บทที่ 202 : เก้าผู้อาวุโสแห่งสำนักเซียน
ชายชรายังคงดูสงบ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ เจ้าแน่ใจหรอว่านั่นเป็นเทวาที่แทรกซึมเข้ามาในโลกเบื้องบนของเราด้วยความช่วยเหลือจากศาลาวัฎจักรดาราสวรรค์”
“ ไม่ต้องสงสัยเลย” ซุนหวานซื่อพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและกล่าวว่า“ ซงจงนั้นมีพลังของเทวาคลุมตัวอยู่ และมันก็มีเทวาเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในต้าโจวทั้งหมด
“ ศาลาวัฎจักรดาราสวรรค์ได้ประกาศแล้วว่าพวกเขาจะแยกตัวออกมาและจะไม่ยุ่งกับทางโลกอีก ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่ตำหนักสวรรค์ทมิฬกาลจะช่วยเหลือตระกูลเหล่านี้ เป่ยฉิงซูและหลี่หมิงเฉียงเองก็ไม่ได้อยู่ที่นี่เช่นกัน ดังนั้นนอกจากเทวาจากโลกเบื้องล่างที่แฝงตัวขึ้นมาแล้ว มันจะมีใครไปได้อีก”
“ แล้วถ้าเป็นมารนภาไร้เทียมทานจากโลกเบื้องล่างล่ะ?” ชายชราพูดห้วนๆ “ แล้วถ้าเป็นแค่เหยื่อล่อล่ะ”
“ สิ่งนี้…” ซุนหวานซื่อตัวสั่นเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาพูดอย่างระมัดระวังว่า “ นั่นเป็นไปไม่ได้ ท่านอาจารย์ ระยะเวลาร้อยปีได้ผ่านไปนานแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะขึ้นมาในเวลานี้หรอกจริงไหม?”
“ อะไรทำให้เจ้าเชื่อว่าเขาจะมาไม่ได้” ชายชราเย้ยหยันและยืนขึ้น เขายืนเอามือไพล่หลังและมองไปทางกวนโจว เขาพูดด้วยเสียงต่ำ “ เจ้ายังไร้ประสบการณ์เกินไป เจ้าลืมคำอธิบายเกี่ยวกับมารนภาที่ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วหรอ?”
“ ศิษย์คนนี้ยังจำได้!” เมื่อเห็นว่าอาจารย์ของเขาดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อย ซุนหวานซื่อก็รีบคุกเข่าลง “ หลังจากที่ผู้คนจากศาลาวัฎจักรดาราสวรรค์นำข่าวเกี่ยวกับโลกเบื้องล่างกลับมา ผู้อาวุโสทั้งเก้าก็ได้จัดการประชุมลับขึ้น”
“ หลังจากการประชุมลับผ่านไป ซุยเฮ็งจากโลกเบื้องล่างก็ได้รับการขนานนามว่าเป็นมารนภาไร้เทียมทานจากโลกภายนอก เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่จะคุกคามโลกสูญสวรรค์ทั้งหมด และเราก็จะต้องรวบรวมกำลังทั้งหมดของเราเพื่อทำลายมารนภาตนนี้”
“ แล้วอะไรอีก” ชายชราถามด้วยเสียงต่ำ
“ และเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรุกรานของมารนภาไร้เทียมทาน เราก็จะต้องรวบรวมผลึกน้ำค้างสวรรค์ทั้งหมด” ซุนหวานซื่อกล่าวต่อ “ เราจะต้องทำลายตระกูลที่โด่งดังทั้ง 9 และตระกูลขุนนางทั้ง 24 ตระกูลทีละตระกูลและรวบรวมผลึกน้ำค้างสวรรค์ของพวกเขา”
“ อย่างไรก็ตาม เพื่อปกปิดความจริง เราก็จะต้องใช้การตามล่าเทวาที่หลบหนีมาเป็นข้ออ้างแก่สาธารณชนเพื่อโจมตีพวกเขา”
“ หากเราจัดการจับเทวาที่หลบหนีมาและมอบเขาให้กับผู้อาวุโสทั้งเก้าเรียบร้อยแล้ว เราก็จะมีโอกาสได้เข้าสู่ดินแดนลึกลับโบราณเพื่อเลือกเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ได้ และมันก็จะเป็นโอกาสครั้งยิ่งใหญ่”
“ จากข้อมูลทั้งหมดนี้ เจ้าจะไม่รู้อะไรเลยหรอ?” ชายชรามองไปที่ซุนหวานซื่อ
“…” ซุนหวานซื่อพูดหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง “ ศิษย์โง่เอง”
“ เฮ้อ” ชายชราส่ายหัวและพูดว่า “ โดยพื้นฐานแล้ว สิ่งนี้ก็หมายความว่าพลังของมารนภานั้นเกินกว่าขีดจำกัดของสิ่งที่เราสามารถต้านทานได้ไปแล้ว มันอาจจะเกินขีดจำกัดที่ผู้อาวุโสทั้งเก้าจะสามารถรับมือได้ด้วยซ้ำ”
“ การต่อสู้กับศัตรูที่ทรงพลังเช่นนี้เป็นสิ่งที่เจ้าและข้าจะสามารถมีส่วนร่วมได้อย่างงั้นหรอ? ข้าได้รับคำสั่งให้พาเจ้ามาที่นี่เพราะข้าไม่มีทางเลือกอื่น ทำไมเจ้าถึงยังคงตั้งใจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ในระดับนี้กัน?”
“ ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ถ้าเจ้าอยากจะตายก็เอาเลย ข้าจะขอชิงตัดความสัมพันธ์กับเจ้าก่อน”
“ เอ่อ?!” ซุนหวานซื่อตกตะลึง ราวกับว่าเขากำลังรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน เขาพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “ ถ้าอย่างนั้น เราควรจะทำอย่างไรกันดี? ท่านอาจารย์ เราจะถอยออกจากหลินเจียงเลยดีไหม?”
“ เจ้าคิดได้ยังไงกัน?" ชายชราพูดด้วยท่าทางผิดหวัง “ ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าจะโตมาเป็นแบบนี้ ข้าก็คงจะไม่ปล่อยให้เจ้าได้กินยาเซียนเพื่อทะลวงความก้าวหน้าแน่”
“ เรามาที่นี่ตามคำสั่งของราชาสวรรค์ของสำนัก ต่อให้เราจะอยู่ที่นี่เฉยๆ ไม่ทำอะไร แต่มันก็ยังดีกว่าการถูกทำโทษจาการหลบหนี”
“ แล้วแบบนี้เราจะทำอย่างไรต่อไปดี!” ครั้งนี้ซุนหวานซื่อรู้สึกลนลานมากจริงๆ
“ รอดูกันไปก่อน” ชายชราพูดเสียงเบา “ มุ่งความสนใจไปที่การเคลื่อนไหวของชายคนนั้นในกวนโจว ดูว่ามันยังมีใครมาเยี่ยมเขาอีกหรือไม่ และพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อยืนยันตัวตนของเขาให้ได้”
“ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเป็นเทวาที่หนีขึ้นมาจริงๆ และไม่ใช่มารนภาไร้เทียมทาน?” ซุนหวานซื่อถาม
“ ต่อให้เป็นเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ดำเนินการใดๆ เช่นกัน” ชายชราส่ายหัวและพูดว่า “ เราแค่ต้องหาทางหลอกล่อคนอื่นๆ ให้มาค้นพบพวกเขา ดินแดนลึกลับโบราณจะไปมีความสำคัญมากไปกว่าชีวิตของข้าได้อย่างไร”
“ หวานซื่อ เจ้าต้องจำไว้ว่าไม่ว่าจะเป็นรางวัลหรือโอกาสใดๆ ก็ตาม สิ่งเหล่านี้ก็ล้วนไม่สำคัญมากเท่ากับชีวิตของเจ้า เจ้าจะต้องระมัดระวังเอาไว้ให้ดี ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อเจ้าเสียชีวิต เจ้าก็จะสูญเสียทุกสิ่ง”
“ ศิษย์จะปฏิบัติตามคำสอนของท่านอาจารย์!” ซุนหวานซื่อก้มหัวลง
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงไม่พอใจเล็กน้อย
เขาใช้ยาเซียนแก่นแท้สวรรค์เพื่อกลายเป็นเทวา แม้ว่าด้วยวิธีนี้จะทำให้เขาสามารถกลายเป็นเทวาได้ แต่มันก็จะทำให้เขาอยู่ที่ขอบเขตเทวาตลอดไป
ด้วยเหตุนี้เอง การเข้าสู่ดินแดนลึกลับโบราณและค้นหายาศักดิ์สิทธิ์โบราณเพื่อเกิดใหม่และชะล้างสิ่งสกปรกในร่างกายของเขาจึงเป็นความหวังเดียวของเขา
เขาไม่ต้องการจะยอมแพ้
ด้วยเหตุนี้เอง หลังจากที่ซุนหวานซื่อโค้งคำนับเสร็จแล้ว เขาจึงขอร้องว่า “ ท่านอาจารย์ ข้ายังไม่แข็งแกร่งพอ มันง่ายที่จะถูกค้นพบ ดังนั้นแล้วท่านพอจะช่วยมอบสมบัติที่ปกปิดออร่าให้ข้าทีจะได้ไหม?”
“ อืม ข้าควรจะให้อะไรเจ้าสักหน่อยสินะ” ชายชราไม่ปฏิเสธในครั้งนี้ เขาหยิบกระจกทองสัมฤทธิ์ออกมาและส่งให้ซุนหวานซื่อ “ สมบัตินี้เรียกว่ากระจกปกปิดลมหายใจ มันสามารถยับยั้งออร่าเทวาของเจ้าและทำให้เจ้าดูเหมือนกับคนธรรมดาได้”
“ ขอบพระคุณท่านอาจารย์!” ซุนหวานซื่อหยิบกระจกมาและรีบขอบคุณเขา
ในความเห็นของเขา ด้วยกระจกล้ำค่านี้ มันก็จะสะดวกมากสำหรับเขาในการตรวจสอบสถานการณ์ในเมืองกวนโจว และโอกาสประสบความสำเร็จของเขาก็จะสูงขึ้น
“ เมื่อข้าเข้าสู่ดินแดนลึกลับโบราณได้ ข้าก็จะต้องได้พบกับโอสถศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเปลี่ยนร่างกายข้าได้อย่างแน่นอน!” ซุนหวานซื่อคิด
….
ในโรงเตี๊ยมในเมืองกวนโจว
ดวงตาของซุยเฮ็งเปิดขึ้นอย่างช้าๆ เขามองไปทางซุนหวานซื่อและอาจารย์ของเขาและพูดว่า “ ผู้อาวุโสทั้งเก้า? พวกเขาหมายถึงเทพลึกลับทั้งเก้าเมื่อ 3,000 ปีก่อนหรือเปล่านะ?”
“ หากเป็นในกรณีนี้ พวกเขาก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน และหลังจากผ่านไปนานแล้ว พวกเขาจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตใหม่แล้วรึยังนะ?”
“ อย่างไรก็ตาม จากการที่ผู้อาวุโสทั้งเก้าประหม่าเช่นนี้ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาไม่น่าจะมีความแข็งแกร่งของขอบเขตรวมวิญญาณ”
“ ถ้าอย่างนั้นมันก็น่าจะเป็นขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นกลางหรือขั้นปลายหรือเปล่า? และเพื่อที่จะจัดการกับฉัน พวกเขาก็จำเป็นจะต้องรวบรวมผลึกน้ำค้างสวรรค์ทั้งหมดบนโลก แต่สิ่งนี้มันมีประโยชน์อะไรกัน?”
“ สิ่งนี้ได้รวบรวมโชคของประเทศและหลอมรวมมันเข้ากับจิตวิญญาณบางอย่างของเจตจำนงของสรรพสัตว์ มันสามารถนำมาใช้หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของสมบัติธรรมหรือสัตว์วิเศษได้ก็จริง แต่แล้วมันจะสามารถใช้ทำอะไรได้อีก?”
เมื่อซุนหวานซื่อจากไป ซุยเฮ็งก็ได้ทิ้งตราประทับไว้บนร่างกายของเขา
ด้วยสิ่งนี้ เขาก็จะสามารถรับรู้การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้
ไม่ผิดเลยที่จะบอกว่าตรานี้คือสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขา
ด้วยวิธีนี้ มันก็จะไม่มีความลับใดๆ ในการสนทนาระหว่างซุนหวานซื่อกับอาจารย์ของเขา
ซุยเฮ็งเข้าใจทุกอย่าง
สิ่งที่เป็นประโยชน์มากที่สุดก็คือข้อมูลเกี่ยวกับผู้อาวุโสทั้งเก้า
จากการสนทนาระหว่างซุนหวานซื่อและอาจารย์ของเขา เขาก็เข้าใจได้อย่างคร่าวๆ แล้วว่าผู้อาวุโสทั้งเก้านั้นอาจยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตรวมวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสทั้งเก้าก็น่าจะเข้าใจวิธีการใช้พลังของผลึกน้ำค้างสวรรค์แล้ว และพวกเขาก็น่าจะมั่นใจมากในการใช้วิธีนี้เพื่อทำลายสิ่งที่เรียกว่า “มารนภา”
“ แต่วิธีนี้คืออะไรกัน?” ซุยเฮ็งริ่มอยากรู้อยากเห็นโดยสัญชาตญาณ
นี่เป็นลักษณะเฉพาะของผู้ฝึกตนขอบเขครวมวิญญาณ พวกเขาก็จะอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกสิ่งที่พวกเขาไม่รู้จัก และมันก็เกือบจะกลายเป็นสัญชาตญาณ
ยิ่งระดับของสิ่งที่ไม่รู้จักสูงมากเท่าไร ปฏิกิริยาต่อสิ่งที่ไม่รู้จักก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
“ เมื่อฮุ่ยฉีหรือเป่ยฉิงซูมาถึง ฉันก็สามารถถามพวกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ได้” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและถอนสายตาออก เขาคิดกับตัวเองว่า “ ถึงอย่างนั้น ฉันจะทำยังไงกับตำหนักเต๋าอี้ดีนะ”
ตำหนักเต๋าอี้มีเทพลึกลับไท่อี้เมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว และระดับการฝึกตนของเขาก็อยู่เหนือผู้อาวุโสทั้งเก้า
ในตอนนี้ ตำหนักเต๋าอี้ก็กำลังถูกปราบปรามอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาตกเป็นเป้าหมายของเก้าสำนักเซียน และมันก็อาจเป็นเพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเทพลึกลับไท่อี้คนนี้
แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขาก็น่าจะสามารถได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาจากอีกฝ่ายบ้างไม่มากก็น้อย
….
ซงจงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรีบกลับมายังหลินเจียง เขาตรงไปที่โถงหนาเซียนเพื่อมองหาฮุ่ยฉี
ในขณะนี้ ฮุ่ยฉีก็กำลังหารือเกี่ยวกับโครงสร้างโดยรวมของโถงหนาเซียนร่วมกับเป่ยเยว่
“ ท่านซง ท่านกลับมาที่นี่ทำไมกัน?” เป่ยเยว่จื่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นซงจงที่ดูรีบร้อน
เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนขอบเขตสัมผัสโลกาเท่านั้น ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะให้ความเคารพแก่เซียนมนุษย์
“ เรื่องในเมืองกวนโจวได้รับการจัดการแล้ว แต่มันก็ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง” ซงจงอธิบาย เขาไม่ได้พูดโดยตรงว่าเรื่องสำคัญนั้นคืออะไร
“ เรื่องสำคัญ?” เป่ยเยว่จื่อตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็มองไปที่ฮุ่ยฉีข้างๆ เขาและยิ้ม “ ข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการอยู่อีก เชิญพวกท่านคุยกันก่อนเถอะ”
จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นและจากไป
“…” ซงจงรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งนี้ หลังจากที่เป่ยเยว่จื่อจากไปแล้ว เขาก็ลดเสียงลงและพูดกับฮุ่ยฉีว่า “ เทวาเฉิน นี่จะไม่เป็นไรใช่ไหม ท้ายที่สุดแล้ว ที่นี่ก็คือดินแดนของตระกูลเป่ย”
“ นั่นไม่สำคัญหรอก จริงๆ แล้วเขาก็น่าจะรู้ตัวตนของข้าแล้วแต่เขาก็แค่ยังไม่ได้ทำอะไร นี่หมายความว่ามันก็เป็นความประสงค์ของเทวาเป่ยด้วยเช่นกัน” ฮุ่ยฉีโบกมือและยิ้ม “ ว่าแต่เจ้ากลับมาเพราะเรื่องของท่านประมุขเซียนอย่างงั้นหรอ?”
“ ถูกต้องแล้ว ท่านประมุขเซียนอยู่ในเมืองกวนโจว!” ซงจงพยักหน้า
“ เยี่ยมมาก!” ฮุ่ยฉีรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันทีและพูดอย่างมีความสุขว่า “ ตามข้ามา เราจะไปแสดงความเคารพต่อท่านประมุขเซียนในทันที ฉันได้รวบรวมข้อมูลมามากมายแล้วและกำลังรอที่จะรายงานเขาอยู่พอดีเลย”
….
หลังจากที่เป่ยเยว่จื่อเดินออกมาจากโถงหนาเซียนแล้ว เขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจ
เขาเรียกคนรับใช้และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ เตรียมรถม้าและนำผลไม้โปรดของท่านทวดมาให้ข้าหนึ่งลัง จากนั้นไปส่งข้าที่ลานบำรุงใจทางตอนใต้ของเมือง”
ลานบำรุงใจเคยเป็นที่พำนักของเทวาเป่ย มันเป็นกระดูกสันหลังของตระกูลเป่ยแห่งหลินเจียงและเป็นแกนหลักในการดำเนินงานของพวกเขา
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved