาต้องการฆ่าจะมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันถัดไป
เพื่อไม่ให้ไปรบกวนการนอนหลับของปราชญ์ มันจึงมีศิษย์ของสำนักปรโลกอันศักดิ์สิทธิ์จำนวนไม่มากนักที่จะกล้ามาที่นี่
แม้แต่เซียนอนันต์ทองก็ยังได้รับอนุญาตให้มารายงานได้แค่ในทุกๆ ครึ่งปีเท่านั้น
สำนักปรโลกอันศักดิ์สิทธิ์ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดเป็นเวลาครึ่งปีชองทุกปี มันมืดไปทั่วทุกที่
ผีเร่ร่อนอย่างไร้จุดหมายบนที่ราบน้ำแข็ง
ทันใดนั้น แสงสีต่างๆ จำนวนนับไม่ถ้วนก็สาดส่องผ่านท้องฟ้า มันส่องสว่างให้ค่ำคืนอันยาวนานกลายเปลี่ยนเป็นเวลากลางวัน
ผีเหล่านี้ถูกโจมตีโดยไม่ทันได้เตรียมตัว พวกมันเงยหน้าขึ้นด้วยความสับสนและมองไปที่แสงบนท้องฟ้า หัวใจของพวกมันเต็มไปด้วยความกลัว
พวกมันกลัวแสง!
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกแสบร้อนในความทรงจำของพวกมันก็ไม่ได้มาถึง มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
เหล่าภูติผีต่างก็ตระหนักได้ว่าไม่เพียงแต่พวกมันจะไม่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่วิญญาณของพวกมันยังมีตัวตนมากขึ้นอีกด้วย พวกมันลอยไปรอบๆ ในทันทีอย่างสบายอกสบายใจ
ในส่วนลึกของที่ราบน้ำแข็งเป็นเมืองโบราณที่มืดมิดมาก
ตำนานเล่าว่าที่นี่เป็นตำหนักที่ถูกทิ้งเอาไว้โดยอารยธรรมโบราณเมื่อพวกเขาก่อตั้งราชวงศ์ในดินแดนน้ำแข็ง มันมีความลับที่ไม่น่าเชื่อซ่อนอยู่
ในตำหนักกลางของเมืองโบราณแห่งนี้ จู่ๆ โลงศพน้ำแข็งที่ถูกแช่แข็งมานานก็แตกออก ฝ่ามือซีดและแข็งทื่อทุบโลงน้ำแข็งแตก
ชายวัยกลางคนที่ร่างกำยำสูงมากกว่าเก้าฟุตเดินออกมา เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วหัวเราะเบาๆ “ น่าสนใจ”
“ ทิศทางนี้ดูเหมือนจะเป็นเมืองลู่หลิง นั่นคืออาณาเขตของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ ตาเฒ่าเว่ยเฉิงคงจะปวดหัวน่าดู ข้าไม่ควรพลาดโอกาสนี้!”
“ เด็กๆ พวกเจ้านอนหลับกันพอแล้วรึยัง? ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปเล่นแล้ว!!”
ทันใดนั้นธารน้ำแข็งโบราณก็แตกและระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ เงาสีดำตกลงมาจากท้องฟ้าและผีดิบตัวเขียวและขาวจำนวนนับไม่ถ้วนก็คลานออกมาอย่างช้าๆ ในชั่วพริบตา พวกมันก็เต็มธารน้ำแข็ง
“ กรร!”
“ กรรร!”
ผีดิบจำนวนนับไม่ถ้วนคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนสัตว์อสูรดุร้าย
ในเวลาเดียวกัน ออร่าสีดำที่พลุ่งพล่านก็รวมตัวกันเป็นก้อนเมฆสีดำและยกผีดิบเหล่านี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ ฮ่าฮ่าฮ่า! วันนี้ข้าจะแสดงให้ปราชญ์น้อยเห็นว่าเจ้าแห่งความตายเป็นยังไง!”
….
สำนักมรณาเก้าสวรรค์
เดิมทีเว่ยเฉิงกำลังนอนหลับตาเพื่อรอให้เหล่าศิษย์พาหลี่เฉิงกลับมา
เขาไม่ได้กังวลเรื่องอุบัติเหตุใดๆ เลย
บนดาวชงหยางขนาดใหญ่ นอกเหนือจากปราชญ์อีกสองคน มันก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธเขา
ไม่ว่าเซียนอนันต์ทองจะทรงพลังเพียงใด แต่พวกเขาก็เทียบกับปราชญ์ไม่ได้
ตราบใดที่สมองของตระกูลหลี่ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ พวกเขาก็จะไม่กล้าที่จะต่อต้านเขาแน่
อย่างไรก็ตาม เมื่อปรากฏการณ์บนท้องฟ้าปรากฏขึ้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“ ทิศทางนี้คือเมืองลู่หลิง?!”
เว่ยเฉิงรีบออกไปและมองไปที่บนท้องฟ้าด้วยความเหลือเชื่อ “ เป็นไปได้ยังไง? พวกเขาเพิ่งจะอายุเพียง 700 ปีเท่านั้นนี่!”
เขามักจะอ้างว่าตัวเองโดดเด่นและเป็นอัจฉริยะที่ปรากฏตัวเพียงครั้งเดียวในรอบ 10,000 ปี ถึงกระนั้น เขาก็ใช้เวลาเกือบพันปีในการฝึกตนจนมาถึงขอบเขตปราชญ์
ทั่วทั้งอาณาจักรห้าทัศนะ มันก็ไม่มีใครเทียบเขาได้
แต่กระนั้นในตอนนี้ มันก็มีปราชญ์อายุ 700 ปีจริงๆ หรอ?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออีกฝ่ายมาจากตระกูลหลี่
เว่ยเฉิงไม่สามารถยอมรับได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ ข้าต้องไปหยุดยั้งเขา!” เขามองไปที่บนท้องฟ้าและพึมพำว่า “ ข้าจะยอมปล่อยให้ตระกูลหลี่มีปราชญ์ไม่ได้!”
คราวนี้หลี่เฉิงตื่นตระหนกจริงๆ
ในใจของเขา ใครๆ ก็สามารถเป็นปราชญ์ได้ แต่มันต้องไม่ใช่ตระกูลหลี่!
นี่เป็นเพราะมันเป็นไปได้มากที่ตระกูลหลี่จะมีวิธีการที่จะก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของขอบเขตปราชญ์ และเมื่อเขากลายเป็นปราชญ์ มันก็มีความเป็นไปได้สูงมากที่ราชาปราชญ์จะปรากฏตัวขึ้นในอาณาจักรห้าทัศนะ!
ราชาผู้ยิ่งใหญ่เหนือปราชญ์ทั้งปวง!
เขาปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้!
“ หลี่เฉิง! อย่าแม้แต่จะคิดที่จะประสบความสำเร็จ!”
เว่ยเฉิงกัดฟันและคำราม เขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้าและมุ่งหน้าไปยังเมืองลู่หลิง
….
ตำหนักกาฬโรค
สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในส่วนลึกของภูเขาที่ไม่ค่อยมีใครไปเยี่ยมชม ในส่วนลึกของภูเขา 100,000 ลูกของชายแดนใต้ มีต้นไม้นับไม่ถ้วนล้อมรอบ มันเป็นที่ตั้งของสำนักเซียนที่เน้นวิชากาฬโรค
ปรากฏการณ์ของฮุ่ยฉีได้แพร่กระจายไปทั่วโลก แสงจำนวนนับไม่ถ้วนบินผ่านตามธรรมชาติ มันทำให้ศิษย์หลายคนของตำหนักกาฬโรคต้องอุทาน
ด้านหน้าห้องโถงใหญ่ของตำหนักกาฬโรค มีหญิงสาวสวยในวัยสามสิบกำลังยืนอยู่
ลักษณะใบหน้าของเธอดูสมส่วน รูปลักษณ์ของเธอดูงดงามราวกับภาพวาด และรูปร่างของเธอก็อวบอึ๋มดูเป็นผู้ใหญ่ เธอแต่งกายแบบชายแดนใต้โดยนุ่งน้อยห่มน้อยที่ปิดเฉพาะส่วนสำคัญ
นี่เป็นหนึ่งในหกผู้อาวุโสแห่งตำหนักกาฬโรค หลานตา เธอรับผิดชอบในการสรุปเรื่องสำคัญของโลกและปรับทิศทางการพัฒนาของตำหนักกาฬโรค
หลังจากเห็นอักษรรูนเต๋าส่องสว่างบนท้องฟ้า หลานตาก็รีบไปที่สระหมื่นพิษในส่วนลึกของตำหนักกาฬโรคโดยไม่ลังเล เธอโค้งคำนับด้วยความเคารพและกล่าวว่า “ ท่านเจ้าสำนัก ปรากฏการณ์ปราชญ์ได้ปรากฏขึ้น เราควรทำอย่างไรดี?”
การปรากฏตัวของปราชญ์คนใหม่จะทำลายสมดุลที่ดาวชงหยางรักษามาเป็นเวลานานอย่างแน่นอน ตำหนักกาฬโรคต้องวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ มิฉะนั้นพวกเขาก็จะมีโอกาสสูงมากที่จะถูกกองกำลังอื่นปราบปรามร่วมกัน
“ ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น” เสียงของเจ้าสำนักดังมาจากสระหมื่นพิษ เขาพูดต่อว่า “ ร้อยปีก่อนเย่หานได้ติดตามหลี่เฉิงกับน้องสาวของเขาและจากไป”
“ และก่อนหน้านี้ไม่นาน เย่หานก็เพิ่งจะเสียชีวิตลงและร่มพันกาฬโรคก็ได้ถูกทำลาย นั่นคือเครื่องมือปราชญ์ซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่แม้แต่ปราชญ์ก็ยังไม่สามารถทำลายได้ ฉะนั้นแล้ว มันก็จะต้องมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่แน่”
“ เข้าใจแล้ว!” หลานตาพยักหน้าตอบ แต่เธอก็รู้สึกเหลือเชื่อ
เธอไม่เคยเห็นเจ้าสำนักมีทัศนคติเช่นนี้มาก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น ฟังจากน้ำเสียงของเขา มันก็ดูเหมือนเขาจะเต็มไปด้วยความกลัว
มันแปลกมากที่เจ้าสำนักจะรู้สึกกลัว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเธอจะสงสัย แต่เธอก็ไม่กล้าที่จะสอบถามอะไรเพิ่มเติม
ถ้าแม้แต่ปราชญ์ก็ยังกลัว แบบนี้แล้วเธอจะทำอะไรได้?
ชีวิตเธอยังสำคัญกว่า
….
ฮุ่ยฉีไม่เคยคิดฝันว่าการทะลวงขอบเขตโดยบังเอิญของเขานั้นจะทำให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่เช่นนี้
เขาสัมผัสได้ถึงออร่าอันทรงพลังมากมายใต้ล่าง
ออร่าเหล่านี้ล้วนแตกต่างกันโดยธรรมชาติ แต่พวกมันก็ล้วนทรงพลังมาก มันมีออร่าสองอันที่ชัดเจนในขอบเขตปราชญ์
“ เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง?” ซุยเฮ็งชี้ไปที่ปรากฏการณ์ด้านล่างและหัวเราะเบาๆ “ พวกเขาไม่รู้แน่นอนว่าเป็นเจ้าที่บรรลุความก้าวหน้า”
ตามประสบการณ์ของคนปกติ ปรากฏการณ์จะจางหายไปอย่างสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อการพัฒนาเสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น
แต่กระนั้นฮุ่ยฉีก็แตกต่างออกไป
เนื่องจากเนื้อแท้เซียนทองของเขามีระดับสูงกว่าแก่นแท้เซียน ดังนั้นการผสมผสานพลังปราณและเนื้อแท้เซียนทองจึงทำได้ง่ายและเร็วกว่าแก่นแท้เซียน และด้วยเหตุนี้เอง ฮุ่ยฉีจึงบรรลุความก้าวหน้าแล้วตั้งแต่ ปรากฏการณ์เพิ่งเริ่มต้นขึ้น
“ นายท่านโปรดอย่าล้อข้าเลย” ฮุ่ยฉีกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ ข้าไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเมื่อกี้ข้าทะลวงผ่านไปได้อย่างไร ข้ารู้สึกเหมือนกับได้เปลี่ยนเป็นปราชญ์หลังจากยืนเคียงข้างท่านมาได้ระยะหนึ่ง”
“ มันง่ายมากถ้าเจ้าจะยังสับสน เจ้าต้องต่อสู้สักรอบหนึ่งก่อนแล้วเจ้าจะเข้าใจ” ซุยเฮ็งหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ มันไม่มีปัญหาใดในการฝึกยุทธ์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้วรยุทธ์ ถ้ามีก็แค่ลองใช้สักสองรอบ”
“ เอ่อ?” ฮุ่ยฉีตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล ดังนั้นเขาจึงถามว่า “ ถ้าอย่างนั้นข้าจะฆ่าพวกเขาได้ไหม?”
“ เจ้าจะฆ่าพวกเขาได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเจ้า” ซุยเฮ็งพยักหน้าและยิ้ม “ ข้าไม่สนใจหรอก”
“ รับทราบ!” ฮุ่ยฉีพยักหน้าอย่างจริงจัง เขามองออกไปในระยะไกลและร่างกายของเขาก็สั่นเล็กน้อย เขารู้สึกตื่นเต้น เขาคิดกับตัวเองว่า “ เยี่ยมมาก ในที่สุดข้าก็มีโอกาสได้กลับมาเป็นกระบี่ของท่านอีกครั้งในวันนี้!”
...
ในเวลาเดียวกัน แสงสองดวงก็ลอยขึ้นเหนือขอบฟ้า
ดวงหนึ่งดูเหมือนจะปล่อยควันดำออกมาไม่รู้จบ
ดวงหนึ่งเป็นแสงสีเขียวบริสุทธิ์
พวกเขาเป็นคือเจ้าสำนักปรโลกอันศักดิ์สิทธิ์และเจ้าสำนักมรณาเก้าสวรรค์!
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved