ตอนที่ 371

บทที่ 371: ยินดีต้อนรับ!

เมืองเหอซี มณฑลทงกวงแห่งต้าโจว

นี่เป็นหนึ่งในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในบริเวณใกล้เคียง

ในตอนที่ต้าโจวก่อตั้งขึ้นครั้งแรก มีคนคนหนึ่งชื่อเหรินปิงซึ่งมีส่วนร่วมอย่างมากในการต่อสู้กับสำนักดอกบัวขาวไร้ชีวาและได้รับตำแหน่งขุนนางแห่งมณฑลทงกวง

หลังจากที่ต้าโจวมีเสถียรภาพ เขาก็ได้พัฒนาทงกวงจนทำให้สถานที่แห่งนี้เจริญรุ่งเรืองที่สุดในบรรดามณฑลใกล้เคียง

ลูกหลานของตระกูลเหรินเองก็เจริญรุ่งเรืองและกลายเป็นตระกูลใหญ่ในมณฑลทงกวง

เมื่อเร็วๆ นี้มีเหตุการณ์ที่สนุกสนานเกิดขึ้นในมณฑลทงกวง

ภรรยาของเหรินเฟิงกำลังจะคลอดลูก และชีวิตใหม่ก็กำลังจะถือกำเนิดขึ้น

เขาเป็นบุตรชายคนโตสายเลือดตรงของตระกูลเหริน ลูกของเขาจะเป็นสายเลือดรุ่นล่าสุดของตระกูลเหริน นี่เป็นเรื่องน่ารื่นเริงและสำคัญมากสำหรับตระกูลเหรินทั้งหมด

ในทางกลับกัน ผู้คนของมณฑลทงกวงส่วนใหญ่ก็เป็นหนี้บุญคุณต่อตระกูลเหริน และในความเป็นจริง พวกเขาหลายคนก็ยังถูกดูแลช่วยเหลือโดยตระกูลเหรินอยู่

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อครึ่งเดือนที่ผ่านมา ทั้งมณฑลทงกวงจึงเข้าสู่สภาวะที่รื่นเริงครื้นเครง ทุกครัวเรือนถูกประดับประดาด้วยโคมไฟและธง พวกเขากำลังเตรียมเฉลิมฉลองการมาถึงของชีวิตใหม่

บรรยากาศรื่นเริงมาถึงจุดสูงสุดด้วยการมาถึงของเจ้าศาลามหากระบี่วารี เจียงไฉ่หยุน

แม้ว่าราชวงศ์ต้าโจวจะสร้างความเท่าเทียมกันในระดับกฎขึ้นมาแล้ว แต่มันก็ยังมีความแตกต่างในตัวตนและภูมิหลังของผู้คน เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่ได้รับสิทธิพิเศษเมื่ออยู่ต่อหน้ากฎหมายก็เท่านั้น

ราชาสวรรค์เช่นเจียงไฉ่หยุนซึ่งเพิ่งจะอายุครบหนึ่งร้อยปีนั้นถือได้ว่าเป็นคนสำคัญสำหรับครอบครัวส่วนใหญ่

แม้ว่าบรรพบุรุษของตระกูลเหรินจะเป็นเจ้าเมือง แต่เขาก็ยังห่างไกลจากการเทียบเคียงกับราชาสวรรค์

….

เจียงไฉ่หยุนเป็นอาจารย์ของหยางหมิงหยู ภรรยาของเหรินเฟิง ดังนั้น หลังจากที่เธอมาถึงตระกูลเหริน เหรินเฟิงและหยางหมิงหยูจึงมีหน้าที่รับเธอโดยธรรมชาติ

“ ท่านอาจารย์ ข้าดีใจจริงๆ ที่ท่านมาได้” หยางหมิงหยูนั่งกับเจียงไฉ่หยุนในห้องโถงรับแขกและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ข้าไม่ได้คาดคิดเลยว่าสามีของข้าจะได้พบท่านจากตอนที่เขาไปที่วิหารเทพซุยเพื่อสวดมนต์”

แม้ว่าจะมีเวลาน้อยกว่าครึ่งเดือนก่อนที่เธอจะคลอดบุตร แต่ในฐานะผู้ฝึกตน มันจึงไม่มีปัญหาสำหรับเธอที่จะเดินไปไหนมาไหนตามปกติ

“ เจ้าเป็นคนแรกในหมู่ศิษย์ของข้าที่มีลูก ดังนั้นในฐานะอาจารย์ของเจ้าแล้ว ข้าจึงต้องมาดูแน่” เจียงไฉ่หยุนยิ้ม “ การกำเนิดของชีวิตใหม่นั้นเป็นโอกาสแห่งความสุขโดยเสมอมา”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็นึกถึงคนๆ นั้นอีกครั้งและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าหมองเล็กน้อย

แน่นอนว่านี่เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ดังนั้นเธอจึงไม่ควรจะแสดงอารมณ์เช่นนั้น

“ ใช่แล้ว” หยางหมิงหยูลูบท้องของเธอและพยักหน้าเบาๆ “ ตั้งแต่มีเด็กคนนี้ ข้าก็มีความสุขอย่างสุดจะพรรณนา ความรู้สึกนี้มันวิเศษมากจริงๆ”

“ ฮ่าฮ่า ข้าไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับเจ้าศาลาเจียงในเวลานั้น” เหรินเฟิงนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งและพูดด้วยรอยยิ้ม “ ข้าต้องขอบคุณผู้อาวุโสซุยสำหรับเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสซุยที่มอบธูปเทียนให้แก่ข้า ข้าก็คงจะไม่มี…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็หยุดและตระหนักได้ว่าเขาพูดอะไรผิดไป

ร่องรอยของความเศร้าฉายผ่านดวงตาของเจียงไฉ่หยุน แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร

“ เจ้าศาลาเจียง ข้าขอโทษด้วย ฉันไม่ได้คิดจะทำให้…” เหรินเฟิงรีบขอโทษ เขารู้อยู่แล้วว่าเจ้าศาลาเจียงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อผู้อาวุโสซุย

“ ไม่เป็นไร” เจียงไฉ่หยุนส่ายหัวของเธอเบาๆ และยืนขึ้น เธอยิ้มให้ หยางหมิงหยูและพูดว่า “ หยูเอ๋อ ให้คนพาข้าไปที่ห้องพักที ข้าอยากจะพักผ่อนสักหน่อย”

“ เข้าใจแล้วท่านอาจารย์” หยางหมิงหยูยืนขึ้นและรีบเรียกสาวรับใช้มาให้เจียงไฉ่หยุน จากนั้นเธอก็จ้องไปที่เหรินเฟิงและบ่นเบาๆ ว่า “ เจ้านี่นะ!”

“ เฮ้อ ข้าผิดเองแหละ” เหรินเฟิงอยากจะตบปากตัวเอง ทำไมเขาถึงเปลี่ยนนิสัยพูดไม่คิดไม่ได้สักทีนะ

“ เอาล่ะ ครั้งต่อไปเจ้าก็ระวังคำพูดหน่อยก็แล้วกัน” หยางหมิงหยูกลอกตาใส่เหรินเฟิงและกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เธอรีบกุมท้องและกัดฟัน “ สามี ข้า.. ข้ากำลังจะคลอด!”

“ อะไรนะ?!” เหรินเฟิงตกใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ ยังเหลือเวลาอีกตั้งสิบวันไม่ใช่หรอ? ใครก็ได้ไปเรียกหมอมาที!”

….

การคลอดก่อนกำหนดของหยางหมิงหยูโดยไม่มีคำเตือนใดๆ นั้นไม่ได้ทำให้เกิดความวุ่นวายมากนักในโลกมนุษย์

ในฐานะครอบครัวใหญ่ พวกเขาก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับอุบัติเหตุทุกประเภทเอาไว้แล้ว ด้วยเหตุนี้เอง หยางหมิงหยูจึงถูกส่งไปที่ห้องคลอดอย่างรวดเร็วและมีการจัดหมอไว้ทำคลอดเด็กแล้ว

กระบวนการทั้งหมดได้รับการจัดการอย่างรวดเร็วมาก เจียงไฉ่หยุนซึ่งเพิ่งจะมาถึงห้องพักก็ยังไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่ามีอะไรเกิดขึ้น

ถึงอย่างนั้น เมื่อหยางหมิงหยูเริ่มคลอด เจียงไฉ่หยุนซึ่งเพิ่งจะนั่งลงก็ขมวดคิ้ว

“ เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกับแรงกดดันนี่?” เธอตระหนักได้ว่ามันไม่มีการเตือนล่วงหน้าใดๆ ความรู้สึกตื่นตระหนกผุดขึ้นในใจของเธอ ราวกับว่าภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอ

ยิ่งไปกว่านั้น เพียงลมหายใจไม่กี่ครั้ง ความรู้สึกตื่นตระหนกและกดดันก็ได้เพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัว มันยิ่งทำให้จ้าวสวรรค์อย่างเธอรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย

ร่างกายของราชาสวรรค์นั้นทรงพลังอย่างมาก พวกเขาสามารถเดินทางได้อย่างอิสระในอวกาศ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะรู้สึกแบบนี้

สถานการณ์นี้ไม่ปกติอย่างแน่นอน

“ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เจียงไฉ่หยุนเดินออกมาจากห้องพักเพื่อมองดูท้องฟ้า

จากนั้นท้องฟ้าสีฟ้าเดิมก็มืดลงราวกับว่ามันได้เปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืน

อย่างไรก็ตาม “ค่ำคืน” เบื้องหน้าเธอก็ไม่มีแสงดาวหรือแสงจันทร์ เห็นได้ชัดว่ามันผิดปกติ

บู้มมมมม!

ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น เจียงไฉ่หยุนถอยกลับเข้าไปในห้องพักและกระแทกหลังเข้ากับผนัง ใบหน้าของเธอซีดราวกับกระดาษ และมีเลือดสีแดงไหลซึมออกมาจากมุมปากของเธอ

เธอทำเพียงแค่มองดูท้องฟ้าเมื่อกี้ แต่วิญญาณของเธอก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว กฎเทวรูปธรรมในร่างของเธอเองก็วุ่นวายไปหมดเช่นกัน พลังในกายของเธอเริ่มอาละวาด และความรู้สึกย้อนแย้งอย่างรุนแรงก็เกิดขึ้นทั่วร่างกายของเธอ

“ นี่คืออะไร?!”

เจียงไฉ่หยุนไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ในปัจจุบันได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับสถานการณ์ในปัจจุบันในร่างกายของเธอ ทางเลือกเดียวที่เหลืออยู่สำหรับเธอดูเหมือนจะเป็นการรอความตาย

เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าราชาสวรรค์อย่างเธอจะตัวเล็กมากขนาดนี้ เธอได้แต่มองท้องฟ้าและกำลังจะตายโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอได้เห็นอะไร?

ในความเป็นจริง สถานการณ์อย่างเจียงไฉ่หยุนก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงกรณีเดียว

ในตอนนี้ ท้องฟ้ามืดก็ได้ขยายออกไปอย่างรวดเร็วโดยมีมณฑลทงกวงเป็นศูนย์กลาง

ตราบเท่าที่อยู่ในของเขตเทวาหรือสูงกว่านั้น ทุกคนที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็จะต้องทนทุกข์ทรมานกับการโจมตีวิญญาณครั้งใหญ่อย่างหาที่เปรียบมิได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งขอบเขตแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ผลกระทบก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

นี่เป็นผลลัพธ์แม้กระทั่งหลังจากที่หลี่หมิงเฉียงได้ระดมพลังแห่งโชคชะตาของประเทศอย่างเด็ดขาดเพื่อสร้างกำแพงที่มองไม่เห็นขึ้นมาแล้วหลังจากค้นพบความผิดปกติ มิฉะนั้นแล้ว ทันทีที่ท้องฟ้ามืดลง ดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะทั้งหมดก็จะต้องเผชิญหน้ากับความสูญเสียครั้งใหญ่แน่

ในขณะนี้ ที่บ้านพักของครอบครัวเหริน

“ อุแว้!”

จู่ๆ เจียงไฉ่หยุนที่กำลังจะหมดสติลงก็ได้ยินเสียงร้องของทารก จากนั้น เธอรู้สึกว่าจิตใจของเธอปั่นป่วนและความคิดของเธอก็วุ่นวายไปหมด

เธอได้ยินเพียงเสียงตะโกนที่เลือนลาง

“ ยินดีต้อนรับท่านผู้ดำรงอยู่บนจุดสูงสุดแห่งอาณาจักรสวรรค์สู่โลกใบนี้!”