ตอนที่ 321

บทที่ 321: ไม่มีผู้นำทาง ไม่มีซึ่งสหาย

ที่จริงแล้ว หลังจากที่เป่ยฉิงซูดำเนินแผนของเขา ตัวอ่อนวิญญาณของ ซุยเฮ็งก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก

อย่างไรก็ตาม ด้วยการก่อตั้งราชวงศ์หวู่ การจัดตั้งเขตการปกครองท้องถิ่น การศึกษาของประชาชน และการประกาศใช้กฎหมายทางการของเมือง ในที่สุดเขาจึงเริ่มได้รับพัฒนาการ

ในขณะนี้ ตัวอ่อนวิญญาณที่ลอยอยู่ในตำหนักม่วงทองก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

พลังปราณสีม่วงปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวอ่อนวิญญาณ

ซุยเฮ็งสามารถเห็นแสงและเงาต่างๆ ของดาวชงหยางในปราณสีม่วงนี้ได้ พวกมันมีพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงอารยธรรม เช่นเดียวกับความคิดและชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด

พลังปราณสีม่วงนี้พันรอบตัวอ่อนวิญญาณของเขา แต่มันก็ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับตัวอ่อนวิญญาณและไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมัน

“ เกิดอะไรขึ้น?” ซุยเฮ็งงงงวยเล็กน้อย

เมื่อพลังปราณสีม่วงที่มีพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงอารยธรรม การเปลี่ยนแปลงความคิดของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด และการเปลี่ยนแปลงในโชคชะตาปรากฏในตำหนักม่วงทองของเขา เขาก็คิดว่าการทดลองของเขาประสบความสำเร็จ

มันเป็นไปได้จริงที่จะได้รับการพัฒนาจากการดำเนินการปฏิรูปสังคมครั้งใหญ่บนดาวชงหยาง

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้รับการพัฒนา มันก็กลับไม่ได้นำมาซึ่งการปรับปรุงใดๆ ให้กับตัวอ่อนวิญญาณ

นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ

“ มันจะปรับปรุงก็ต่อเมื่อข้าฝึกฝนจนถึงจุดสูงสุดอย่างสมบูรณ์แล้วอย่างงั้นหรอ?” ซุยเฮ็งตกอยู่ในความคิดอันลึกซึ้งและคิดกับตัวเองว่า “ หรือว่าข้าจะขาดความเข้าใจบางอย่างไป?”

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็เริ่มตรวจสอบพลังปราณสีม่วงอย่างระมัดระวัง

จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่ามันดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะให้คำจำกัดความที่ชัดเจนเกี่ยวกับพลังปราณสีม่วง

นี่คือพลังปราณสีม่วงที่ควบแน่นมาจากพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับผลกระทบของพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ผลกระทบแบบใดกันที่มันจะนำมา หรือวิธีใดกันที่มันถูกใช้เป็นรากฐานในการเข้าถึงขอบเขตก่อเกิดวิญญาณ

“ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้สามารถทำให้ผู้ฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณก้าวไปสู่ขอบเขตก่อเกิดวิญญาณได้จริงๆ หรอ?” ซุยเฮ็งขมวดคิ้วและครุ่นคิด เขาคิดกับตัวเองว่า “ อะไรคือผู้ฝึกฝนวิญญาณ และอะไรคือเทพเจ้า?.

นี่คือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสังคม ชะตากรรม และความคิดของสรรพสิ่ง ถ้ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบอื่น มันจะมีพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงแบบอื่นอีกไหม? มันมีอะไรที่แตกต่างกันเกี่ยวกับพวกเขาบ้าง?”

ชั่วขณะหนึ่ง ความสงสัยมากมายก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันจะมีอาจารย์สักคนยืนอยู่ต่อหน้าเขาและตอบคำถามของเขาเกี่ยวกับการฝึกตน หรือไม่ก็เพื่อนสักคนที่เดินร่วมทางและสามารถแลกเปลี่ยนความคิดกับเขาได้

กระนั้นมันก็ไม่มีผู้นำทางและไม่มีใครเดินคู่ด้วย

สภาพการฝึกตนนี้เต็มไปด้วยความยากลำบากและความเหงาอย่างแท้จริง

มันยากเกินไป!

เขาอาจจะหยุดและมีความสุขไปกับชีวิตที่ยืนยาวของเขาได้

เขาไม่จำเป็นต้องเดินต่อไปบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยม่านหมอกนี้

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเขาจะอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตรวมวิญญาณเท่านั้น แต่มันก็เพียงพอแล้วที่เขาจะเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกนับไม่ถ้วน

อะไรคือจุดประสงค์ของการก้าวต่อไปข้างหน้า?

“ ความคิดนั้นอีกแล้ว!”

จู่ๆ ซุยเฮ็งก็ตื่นขึ้นและตระหนักได้ว่ามีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของเขา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในขณะที่เขาพูดด้วยความประหลาดใจ “ จริงๆ แล้วข้ามีความคิดที่จะหยุดที่นี่และไม่เดินไปข้างหน้าอีกต่อไป ถึงอย่างงั้น ข้าก็ไม่เคยมีความคิดแบบนี้มาก่อนเลย…”

ครั้งสุดท้ายที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นก็คือตอนที่เขาเพิ่งทะลวงผ่านมายังจุดสูงสุดของขอบเขตรวมวิญญาณ

ในเวลานั้น เขาก็สงสัยว่ามันอาจมีเกณฑ์พิเศษหลังจากทะลวงไปสู่จุดสูงสุดของขอบเขตรวมวิญญาณ เขาต้องการดูว่ามันมีคำอธิบายที่เกี่ยวข้องในเคล็ดวิชาเซียนขั้นต้นหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เคล็ดวิชาเซียนขั้นต้นนั้นก็ยังซับซ้อนเช่นเคย และมันก็ไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องเลย

โดยไม่คาดคิด เมื่อเขากำลังนึกถึงวิธีการทะลวงผ่านไปยังขอบเขตก่อเกิดวิญญาณ ความคิดนี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ครั้งแรก เขายังคงสามารถให้เหตุผลได้ว่าเขาเพิ่งทะลวงผ่านไปยังจุดสูงสุดของขอบเขตรวมวิญญาณและสภาพจิตใจของเขาก็ยังไม่มั่นคง ดังนั้นเขาจึงได้รับผลกระทบเล็กน้อย แต่ในครั้งนี้ ซุยเฮ็งก็รู้สึกว่ามันอาจมีปัญหาบางอย่างแล้วจริงๆ

“ อะไรกันที่ทำให้ข้าคิดที่จะถอย” ซุยเฮ็งขมวดคิ้ว แต่เขาก็งงงวย

เขารู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหยุดก้าวไปข้างหน้า

โลกนี้เต็มไปด้วยราชาเซียนและสัตว์อสูรร้าย ผู้ฝึกตนอ่อนแอแบบเขาสามารถล้มตายได้ทุกเมื่อ

“ มันเป็นข้อจำกัดของกฎแห่งธรรมชาติของสวรรค์กับปฐพี หรือมันจะเป็นเกณฑ์ของสภาพจิตใจที่ข้าต้องผ่านพ้นไปให้ได้หลังจากไปถึงเต๋าอันยิ่งใหญ่?” การคาดเดาแวบเข้ามาในความคิดของซุยเฮ็ง

ในขณะนี้ เขาก็ได้เข้าใจว่าขอบเขตก่อเกิดวิญญาณนั้นไม่ง่ายเหมือนกับขอบเขตก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน มันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทำลายลงได้เพียงแค่สำรวจวิธีการฝึกตนและฝึกฝนไปทีละขั้นตอน

ซุยเฮ็งสงบสติอารมณ์และคิดกับตัวเองว่า “ ผลตอบรับจากการเปลี่ยนแปลงในตอนนี้เป็นเพียงความพยายาม มันไม่สามารถพิจารณาได้ว่าเป็นการค้นหาเส้นทางสู่ขอบเขตก่อเกิดวิญญาณ ข้ายังต้องทดลองมากขึ้นและสำรวจมากขึ้น”

“ อย่างไรก็ตาม ข้าก็ยังคงต้องดูว่ามันจะมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ในดาวชงหยางอีกหรือไม่ และการเปลี่ยนแปลงที่ตามมาจะสามารถให้ข้อเสนอแนะในรูปแบบอื่นๆ แก่ข้าได้หรือเปล่า”

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หัวใจของเขาก็เต้นรัว เขาหยุดคิดและมองลงไป

เมืองนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายไปทั่ว และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็ดูเหมือนกับมด

สิ่งนี้ทำให้ซุยเฮ็งเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาในทันใด เขาพึมพำ “ การฝึกตนของข้าทำให้ข้ารู้สึกสูงส่งและแข็งแกร่งเกินไปหรือเปล่านะ?”

“ เห็นได้ชัดว่าข้ายังไม่ได้กลายเป็นเซียน แต่ข้าก็ได้แยกตัวออกจากโลกมนุษย์แล้ว นี่เป็นเพราะข้าถูกเรียกว่าท่านประมุขเซียนหลายครั้งเกินไปรึเปล่านะ? หลักการของข้ากำลังเปลี่ยนไปหรือเปล่า?”