ตอนที่ 227 - บทที่ 227 เดินทางถึงดินแดนแห่งการบำเพ็ญเซียน มาเยือนแคว้นต้านฮุ่นเป็นครั้งแรก!

หลังผ่านไปครึ่งเดือน

ณ เทือกเขาซีหลิง แคว้นต้านฮุ่น

ร่างที่ดูเหมือนขอทานคนหนึ่ง กำลังลากร่างเสือดาวอสูรออกมาจากม่านหมอกอันลึกลับ ทั่วร่างเขาแผ่กลิ่นอายดุร้ายราวกับคนป่าเถื่อน

เมื่อมองไปยังทิวทัศน์กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาที่ปราศจากม่านหมอก และสูดกลิ่นอายพลังวิญญาณอันหอมหวานเข้มข้นจนน่าตกใจ

เว่ยฮั่นอดที่จะยิ้มน้อยๆ ด้วยความพึงพอใจไม่ได้ พลางพึมพำว่า "นี่คือโลกของเซียนงั้นหรือ? ทิวทัศน์งดงามจริงๆ!"

จริงๆ แล้วเขาสามารถออกจากม่านหมอกได้ภายในเวลาแค่ 3-5 วันเท่านั้น

แต่ยิ่งเดินลึกเข้าไป สัตว์อสูรที่พบเจอก็ยิ่งดุร้ายและน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ

ทำให้เขาต้องระมัดระวังในทุกย่างก้าว บางครั้งถึงขั้นต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อสังหารศัตรูอย่างรวดเร็ว จึงจะสามารถผ่านเส้นทางนี้ไปได้อย่างปลอดภัย

แน่นอนว่า ในป่าเขานั้นเขาก็ได้พบกับสมบัติล้ำค่าแปลกประหลาดที่เปี่ยมด้วยพลังวิญญาณอันทรงพลังมากมาย

เว่ยฮั่นไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้คือสมบัติอะไร!

แต่เขาคาดเดาว่าน่าจะเป็นของมีค่า

พอดีกับที่ตัวเขาเพิ่งออกมาจากดินแดนไร้พลังวิญญาณ ไม่มีอะไรติดตัวเลยสักอย่าง หินวิญญาณที่มีอยู่น้อยนิดก็ใช้หมดไปในการฝึกฝนตลอดสามปีที่ผ่านมา ตอนนี้การเก็บสมุนไพรวิเศษเพื่อนำไปขาย น่าจะทำให้เขาได้เงินทุนก้อนแรกสำหรับเริ่มต้น

นี่คือเหตุผลที่เว่ยฮั่นอยู่ในป่าเขานานถึงครึ่งเดือนเต็ม!

ตอนนี้ในพื้นที่เก็บของของระบบของเขามีสมุนไพรวิเศษ ผลไม้วิเศษ และพืชวิเศษนับร้อยชนิด รวมถึงสัตว์อสูรระดับหนึ่งขั้นกลางถึงต่ำอีกกว่าสิบตัว หนังสัตว์ เลือด และหัวใจของพวกมันล้วนแต่มีค่าพอที่จะแลกเป็นหินวิญญาณได้ทั้งนั้น

แต่ตอนนี้ เขาควรจะไปที่ไหนดี?

แม้จะออกจากม่านหมอกมาได้แล้ว

แต่มองไปทางไหนก็ไม่เห็นร่องรอยของผู้คน

มีเพียงแม่น้ำสายหนึ่งที่ทอดยาวไปทางเหนือ และถนนดินเส้นหนึ่งที่ทอดยาวออกไปจากเชิงเขา แถวนี้แม้แต่หมู่บ้านสักแห่งก็ไม่มี เว่ยฮั่นจึงไม่รู้เลยว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน และควรจะไปทางไหนดี

"เอ๊ะ?"

ในตอนนั้น เงาร่างสามร่างก็ปรากฏขึ้นในป่าที่อยู่ห่างออกไป

พวกเขาสวมเสื้อคลุมสีเทา ที่ขามีแผ่นยันต์ติดอยู่ ไม่ได้ขี่ดาบเหาะเหมือนเช่นเซียนทั่วไป แต่กลับวิ่งอย่างรวดเร็วอยู่ในป่าเขา

เมื่อเห็นเว่ยฮั่น พวกเขาก็หยุดฝีเท้าลง

ทั้งสามคนจัดท่าทางระวังตัว มองมาทางเขา ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก

"มีคนด้วยหรือ?" สายตาของเว่ยฮั่นเคร่งขรึมลง เขาประสานมือคำนับพลางกล่าวว่า "ขอถามสามท่านหน่อยขอรับ ที่นี่คือที่ใดกัน? ข้าน้อยหลงทางมา หวังว่าท่านจะชี้แนะให้ด้วย"

"ฮึ! เจ้าหนุ่มคงเพิ่งออกมาจากดินแดนไร้พลังวิญญาณสินะ?" ชายหนวดเคราที่เป็นหัวหน้าในสามคนถามอย่างไม่เป็นมิตร

เว่ยฮั่นขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร

เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เป็นเสื้อผ้าธรรมดา ในขณะที่อีกฝ่ายสวมเสื้อคลุมวิเศษ!

แม้ทั้งสามคนนี้จะดูไม่ได้ร่ำรวยอะไร เสื้อคลุมก็ซีดจางไปแล้ว แต่ก็ยังเปล่งประกายวิญญาณอ่อนๆ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาอย่างเขาที่มาจากโลกสามัญจะเทียบได้

การที่อีกฝ่ายมองออกถึงตัวตนของเขาในทันที ก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?

"ถูกต้องขอรับ" เว่ยฮั่นโยนร่างเสือดาวลงบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ สีหน้าสงบนิ่งแต่แฝงไปด้วยแววขบขัน "ข้าน้อยเพิ่งออกมาจากดินแดนไร้พลังวิญญาณ ขอถามหน่อยว่าที่นี่คือแคว้นต้านฮุ่นใช่หรือไม่?"

"ฮ่าๆๆ!"

ทั้งสามคนไม่ตอบคำถามของเขา แต่กลับหัวเราะลั่นจนตัวงอ

ราวกับกำลังหัวเราะเยาะคนบ้านนอกที่เพิ่งออกมาจากป่าเขา

ซึ่งตอนนี้เว่ยฮั่นก็ดูเหมือนคนบ้านนอกจริงๆ

เขายืนนิ่งให้อีกฝ่ายหัวเราะเยาะด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ มีเพียงความสงบและความนิ่งสนิทเท่านั้น

"ไอ้หนู นับว่าแกโชคดีนะที่ออกมาจากดินแดนไร้พลังวิญญาณได้" ในที่สุดชายหนวดเคราก็เอ่ยปากขึ้น พูดด้วยรอยยิ้มที่ดูกึ่งเยาะหยันว่า "ที่นี่คือแคว้นต้านฮุ่นจริงๆ สถานที่นี้มีชื่อว่าเทือกเขาซีหลิง ไปทางตะวันออกอีกหกสิบลี้มีเมืองซีซานอยู่ เป็นไงล่ะ? ชัดเจนพอไหม?"

"ขอบคุณที่ชี้แนะขอรับ" เว่ยฮั่นกล่าวขอบคุณอย่างสำนึกผิด

"ฮ่าๆๆ!"

ทั้งสามคนหัวเราะอย่างไม่เป็นมิตรอีกครั้ง

ราวกับกำลังจ้องมองเหยื่อด้วยสายตาเย้ยหยัน

"ไม่ต้องขอบคุณหรอก แค่จ่ายค่าบอกทางก็พอ" ชายหนวดเคราพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูกึ่งเยาะหยัน

"ค่าบอกทาง? ข้าน้อยไม่มีหินวิญญาณ และไม่มีของมีค่าใดๆ ติดตัวมา หากสามท่านต้องการเสือดาวตัวนี้ก็เอาไปได้นะขอรับ" เว่ยฮั่นแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวพลางยักไหล่

"อย่าเพิ่งรีบร้อนสิ!" ชายหนวดเคราปลอบโยนด้วยรอยยิ้ม "ไม่มีหินวิญญาณก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าร่างกายแข็งแรงนี่นา ได้ยินมาว่าพวกที่ออกมาจากดินแดนไร้พลังวิญญาณ ล้วนแต่เป็นนักฝึกฝนร่างกายที่เก่งกาจ เป็นแรงงานฝีมือดีในการขุดเหมืองทีเดียว"

"ใช่ๆ ถ้าขายเข้าเหมืองแร่ คงได้เงินก้อนโตเลยนะ!"

"ไอ้หนู แกโชคดีจริงๆ!"

ทั้งสามคนผลัดกันพูดคนละประโยคสองประโยค!

แล้วแยกย้ายกันล้อมเว่ยฮั่นเอาไว้จากสามทิศทาง

เว่ยฮั่นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แกล้งทำท่าตกใจจะหันหลังวิ่งหนี

เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้น ทั้งสามคนก็ยิ่งตื่นเต้นพุ่งเข้ามาหมายจะจับตัว

"ไอ้หนู ยังจะหนีอีก? เจอพวกข้าเข้าไปนับว่าโชคร้ายของแกแล้ว!"

"ไอ้เวร ยังไม่รีบคุกเข่าลงอีก"

ทั้งสามคนตวาดลั่น ดาบบินสามเล่มพุ่งแหวกอากาศเข้ามาหมายจะแทงเว่ยฮั่น

"ฮึ!"

เว่ยฮั่นหยเว่ยฮั่นหยุดฝีเท้าลงทันใด ในชั่วพริบตาถัดมาเขาก็กระโจนเข้าโจมตีอย่างดุดัน

วิชาระเบิดพลัง เปิด!

วิชาเกราะช้าง เปิด!

ร่างกายของเว่ยฮั่นที่แต่เดิมก็สูงใหญ่อยู่แล้ว เมื่อเปิดใช้วิชาลับทั้งสองพร้อมกัน ร่างกายของเขาก็พลันขยายใหญ่ขึ้นราวกับยักษ์เขียวกลายร่าง ในชั่วพริบตาเดียวก็สูงถึงกว่าหนึ่งจั้ง

กล้ามเนื้อของเขาใหญ่โตมโหฬาร ผิวหนังแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า!

ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยเกราะพลังอาถรรพ์หนาทึบ ดูน่าเกรงขามราวกับปีศาจร้าย

แม้แต่ความเร็วและพละกำลังก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

"วิชาเผาผลาญอายุขัยวิปลาส เปิด!"

เว่ยฮั่นเรียกง้าวฟางเทียนฮวาออกมาจากพื้นที่เก็บของในระบบ ขาทั้งสองข้างที่หนาเท่าถังน้ำกระทืบพื้นอย่างแรง ทั้งร่างก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ หลบหลีกการโจมตีของดาบบินทั้งสามเล่มได้อย่างง่ายดาย

ในชั่วขณะถัดมา รอบกายเขาก็มีม่านเลือดน่าสยดสยองลอยวนเวียน!

ง้าวฟางเทียนฮวาในมือเขาฟาดฟันราวกับขวานยักษ์ พุ่งเข้าบดขยี้ทั้งสามคนอย่างดุร้าย

"ฮึ่ก!"

ทั้งสามคนตกใจจนสูดลมหายใจเฮือก

นี่มันอสูรอะไรกัน? นักฝึกฝนร่างกายที่ออกมาจากดินแดนไร้พลังวิญญาณน่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ?

"ระวัง!"

"ฆ่ามันซะ!"

ทั้งสามคนรีบร่ายคาถาเรียกดาบบินของตัวเองกลับมาอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับตบเสื้อคลุมวิเศษ โล่พลังกลมๆ ก็ปรากฏขึ้นปกป้องพวกเขาทันที

ประสบการณ์การต่อสู้ของทั้งสามคนนั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!

เว่ยฮั่นไม่อาจมองออกถึงระดับพลังที่แท้จริงของพวกเขา!

เพียงแต่เห็นว่าพวกเขากำลังควบคุมดาบบินไปพร้อมๆ กับท่องคาถาเตรียมจะใช้วิชา ก็รู้ว่าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะรับมือได้ง่ายๆ

"ฮิฮิฮิฮิ!"

ยีนแห่งความบ้าคลั่งในตัวเว่ยฮั่นถูกจุดขึ้นในชั่วขณะนั้น

เขาพุ่งลงมาจากท้องฟ้าราวกับเทพเจ้าแห่งสงคราม ง้าวในมือฟาดฟันเป็นเงาพราวไปทั่ว โหมกระหน่ำใส่ชายหนวดเคราอย่างบ้าคลั่งไร้ปรานี

"ตูม! ตูม! ตูม!"

ในชั่วพริบตาเดียว โล่ป้องกันของชายหนวดเคราก็ถูกโจมตีนับร้อยครั้ง!

ท่ามกลางฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจาย เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้น

เมื่อเงาง้าวของเว่ยฮั่นหายไป บนพื้นก็เหลือเพียงกองเนื้อแหลกเละ

ทั้งชายหนวดเคราและโล่ป้องกันถูกบดขยี้จนแหลกละเอียด แม้แต่ดาบบินสามเล่มที่พุ่งเข้ามาแทงจากด้านหลังก็ถูกเขาสะบัดทิ้งไปอย่างง่ายดาย

"แค่นี้เองหรอ?"

เว่ยฮั่นถึงกับตะลึงงัน

เขานึกว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่านี้เสียอีก ถึงขนาดที่เขาต้องเปิดใช้วิชาเผาผลาญอายุขัยวิปลาส ซึ่งแต่ละครั้งที่โจมตีจะลดอายุขัยลงหนึ่งปีแลกกับพลังที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า

แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ถูกสังหารได้ง่ายดายขนาดนี้? ช่างน่าขันจริงๆ!

"เจ้า... เจ้า..."

อีกสองคนที่เหลือเห็นเหตุการณ์แบบนั้นก็ตกใจจนแทบฉี่ราด

นี่มันปีศาจร้ายที่โผล่มาจากไหนกัน?

"ดูเหมือนพวกเจ้าจะอ่อนแอไปหน่อยนะ" เว่ยฮั่นเงยหน้าขึ้นยิ้มเยาะอย่างผิดหวัง "อุตส่าห์ตื่นเต้นสักที แต่กลับทำให้ข้ารู้สึกไม่สะใจเอาเสียเลย"