ซวนหยวนอี้มองมาที่โจวโจวและพยักหน้า
“ยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์อย่างดาวนำโชคแทบจะสามารถกำหนดความรุ่งโรจน์และตกต่ำของเผ่าพันธุ์ได้ นอกจากนี้ เพราะมันสามารถสนับสนุนทั้งเผ่าพันธุ์ได้ มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซ่อนมันไว้เป็นความลับได้ อีกไม่นาน เจ้าและดาวนำโชคของเจ้าจะเป็นที่รู้จักของทุกๆ เผ่าพันธุ์”
“เผ่าพันธุ์ในที่นี้ไม่ได้รวมเฉพาะลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่มันยังรวมถึงอารายธรรมที่อยู่เบื้องหลังลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ที่ไม่ได้เข้าร่วมในศึกชิงเจ้าแห่งลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์แต่ให้ความสนใจกับการแข่งขันนี้ด้วย ดังนั้นหลังจากที่เจ้าได้รับมันมา เจ้าต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในอนาคต และรักษายุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์นี้ไว้ให้ดี”
ซวนหยวนอี้ย้ำ
โบนัสอัตราการดรอป 5% อาจจะดูไม่สูงมาก อย่างไรก็ตาม มันก็เพียงพอแล้วที่จะเพิ่มอัตราการดรอปถึงห้าเท่าสำหรับไอเท็มดรอปที่มีอัตราการดรอปแค่ 1%
ด้วยอัตราการดรอป 5% นี้ ไอเท็มหายากจำนวนมากก็จะดรอปได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ เอฟเฟกต์นี้ยังส่งผลต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดด้วย
เรียกได้ว่าด้วยการมีอยู่ของดาวนำโชคนี้ ความแข็งแกร่งและศักยภาพของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าสองเท่าในอนาคต!
นี่คือความแข็งแกร่งของยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์!
“เข้าใจแล้วขอรับ ข้าจะระวัง”
โจวโจวพยักหน้าเมื่อเขาได้ยินคำพูดของซวนหยวยอี้
นอกจากนี้เขายังอดรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้ อีกฝ่ายไม่ได้บอกว่าเขาต้องการ ‘ปกป้อง’ ยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์แทนเขา
แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ได้พูดออกมา แต่เขาก็อาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็ทำให้เขามีความประทับใจที่ดีต่อผู้อาวุโสคนนี้
ในเวลาเดียวกัน เมื่อคนใหญ่คนโตคนอื่นๆ ที่เดิมทีตั้งหน้าตั้งตารอฟังสิ่งที่ซวนหยวนอี้พูดอยู่และไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังคิด พวกเขาต่างก็อึ้งไปทันที
พวกเขาขยิบตาให้ซวนหยวนอี้และกระทั่งสื่อสารทางจิตไปหาอีกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ซวนหยวนอี้ก็ทำราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรและนั่งลงกับที่อย่างสบายใจ
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้แสดงท่าทีและความคิดของเขาออกไปแล้ว
คนใหญ่คนโตหลายคนสับสนมาก แต่ซวนหยวนอี้ก็เป็นคนที่มีสถานะและความแข็งแกร่งสูงที่สุดในหมู่พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“ท่านซวนหยวนอี้ ข้ามีคำถาม”
โจวโจวกล่าว
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
ซวนหยวนอี้ยิ้ม
“ไม่ใช่ว่าลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ทุกคนได้รับการปกป้องจากข้อตกลงสูงสุดที่ถูกตั้งขึ้นโดยเจตจำนงสูงสุดงั้นเหรอ? เผ่าพันธุ์และอารยธรรมเหล่านั้นสามารถเพิกเฉยต่อข้อตกลงสูงสุดและโจมตีข้าได้งั้นเหรอ?”
โจวโจวถาม
“ข้อตกลงสูงสุดนั้นทรงพลังก็จริง แต่เจตจำนงสูงสุดก็คงจะไม่ทำลายเผ่าพันธุ์และอารยธรรมทั้งหมดเพียงเพราะมีบางเผ่าพันธุ์หรือบางอารยธรรมละเมิดข้อตกลงสูงสุดหรอก อย่างมากที่สุด พวกเขาก็จะได้รับการลงโทษบ้างซึ่งก็คงไม่ได้ทำให้เผ่าพันธุ์และอารยธรรมเหล่านั้นเสียหายอะไรมาก ถ้าคุณค่าที่เจ้าแสดงออกมาเกินกว่าความเสียหายที่พวกเขาจะได้รับ พวกเขาก็ย่อมตัดสินใจลงมือกับเจ้า”
“ยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์มีคุณค่าขนาดนั้นแหละ และเผ่าพันธุ์กับอารยธรรมระดับแนวหน้าก็อาจจะไม่ได้ทำมันเอง พวกเขาอาจใช้วิธีการต่างๆ เพื่อบอกใบ้ให้เผ่าพันธุ์และอารยธรรมระดับกลางไปจนถึงระดับล่างโจมตีเจ้าแทน”
“หลังจากพวกเขาช่วงชิงในสิ่งที่เจ้ามีไปได้แล้ว เผ่าพันธุ์และอารยธรรมระดับแนวหน้าพวกนั้นก็จะสามารถลงมือได้และช่วงชิงสิ่งที่พวกเขาต้องการไปจากเผ่าพันธุ์และอารยธรรมระดับกลางไปจนถึงระดับล่างพวกนั้นอีกที สิ่งนี้จะลดการลงโทษของเจตจำนงสูงสุดให้เหลือน้อยที่สุด และได้รับสิ่งที่พวกเขาต้องการไปเหมือนเดิม”
ซวนหยวนอี้พูดด้วยโทนเสียงต่ำ
โจวโจวขมวดคิ้ว
การยืมมีดฆ่าคนนี่ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ
และที่สำคัญที่สุด มันไม่จำเป็นที่เผ่าพันธุ์และอารยธรรมชั้นนำเหล่านั้นจะต้องบอกใบ้เลย ข่าวเรื่องยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์ของเขาคงจะแพร่ไปทั่วไปนานแล้ว
เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาก็ย่อมมีปัญหาไม่รู้จบ
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากในบรรดาลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ แต่เมื่อเทียบกับลอร์ดดั้งเดิมที่พัฒนามานานนับไม่ถ้วน มันก็ยังมีช่องว่างใหญ่มากอยู่ดี
โจวโจวครุ่นคิดอย่างเงียบๆ
ดาวนำโชคนี้อาจจะเป็นของดี แต่มันก็เป็นเผือกร้อนด้วย
ในเวลานั้นเอง ซวนหยวนอี้ก็หัวเราะออกมา
“เจ้ากังวลว่าเผ่าพันธุ์และอารยธรรมระดับกลางกับระดับล่างจะมาลงมือกับเจ้างั้นเหรอ?” เขาถาม
โจวโจวพยักหน้ารับ มันไม่มีอะไรผิดที่จะยอมรับมัน
“ไม่ต้องห่วง”
ซวนหยวนอี้พูดออกมา
“ทำไมล่ะขอรับ?”
โจวโจวอึ้ง
ซวนหยวนอี้ดูทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า
“เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่ามันก็มีเผ่าพันธุ์อยู่เบื้องหลังเจ้า? ถ้าเผ่าพันธุ์และอารยธรรมเหล่านั้นกล้าเสี่ยงที่จะถูกลงโทษโดยเจตจำนงสูงสุดเพื่อจะแย่งชิงยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์ของเจ้า พวกเราเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ย่อมไม่ปล่อยให้พวกมันมาทำร้ายเจ้าได้โดยเด็ดขาด!”
“สำหรับเหตุผล เจ้าจะคิดว่ามันเป็นเพราะพวกเราให้คุณค่ากับศักยภาพของเจ้าก็ได้ เจ้าสามารถพูดได้ว่าเราต้องการบางอย่างจากเจ้า แต่เหตุผลที่เรียบง่ายที่สุดก็อาจจะเป็นเพราะเจ้าคือสมาชิกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเรา พวกเราเหล่ามนุษย์อาจจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังในสรรพเผ่าพันธุ์ พวกเราอาจจะเป็นแค่เผ่าพันธุ์ธรรมดาๆ เท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอที่จะนิ่งเฉยเมื่อสมาชิกของเผ่าพันธุ์พวกเราถูกรังแก! ถ้ามีเผ่าพันธุ์ไหนอยากจะก่อสงคราม พวกเราก็จะสู้กับมันเอง!”
เมื่อซวนหยวนอี้พูดจบ เสียงอันเก่าแก่ของเขาก็ดูจะเต็มไปด้วยจิตสังหารที่สะสมมานับหมื่นๆ ปี
เมื่อเบื้องบนของเผ่าพันธุ์มนุษย์คนอื่นได้ยินเช่นนี้ พวกเขาเองก็ดูเหมือนว่าจะถูกผูกมัดด้วยความเกลียดชังที่มีร่วมกันสำหรับศัตรูและเต็มไปด้วยจิตสังหารเหมือนกัน
โจวโจวอึ้ง
มันต้องบอกเลยว่าเมื่อเขาได้ยินว่าเบื้องบนของเผ่าพันธุ์มนุษย์พวกนี้เต็มใจที่จะเริ่มสงครามกับต่างเผ่าพันธุ์เพื่อปกป้องเขา หัวใจของเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย
ใช่ ฉันไม่ได้ตัวคนเดียว ฉันยังมีเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดคอยหนุนหลังฉันอยู่!
“พวกเราจะช่วยเจ้าต่อสู้กับพวกต่างเผ่าพันธุ์ที่คิดร้ายต่อเจ้า แต่เจ้าก็ไม่อาจผ่อนคลายลงได้ เจ้าต้องพัฒนาตัวเองให้ดี พวกเราจะตั้งตารอวันที่เจ้าสามารถนำทัพของเจ้าเข้าโรมรันกับศัตรูจากต่างเผ่าพันธุ์ได้”
ซวนหยวนอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าได้ต่อสู้กับคนจากต่างเผ่าพันธุ์มาตลอดอยู่แล้ว และข้าจะต่อสู้กับพวกมันตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอนาคต”
โจวโจวพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ซวนหยวนอี้และคนอื่นๆ ยิ้มออกมาทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้
สีหน้าของไป่เหอเองก็ดูดีเป็นอย่างมาก
ทุกคนคุยกันต่อสักพัก เมื่องานเลี้ยงใกล้จะจบลง คุณยายแก่ๆ คนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาโจวโจวด้วยท่าทีที่ดูใจดี
“หนุ่มน้อย เจ้าหล่อเหลามากเลย ไม่แปลกใจเลยที่ลูกศิษย์ของข้าพูดถึงเจ้าอยู่บ่อยๆ”
เธอหัวเราะ
“ลูกศิษย์ของผู้อาวุโสคือ?”
โจวโจวอึ้ง
“ชื่อของข้าคือหลิงรั่ว และสมญานามของข้าคือราชาแพทย์แสงศักดิ์สิทธิ์”
เธอหัวเราะ
“งั้นท่านก็คืออาจารย์ของลู่ฉ่ายเอ๋อร์นั่นเอง”
โจวโจวตอบสนองทันทีและกล่าวออกมาด้วยความเคารพ
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแสดงความเคารพ
นี่คือหมอผู้โด่งดังของเผ่าพันธุ์มนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นจริยธรรมทางการแพทย์หรือทักษะทางการแพทย์ พวกมันต่างก็อยู่ในระดับแนวหน้าของหมอเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปแล้ว
ยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์หลายคนเคยได้รับการรักษาจากเธอ และเธอก็ยังได้ช่วยชีวิตของพวกเขาไว้หลายครั้ง ดังนั้นแม้ว่าความแข็งแกร่งของเธอจะธรรมดาๆ ในบรรดาผู้กล้าทั้งหลาย แต่เส้นสายของเธอก็น่าสะพรึงกลัวมาก
“เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
ราชาแพทย์แสงศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เธอสบายดีขอรับ ไว้ข้าจะพาท่านไปหาเธอนะขอรับ”
โจวโจวกล่าว
“ดีๆ ข้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่าดินแดนของเจ้ามีเสน่ห์อะไรศิษย์ของข้าถึงไม่คิดที่จะกลับมาหาข้าเลย”
หลิงรั่วยิ้ม
โจวโจวเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน
เขาไม่ได้รับผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ มันเป็นลู่ฉ่ายเอ๋อร์ที่อาสาจะอยู่กับเขาเอง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง งานเลี้ยงก็จบลง
เหล่าคนใหญ่คนโตพากันกลับไปทีละคน
“มันดึกแล้ว เจ้าก็น่าจะกลับไปพักได้แล้ว”
เมื่อคนส่วนใหญ่กลับไปแล้ว ไป่เหอก็เดินเข้ามาหาโจวโจวและพูดออกมา
“ไม่จำเป็นต้องรีบหรอกขอรับ”
โจวโจวมองไปยังไป่เหอ
“เจ้าวิหาร ข้าสามารถคืนชีพผู้กล้าได้อีกครั้งแล้ว ท่านอยากให้ข้าชุบชีวิตผู้กล้าคนไหนไหมขอรับ?”
ใบหน้าของไป่เหอปรากฏความดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved