ตอนที่ 276 : มุ่งหน้าสู่เมืองรัตติกาลทมิฬ! บังเอิญเข้าไปในท้องของมังกรอัสนีกลืนนภา!

“อะไรนะขอรับ?! เจ้าตะวันสาดแสงเลื่อนอันดับสู่อันดับเทวะขั้นสูงโดยไม่ใช้พลังของเจตจำนงผู้พิฆาตมังกรงั้นเหรอ?”

ร็อบมองไปยังอาจารย์ที่อยู่ตรงข้ามกับเขาด้วยความประหลาดใจ

ไป่เหอนั่งอยู่บนบัลลังก์ปีศาจสีดำโลหิต หลังจากได้ยินคำพูดของลูกศิษย์ เขาก็พยักหน้าอย่างใจเย็น

“เป็นไปได้ยังไงกัน? เขาเอาชนะลอร์ดชั้นสูงจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ โดยไม่มีความช่วยเหลือของเจตจำนงผู้พิฆาตมังกรได้ยังไงกัน? เขาน่าจะต้องแพ้ไปแล้วสิถ้าเขาเจอกับลอร์ดมังกรเลือดบริสุทธิ์หรือลอร์ดที่มีสายเลือดของจิตวิญญาณเทพเจ้า?”

ร็อบยังพบว่ามันยากที่จะเชื่อได้

เขาตรวจสอบสายเลือดของเผ่าพันธุ์มนุษย์จากดาวเคราะห์สีน้ำเงินมาแล้ว

มันถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้น

ไม่ต้องพูดถึงในสภาพแวดล้อมของลอร์ดแห่งทุกเผ่าพันธุ์

มันยากมากที่จะเอาชนะลอร์ดระดับแนวหน้าของเผ่าพันธุ์อื่นได้แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่สุดยอดก็ตาม พูดตามเหตุผลแล้วพวกเขาไม่ควรได้รับผลลัพธ์ที่ดีในสถานที่อย่างสมรภูมิแห่งลอร์ดเลยใช่ไหม?

“เขาทำได้ยังไงกัน?”

ร็อบพึมพำ

“พวกเราไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซงไม่ว่าเขาจะทำมันสำเร็จได้ยังไง นอกจากนี้พวกเราก็ควรจะดีใจด้วยเนื่องจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเรามีลอร์ดมนุษย์ที่โดดเด่นเช่นนี้ โอ้ใช่ เจ้าตะวันสาดแสงยังไม่ได้สืบทอดมรดกผู้กล้าใช่ไหม?”

ไป่เหอถามขึ้นมาในทันใด

“ยังขอรับ”

ร็อบกล่าว

ไป่เหอครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะและกล่าวว่า “จัดประชุมสามกษัตริย์ จัดหามรดกผู้กล้าที่เหมาะสมกับเจ้าตะวันสาดแสง”

ร็อบผงะไป

มันมีมรดกผู้กล้าอยู่เป็นจำนวนจำกัด ดังนั้นมรดกผู้กล้าแต่ละอันจึงมีค่ามาก

เพื่อคัดเลือกผู้สืบทอดมรดกผู้กล้า ไป่เหอในฐานะเจ้าวิหารอัศวินจึงไม่สามารถตัดสินใจได้โดยลำพัง เขาต้องรวบรวมมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อจัดประชุมพิเศษเพื่อหารือกัน หลังจากการประชุมผ่านไปแล้ว เขาจึงจะสามารถตัดสินใจขั้นสุดท้ายได้

การประชุมสามกษัตริย์คือหนึ่งในการประชุมดังกล่าว!

โดยปกติแล้วมันจะถูกใช้เพื่อหารือเรื่องผู้สืบทอดมรดกผู้กล้าระดับเหนือสามัญ!

สำหรับผู้สืบทอดมรดกผู้กล้าระดับสูงกว่านี้ พวกเขาก็ต้องตัดสินใจกันในการประชุมกษัตริย์ระดับสูงขึ้น

จากสิ่งนี้ มันจะเห็นได้เลยว่าตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกผู้กล้านั้นมีค่าแค่ไหน!

เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าตะวันสาดแสงจะโชคดีขนาดนี้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ร็อบก็คิดถึงความสำเร็จของอีกฝ่ายและเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมอาจารย์ของเขาถึงตัดสินใจเช่นนี้

“ขอรับท่านอาจารย์ ข้าจะไปเตรียมการประชุมสามกษัตริย์เดี๋ยวนี้เลย”

หลังจากนั้นร็อบก็จากไป

หลังจากไป่เหอเห็นศิษย์ของเขาจากไป เขาก็หันไปมองทิวทัศน์ของเมืองตะวันสาดแสงนอกหน้าต่างและดวงอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นในระยะไกล

“เจ้าตะวันสาดแสง… ข้าหวังว่าเจ้าจะกลายเป็นดวงตะวันดวงใหม่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เราได้จริงๆ”

เขาพูดเบาๆ

หลังจากนั้นไม่นาน ตรงหน้าของเมืองตะวันสาดแสง

ทหารของกองทัพตะวันสาดแสง 82,692 คน และสมาชิกของกองทัพมอนสเตอร์ 4,378 ตัวได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่

นอกเหนือจากความจริงที่ว่าบางทีมในกองทัพมอนสเตอร์ไม่เป็นระเบียบ ทหารคนอื่นๆ ของกองทัพตะวันสาดแสงต่างก็ยืนตัวตรง คิ้วของพวกเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นทหารเจนศึก!

นอกเหนือจากนั้น เกราะและอาวุธของพวกเขายังทำขึ้นจากช่างตีเหล็กในดินแดน พวกเขาต่างก็สวมไอเท็มที่เหมาะสมกับความแข็งแกร่งและระดับของตัวเอง ซึ่งพวกเขาไม่จำเป็นต้องซื้อพวกมันเลย เพราะดินแดนจะมอบอุปกรณ์สวมใส่ที่เหมาะสมกับความแข็งแกร่งของพวกเขาให้ฟรีๆ!

โจวโจวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

การสู้รบจำนวนมากในแต่ละวันไม่เพียงแต่นำผลลัพธ์อันรุ่งโรจน์มาให้เขาเท่านั้น แต่ยังช่วยให้กองทัพของเขาเติบโตเป็นกองทัพชั้นยอดได้อย่างรวดเร็วด้วย!

มันไม่สูญเปล่าเลยที่เขาได้ทุ่มความพยายามและทรัพยากรไปเป็นจำนวนมากกับคำพวกนี้!

เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นเขาก็เรียกไปอี้เข้ามาและบอกให้เธอเลือกทหาร 10,000 คนไว้คอยคุ้มกันเมืองตะวันสาดแสง

ทหาร 10,000 คนก็เพียงพอแล้ว

เพราะดินแดนของเขามีการปกป้องจากบาเรียสูงสุด และมันก็ยังมีหอคอยออโรร่าอยู่บนกำแพงเมืองด้วย นอกจากนี้เขายังมีพรสวรค์แห่งลอร์ดอย่างกลับสู่เมืองและอวตารค้างคาวโลหิตด้วย เขาสามารถรับรู้สถานการณ์ในเมืองตะวันสาดแสงได้ตลอดและสามารถกลับมาได้ทันแน่ๆ

ภายใต้มาตรการเช่นนี้ การทิ้งทหารไว้ 10,000 คนก็แค่เผื่อไว้เท่านั้น

เขาไม่เสียเวลาอีก เขาสั่งให้ทหารและมอนสเตอร์ทั้งหมดขึ้นไปบนภูติทมิฬและบินไปยังเมืองรัตติกาลทมิฬ

หลังจากผ่านไปกว่า 1 นาที พวกเขาก็บินมาถึงแดนต้องห้ามพายุทรายแล้ว

10,000 เมตรเหนือพื้นดิน

“พระเจ้าช่วย…”

โจวโจวยืนอยู่ตรงหน้าต่างและมองทิวทัศน์ด้านนอกด้วยความประหลาดใจ

พายุทอร์นาโดสีเทาดำและพายุทรายรวมตัวกันอย่างหนาแน่น ก่อตัวเป็นฉากที่น่ากลัวราวกับอเวจีแห่งพายุทราย

“ฉันคิดว่าพายุทรายในแดนต้องห้ามพายุทรายจะไม่ส่งผลกระทบต่อฉันอย่างแน่นอนที่ระดับความสูง 10,000 เมตร แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ ที่ความสูงระดับนี้ยังหลบพายุทรายไม่พ้นอีก”

โจวโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย

นี่คือความแข็งแกร่งของผู้กล้าระดับตำนานขั้นสูงงั้นเหรอ?

“ท่านลอร์ด ท่านอยากให้ข้าบินสูงขึ้นไปกว่านี้ไหมเจ้าคะ?”

เสียงของเหวินหยาดังขึ้น

“จัดการเลย!”

โจวโจวพูดออกมา

เขาอยากจะเห็นเหมือนกันว่าพายุทรายในแดนต้องห้ามพายุทรายจะสูงแค่ไหน

นอกจากนี้เขายังไม่เคยเห็นท้องฟ้าที่สูงขนาดนี้มาก่อน เขาจึงอยากจะไปเห็นว่ามันจะมีอะไรต่างจากพื้นเบื้องล่างไหม

“เจ้าค่ะท่านลอร์ด!”

เหวินหยาไต่ระดับความสูงต่อ

จากนั้นโจวโจวก็เห็นภูติทมิฬไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

11,000 เมตร…

13,000 เมตร…

15,000 เมตร…

ความสูงระดับนี้เกินกว่าระยะการป้องกันของบาเรียสูงสุดแล้ว สีหน้าของโจวโจวจริงจังขึ้นมาทันที

18,000 เมตร…

20,000 เมตร…

ในทันใดนั้นเอง ในที่สุดโจวโจวและคนอื่นๆ ก็ลอยผ่านความสูงของพายุทรายและมาอยู่เบื้องบนของพายุ

โจวโจวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ในที่สุดพวกเขาก็บินข้ามมันไปได้

เขาคิดว่าราชาแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์ช่างทรงพลังจางๆ ที่สามารถสร้างพายุที่มีความสูงกว่า 20,000 เมตรได้

“บินข้ามแดนต้องห้ามพายุทรายไปเลย! มุ่งหน้าต่อไปทางเมืองรัตติกาลทมิฬ และให้หยุดเมื่อพวกเราผ่านป่าเขียว ข้าวางแผนที่จะยึดป่าเขียวและภูมิภาคระดับเงินขาวอีกแห่งที่อยู่ทางใต้!”

“หลังจากพิชิตภูมิภาคระดับเงินขาวทั้งสองแห่งนี้แล้ว พวกเราก็จะเปิดทางจากแดนต้องห้ามพายุทรายไปยังเมืองรัตติกาลทมิฬได้ เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราก็จะสามารถโจมตีและตั้งรับได้ เมื่อพวกเราโจมตีเมืองรัตติกาลทมิฬ พวกเราก็จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นอีก”

โจวโจวครุ่นคิด

แม้ว่าเขาจะมีข้อตกลงกับราชาแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาที่จะผ่านแดนต้องห้ามพายุทรายโดยตรง เพราะในฐานะลอร์ด เขาเองก็มีหน้าที่ต้องสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบดินแดนของเขา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานที่อย่างบนท้องฟ้า!

มันเป็นธรรมดาที่บนท้องฟ้าของดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะไม่มีอะไรให้สำรวจ แต่กับทวีปจื้อเกาล่ะ? บางทีมันอาจจะมีสมบัติอยู่บนท้องฟ้าก็ได้ใช่ไหม?

หรือว่ามันอาจจะมีดินแดนอยู่บนท้องฟ้าที่สามารถพิชิตได้ด้วย?

โจวโจวย่อมใคร่รู้ในเรื่องนี้

“เจ้าค่ะท่านลอร์ด!”

เหวินหยาออกเดินทางต่อ

อึดใจต่อมา มันก็มีแสงสีแดงสว่างวาบขึ้นมาในห้องของเขา

[คำเตือน! คำเตือน!]

[มีสิ่งมีชีวิตอันทรงพลังกำลังขยับเข้ามาใกล้ภูติทมิฬ!]

[ระดับพลังงาน: ระดับตำนานขั้นต้น]

[ข้อเสนอ: หลบหนี!]

เสียงสังเคราะห์ของเหวินหยาดังขึ้น

ในเวลาเดียวกัน หน้าจอเสมือนจริงสีดำก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของโจวโจวในทันใด

มันมีภาพๆ หนึ่งฉายอยู่

ในเมฆดำที่มีสายฟ้าทอประกาย สัตว์ประหลาดยักษ์สีน้ำเงินดำตัวหนึ่งที่มีปีกกว้างกว่า 1,000 เมตรกำลังบินเข้าหาภูติทมิฬด้วยความเร็วสูงมาก

โจวโจวมองไปที่มัน และข้อมูลของมันก็ปรากฏขึ้นมา

[ชื่อมอนสเตอร์: มังกรอัสนีกลืนนภา – ไซม่อน (ลอร์ดสีชาดแห่งอาณาจักรสีชาด)]

[ระดับความแข็งแกร่ง: ระดับตำนานขั้นต้น]

[ไอเท็มดรอป: แกนหมอกระดับตำนาน 200 ชิ้น (อัตราการดรอป: 100%), คริสตัลต้นกำเนิด 500 อัน (อัตราการดรอป: 100%), อุปกรณ์สวมใส่ระดับตำนานขั้นต้น-ศิลาเทวะกลืนนภา 1 อัน (อัตราการดรอป: 10%), หนังสือทักษะระดับตำนานขั้นต้น-พายุสายฟ้า 1 เล่ม (อัตราการดรอป: 5%), หนังสือทักษะระดับตำนานขั้นต้น-ท้องกลืนนภา (อัตราการดรอป: 5%), ไอเท็มระดับตำนานขั้นต้น-ปีกสายฟ้าออโรร่า 1 อัน (อัตราการดรอป: 2%), หนังสือรับสมัครนักปรุงยาระดับตำนานขั้นต้น 1 เล่ม (อัตราการดรอป: 1%), หนังสือรับสมัครนักเล่นแร่แปรธาตุระดับตำนานขั้นต้น 1 เล่ม (อัตราการดรอป: 1%)]

“เร็ว! เร็วเข้า! บินไปทางพายุทราย!”

เมื่อโจวโจวเห็นข้อมูลของอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกว่าหนังศีรษะของเขาชาไปในทันที

ลอร์ดสีชาดแห่งอาณาจักรสีชาดระดับตำนานขั้นต้น!

แม้พวกเขาจะโจมตีเต็มกำลังก็คงไม่อาจทำให้สัตว์ประหลาดตัวนี้สะดุ้งสะเทือนได้เลย

หนี!

พวกเขาต้องหนี!

“เจ้าค่ะ!”

เสียงของเหวินหยาดังขึ้นในใจของโจวโจว

ในเวลาเดียวกัน ภูติทมิฬก็เปลี่ยนทิศทางในทันใดและบินไปทางพายุทรายด้วยความเร็วเต็มกำลัง

ภูติทมิฬและพายุทรายขยับเข้าใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ

แต่ในเวลานั้นเอง ความมืดก็เข้าปกคลุมภูติทมิฬในทันใด

โจวโจวรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้ฝ่าเท้าของเขาก่อนที่มันจะสงบลง

เขามองออกไปนอกหน้าต่าง และพบว่าข้างนอกหน้าต่างเป็นสีดำสนิท

“พวกเราเข้ามาในพายุทรายแล้วเหรอ?”

โจวโจวถาม

“พวกเราเข้ามาแล้ว…”

เหวินหยาตอบกลับมา

โจวโจวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“เข้ามาในท้องของมังกรอัสนีกลืนนภา”

เหวินหยาพูดต่อจนจบ

โจวโจว “...”