โจวโจวมองไปยังไป่เหอและยิ้มออกมา
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาเอาเปรียบอีกฝ่ายไปแล้ว?
เดิมทีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดมรดกผู้กล้าระดับเทพชั้นสูงนั้นจะต้องมีการพูดคุยในการประชุมหลายครั้งที่วิหารอัศวินอย่างแน่นอน
นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมจริงๆ
มันได้ข้อสรุปล่วงหน้าแล้วเพราะสิ่งที่อสูรดาบเงาโลหิตนี้ได้ทำลงไป
อย่างไรก็ตาม วิหารอัศวินก็คงจะไม่ได้สูญเสียอะไร
เบื้องบนของเผ่าพันธุ์มนุษย์คงจะเห็นด้วยกับเงื่อนไขของเขาอยู่ดี
กระบวนการนี่แค่ถูกเร่งความเร็วขึ้นเท่านั้น
“เงื่อนไขที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้จะไม่เปลี่ยนแปลง พวกเรายังมีเรื่องต้องไปทำต่อ ดังนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะขอรับ สุดท้ายขอบคุณมากนะขอรับท่านเจ้าวิหารไป่”
โจวโจวยิ้ม
“ไปเถอะๆ”
ไป่เหอส่ายหัวและไม่ได้พูดอะไรอีก
“ขอบคุณขอรับท่านเจ้าวิหาร”
ซวีอันเองก็ขอบคุณไป่เหอก่อนที่เขาจะจากไป
“อย่าทำให้มรดกผู้กล้าที่ลั่วอี้มอบให้กับเจ้าต้องผิดหวังแม้ว่าเจ้าจะได้เดินไปบนเส้นทางของตัวเองแล้ว”
ไป่เหอมองไปยังซวีอันและพูดอย่างใจเย็น
“เขาถือว่าเป็นอาจารย์ของข้า ข้าจะไม่ทำให้เขาผิดหวังอย่างแน่นอน”
ซวีอันพูดอย่างจริงจัง
ไป่เหอมองไปที่เขาอยู่นานก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา “ไปเถอะ”
“ไว้เจอกันใหม่ขอรับท่านเจ้าวิหาร”
ซวีอันพูดด้วยความเคารพและเดินตามโจวโจวไป
แต่ทันใดนั้นเอง ไป่เหอก็หยุดพวกเขาไว้ก่อนที่ทั้งสองคนกำลังจะเดินออกมาจากโถงวิญญาณผู้กล้า
“เจ้าตะวันสาดแสง ถ้าเจ้ามีเวลาก็ช่วยพาผู้กล้าเผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคนของเจ้ามาที่โถงวิญญาณผู้กล้าและทิ้งมรดกผู้กล้าของพวกเขาไว้เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเราด้วย สิ่งนี้จะไม่ทำอันตรายใดๆ แก่พวกเขา”
ไป่เหอกล่าว
โจวโจวตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างจริงจัง
ในเวลานั้นเอง เขาก็มีความประทับใจที่ดีต่อมนุษย์ในทวีปจื้อเกาแล้วและยังได้รับผลประโยชน์มามากมายจากวิหารอัศวิน
การทิ้งมรดกผู้กล้าไว้ให้พวกเขาจึงเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกจากโถงวิญญาณผู้กล้าโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
ด้านนอกของโถงวิญญาณผู้กล้า
เมื่อโจวโจวและซวีอันเดินออกมา ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับ ร็อบ และลู่ฉ่ายเอ๋อร์ก็มาล้อมพวกเขาไว้ทันที
“สำเร็จงั้นเหรอ?”
ร็อบพูดด้วยความประหลาดใจเมื่อทั้งสามคนเห็นว่าบรรยากาศของซวีอันต่างไปจากเดิม
“ไม่ใช่แค่มันจะสำเร็จเท่านั้น แต่มันยังมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วย”
ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับมีสายตาที่เฉียบแหลมมาก แค่เขามองแวบเดียวก็สามารถบอกได้ว่าซวีอันได้รับผลประโยชน์มามากมายแค่ไหน
เด็กคนนี้น่าจะได้รับมรดกผู้กล้าที่ไม่ธรรมดามา แม้แต่ข้าก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากเขา
เขาอุทานออกมาภายในใจ
ในฐานะผู้พิทักษ์แห่งโถงวิญญาณผู้กล้าที่เกษียณตัวแล้ว เขาย่อมรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่าอัศจรรย์ในโชคชะตาผู้กล้าของซวีอัน แม้ว่าซวีอันจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะสะกดมันไว้แล้วก็ตาม
“ว่าแต่มันเป็นผู้กล้าในระดับไหนล่ะ? แล้วมีวิญญาณผู้กล้ากี่ตนที่ลืมตาขึ้นมา?”
ร็อบถามด้วยความสงสัย
ซวีอันมองไปที่โจวโจว
โจวโจวไม่ได้พูดอะไรออกมาเมื่อเขาได้ยินคำพูดของร็อบและเห็นสายตาของคนรอบๆ เขาแค่ยิ้มออกมาเท่านั้น
“พูดตรงนี้คงไม่สะดวกเท่าไร ไว้เจ้าค่อยถามเจ้าวิหารไป่ดูละกันเมื่อเขาออกมา ข้ายังมีเรื่องต้องไปทำ มันเกี่ยวข้องกับกิจกรรมของเจตจำนงสูงสุด ดังนั้นข้าขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่นะทุกคน”
หลังจากพูดออกมาด้วยความสุภาพแล้ว โจวโจวก็ไม่ได้พูดอะไรอีกและจากไปพร้อมกับซวีอัน
ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับ ร็อบ และลู่ฉ่ายเอ๋อร์ไม่ได้หยุดพวกเขาไว้เพื่อถามรายละเอียดอีก
เขาพูดถึงเจตจำนงสูงสุดขึ้นมาแล้ว พวกเขาจะพูดอะไรได้อีก?
ร็อบและลู่ฉ่ายเอ๋อร์ที่สงสัยที่สุดก็ทำได้เพียงแค่ระงับความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้และรอให้ไป่เหอออกมาก่อน
หลังจากนั้นไม่นาน ไป่เหอก็เดินออกมาจากโถงวิญญาณผู้กล้า
ร็อบและลู่ฉ่ายเอ๋อร์ถามไป่เหอทันทีด้วยคำถามเดียวกันนี้
“หลังจากเขาเข้าไปในโถงวิญญาณผู้กล้าแล้ว เขาก็ได้รับการยอมรับจากวิญญาณผู้กล้า 46 ตนและทำให้พวกเขาลืมตาขึ้นมา สุดท้ายอสูรดาบเงาโลหิตลั่วอี้ที่เป็นผู้กล้าในระดับเทพชั้นสูงก็ได้ใช้พลังของวิญญาณผู้กล้าที่เหลืออยู่ชี้นำให้เขากลายเป็นผู้กล้าโดยตรง!”
ในทันทีที่เขาพูดออกมา แม้แต่ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับที่รอบรู้ก็ยังเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
ไป่เหอมองไปที่ร็อบด้วยด้วยสายตาผิดหวังอย่างมากในขณะที่พวกเขาตกใจ
“เจ้าไม่ควรละเลยการฝึกฝนของเจ้าในอนาคต! จงไปที่แนวหน้าของอเวจีซะ อย่ากลับมาให้ข้าเห็นจนกว่าเจ้าจะเข่นฆ่าปีศาจได้ครบ 100,000 ตัว!”
ร็อบ: ??? ข้าไปขี้เกียจตอนไหน?!
ไป่เหอไม่ได้พูดอะไรอีกและจากไป
“ร็อบ เจ้าต้องพยายามเข้านะในอนาคต ฮ่าๆ เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ของเจ้าคงเป็นกังวลว่าเจ้าจะถูกไล่ตามทันโดยเหล่าผู้มีพรสวรรค์หน้าใหม่”
“หึๆ โชคชะตาผู้กล้าระดับเทพชั้นสูง นอกจากนี้ ดูเหมือนเขายังได้เดินบนเส้นทางของตัวเองด้วย ข้าไม่ได้เห็นรุ่นเยาว์ที่มีศักยภาพขนาดนี้มานานแล้ว ในอนาคต บางทีเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเราคงจะมีเสาหลักอีกคนเหมือนกับอาจารย์ของเจ้าแล้ว”
ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับหัวเราะ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา
ร็อบเองก็เข้าใจเจตนาของอาจารย์ของเขา
อาจารย์คิดว่าข้าจะโดนคนผู้นั้นแซงหน้างั้นเหรอ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ร็อบก็ไม่ได้รู้สึกถึงอารมณ์ด้านลบใดๆ จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้อันน่าตกตะลึงกลับพลุ่งพล่านขึ้นในหัวใจของเขาแทน
เขามีโชคชะตาผู้กล้าระดับเทพชั้นสูง
ไม่ใช่ว่ามันก็เหมือนกันกับอีกฝ่ายเหรอ?
ในแง่ของความแตกต่างระหว่างเขากับอีกฝ่าย มันอาจเป็นเพียงความแตกต่างของจำนวนวิญญาณผู้กล้าที่ยอมรับพวกเขาเท่านั้น
แต่แล้วไง?
เขาเป็นผู้กล้าระดับตำนานขั้นสูงแล้ว และอยู่ห่างจากการกลายเป็นเทพแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ส่วนอีกฝ่ายยังเป็นแค่ผู้กล้าระดับมหากาพย์ขั้นต้นเท่านั้นเอง
มันคงต้องใช้เวลาอีกเยอะกว่าจะตามเขาทัน นับประสาอะไรกับการแซงหน้าเขา
“ข้าจะพิสูจน์ให้อาจารย์เห็น ข้าจะเป็นศิษย์ที่โดดเด่นและภาคภูมิใจที่สุดของท่านอาจารย์ไปตลอด”
ร็อบพูดอย่างจริงจัง
จากนั้นเขาก็หยิบหอกสีเงินออกมาจากแผ่นหลังและเดินไปทางค่ายกลข้ามมิติสมรภูมิอเวจีที่อยู่ลึกเข้าไปในวิหารอัศวินโดยไม่พูดอะไรอีก
“เด็กคนนี้…”
ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับยิ้มออกมา และดูปลื้มใจและพึงพอใจมาก
ลู่ฉ่ายเอ๋อร์กะพริบตาและไม่ได้พูดอะไรอีก เธอวิ่งตามโจวโจวไปทันทีหลังจากกล่าวลาผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับแล้ว
“เด็กน้อยนี่ช่างดีจริงๆ”
ผู้พิทักษ์แห่งทะเลลับคิดถึงหนุ่มสาวสามคนที่เขาเห็นในวันนี้และความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าในร่างกายของพวกเขา พวกเขาเต็มไปด้วยความหวังและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ในขณะที่เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
หลังจากโจวโจวและซวีอันกลับมา เขาก็บอกให้ซวีอันกลับไปที่ค่ายกองทัพตะวันสาดแสงก่อน และบอกให้ไป่อี้จัดหาตำแหน่งใหม่ให้กับเขา
จากนั้นเขาก็เดินไปที่ประตูอัญเชิญและเริ่มทำการอัญเชิญสำหรับวันนี้
[ท่านต้องการอัญเชิญเลยหรือไม่?]
“ต้องการ!”
โจวโจวมองไปยังประตูอัญเชิญตรงหน้าของเขา
อึดใจต่อมา ประตูอัญเชิญก็เปล่งแสงสีขาวเจิดจ้า จากนั้นคนกลุ่มใหญ่ก็เดินออกมา
หลังจากผ่านไปสักพัก ลูกน้องใหม่ 1,675 คนก็เดินออกมาจากประตูอัญเชิญ
“คาราวะท่านลอร์ด!” x1,675
ลูกน้องใหม่ทุกคนกล่าวแสดงความเคารพออกมา
“ยินดีต้อนรับสู่เมืองตะวันสาดแสง”
โจวโจวพยักหน้า
จากนั้นเขาก็บอกให้ผู้เชี่ยวชาญทุกคนลุกขึ้นและพบว่าเขาได้อัญเชิญผู้เชี่ยวชาญออกมาถึง 96 คนในคราวนี้!
มันมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่าปกติถึง 21 คน!
จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจสอบข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้
ในจำนวนผู้เชี่ยวชาญ 96 คน มันมีหมอระดับแพลตตินั่มขาวขั้นกลาง 1 คน ช่างตีเหล็กระดับแพลตตินั่มขาวขั้นกลาง 1 คน ช่างตัดเสื้อระดับแพลตตินั่มขาวขั้นกลาง 1 คน พ่อค้าระดับแพลตตินั่มขาวขั้นกลาง 1 คน และช่างก่ออิฐระดับแพลตตินั่มขาวขั้นกลาง 1 คน
ส่วนที่เหลือก็เป็นผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่ระดับทองคำเหลืองลงมา โจวโจวมองไปยังผู้เชี่ยวชาญระดับแพลตตินั่มขาวขั้นกลางทั้งห้าคนและรู้สึกพึงพอใจมาก