ตอนที่ 495 : ราชาแพทย์แสงศักดิ์สิทธิ์—หลิงรั่ว!

ซวนหยวนอี้มองมาที่โจวโจวและพยักหน้า

“ยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์อย่างดาวนำโชคแทบจะสามารถกำหนดความรุ่งโรจน์และตกต่ำของเผ่าพันธุ์ได้ นอกจากนี้ เพราะมันสามารถสนับสนุนทั้งเผ่าพันธุ์ได้ มันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซ่อนมันไว้เป็นความลับได้ อีกไม่นาน เจ้าและดาวนำโชคของเจ้าจะเป็นที่รู้จักของทุกๆ เผ่าพันธุ์”

“เผ่าพันธุ์ในที่นี้ไม่ได้รวมเฉพาะลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่มันยังรวมถึงอารายธรรมที่อยู่เบื้องหลังลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ที่ไม่ได้เข้าร่วมในศึกชิงเจ้าแห่งลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์แต่ให้ความสนใจกับการแข่งขันนี้ด้วย ดังนั้นหลังจากที่เจ้าได้รับมันมา เจ้าต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้นในอนาคต และรักษายุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์นี้ไว้ให้ดี”

ซวนหยวนอี้ย้ำ

โบนัสอัตราการดรอป 5% อาจจะดูไม่สูงมาก อย่างไรก็ตาม มันก็เพียงพอแล้วที่จะเพิ่มอัตราการดรอปถึงห้าเท่าสำหรับไอเท็มดรอปที่มีอัตราการดรอปแค่ 1%

ด้วยอัตราการดรอป 5% นี้ ไอเท็มหายากจำนวนมากก็จะดรอปได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ เอฟเฟกต์นี้ยังส่งผลต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดด้วย

เรียกได้ว่าด้วยการมีอยู่ของดาวนำโชคนี้ ความแข็งแกร่งและศักยภาพของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าสองเท่าในอนาคต!

นี่คือความแข็งแกร่งของยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์!

“เข้าใจแล้วขอรับ ข้าจะระวัง”

โจวโจวพยักหน้าเมื่อเขาได้ยินคำพูดของซวนหยวยอี้

นอกจากนี้เขายังอดรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้ อีกฝ่ายไม่ได้บอกว่าเขาต้องการ ‘ปกป้อง’ ยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์แทนเขา

แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ได้พูดออกมา แต่เขาก็อาจจะคิดมากเกินไปก็ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็ทำให้เขามีความประทับใจที่ดีต่อผู้อาวุโสคนนี้

ในเวลาเดียวกัน เมื่อคนใหญ่คนโตคนอื่นๆ ที่เดิมทีตั้งหน้าตั้งตารอฟังสิ่งที่ซวนหยวนอี้พูดอยู่และไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังคิด พวกเขาต่างก็อึ้งไปทันที

พวกเขาขยิบตาให้ซวนหยวนอี้และกระทั่งสื่อสารทางจิตไปหาอีกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ซวนหยวนอี้ก็ทำราวกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไรและนั่งลงกับที่อย่างสบายใจ

อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้แสดงท่าทีและความคิดของเขาออกไปแล้ว

คนใหญ่คนโตหลายคนสับสนมาก แต่ซวนหยวนอี้ก็เป็นคนที่มีสถานะและความแข็งแกร่งสูงที่สุดในหมู่พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรออกมา

“ท่านซวนหยวนอี้ ข้ามีคำถาม”

โจวโจวกล่าว

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

ซวนหยวนอี้ยิ้ม

“ไม่ใช่ว่าลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ทุกคนได้รับการปกป้องจากข้อตกลงสูงสุดที่ถูกตั้งขึ้นโดยเจตจำนงสูงสุดงั้นเหรอ? เผ่าพันธุ์และอารยธรรมเหล่านั้นสามารถเพิกเฉยต่อข้อตกลงสูงสุดและโจมตีข้าได้งั้นเหรอ?”

โจวโจวถาม

“ข้อตกลงสูงสุดนั้นทรงพลังก็จริง แต่เจตจำนงสูงสุดก็คงจะไม่ทำลายเผ่าพันธุ์และอารยธรรมทั้งหมดเพียงเพราะมีบางเผ่าพันธุ์หรือบางอารยธรรมละเมิดข้อตกลงสูงสุดหรอก อย่างมากที่สุด พวกเขาก็จะได้รับการลงโทษบ้างซึ่งก็คงไม่ได้ทำให้เผ่าพันธุ์และอารยธรรมเหล่านั้นเสียหายอะไรมาก ถ้าคุณค่าที่เจ้าแสดงออกมาเกินกว่าความเสียหายที่พวกเขาจะได้รับ พวกเขาก็ย่อมตัดสินใจลงมือกับเจ้า”

“ยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์มีคุณค่าขนาดนั้นแหละ และเผ่าพันธุ์กับอารยธรรมระดับแนวหน้าก็อาจจะไม่ได้ทำมันเอง พวกเขาอาจใช้วิธีการต่างๆ เพื่อบอกใบ้ให้เผ่าพันธุ์และอารยธรรมระดับกลางไปจนถึงระดับล่างโจมตีเจ้าแทน”

“หลังจากพวกเขาช่วงชิงในสิ่งที่เจ้ามีไปได้แล้ว เผ่าพันธุ์และอารยธรรมระดับแนวหน้าพวกนั้นก็จะสามารถลงมือได้และช่วงชิงสิ่งที่พวกเขาต้องการไปจากเผ่าพันธุ์และอารยธรรมระดับกลางไปจนถึงระดับล่างพวกนั้นอีกที สิ่งนี้จะลดการลงโทษของเจตจำนงสูงสุดให้เหลือน้อยที่สุด และได้รับสิ่งที่พวกเขาต้องการไปเหมือนเดิม”

ซวนหยวนอี้พูดด้วยโทนเสียงต่ำ

โจวโจวขมวดคิ้ว

การยืมมีดฆ่าคนนี่ช่างโหดเหี้ยมจริงๆ

และที่สำคัญที่สุด มันไม่จำเป็นที่เผ่าพันธุ์และอารยธรรมชั้นนำเหล่านั้นจะต้องบอกใบ้เลย ข่าวเรื่องยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์ของเขาคงจะแพร่ไปทั่วไปนานแล้ว

เมื่อเวลานั้นมาถึง เขาก็ย่อมมีปัญหาไม่รู้จบ

แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากในบรรดาลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ แต่เมื่อเทียบกับลอร์ดดั้งเดิมที่พัฒนามานานนับไม่ถ้วน มันก็ยังมีช่องว่างใหญ่มากอยู่ดี

โจวโจวครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

ดาวนำโชคนี้อาจจะเป็นของดี แต่มันก็เป็นเผือกร้อนด้วย

ในเวลานั้นเอง ซวนหยวนอี้ก็หัวเราะออกมา

“เจ้ากังวลว่าเผ่าพันธุ์และอารยธรรมระดับกลางกับระดับล่างจะมาลงมือกับเจ้างั้นเหรอ?” เขาถาม

โจวโจวพยักหน้ารับ มันไม่มีอะไรผิดที่จะยอมรับมัน

“ไม่ต้องห่วง”

ซวนหยวนอี้พูดออกมา

“ทำไมล่ะขอรับ?”

โจวโจวอึ้ง

ซวนหยวนอี้ดูทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย แล้วพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า

“เจ้าไม่คิดบ้างเหรอว่ามันก็มีเผ่าพันธุ์อยู่เบื้องหลังเจ้า? ถ้าเผ่าพันธุ์และอารยธรรมเหล่านั้นกล้าเสี่ยงที่จะถูกลงโทษโดยเจตจำนงสูงสุดเพื่อจะแย่งชิงยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์ของเจ้า พวกเราเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ย่อมไม่ปล่อยให้พวกมันมาทำร้ายเจ้าได้โดยเด็ดขาด!”

“สำหรับเหตุผล เจ้าจะคิดว่ามันเป็นเพราะพวกเราให้คุณค่ากับศักยภาพของเจ้าก็ได้ เจ้าสามารถพูดได้ว่าเราต้องการบางอย่างจากเจ้า แต่เหตุผลที่เรียบง่ายที่สุดก็อาจจะเป็นเพราะเจ้าคือสมาชิกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพวกเรา พวกเราเหล่ามนุษย์อาจจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังในสรรพเผ่าพันธุ์ พวกเราอาจจะเป็นแค่เผ่าพันธุ์ธรรมดาๆ เท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอที่จะนิ่งเฉยเมื่อสมาชิกของเผ่าพันธุ์พวกเราถูกรังแก! ถ้ามีเผ่าพันธุ์ไหนอยากจะก่อสงคราม พวกเราก็จะสู้กับมันเอง!”

เมื่อซวนหยวนอี้พูดจบ เสียงอันเก่าแก่ของเขาก็ดูจะเต็มไปด้วยจิตสังหารที่สะสมมานับหมื่นๆ ปี

เมื่อเบื้องบนของเผ่าพันธุ์มนุษย์คนอื่นได้ยินเช่นนี้ พวกเขาเองก็ดูเหมือนว่าจะถูกผูกมัดด้วยความเกลียดชังที่มีร่วมกันสำหรับศัตรูและเต็มไปด้วยจิตสังหารเหมือนกัน

โจวโจวอึ้ง

มันต้องบอกเลยว่าเมื่อเขาได้ยินว่าเบื้องบนของเผ่าพันธุ์มนุษย์พวกนี้เต็มใจที่จะเริ่มสงครามกับต่างเผ่าพันธุ์เพื่อปกป้องเขา หัวใจของเขาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย

ใช่ ฉันไม่ได้ตัวคนเดียว ฉันยังมีเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดคอยหนุนหลังฉันอยู่!

“พวกเราจะช่วยเจ้าต่อสู้กับพวกต่างเผ่าพันธุ์ที่คิดร้ายต่อเจ้า แต่เจ้าก็ไม่อาจผ่อนคลายลงได้ เจ้าต้องพัฒนาตัวเองให้ดี พวกเราจะตั้งตารอวันที่เจ้าสามารถนำทัพของเจ้าเข้าโรมรันกับศัตรูจากต่างเผ่าพันธุ์ได้”

ซวนหยวนอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ข้าได้ต่อสู้กับคนจากต่างเผ่าพันธุ์มาตลอดอยู่แล้ว และข้าจะต่อสู้กับพวกมันตลอดไป ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอนาคต”

โจวโจวพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ซวนหยวนอี้และคนอื่นๆ ยิ้มออกมาทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้

สีหน้าของไป่เหอเองก็ดูดีเป็นอย่างมาก

ทุกคนคุยกันต่อสักพัก เมื่องานเลี้ยงใกล้จะจบลง คุณยายแก่ๆ คนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาโจวโจวด้วยท่าทีที่ดูใจดี

“หนุ่มน้อย เจ้าหล่อเหลามากเลย ไม่แปลกใจเลยที่ลูกศิษย์ของข้าพูดถึงเจ้าอยู่บ่อยๆ”

เธอหัวเราะ

“ลูกศิษย์ของผู้อาวุโสคือ?”

โจวโจวอึ้ง

“ชื่อของข้าคือหลิงรั่ว และสมญานามของข้าคือราชาแพทย์แสงศักดิ์สิทธิ์”

เธอหัวเราะ

“งั้นท่านก็คืออาจารย์ของลู่ฉ่ายเอ๋อร์นั่นเอง”

โจวโจวตอบสนองทันทีและกล่าวออกมาด้วยความเคารพ

เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแสดงความเคารพ

นี่คือหมอผู้โด่งดังของเผ่าพันธุ์มนุษย์

ไม่ว่าจะเป็นจริยธรรมทางการแพทย์หรือทักษะทางการแพทย์ พวกมันต่างก็อยู่ในระดับแนวหน้าของหมอเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปแล้ว

ยอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์หลายคนเคยได้รับการรักษาจากเธอ และเธอก็ยังได้ช่วยชีวิตของพวกเขาไว้หลายครั้ง ดังนั้นแม้ว่าความแข็งแกร่งของเธอจะธรรมดาๆ ในบรรดาผู้กล้าทั้งหลาย แต่เส้นสายของเธอก็น่าสะพรึงกลัวมาก

“เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”

ราชาแพทย์แสงศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เธอสบายดีขอรับ ไว้ข้าจะพาท่านไปหาเธอนะขอรับ”

โจวโจวกล่าว

“ดีๆ ข้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่าดินแดนของเจ้ามีเสน่ห์อะไรศิษย์ของข้าถึงไม่คิดที่จะกลับมาหาข้าเลย”

หลิงรั่วยิ้ม

โจวโจวเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน

เขาไม่ได้รับผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ มันเป็นลู่ฉ่ายเอ๋อร์ที่อาสาจะอยู่กับเขาเอง

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง งานเลี้ยงก็จบลง

เหล่าคนใหญ่คนโตพากันกลับไปทีละคน

“มันดึกแล้ว เจ้าก็น่าจะกลับไปพักได้แล้ว”

เมื่อคนส่วนใหญ่กลับไปแล้ว ไป่เหอก็เดินเข้ามาหาโจวโจวและพูดออกมา

“ไม่จำเป็นต้องรีบหรอกขอรับ”

โจวโจวมองไปยังไป่เหอ

“เจ้าวิหาร ข้าสามารถคืนชีพผู้กล้าได้อีกครั้งแล้ว ท่านอยากให้ข้าชุบชีวิตผู้กล้าคนไหนไหมขอรับ?”

ใบหน้าของไป่เหอปรากฏความดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้