ในที่สุดวันประมูลอุปกรณ์ระดับ 10 ก็มาถึง
ในช่วงเช้า
หลิน ยู รีบออกเดินทางไปยังเมืองหลัก
เพราะเขานั้นมีนัดกับราชันระดับ 8 ที่โรงน้ำชาภายในเมืองหลัก
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ
เมื่อเขามาถึงห้องส่วนตัวที่อยู่บนชั้น 2 ของโรงน้ำชาก็ได้มาราชันหลายคนมารอ มารอเขาอยู่ก่อนแล้ว
"ท่านคงจะเป็นน้องหลิน ยู ใช่ไหม?"
พวกเขามีทั้งหมด 5 คน คนที่เป็นหัวหน้าคือชายหนุ่มใจดีอายุราวๆ 40 กว่าๆ
คนที่เหลือเป็นชายแก่ เด็กหนุ่ม และหญิงสาว
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มคนนั้นเหมือนจะอายุมากกว่าหลิน ยู อยู่ 2-3 ปี เต็มไปด้วย ออร่าที่แข็งแกร่ง
มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นราชันหน้าเก่า
ขณะที่ หลิน ยู กำลังสังเกตพวกเขาอยู่นั้น พวกเขาก็สังเกตหลิน ยู อย่างลับๆเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม หลิน ยู นั้นเคยพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน จึงไม่ได้เกิดอาการตื่นตะหนกแต่อย่างใด
หลังจากตรวจสอบพวกเขาอยู่ 2-3 รอบ เขาก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
"เป็นผมเอง พวกท่านรอนานหรือไม่"
"พวกเราก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ข้าสั่งอาหารเช้าเอาไว้แล้ว น่าจะใกล้มาถึงแล้ว"
สุภาพบุรุษที่เป็นผู้นำดูเหมือนจะชื่อ ซง เหล่ย เขาเป็นผู้ริเริ่มในการเจรจาครั้งนี้ แถมยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย
หลิน ยู ได้ตรวจสอบมาแล้วเมื่อวาน
ในรายการจัดอันดับ 100 อันดับแรกของระดับ 8 แห่งอาณาจักร นั้นมี ซง เหล่ย อยู่ด้วย
นี้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขานั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
ยิ่งไปกว่านั้น เมืองปันหยางของเขายังมีประชากรมากที่สุด โดยมีมากถึง 700000 คน มันเกือบจะเทียบได้กับราชันระดับ 9 เหล้านั้น
"เอาล่ะ ในเมื่อพวกเรามาถึงที่นี้กันแต่เช้า พวกเรามาพูดถึงเรื่องเส้นทางการบินกันดีกว่า น้องหลิน เจ้าตกลงหรือไม่"
เมื่อคนอื่นๆได้ยินคำพูดนั้น พวกเขาก็หันมามองที่หลิน ยู เพื่อขอความเห็น ถึงแม้หลิน ยู จะอ่อนแอกว่าพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ดูถูกหลิน ยู แม้แต่น้อย
การที่พวกเขาสามารถก้าวไปสู่ระดับ 8 ได้นั้น แสดงให้เห็นว่าความเขานั้นไม่ใช่คนธรรมดา
พวกเขานั้นสัมผัสได้ว่าหลิน ยู นั้นเป็นคนพิเศษ
ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาหาของหายากอย่างยานพาหนะขนาดใหญ่ได้ แสดงความแข็งแกร่งของเขาต้องไม่อ่อนแออีกทั้งยังมีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
การเป็นเพื่อนที่ดีกับเขาในเวลานี้ถือซะว่าเป็นการวางรากฐานสำหรับพันธมิตรในอนาคต
เป็นธรรมดาที่ หลิน ยู จะไม่รู้ว่าพวกเขานั้นคิดอะไรกันอยู่
เมื่อเห็นความเขาทั้งหมดมองมาที่เขา เขาก็ยิ้มออกมา "แน่นอน พวกเรามาเริ่มกันเถอะ แต่ก่อนหน้านั้นฉันแสดงบางอย่างให้ทุกท่านได้เห็น"
และเมื่อหลิน ยู พูดจบเขาก็หยอบพิมพ์เขียวสีทองออกมาจากกระเป๋ามิติของเขา มาปรากฏแก่สายตาของทุกคน
"นี้มัน...!"
หญิงสาวที่อยู่เพียงคนเดียวในห้องนี้เปิดปากของเธอออกมา แววตาของเธอแสดงความตื่นเต้นออกมา
พิมพ์เขียวสีทองนี้แม้แต่เธอก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ตรวจพิมพ์เขียวทีละคน
เมื่อพวกเขาเห็นคำว่า หายาก ที่อยู่ด้านบนและแถวข้อมูลที่อยู่ด้านล่างดวงตาของพวกเขาก็เบิกกว้างขึ้นทันที
"นี้มันเป็นพิมพ์เขียวหายากจริงๆ"
"กลายเป็นว่ามันคือเรือเวทย์มนต์ที่หาได้ยากนี้เอง"
"มันบรรทุกคนจำนวนมากขนาดนั้นได้อย่างไรกัน"
"นี้เป็นยานพาหนะที่ทรงพลังที่สุดที่ฉันเคยเห็นมา"
เสียงร้องของราชันหลายคนดังก้องอยู่ภายในห้องส่วนตัว
และหลิน ยู ที่นำมันออกมาให้ดูก็ได้นำพิมพ์เขียวสีทองนี้เก็บไปยังกระเป๋ามิติของเขาอีกครั้ง
เหตุผลที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อให้พวกเขามั่นใจ อีกทั้งยังแสดงความจริงใจของเขาออกมาอีกด้วย
เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้
หลังจากที่ได้เห็นข้อมูลของเรือเหาะเวทย์มนต์ ซง เหล่ย และคนอื่นๆคลายข้อสงสัยลงอีดทั้งยังกระตือรือร้นมากขึ้นด้วย
ด้วยการเคลื่อนไหวของ หลิน ยู จึงทำให้การเจรจาที่ตามมาเป็นธรรมดาที่จะเป็นไปอย่างราบรื่น
นี้คือเรื่องราวมั้งหมด
ในเวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมง หลิน ยู ออกจากโรงน้ำชามาพร้อมแกนพลังงานกว่า 10 อัน และมุ่งหน้าไปยังดินแดนทันที
[แกนพลังงาน (ขนาดใหญ่) : ใช้สำหรับสร้างยานพาหนะขนาดใหญ่ผลิตโดย "โรงงานจักรกล" ซึ่งเป็นอาคารเฉพาะที่อยู่ดินแดนของเผ่าจักรกล ]
นี้เป็นครั้งแรกที่หลิน ยู ได้เห็นของที่สร้างได้เฉพาะเผ่าเท่านั้น
หากเขาเดาถูก
โรงงานจักรกลแห่งนี้น่าจะเหมือนกับเผ่าพฤกษาของเขาที่มีความสามารถ "จัดหาไม้ได้เอง" ซึ่งเป็นความสามารถของแต่ละเผ่าพันธุ์
ด้วยสิ่งนี้ ทำให้ดินแดนประเภทอื่นๆ น่าจะมีข้อได้เปรียบคล้ายๆกัน แต่เขามักไม่ได้ให้ความสนใจ
ตอนนีั้ได้เขาจาลึกล่องลอยมาแล้ว แกนพลังก็ได้มาแล้วเช่นกัน
เหลือเพียงแค่รวบรวมผงเวทย์มนต์ให้เพียงพอเพื่อสร้างเรือเหาะเวทย์มนต์สำหรับทดสอบการบิน
แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องให้การประมูลของหอการค้าชิงฟางเก่อสิ้นสุดลงซะก่อน เพื่อรับส่วนแบ่งที่เหลือก่อนที่เขาจะใช้มันซื้อผงเวทย์มนต์จำนวนมากได้
ตามที่ หลูเจิ้งซิง บอกก่อหน้านี้การประมูลจะถูกจัดขึ้นในตอนเที่ยง
เมื่อเห็นว่ายังมีเวลาเหลืออยู่ หลิน ยู จึงกลับไปยังดินแดนทั้งที โดยตั้งใจว่าจะทดสอบยานพาหนะอื่นๆของอู๋เรือเหาะก่อนที่ทำการทดสอบเรือเหาะเวทย์มนต์
อย่างไรก็ตาม ยานพาหนะขนาดเล็กเหล่านั้นสามารถสร้างขึ้นได้ด้วยวัสดุพื้นฐานเพียงไม่กี่อย่าง มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
แต่ในการทดสอบนั้น มันเป็นธรรมดาที่เขาต้องการหนูทดลอง
ในไม่ช้า เขาก็ขี่มังกรราชาปิศาจข้ามกำแพงเมืองบินผ่านสนามฝึก
"เหว่ย กัง พาคนมาด้วย 2-3 มาที่อู่เรือเหาะด้านนอกป่า"
ด้วยเสียงที่ดังลั่นของเขามันได้กระจายไปทั่วทั้งสนามฝึกทันที แม้แต่ผู้คนที่อยู่บนถนนใกล้เคียงก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
"มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมนายต้องเรียกท่านผู้บัญชาการเหว่ย ไปด้วย!"
"หรือว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!"
"เป็นไปได้ไหมว่าแม่ทัพเหว่ยทำให้นายท่านโมโห?"
"งั้นพวกเรารีบไปดูกันเถอะ"
ดังคำกล่าวที่ว่า การเฝ้าดูเรื่องสนุกไม่ใช่เรื่องใหญ่เสมอไป
เมื่อได้ยินเสียงคำรามของ หลิน ยู เหล่าชาวเมืองก็รีบออกไปเมืองไปยังด้านนอกของป่า
พวกเหว่ย กัง และกองกำลังที่ฝึกฝนอยู่นั้นไม่กล้าที่จะละเลยรีบออกจากเมืองไปพร้อมกับผู้ติดตาม 2-3 คนทันที
"ท่านผู้การเหว่ย ท่านคิดว่าทำไมจู่ๆ นายท่านมาหาท่านเพราะเรื่องอะไรกันแน่"
ระหว่างทาง มีหนึ่งในลูกน้องของ เหว่ย กัง อดไมไ่ด้ที่จะถามออกมา
"ข้าก็ไม่รู้" เหว่ย กัง ส่ายศรีษะออกมาจ้องมองไปที่เขา "บางทีอาจจะมีบางอย่างที่อยากจะบอกข้า"
แต่ในความจริงนั้นเหว่ยกัน เองก็ลนลานเช่นกัน เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำให้นายท่านถึงได้ตามหาเขาในเวลานี้
หรือเป็นเพราะเขาเผอิญไปพูดคุยกับราชัน เซียวฮัว ที่ทะเลทรายโกบีเมื่อไม่กี่วันก่อน?
หรือว่าที่เขาแอบไปหาช่างฝีมือเผ่าคนแคระเพื่อขอให้เขาช่วยสร้างอุปกรณ์ให้แล้วถูกจับได้เมื่อวานนี้?
ยิ่งคิดถึงเหว่ย กัง ก็ยิ่งเกิดความวิตกในใจ
นายท่านนั้นเป็นคนที่มีความสามารถมาก
เขาไม่สามารถที่จะซ่อนสิ่งเหล่านี้ได้ เขากลัวว่าตัวเองจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง ไม่อย่างนั้นก็คงถูกลงโทษให้เฝ้าประตูเมืองเป็นเวลหนึ่งเดือน
แต่ไม่ว่าเขาจะฝืนใจแค่ไหน เขาก็ต้องไปด้านนอกป่านั้นอยู่ดี
ด้านข้างได้มีชาวเมืองจำนวนมากได้มาชมการแสดง ต่างพากันจับกลุ่มไปยังอู่เรือเหาะ
เนื่องจากพวกเขาได้ค้นสิ่งก่อสร้างพิเศษนี้อยู่ด้านนอกป่า มันจึงเป็นเรื่องที่แปลกไม่น้อย
เหว่ย กัง เดินผ่านฝูงชนมา และในไม่ช้าเขาก็พบกับ หลิน ยู ที่กำลังจัดการสิ่งต่างๆอยู่ในอู่เรือเหาะ เขารีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
"นายท่าน ท่านมีธุระอะไรกับข้างั้นเหรอ"
เหว่ย กัง เดินเข้ามาหา หลิน ยู อย่างวิตกกังวล
จากนั้นเขาก็ประหลาดใจเมื่อพบว่าพื้นที่โล่งด้านหน้า หลิน ยู มีของแปลกๆที่เขาไม่เคยเห้นมาก่อน มันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นทันที
"อ่ะ นี้ของนาย"
หลิน ยู หัวศรีษะและโบกมือให้เขาและ 2 3 คนนั้นด้วยรอยยิ้ม
"ที่มาที่นี้ ฉันต้องให้พวกนายช่วยอะไรฉันบางอย่าง"
"ช่วย?"
เห่วย กัง ก้าวไปข้างหน้าด้วยในหน้าที่มึนงง
จากนั้นเขาก็เห็น หลิน ยู นำอุปกรณ์ปีกอะไรซักอย่างมายังด้านหลังเขา
"ลองสวมนี้ดูก่อน"
"ได้ขอรับ"
เหว่ย กัง เชื่อฟังอย่างว่าง่าย ยื่นมือออกไปเพื่อดึงสายรัดให้แน่น ติดปีกที่ว่าเข้าที่หลังตามคำแนะนำของ หลิน ยู
เมื่อมองเพียงแว่บแรก เขาดูราวกับเป็นมนุษย์นกจริงๆ ซึ่งมันทำให้เหว่ย กัง สังหรณ์ใจไม่ดี
และเขาก็พบว่าดูเหมือนจะมีชาวเมืองมาดูจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เฝ้ามองจากด้านข้าง
"นายท่านน.. นายท่านขอรับ เจ้านี้ไม่ใช่ว่ามันมีไว้เพื่อบินไปบนท้องฟ้างั้นหรือ?"
เหว่ย กัง กลืนน้ำลายดังเฮือกมองไปยังปีกที่อยู่บนหลังของเขาโดยไม่รู้ตัว
"ไม่ต้องกังวล ฉันจะให้มังกรราคาปิศาจคอยช่วยนาย ฉันไม่ปล่อยนายตกลงมาตายหรอกน๊า" หลิน ยู กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
แต่เมื่อคำพูดของเขาดังไปเข้าหู เหว่ย กัง มันก็ทำให้ใบหน้าของเหว่ย กัง ซีดลงทันที
"ท่านหมายความว่า..."
เหว่ย กังต้องการที่จะพูดอะไรมากกว่านี้
แต่ในวินาทีต่อมา ปึกที่อยู่ด้านหลังของเขาก็มีเสียง "ตูมมม" เปลวไฟถูกพ่นออกมาจำนวนมาก
จากนั้นเขาก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า เท้าของเขาค่อยๆอยู่ลอยขึ้น
และเมื่อเปลวไฟพุ่งสูงขึ้น ความเร็วในการพุ่งของเขาก็เร็วขึ้น เร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดก็มีเสียงดังคำรามราวกับม้าป่าพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า!
"โหวววว -- !!"
เหล่าชาวเมืองอยู่บริเวนอู่เรือเหาะตกอยู่ในความโกลาหล ดวงตาของพวกเขาถึงกับเบิกกว้าง
ผู้ฝึกตนระดับ 6 สามารถบินได้งั้นเหรอ?
ของวิเศษนั้นมันคืออะไรกัน
เมืองหวงซานั้นเป็นสถานที่ๆห่างไกล ทำไมผู้คนจำนวนมากไม่เคยไปยังเมืองใหญ่ที่เจริญแล้วมาทั้งชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้จักของสิ่งนี้ก็ไม่แปลก
บางคนอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมา
อย่างไรก็ตาม โดยไม่ให้เวลาพวกเขาคิดมากนัก ทันใดนั้นเสียงโหยหวนของ เหว่ย กัง ที่ดังราวกับหมูถูกเชือดก็ดังออกมาจากท้องฟ้า
มันได้ถูกขับเคลื่อนโดนปีกเจ็ท ร่างกายของเขาหมุนไปรอบๆบนท้องฟ้า ทำให้เวียนหัว
"ตั้งสติ! รักษาร่างกายของนายให้สมดุล"
หลิน ยู ที่รออยู่ด้านล่างพร้อมกับมังกรราชาปิศาจ 2 ตัว ตะโกนออกมาเสียงดัง
เหว่ย กัง ก็สมแล้วที่เป้นผู้ฝึกตนระดับ 6 สามารถในการควบคุมร่างกายของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก
ในที่สุดเขาก็สามารถความปีกเจ็ททะยานขึ้นไปบนอากาศได้แล้ว
"ฮ่าฮ่า ข้าบินได้ พระเจ้า ข้าบินได้แล้ว!!"
เมื่อมองไปยังผืนดินอันกว้างใหญ่ที่อยู่เบื้องล่าง เหว่ย กัง ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
บนเส้นท้างแห่งการฝึกตนนั้น นอกจากจะมีความสามารถพิเศษ โดยพวกทั่วไปพวกเขาต้องควบคุมกลับแห่งกฏและก้าวไปถึงระดับ 10 แล้วเท่านั้น พวกเขาถึงจะมีความสามารถบินบนท้องฟ้าได้
นั้นคือความฝันอันยิ่งใหญ่ของผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วน
แต่ตอนนี้ ด้วยปีกเจ็ทคู่นี้อยู่อยู่บนหลังของเขา ทำให้เขาสามารถบินขึ้นไปในอากาศได้สำเร็จ ไม่ต้องบอกเลยว่าเขารู้สึกตื่นเต้นแค่ไหน
เขาถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ
เขามีความสุขมาก แต่เขานั้นไม่ได้สังเกต
ว่าเมือเวลาผ่านไป เปลวไฟที่อยู่หลังปีกของเขาค่อยๆสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาบินถึงจุดสูงสุด มันก็ได้มีเสียง "โป๊ะ" ดังขึ้น
เปลวไฟได้ดับลง
ใช่ มันดับลงแล้ว....
.....
.....
"อ๊ากกก...."
เสียงร้องราวกับหมูถูกเชือด ดังก้องทั่วท้องฟ้าอีกครั้ง
ร่างกายของ เหว่ยกัง ที่มีน้ำหนักกว่า 100 ปอนด์ ตกลงสู่พื้นด้วยความเร็วสูง เขาตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี
โชคดีที่มังกราชาปิศาจตอบสนองได้ทันเวลา คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าบินไปรับเขาเอาไว้ได้ทัน ช่วยชีวิตน้อยๆได้หนึ่งชีวิต
"ดูเหมือนต้องเพิ่มเชื้อเพลิงเข้าไปอีกหน่อยหนึ่ง"
มองไปที่มังกรราชาปิศาจที่ค่อยๆบินลงมา หลิน ยู พูดอย่างแผ่วเบา
ราชันกลายพันธุ์ตอนที่ 259
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved