“อะไรนะขอรับ?! เจ้าตะวันสาดแสงเลื่อนอันดับสู่อันดับเทวะขั้นสูงโดยไม่ใช้พลังของเจตจำนงผู้พิฆาตมังกรงั้นเหรอ?”
ร็อบมองไปยังอาจารย์ที่อยู่ตรงข้ามกับเขาด้วยความประหลาดใจ
ไป่เหอนั่งอยู่บนบัลลังก์ปีศาจสีดำโลหิต หลังจากได้ยินคำพูดของลูกศิษย์ เขาก็พยักหน้าอย่างใจเย็น
“เป็นไปได้ยังไงกัน? เขาเอาชนะลอร์ดชั้นสูงจากเผ่าพันธุ์อื่นๆ โดยไม่มีความช่วยเหลือของเจตจำนงผู้พิฆาตมังกรได้ยังไงกัน? เขาน่าจะต้องแพ้ไปแล้วสิถ้าเขาเจอกับลอร์ดมังกรเลือดบริสุทธิ์หรือลอร์ดที่มีสายเลือดของจิตวิญญาณเทพเจ้า?”
ร็อบยังพบว่ามันยากที่จะเชื่อได้
เขาตรวจสอบสายเลือดของเผ่าพันธุ์มนุษย์จากดาวเคราะห์สีน้ำเงินมาแล้ว
มันถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเผ่าพันธุ์มนุษย์เท่านั้น
ไม่ต้องพูดถึงในสภาพแวดล้อมของลอร์ดแห่งทุกเผ่าพันธุ์
มันยากมากที่จะเอาชนะลอร์ดระดับแนวหน้าของเผ่าพันธุ์อื่นได้แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากพรสวรรค์แห่งลอร์ดที่สุดยอดก็ตาม พูดตามเหตุผลแล้วพวกเขาไม่ควรได้รับผลลัพธ์ที่ดีในสถานที่อย่างสมรภูมิแห่งลอร์ดเลยใช่ไหม?
“เขาทำได้ยังไงกัน?”
ร็อบพึมพำ
“พวกเราไม่มีสิทธิ์เข้าไปแทรกแซงไม่ว่าเขาจะทำมันสำเร็จได้ยังไง นอกจากนี้พวกเราก็ควรจะดีใจด้วยเนื่องจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเรามีลอร์ดมนุษย์ที่โดดเด่นเช่นนี้ โอ้ใช่ เจ้าตะวันสาดแสงยังไม่ได้สืบทอดมรดกผู้กล้าใช่ไหม?”
ไป่เหอถามขึ้นมาในทันใด
“ยังขอรับ”
ร็อบกล่าว
ไป่เหอครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะและกล่าวว่า “จัดประชุมสามกษัตริย์ จัดหามรดกผู้กล้าที่เหมาะสมกับเจ้าตะวันสาดแสง”
ร็อบผงะไป
มันมีมรดกผู้กล้าอยู่เป็นจำนวนจำกัด ดังนั้นมรดกผู้กล้าแต่ละอันจึงมีค่ามาก
เพื่อคัดเลือกผู้สืบทอดมรดกผู้กล้า ไป่เหอในฐานะเจ้าวิหารอัศวินจึงไม่สามารถตัดสินใจได้โดยลำพัง เขาต้องรวบรวมมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อจัดประชุมพิเศษเพื่อหารือกัน หลังจากการประชุมผ่านไปแล้ว เขาจึงจะสามารถตัดสินใจขั้นสุดท้ายได้
การประชุมสามกษัตริย์คือหนึ่งในการประชุมดังกล่าว!
โดยปกติแล้วมันจะถูกใช้เพื่อหารือเรื่องผู้สืบทอดมรดกผู้กล้าระดับเหนือสามัญ!
สำหรับผู้สืบทอดมรดกผู้กล้าระดับสูงกว่านี้ พวกเขาก็ต้องตัดสินใจกันในการประชุมกษัตริย์ระดับสูงขึ้น
จากสิ่งนี้ มันจะเห็นได้เลยว่าตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกผู้กล้านั้นมีค่าแค่ไหน!
เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าตะวันสาดแสงจะโชคดีขนาดนี้
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ร็อบก็คิดถึงความสำเร็จของอีกฝ่ายและเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมอาจารย์ของเขาถึงตัดสินใจเช่นนี้
“ขอรับท่านอาจารย์ ข้าจะไปเตรียมการประชุมสามกษัตริย์เดี๋ยวนี้เลย”
หลังจากนั้นร็อบก็จากไป
หลังจากไป่เหอเห็นศิษย์ของเขาจากไป เขาก็หันไปมองทิวทัศน์ของเมืองตะวันสาดแสงนอกหน้าต่างและดวงอาทิตย์ที่เพิ่งขึ้นในระยะไกล
“เจ้าตะวันสาดแสง… ข้าหวังว่าเจ้าจะกลายเป็นดวงตะวันดวงใหม่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์เราได้จริงๆ”
เขาพูดเบาๆ
…
หลังจากนั้นไม่นาน ตรงหน้าของเมืองตะวันสาดแสง
ทหารของกองทัพตะวันสาดแสง 82,692 คน และสมาชิกของกองทัพมอนสเตอร์ 4,378 ตัวได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่
นอกเหนือจากความจริงที่ว่าบางทีมในกองทัพมอนสเตอร์ไม่เป็นระเบียบ ทหารคนอื่นๆ ของกองทัพตะวันสาดแสงต่างก็ยืนตัวตรง คิ้วของพวกเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นทหารเจนศึก!
นอกเหนือจากนั้น เกราะและอาวุธของพวกเขายังทำขึ้นจากช่างตีเหล็กในดินแดน พวกเขาต่างก็สวมไอเท็มที่เหมาะสมกับความแข็งแกร่งและระดับของตัวเอง ซึ่งพวกเขาไม่จำเป็นต้องซื้อพวกมันเลย เพราะดินแดนจะมอบอุปกรณ์สวมใส่ที่เหมาะสมกับความแข็งแกร่งของพวกเขาให้ฟรีๆ!
โจวโจวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
การสู้รบจำนวนมากในแต่ละวันไม่เพียงแต่นำผลลัพธ์อันรุ่งโรจน์มาให้เขาเท่านั้น แต่ยังช่วยให้กองทัพของเขาเติบโตเป็นกองทัพชั้นยอดได้อย่างรวดเร็วด้วย!
มันไม่สูญเปล่าเลยที่เขาได้ทุ่มความพยายามและทรัพยากรไปเป็นจำนวนมากกับคำพวกนี้!
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นเขาก็เรียกไปอี้เข้ามาและบอกให้เธอเลือกทหาร 10,000 คนไว้คอยคุ้มกันเมืองตะวันสาดแสง
ทหาร 10,000 คนก็เพียงพอแล้ว
เพราะดินแดนของเขามีการปกป้องจากบาเรียสูงสุด และมันก็ยังมีหอคอยออโรร่าอยู่บนกำแพงเมืองด้วย นอกจากนี้เขายังมีพรสวรค์แห่งลอร์ดอย่างกลับสู่เมืองและอวตารค้างคาวโลหิตด้วย เขาสามารถรับรู้สถานการณ์ในเมืองตะวันสาดแสงได้ตลอดและสามารถกลับมาได้ทันแน่ๆ
ภายใต้มาตรการเช่นนี้ การทิ้งทหารไว้ 10,000 คนก็แค่เผื่อไว้เท่านั้น
เขาไม่เสียเวลาอีก เขาสั่งให้ทหารและมอนสเตอร์ทั้งหมดขึ้นไปบนภูติทมิฬและบินไปยังเมืองรัตติกาลทมิฬ
หลังจากผ่านไปกว่า 1 นาที พวกเขาก็บินมาถึงแดนต้องห้ามพายุทรายแล้ว
10,000 เมตรเหนือพื้นดิน
“พระเจ้าช่วย…”
โจวโจวยืนอยู่ตรงหน้าต่างและมองทิวทัศน์ด้านนอกด้วยความประหลาดใจ
พายุทอร์นาโดสีเทาดำและพายุทรายรวมตัวกันอย่างหนาแน่น ก่อตัวเป็นฉากที่น่ากลัวราวกับอเวจีแห่งพายุทราย
“ฉันคิดว่าพายุทรายในแดนต้องห้ามพายุทรายจะไม่ส่งผลกระทบต่อฉันอย่างแน่นอนที่ระดับความสูง 10,000 เมตร แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ ที่ความสูงระดับนี้ยังหลบพายุทรายไม่พ้นอีก”
โจวโจวขมวดคิ้วเล็กน้อย
นี่คือความแข็งแกร่งของผู้กล้าระดับตำนานขั้นสูงงั้นเหรอ?
“ท่านลอร์ด ท่านอยากให้ข้าบินสูงขึ้นไปกว่านี้ไหมเจ้าคะ?”
เสียงของเหวินหยาดังขึ้น
“จัดการเลย!”
โจวโจวพูดออกมา
เขาอยากจะเห็นเหมือนกันว่าพายุทรายในแดนต้องห้ามพายุทรายจะสูงแค่ไหน
นอกจากนี้เขายังไม่เคยเห็นท้องฟ้าที่สูงขนาดนี้มาก่อน เขาจึงอยากจะไปเห็นว่ามันจะมีอะไรต่างจากพื้นเบื้องล่างไหม
“เจ้าค่ะท่านลอร์ด!”
เหวินหยาไต่ระดับความสูงต่อ
จากนั้นโจวโจวก็เห็นภูติทมิฬไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
11,000 เมตร…
13,000 เมตร…
15,000 เมตร…
ความสูงระดับนี้เกินกว่าระยะการป้องกันของบาเรียสูงสุดแล้ว สีหน้าของโจวโจวจริงจังขึ้นมาทันที
18,000 เมตร…
20,000 เมตร…
ในทันใดนั้นเอง ในที่สุดโจวโจวและคนอื่นๆ ก็ลอยผ่านความสูงของพายุทรายและมาอยู่เบื้องบนของพายุ
โจวโจวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในที่สุดพวกเขาก็บินข้ามมันไปได้
เขาคิดว่าราชาแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์ช่างทรงพลังจางๆ ที่สามารถสร้างพายุที่มีความสูงกว่า 20,000 เมตรได้
“บินข้ามแดนต้องห้ามพายุทรายไปเลย! มุ่งหน้าต่อไปทางเมืองรัตติกาลทมิฬ และให้หยุดเมื่อพวกเราผ่านป่าเขียว ข้าวางแผนที่จะยึดป่าเขียวและภูมิภาคระดับเงินขาวอีกแห่งที่อยู่ทางใต้!”
“หลังจากพิชิตภูมิภาคระดับเงินขาวทั้งสองแห่งนี้แล้ว พวกเราก็จะเปิดทางจากแดนต้องห้ามพายุทรายไปยังเมืองรัตติกาลทมิฬได้ เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราก็จะสามารถโจมตีและตั้งรับได้ เมื่อพวกเราโจมตีเมืองรัตติกาลทมิฬ พวกเราก็จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นอีก”
โจวโจวครุ่นคิด
แม้ว่าเขาจะมีข้อตกลงกับราชาแห่งความเงียบชั่วนิรันดร์ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาที่จะผ่านแดนต้องห้ามพายุทรายโดยตรง เพราะในฐานะลอร์ด เขาเองก็มีหน้าที่ต้องสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบดินแดนของเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานที่อย่างบนท้องฟ้า!
มันเป็นธรรมดาที่บนท้องฟ้าของดาวเคราะห์สีน้ำเงินจะไม่มีอะไรให้สำรวจ แต่กับทวีปจื้อเกาล่ะ? บางทีมันอาจจะมีสมบัติอยู่บนท้องฟ้าก็ได้ใช่ไหม?
หรือว่ามันอาจจะมีดินแดนอยู่บนท้องฟ้าที่สามารถพิชิตได้ด้วย?
โจวโจวย่อมใคร่รู้ในเรื่องนี้
“เจ้าค่ะท่านลอร์ด!”
เหวินหยาออกเดินทางต่อ
อึดใจต่อมา มันก็มีแสงสีแดงสว่างวาบขึ้นมาในห้องของเขา
[คำเตือน! คำเตือน!]
[มีสิ่งมีชีวิตอันทรงพลังกำลังขยับเข้ามาใกล้ภูติทมิฬ!]
[ระดับพลังงาน: ระดับตำนานขั้นต้น]
[ข้อเสนอ: หลบหนี!]
เสียงสังเคราะห์ของเหวินหยาดังขึ้น
ในเวลาเดียวกัน หน้าจอเสมือนจริงสีดำก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของโจวโจวในทันใด
มันมีภาพๆ หนึ่งฉายอยู่
ในเมฆดำที่มีสายฟ้าทอประกาย สัตว์ประหลาดยักษ์สีน้ำเงินดำตัวหนึ่งที่มีปีกกว้างกว่า 1,000 เมตรกำลังบินเข้าหาภูติทมิฬด้วยความเร็วสูงมาก
โจวโจวมองไปที่มัน และข้อมูลของมันก็ปรากฏขึ้นมา
[ชื่อมอนสเตอร์: มังกรอัสนีกลืนนภา – ไซม่อน (ลอร์ดสีชาดแห่งอาณาจักรสีชาด)]
[ระดับความแข็งแกร่ง: ระดับตำนานขั้นต้น]
[ไอเท็มดรอป: แกนหมอกระดับตำนาน 200 ชิ้น (อัตราการดรอป: 100%), คริสตัลต้นกำเนิด 500 อัน (อัตราการดรอป: 100%), อุปกรณ์สวมใส่ระดับตำนานขั้นต้น-ศิลาเทวะกลืนนภา 1 อัน (อัตราการดรอป: 10%), หนังสือทักษะระดับตำนานขั้นต้น-พายุสายฟ้า 1 เล่ม (อัตราการดรอป: 5%), หนังสือทักษะระดับตำนานขั้นต้น-ท้องกลืนนภา (อัตราการดรอป: 5%), ไอเท็มระดับตำนานขั้นต้น-ปีกสายฟ้าออโรร่า 1 อัน (อัตราการดรอป: 2%), หนังสือรับสมัครนักปรุงยาระดับตำนานขั้นต้น 1 เล่ม (อัตราการดรอป: 1%), หนังสือรับสมัครนักเล่นแร่แปรธาตุระดับตำนานขั้นต้น 1 เล่ม (อัตราการดรอป: 1%)]
…
“เร็ว! เร็วเข้า! บินไปทางพายุทราย!”
เมื่อโจวโจวเห็นข้อมูลของอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกว่าหนังศีรษะของเขาชาไปในทันที
ลอร์ดสีชาดแห่งอาณาจักรสีชาดระดับตำนานขั้นต้น!
แม้พวกเขาจะโจมตีเต็มกำลังก็คงไม่อาจทำให้สัตว์ประหลาดตัวนี้สะดุ้งสะเทือนได้เลย
หนี!
พวกเขาต้องหนี!
“เจ้าค่ะ!”
เสียงของเหวินหยาดังขึ้นในใจของโจวโจว
ในเวลาเดียวกัน ภูติทมิฬก็เปลี่ยนทิศทางในทันใดและบินไปทางพายุทรายด้วยความเร็วเต็มกำลัง
ภูติทมิฬและพายุทรายขยับเข้าใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในเวลานั้นเอง ความมืดก็เข้าปกคลุมภูติทมิฬในทันใด
โจวโจวรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนใต้ฝ่าเท้าของเขาก่อนที่มันจะสงบลง
เขามองออกไปนอกหน้าต่าง และพบว่าข้างนอกหน้าต่างเป็นสีดำสนิท
“พวกเราเข้ามาในพายุทรายแล้วเหรอ?”
โจวโจวถาม
“พวกเราเข้ามาแล้ว…”
เหวินหยาตอบกลับมา
โจวโจวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เข้ามาในท้องของมังกรอัสนีกลืนนภา”
เหวินหยาพูดต่อจนจบ
โจวโจว “...”
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved