ตอนที่ 58 - บทที่ 58 พลังปราณของโลหิต

บทที่ 58 พลังปราณของโลหิต?

ครึ่งชั่วโมงต่อมา จางเหรินมองไปที่แถวผู้คนตรงหน้าเขา มุมปากของเขากระตุกสองสามครั้ง และเขาก็พูดช้าๆ "กัวตง เจ้าตัดสินใจฝึกศิลปะการต่อสู้แล้วใช่ไหม?"

"แน่นอน!"

เกาหยางดูเหมือนเขาถูกฉีดเลือดไก่หรือเขาเต็มไปด้วยพลังงานหลังจากรับประทานอาหารแล้ว "ตาเฒ่าจาง เราเคยได้ยินเสี่ยวฟานพูดว่าหลังจากกลายเป็นนักรบแล้ว ความแข็งแกร่งของใครตามจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า! ถ้าเขาไปถึงขั้นที่สองของการชำระล้างร่างกาย ความแข็งแกร่งของเขาจะสามารถเพิ่มเป็นสามเท่าได้!”

"ใช่ ใช่! หากเราแต่ละคนมีพลังเท่ากับเสี่ยวฟาน เราก็จะสามารถแบกเหยื่อกลับมาได้มากขึ้น"

“ตาเฒ่าจาง ท่านอยากจะสอนเราก่อนหน้านี้ แต่เราไม่ได้ฝึกฝน ข้าขอโทษจริงๆ แต่ครั้งนี้เราจริงจัง ดังนั้นเจ้าได้โปรดสอนเรา!”

ดวงตาของทุกคนจริงใจและน้ำเสียงก็จริงใจ

หวังปิงและคนอื่น ๆ ที่เฝ้าดูจากด้านข้างก็ตกตะลึงอย่างมาก

สถานการณ์นี้มันคืออะไร? ทำไมจู่ลุงกัวตงและคนอื่น ๆ ถึงได้วิ่งมาเรียนรู้วิธีเสริมสร้างร่างกายกับลุงจางเช่นนี้?

เป็นไปได้ไหมที่ทุกคนอยากฝึกยืนเสาเหมือนพวกเขา?

ภาพนั้นมันคงมหัศจรรย์อย่างมากจริงๆ

"อะแฮ่ม"

จางเหรินเหลือบมองเฉินฟานอย่างสงบ เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ พวกกัวตงและคนอื่นๆ ถึงได้นัดหมายกันฝึกฝนเช่นนี้ เขาคิดว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับเฉินฟานอย่างแน่นอน ถ้ามีคนบอกว่าไม่ใช่เฉินฟานเป็นสาเหตุ ถ้าเขาเชื่อเขายอมนอนให้วัวป่าเหยียบตาย!

เฉินฟานยิ้มให้เขาราวกับพูดว่า ลุงจาง เอาเลย..ถึงตาท่านแล้ว

จางเหรินถอนสายตาและจับจ้องไปที่เฉินกัวตงและคนอื่นๆ

“กัวตง หากท่านต้องการฝึกศิลปะการต่อสู้ ข้าก็รู้สึกมีความสุขมากเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่พวกท่านต้องทำความเข้าใจก่อน ประการแรก การฝึกศิลปะการต่อสู้ไม่ง่ายอย่างที่คิด มันต้องใช้ความเพียรพยายามและความอดทนอย่างมาก

นอกจากนี้พวกท่านไม่ใช่เด็กๆแล้ว เมื่อเทียบกับหวังปิงและคนอื่น ๆ พวกท่านต้องใช้ความพยายามมากกว่าพวกเขาหลายเท่าในการทำสิ่งนี้ หลังจากข้าพูดเช่นนี้แล้ว พวกท่านยังต้องการฝึกอีกหรือไม่? "

หลังจากพูดจบเขาก็หรี่ตาลง และออร่าก็ค่อยๆเล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเขา

ทำให้ชายวัยกลางคนเหล่านี้รู้สึกถึงแรงกดดันขึ้นมาทันที

อย่างไรก็ตามพวกเขาได้ตกลงกับเฉินฟานแล้ว หากพวกเขาถอยตอนนี้ พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ประการที่สอง หวังปิงและคนอื่นๆ ก็เฝ้าดูอยู่ข้างๆสนามด้วยเช่นกัน

“จางเหริน ข้ายังต้องการฝึก”

เฉินกัวตงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดขึ้น

"ข้าด้วย"

"นับข้าด้วย"

"มาฝึกกันเลย"

หลิงหยงและคนอื่น ๆ ก็แย่งกันพูด

“เอาล่ะ งั้นมาเริ่มกันเลย พวกท่านกระจายกันไปยืนเป็นแถว ห่างกันหนึ่งเมตร…” จางเหรินหยุดพูดขั้นตอน และเริ่มจากท่าทางพื้นฐานที่สุดเหมือนกับที่เขาสอนเฉินฟานและคนอื่นๆ

เฉินฟานพยักหน้า คิดกับตัวเองว่าเมื่อคนจากกู่เจียไจ้มา ให้พวกเขาฝึกซ้อมด้วยกันโดยเฉพาะกู่เซ่อ

ต้องบอกว่าด้วยความสามารถที่ถูกปลุกขึ้นของผู้ชายคนนี้ ควบคู่ไปกับการฝึกศิลปะการต่อสู้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกกดดันอยู่เล็กน้อย

คงจะดีไม่น้อยหากฝึกฝนได้

“พี่ฟาน ยอดเยี่ยมมาก!”

ในเวลานั้นหวังปิงและคนอื่น ๆ รวมตัวกันและยกนิ้วให้เขา

“ท่านสามารถชักชวนลุงกัวตงและคนอื่น ๆ ให้มาฝึกศิลปะการต่อสู้ได้จริงๆ มันน่าทึ่งมาก”

“มันไม่ใช่แค่ยอดเยี่ม แต่ท่านยังมองการณ์ไกล ลองคิดดูว่าถ้าทีมล่าของเราเป็นนักรบทั้งหมด มันจะง่ายดายขนาดไหนเมื่อเราออกไปล่าสัตว์?”

"ข้าไม่ได้ทำอะไรมากหรอก"

เฉินฟานไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้เมื่อได้ยินสิ่งนี้ "แต่การจะเป็นนักรบมันไม่ง่ายอย่างที่พวกเจ้าคิดหรอก และถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะเป็นนักรบ แต่การล่าก็ไม่ง่ายเหมือนเดิม"

"อา?"

รอยยิ้มบนใบหน้าของหวังปิงและคนอื่นๆ หายไปทันที

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักรบ แต่การล่าก็ไม่ง่ายดายเหมือนเดิมอย่างนั้นเหรอ?

“เจ้าจะรู้เมื่อถึงเวลา”

เฉินฟานส่ายหัวและไม่พูดอะไรอีก

“ยังไงก็ตาม เฉินฟาน กู่เซ่อเป็นใคร?”

ดวงตาของจ่าวเฟิงดูซับซ้อนเล็กน้อย “ข้าได้ยินมาว่าท่านพูดว่ากู่เซ่อซึ่งอายุประมาณเดียวกับท่าน กลับสามารถน้าวธนูแปดสิบปอนด์ได้ จริงไหม?”

ในทันใดนั้นหวังปิงและคนอื่น ๆ ก็กลั้นหายใจและจ้องมองที่เฉินฟานอย่างตั้งใจ

"อืม"

เฉินฟานพยักหน้า

"......"

จ่าวเฟิงและคนอื่นๆ หายใจเข้าลึกๆ

ลุงจางบอกว่าเฉินฟานเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ซึ่งหาได้ยากในรอบร้อยปี และการเปรียบเทียบพวกเขากับเขาก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตัวเขาเอง

แต่กู่เซ่อคนนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าจะอายุพอๆกัน แต่เขาจะน้าวธนูหนักขนาดนั้นได้อย่างไร เป็นไปได้ไหมว่าเขาเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ที่หาได้ยากในรอบร้อยปีเช่นเดียวกัน?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้เกิดขึ้นอยู่ทุกที่งั้นหรือ?

“เขา ค่อนข้างพิเศษนิดหน่อย”

เมื่อเห็นสิ่งนี้เฉินฟานก็ทนไม่ได้ที่จะพูดว่า "อย่าไปเปรียบเทียบกับเขา พวกเจ้าควรมุ่งเน้นมาที่ตัวเองก็พอ"

จ้างเฟิลและคนอื่นๆ ยิ้มอย่างขมขื่นอย่างช่วยไม่ได้

แน่นอนว่าคู่ต่อสู้คืออัจฉริยะของศิลปะการต่อสู้จริงๆสินะ!

พวกเขาเข้าใจเล็กน้อยว่าทำไมลุงกัวตงจึงตกลงที่จะให้พวกกู่เจี่ยไจ้เข้าร่วมกับพวกเขาอย่างรวดเร็ว แค่กู่เซ่อคนเดียวก็เพียงพอแล้ว

“ยังไงก็ตามเฉินฟาน ตอนที่ข้ากำลังฝึกยิงธนูในระหว่างวัน ข้าพบปัญหาบางอย่างท่านช่วยสอนข้าได้ไหม?”

จ่าวเฟิงถามขึ้น

"ตกลง"

เฉินฟานพยักหน้า และหลังจากมองไปที่จางเหริน เขาก็พาคนสองสามคนไปด้านข้าง

เดิมทีเขาต้องการถามจางเหรินว่าพลังงานของโลหิตคืออะไร? แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่มีเวลาดังนั้นเขาได้แต่รอก่อน

ตามความปรารถนาของพ่อของเขา ทีมล่าจะไม่ออกไปล่าสัตว์ในวันพรุ่งนี้ แต่ออกไปพบผู้คนของกู่เจียไจ้ และวันมะรืนทุกคนจะไปที่ซงเจียเป่าเพื่อแลกเปลี่ยนอาหารกัน

ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถใช้เวลาอีกหนึ่งวันเพื่อสะสมแต้มศักยภาพก่อนออกเดินทาง วิธีที่ดีที่สุดคือไปให้ถึงระดับการปรับแต่งกล้ามเนื้อ มันน่า่จะเพียงพอในการเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาเพื่อใช้ธนูที่มีแรงน้าว 200 ปอนด์

เมื่อเทียบกับคันธนูที่มีแรงน้าว 100 ปอนด์ ระยะการยิงสามารถเพิ่มเป็นสองเท่าและระยะหวังผลก็เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมี "เทคนิคศรดาวตก" ที่กำลังทำให้สมบูรณ์อยู่ และความคืบหน้าก็ใกล้ถึงหนึ่งในสามแล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จในเช้าวันพรุ่งนี้

ด้วยธนูที่ทรงพลังขึ้นและทักษะการยิงธนูที่แข็งแกร่งขึ้น การเดินทางไปซงเจียเป่าในครั้งนี้จึงมีความมั่นใจมากขึ้นอย่างแน่นอน

หลังจากสอนจ้าวเฟิงและคนอื่นๆ ถึงวิธีการยิงธนูแล้ว เฉินฟานก็พร้อมที่จะฝึกฝน [การยิงธนูขั้นพื้นฐาน] ของเขาแล้ว

แม้ว่าเขาจะมีแต้มค่าประสบการณ์มากมาย แต่เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้มันในการพัฒนาศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานเหล่านี้

ในอีกด้านหนึ่ง ศิลปะการต่อสู้ขั้นพื้นฐานเหล่านี้ใช้แต้มค่าประสบการณ์จำนวนมากและค่าสถานที่เพิ่มขึ้นก็มีจำกัด ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นมันเหมาะสำหรับการฝึกฝนเท่านั้น

สำหรับศิลปะการต่อสู้ขั้นสูงเช่นไท่จี๋ฉวนที่เพิ่มความแข็งแกร่งค่อนข้างมากและฝึกฝนได้ช้า แต่เมื่อมีการพัฒนาจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และมันคุ้มค่าในการใช้แต้มค่าประสบการณ์กว่าเล็กน้อย

ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดก็ร่างหนึ่งเดินกะโผลกกะเผลกเดินไปหาเขา

“สวัสดีตอนเย็นครับ ลุงจาง”

เฉินฟานเริ่มกล่าวทักทาย

จางเหรินมองเขาอย่างนิ่งเงียบ

เฉินฟานยิ้มอย่างเชื่องช้า "ข้าขอโทษจริงๆ ลุงจาง ข้าควรจะปรึกษาเรื่องนี้กับท่านล่วงหน้า แต่วันนี้ข้ากลับมาช้า ข้าก็เลย..."

“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิเจ้า”

จางเหรินส่ายหัว หันกลับมามองดูผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าและพูดว่า "มันเป็นสิ่งที่ดีที่เจ้าสามารถโน้มน้าวพวกเขาได้ แต่ข้าหวังว่าพวกเขาจะมีความพร้อมทางจิตใจ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเป็นนักรบได้เร็วเหมือนเจ้า”

ก็เหมือนกับกับพี่น้องแซ่เว่ยที่ต้องใช้เวลาสองหรือสามปีในการที่จะสามารถเป็นนักรบขั้นแรกได้

แน่นอนว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว อาหารทุกวันนี้สามารถหาได้ง่ายขึ้น แต่เขาไม่รู้ว่าจะเร็วกว่าปกติได้แค่ไหน

"ไม่ต้องกังวลลุงจาง"

เฉินฟานมองเขาอย่างจริงจัง "ไม่มีประโยชน์ที่จะยืนมองดูปลา ถอยไปทำแหดีกว่า(ไม่ต้องฝันถึงผลลัพธ์ แค่โฟกัสในสิ่งที่ต้องทำในปัจจุบัน) ค่อยๆทำไปทีละขั้นดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ท่านไม่คิดอย่างนั้นหรือลุงจาง?"

"ฮ่าๆ ข้าดีใจที่เจ้ามีความคิดอย่างนี้"

จางเหรินยิ้มออกมา

“ยังไงก็ตาม ลุงจาง ข้ามีอะไรจะถามท่านหน่อย พลังงานของโลหิตหมายความว่าอย่างไร” เฉินฟานถามขึ้น

"อะไรนะ!"

จางเหรินหันมามองอย่างรีบร้อน และพูดด้วยความประหลาดใจ "เจ้าสามารถใช้พลังพลังงานของโลหิตได้แล้วงั้นหรือ ???"