ตอนที่ 377

บทที่ 377: สายตาที่จับจ้อง

แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นเพียงประชากรส่วนหนึ่ง แต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ซุยเฮ็งเชื่อมั่นยิ่งขึ้นว่าคำเตือนของระบบนั้นถูกต้อง

โลกใบนี้เป็นโลกเซียนระดับสูง สัตว์อสูรร้ายมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง และมันก็อันตรายมาก

“ ตอนนี้มีข่าวเกี่ยวกับสัตว์อสูรร้ายแล้ว แล้วราชาเซียนล่ะ?” ซุยเฮ็งคิดกับตัวเอง “ ดูเหมือนว่าสาเหตุที่ฉันจะไม่สามารถสัมผัสกับสถานการณ์ที่แท้จริงของโลกใบนี้ได้ก่อนหน้านี้นั้นจะเป็นเพราะการฝึกตนของฉันยังไม่สูงพอ”

เขาตกอยู่ในภวังค์ความคิดและทำให้หวู่หยงกลัว

เมื่อเห็นว่าซุยเฮ็งเงียบไปนาน หวู่หยงก็คิดว่าซุยเฮ็งไม่พอใจกับคำตอบของเขาและรีบอธิบายว่า “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ข้าได้อธิบายทุกสิ่งที่ข้ารู้ไปแล้วอย่างชัดเจน ข้าไม่ได้มีอะไรปิดบังท่านทั้งนั้น”

“ อืม” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปที่หวู่หยงในขณะที่เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ เจ้าสามารถหลีกเลี่ยงความตายได้ แต่เจ้าไม่สามารถหลีกหนีการลงโทษได้ ในเมื่อเจ้าอยากเป็นทารก งั้นข้าก็จะลงโทษให้เจ้ากลายเป็นทารกต่อไปอีก 100,000 ปี”

“ อะไรนะ?!” หวู่หยงเปิดเผยสีหน้าหวาดกลัวในทันทีเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะทันได้ร้องขอความเมตตา เขาก็รู้สึกว่าพลังในร่างกายของเขาได้ถูกยับยั้งไว้อย่างสมบูรณ์

ในเวลาเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าพลังในร่างกายของเขาเริ่มถดถอยลงอย่างรวดเร็ว พลังปราณและเลือดของเขาอ่อนแอลงอย่างมากด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก แม้แต่พลังพิเศษที่เขาได้รับมาหลังจากก้าวเข้าสู่ประตูสวรรค์ก็ยังถูกปลดออกทีละขั้น

ในเวลาเพียงครู่เดียว ผู้ฝึกตนในขอบเขตประตูสวรรค์ที่สองก็ถูกปลดพละกำลังทั้งหมดของเขาออก สภาพร่างกายของเขากลับคืนสู่สภาพของทารกโดยตรง เขากลายเป็นทารกที่ดูเหมือนจะมีอายุเพียงไม่กี่เดือน

ตลอดกระบวนการทั้งหมด ซุยเฮ็งก็ไม่แม้แต่จะขยับนิ้ว เขาพูดเพียงคำเดียวและหวู่หยงก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ราวกับว่าเขาได้รับบทลงโทษอันโกรธเกรี้ยวจากสวรรค์

นี่คือความแตกต่างในขอบเขต

หลังจากที่ซุยเฮ็งทะลวงเข้าสู่ขอบเขตก่อเกิดวิญญาณขั้นต้นแล้ว การพัฒนาที่เขาได้รับมานั้นก็ยอดเยี่ยมมาก สำหรับเขาแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ยังไปไม่ถึงขอบเขตก่อเกิดวิญญาณนั้นก็อ่อนแอมาก

เพียงแค่คิด เขาก็สามารถเปลี่ยนรูปร่างของสรรพชีวิตได้ตามต้องการ

และนั่นก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับหวู่หยง

“ อุแว้!” หวู่หยงกรีดร้องออกมาด้วยความกลัว

ในขณะนี้ เขาก็กำลังลอยอยู่ในอากาศและโบกมือและเท้าไปมา เขารู้สึกว่าร่างกายของเขานั้นอ่อนแอเหมือนกับเด็กทารกและสิ้นหวังอย่างบอกไม่ถูก

ตอนนี้เขาไม่มีพลังเหนือธรรมชาติอีกต่อไปแล้ว เขาเป็นเพียงทารกมนุษย์ธรรมดาๆ

สำหรับเหตุผลที่เขายังคงลอยอยู่ในอากาศนั้นก็เพียงเพราะซุยเฮ็งได้ใช้กำลังของเขาเพื่อพยุงเขาเอาไว้

“ เจ้าจะคงสถานะนี้ไว้เป็นเวลา 100,000 ปี” ซุยเฮ็งมองไปที่หวู่หยงและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ ใน 100,000 ปีนี้ เจ้าจะไม่เติบโตและจะคงสภาพของทารกไว้อยู่เสมอ”

“ แน่นอน เจ้าจะไม่ตายหรือแก่ลง หลังจากผ่านไป 100,000 ปี เจ้าจะสามารถกลับไปยังสถานะเดิมของเจ้าและกลายเป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตประตูสวรรค์ที่สองได้”

อายุยืน 100,000 ปีเป็นสิ่งที่ผู้คนนับไม่ถ้วนใฝ่ฝัน อย่างไรก็ตาม การต้องเป็นทารกเป็นเวลา 100,000 ปีนั้นก็ถือเป็นการลงโทษอย่างไม่ต้องสงสัย

มันเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย!

ในขณะนี้ หวู่หยงก็ยอมรับชะตากรรมของเขาแล้วในที่สุด เขากล่าวด้วยความเคารพในใจว่า “ ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่าน ท่านเซียนผู้สูงส่ง”

ตอนนี้เขาคิดดีแล้ว นี่อาจเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้วที่เขาจะสามารถได้รับได้

ฟื้นตัวหลังจากผ่านไป 100,000 ปีย่อมดีกว่าการตายโดยตรง

มีอะไรให้ต้องไม่พอใจกัน?

หวู่หยงพร่ำรำพันในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาค่อยๆ กล่อมความคิดตัวเอง

“ อืม” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและกำลังจะโบกมือให้หวู่หยงออกไป แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างและหันไปมองในระยะไก

“ ท่านอาจารย์ ดูเหมือนจะมีใครบางคนกำลังบุกโลกเข้ามา!” หลี่หมิงเฉียงเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติในระยะไกล เธอชี้ไปที่ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกและพูดว่า “ มีการสร้างทางข้ามมิติขึ้นมาแล้ว ข้าเห็นเงาของศาลา”

“ มันมีทางทิศตะวันตกด้วย” ฮั่วหลิวเองก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติในระยะไกล เขากลอกตาและพูดว่า “ มันเป็นแสงของชาวพุทธ ผู้ฝึกตนหรือโลกที่เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธกำลังจะปรากฏขึ้นทางทิศตะวันตก”

“ โอ้?” ซุยเฮ็งอุทานเบาๆ เขากวาดสายตามองไปสองทิศทางและพยักหน้าเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม “ เป็นพวกเขาเองสินะ”

ทันทีที่เขาพูดจบ เสาแสงก็ฉีกผ่านความว่างเปล่าทั้งสองด้าน มันก่อตัวเป็นประตูแสงและเปล่งเสียงต่างๆ ออกมา

มันมีเสียงบทเพลงเซียนดังมาจากประตูแสงทางทิศตะวันออก

ขณะเดียวกัน มันก็มีเสียงสวดมนต์ดังออกมาจากทางประตูด้านทิศตะวันตกเท่านั้น

หลังจากนั้น ประตูแสงสองบานก็ปรากฎขึ้นอย่างเป็นรูปเป็นร่าง จากนั้นร่างๆ หนึ่งก็เดินออกมาจากบานประตู

ความแตกต่างระหวางทั้งสองนั้นชัดเจนมาก

ด้านหนึ่งเป็นนักพรตเต๋าและอีกด้านหนึ่งเป็นพระ

นักพรตเต๋าจากทิศตะวันออกเป็นคนแรกที่รีบเข้ามา ผู้นำของพวกเขาคือชายชราผมขาวที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ เขานำนักพรตเต๋ารุ่นเยาว์มากกว่าสิบคนมาถึงหน้าซุยเฮ็ง

“ ผู้น้อยฟางเหอคารวะท่านประมุขเซียน” หลังจากที่ชายชราผมขาวในชุดนักพรตเดินมาถึงหน้าซุยเฮ็ง เขาก็คุกเข่าลงต่อหน้าซุยเฮ็งในทันทีด้วยท่าทีที่เคารพอย่างหาที่เปรียบมิได้

ในเวลาเดียวกัน นักพรตเต๋าอายุน้อยหลายสิบคนที่เขาพามาก็คุกเข่าลงด้วยความเคารพเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นักพรตเต๋ารุ่นเยาว์หลายสิบคนจะทันได้พูดอะไร แสงพุทธทางทิศตะวันตกก็ได้ส่องลงมาซะก่อน

ทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินประกาศของชาวพุทธ

“ อมิตาพุทธ!” เสียงนี้เปี่ยมด้วยพระเมตตา พระภิกษุชราในจีวรสีเหลืองยืนอยู่ข้างหน้า และด้านหลังมีพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งยืนอยู่ ความแข็งแกร่งและระดับการฝึกตนของพวกเขานั้นไม่ธรรมดา

เมื่อเสียงพุทธเบาลง พระภิกษุชราในชุดสีเหลืองก็ได้นำกลุ่มพระสงฆ์มาถึงหน้าซุยเฮ็ง

เช่นเดียวกับฟางเหอ เขาคุกเข่าลงโดยไม่มีการต่อต้านใดๆ และพูดเสียงดังว่า “ ภิกษุน้อยหยานคูคารวะท่านประมุขเซียน”

พระสงฆ์ที่อยู่ข้างหลังเองก็คุกเข่าลงเช่นกัน

ฉากนี้ทำให้หลี่หมิงเฉียงประหลาดใจ

เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพระและนักพรตเหล่านี้เป็นผู้ฝึกตนในขอบเขตที่แปดของโลกเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระภิกษุชราและนักพรตเต๋าที่เป็นผู้นำ พวกเขาก้าวข้ามขอบเขตที่แปดของโลกเซียนไปแล้ว!

คนเหล่านี้คือจ้าวสวรรค์ ณ ขอบเขตที่เก้าของโลกเซียน!

“ พลังของท่านอาจารย์มากเพียงพอที่จะปราบปรามทั้งสวรรค์ได้จริงๆ เขาได้แสดงพลังเพียงเล็กน้อยออกมาเท่านั้น แต่เขาก็ได้ทำให้จ้าวสวรรค์ทั้งสองนี้ต้องออกมาแสดงความเคารพได้แล้ว” หลี่หมิงเฉียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้ว ต้าโจวก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจกับเทพธิดาดอกบัวขาว พวกเขาต่างก็หวาดกลัวเทพธิดาดอกบัวขาวกันเป็นอย่างมาก

แต่ตอนนี้ จ้าวสวรรค์ทั้งสองก็ได้เข้ามาคุกเข่าลงต่อหน้าพวกเขาด้วยความเคารพแล้ว

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจกล่าวได้ว่าเป็นการพลิกโลกทั้งใบ

สีหน้าของซุยเฮ็งยังดูปกติ เขามองไปที่ทั้งสองคนก่อน จากนั้นจึงมองไปที่นักพรตและพระที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก่อนจะหัวเราะเบาๆ “ พวกเจ้าทั้งสองคงไม่ได้เดินทางไกลมาเพียงเพื่อโค้งคำนับและแสดงความเคารพต่อข้าใช่ไหม”

นักพรตฟางเหอและพระหยวนคูตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้ ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าซุยเฮ็งจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ ชั่วขณะหนึ่ง พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไร

อย่างไรก็ตาม การฝึกตนของพวกเขานั้นก็ไม่ธรรมดา และพวกเขาก็ตัดสินใจได้ในชั่วพริบตา

ฟางเหอยังคงรักษาท่าทางคุกเข่าของเขาและพูดด้วยความเคารพอย่างยิ่งว่า “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ดวงตาของท่านสว่างไสวเหมือนดั่งคบเพลิง ไม่มีอะไรสามารถปิดซ่อนจากท่านได้ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านจริงๆ”

“ ข้าเองก็มีเรื่องสำคัญมากที่ต้องคุยด้วยเหมือนกัน” หยวนคูรีบอธิบาย

“ อืม” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้และพูดอย่างเฉยเมยว่า “ เอาแบบนี้เป็นไง? หลี่หมิงเฉียง, ผู้รับใช้สุดแกร่งและฮั่วหลิวนำสองคนนี้กับศิษย์ของพวกเขาไปพักก่อน ส่วนหวู่หยงกลับไปที่เมืองต้าโจวก่อน และข้าจะตามไปในภายหลัง”

หลี่หมิงเฉียง, ผู้รับใช้สุดแกร่งและฮั่วหลิวโค้งคำนับในทันที

สำหรับข้อตกลงนี้ ฟางเหอและหยวนคูก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ พวกเขาตามหลังทั้งสามคนไปด้วยความเคารพและบินไปทางต้าโจว

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเหลือเพียงซุยเฮ็งบนท้องฟ้าเหนือเมือง

จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงและมองลงมาสบกับการจ้องมองจากระยะไกล

นับตั้งแต่เขาเดินออกมาจากถ้ำสวรรค์ สายตาคู่นี้ก็ได้แต่เฝ้าจับจ้องเฝ้ามองมาที่เขา

ร่างของซุยเฮ็งขยับไปมาเล็กน้อยและเขาก็ลงมาที่ลานบ้านของตระกูลเหรินในทันที

ที่นี่มีใครบางคนกำลังมองมาที่เขาอยู่...