ตอนที่ 137

บทที่ 137 : ออร่าที่คล้ายคลึงกัน

มีคนไม่มากจากสำนักเซียนอรุณที่มาเยี่ยมซุยเฮ็งในครั้งนี้

มันมีเพียงเก้าคนเท่านั้น

เหอฉิงโหรวและเฉินหยิงอยู่ที่นี่ด้วยตามปกติ

นอกจากนี้ก็ยังมีเจ้าสำนัก จูฉิงผู้สมบูรณ์แบบ, รองเจ้าสำนัก หลิวอี้หยุน, เจ้าของกระบี่อีกสองคน, ศิษย์สองคนของจูฉิงผู้สมบูรณ์แบบ และศิษย์ส่วนตัวของเหิงเซียผู้สมบูรณ์แบบ เจิงหนานซุน

ในตอนแรก จูฉิงผู้สมบูรณ์แบบก็วางแผนที่จะนำศิษย์ทั้งหมดมาเยี่ยมซุยเฮ็ง เธอรู้สึกว่านี่เป็นวิธีเดียวที่พวกเธอจะสามารถแสดงออกถึงความเคารพของสำนักเซียนอรุณที่มีต่อเขาได้

อย่างไรก็ตาม แผนการนี้ก็ได้ถูกขัดเอาไว้โดยเจิงหนานซุน

หากศิษย์ทั้งหมดของสำนักออกมาจากสำนัก แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นหากศัตรูภายนอกฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้?

สำนักเซียนอรุณแห่งภูเขาคังเฉิงเป็นรากฐานที่ยืนหยัดมาเกือบร้อยปี มันเป็นมรดกที่ตกทอดมาจนถึงรุ่นของพวกเธอ ดังนั้นพวกเขาจะปล่อยมันไปไม่ได้

ด้วยเหตุนี้เอง ศิษย์ส่วนใหญ่จึงถูกปล่อยทิ้งไว้ให้ปกป้องสำนัก

แน่นอนว่าทั้งเก้าคนที่มาเยี่ยมซุยเฮ็งนั้นก็ยังคงเป็นแกนหลักที่แท้จริงของสำนักเซียนอรุณ

ในขณะนี้ สำนักเซียนอรุณก็ได้มาถึงเมืองเล็กๆ นอกเขตฉางเฟิงแล้ว

พวกเธอไม่ได้เข้าเมืองเพื่อไปเยี่ยมซุยเฮ็ง

นั่นจะเป็นการหยาบคายเกินไป

จูฉิงผู้สมบูรณ์แบบและคนอื่นๆ จะเข้าไปแสดงความเคารพด้วยกัน หลังจากได้รับอนุญาตจากซุยเฮ็งแล้วเท่านั้น

และก่อนหน้านั้น ทุกคนจึงมาพักกันก่อนในโรงเตี๊ยม

เจิงหนานซุนนั่งพิงหน้าต่างและมองไปที่คนบนถนนด้านล่างด้วยความงุนงง

เธอเป็นสาวงามที่ดูเหมือนจะอยู่ในวัยสามสิบเท่านั้น ใบหน้าของเธอซีดเล็กน้อยและออร่าของเธอก็ดูอ่อนแอ รูปร่างของเธอผอมและเธอก็ไม่ได้สวมเสื้อคลุมนักพรต เธอสวมชุดสีเขียวอ่อนที่เรียบง่าย สง่างามและเป็นธรรมชาติ

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ลงมาจากภูเขาในรอบเกือบร้อยปี

เมื่อร้อยปีที่แล้ว เธอก็ยังเป็นหนานซุนผู้สมบูรณ์แบบที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ในฐานะศิษย์คนแรกของเหิงเซียผู้สมบูรณ์แบบ เธอก็ได้สืบทอดอุดมการณ์ของอาจารย์ เธอเดินทางไปในโลกยุทธ์และลงโทษความชั่วร้ายทุกประการ เธอสนับสนุนเส้นทางอันชอบธรรมเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการ

นั่นเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต

เดิมทีเจิงหนานซุนก็คิดว่าเธอจะสามารถทำเช่นนั้นต่อไปได้

เธอจะติดตามอาจารย์ของเธอและฝึกฝนมรดกเหล่านั้นเพื่อที่จะส่งต่อพวกมันไปให้กับลูกศิษย์ของพวกเธอในสักวันหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม หลังจากการสู้รบเมื่อร้อยปีก่อน ทุกสิ่งก็ได้เปลี่ยนไป ศิษย์ทั้งหมดที่เธอสั่งสอนมากับมือได้เสียชีวิตลงในสนามรบ นอกจากนี้ เธอก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสจนรากฐานของเธอได้รับความเสียหาย สิ่งนี้ทำให้อายุขัยของเธอลดลงอย่างมาก

แม้แต่อาจารย์ของเธอซึ่งถือได้ว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดของเธอก็ยังหายตัวไปหลังจากการต่อสู้ครั้งนั้น

ทันทีหลังจากนั้น สำนักเซียนอรุณก็ปิดผนึกภูเขา

ทุกอย่างเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ

นับตั้งแต่นั้นมา เจิงหนานซุนก็ไม่ได้ลงมาจากภูเขาคังเฉิงอีกเลย

เธอขังตัวเองอยู่แต่ในถ้ำที่อยู่ด้านหลังภูเขาและไม่ยอมให้ใครพบ

เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างโดดเดี่ยว

จนกระทั่งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ชื่อเฉินหยิงได้บังเอิญเข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามที่ด้านหลังของภูเขาและปลุกเธอขึ้น

เด็กหญิงตัวเล็กคนนี้ดูคล้ายกับลูกศิษย์ที่ตายไปแล้วคนหนึ่งของเธอ

เฉินหยิงนั้นดูมีชีวิตชีวาและร่าเริง และคำพูดของเธอก็ไพเราะน่าฟัง

และในที่สุด หัวใจที่แห้งตายไปแล้วของเจิงหนานซุนก็ส่องสว่างขึ้นด้วยความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังไม่ยอมย้ายออกจากถ้ำที่อยู่ด้านหลังภูเขา

บางครั้งเธอจะไปพบกับจูฉิงผู้สมบูรณ์แบบเจ้าสำนักคนปัจจุบันเป็นครั้งคราวเพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของสำนักเซียนอรุณ

และเมื่อไม่กี่วันก่อน จู่ๆ จูฉิงก็ได้บอกข่าวบางอย่างกับเธอ

เฉินหยิงได้พบกับปรมาจารย์บรรพบุรุษของสำนักเซียนอรุณแล้ว

อาจารย์ของเหิงเซียผู้สมบูรณ์แบบคือเซียนเร้นลับที่มีนามว่า “ซุยเฮ็ง”

สิ่งนี้กระตุ้นความทรงจำของเจิงหนานซุนที่ถูกผนึกมาเป็นเวลานาน

นั่นคือตอนที่เธอเพิ่งระลึกขึ้นได้ว่านั่นคืออาจารย์ของเจียงฉีฉี

ในเวลานั้น เหิงเซียผู้สมบูรณ์แบบก็ยังไม่มีชื่อเสียง

เธอเป็นเพียงเด็กสาวที่ชื่อเจียงฉีฉีจากมณฑลเหอตงในเฟิงโจว

ตอนนั้นเจิงหนานซุนเพิ่งจะอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น

และเจียงฉีฉีเองก็อายุเพียง 19 ปีเท่านั้น

เจิงหนานซุนเคยถามด้วยความสงสัย “ ท่านอาจารย์เรียนรู้เคล็ดวิชากระบี่ที่ทรงพลังเช่นนี้มาจากไหนกัน?”

คำตอบที่เธอได้นั้นคือจาก “พี่ใหญ่เซียน”

ในบางครั้ง เจียงฉีฉีก็จะบอกเธอบางอย่างเกี่ยวกับพี่ใหญ่เซียน

มันเป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชมและความโหยหา

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เจียงฉีฉีก้าวเข้าสู่โลกยุทธ์ในฐานะเหิงเซียผู้สมบูรณ์แบบ เธอก็ไม่เคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับพี่ใหญ่เซียนคนนั้นให้เธอฟังอีกเลย

เวลาได้ผ่านไปจนเธอเองก็ลืมมันไปแล้ว เธอจำได้เพียงว่าอาจารย์ของเธอยังมีอาจารย์ที่ทรงพลังมาก

ชื่อของเขาคือซุยเฮ็ง

นั่นคือปรมาจารย์บรรพบุรุษของเธอ ปรมาจารย์บรรพบุรุษที่แท้จริงของสำนักเซียนอรุณ

เขาเป็นเทพเซียนผู้สันโดษ

แม้ว่าในความทรงจำของเธอ เหิงเซียจะไม่เคยบอกว่าเขาเป็นอาจารย์ของเธอก็ตาม...

ต่อมาเจิงหนานซุนได้ค้นพบโดยบังเอิญ

แม้ว่าอาจารย์ของเธอจะไม่ได้พูดถึง “พี่ใหญ่เซียน” กับใครอีกเป็นเวลานาน แต่เธอก็ยังแอบค้นหาเบาะแสของเขาอยู่

ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้อะไรเลยจนกระทั่งการสู้รบได้มาถึง

และตอนนี้ เวลาก็ได้ผ่านไปหลายปีแล้ว…

พวกเธอได้พบ “พี่ใหญ่เซียน” ที่เหิงเซียได้เคยกล่าวถึงแล้วจริงๆ หรอ?

“ เขาเป็นคนยังไงกันนะ?” เจิงหนานซุนมองออกไปนอกหน้าต่างและพึมพำ “ เขาสามารถทำให้ท่านอาจารย์ลืมเขาไม่ลงได้แม้เวลาจะผ่านไปกว่าร้อยปี...”

ตุ้บ! ตุ้บ!

ในขณะนี้ก็มีเสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น

“ ท่านอาจารย์ย่า เราจะเข้าไปในเมืองกันแล้วนะ” เสียงของเฉินหยิงดังมาจากข้างนอก เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “ เราจะไปแสดงความเคารพต่อท่านปรมาจารย์ปู่กันแล้ว”

จูฉิงผู้สมบูรณ์แบบได้ประชุมกันเรียบร้อยแล้ว

และในท้ายที่สุด หลังจากการพูดคุยกัน พวกเธอก็ตัดสินใจจะเรียกซุยเฮ็งว่าเป็นปรมาจารย์ปู่

“ เข้าใจแล้ว

เจิงหนานซุนหยุดความคิดที่ซับซ้อนของเธอและพยักหน้าตอบ เธอปิดหน้าต่างที่มองออกไปด้านนอก

….

พวกเธอเดินไปตามถนนที่จอแจของเมืองฉางเฟิง

เจิงหนานซุนค่อยๆ รู้สึกว่าเธอได้ค้นพบตัวตนในอดีตของเธอ

เมื่อร้อยปีก่อน ตอนที่เธออยู่กับอาจารย์ของเธอ เธอก็มักจะมาซื้อของในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองเช่นนี้

น่าเสียดาย ที่เธอไม่สามารถสัมผัสความรู้สึกเช่นนี้ได้นานนัก

เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ครั้งนั้น และอายุขัยของเธอก็ลดลงอย่างมาก และจนถึงวันนี้ เธอก็เหลืออายุขัยไม่มากแล้ว

แม้ว่าภายนอกเธอจะยังดูสุขภาพดี แต่เธอก็กำลังใกล้ตายแล้ว

“ ยังไงก็เถอะ การได้พบพี่ใหญ่เซียนแทนท่านอาจารย์ก่อนที่ข้าจะตายก็ถือเป็นการช่วยท่านอาจารย์แล้ว”

เจิงหนานซุนคิดกับตัวเอง

….

ในสำนักงานว่าการ

ซุยเฮ็งเห็นร่างสามร่างที่ดูคุ้นเคย

เฉินหยิง, เหอฉิงโหรวและจูฉิงสมบูรณ์แบบ

นอกนั้นแล้วเขาไม่รู้จักคนอื่นๆ เลย

อย่างไรก็ดี หนึ่งในนั้นก็ยังดึงดูดความสนใจของเขาได้ในทันที

เจิงหนานซุน

“ นี่คือ?” ซุยเฮ็งถามจูฉิงผู้สมบูรณ์แบบ

เขารู้สึกว่าออร่าของบุคคลนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับของเจียงฉีฉี เธอเป็นคนที่ดูเหมือนกับเจียงฉีฉีมากที่สุดในบรรดาเก้าคน ณ ที่แห่งนี้

จูฉิงผู้สมบูรณ์แบบรีบกล่าวแนะนำเจิงหนานซุน “ นี่คือท่านอาจารย์ย่าเจิง…”

“ คารวะท่านปรมาจารย์ปู่” เจิงหนานซุนโค้งคำนับให้กับซุยเฮ็งด้วยความเคารพ

“ เจ้าคือศิษย์คนแรกของฉีฉีใช่ไหม?” ซุยเฮ็งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและรู้แจ้งเมื่อได้ยินเสียงนี้ เขายิ้มและชมเชย “ ออร่าของเจ้าถูกยับยั้งเอาไว้ และแสงกระบี่ก็ถูกซ่อนเอาไว้โดยไม่ให้รั่วไหล ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของศาสตร์กระบี่เซียนอรุณแล้วสินะ…”

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขากำลังพูดอยู่ เชาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

ซุยเฮ็งสังเกตเห็นความผิดปกติในร่างกายของเจิงหนานซุน และพูดด้วยเสียงต่ำว่า “ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? รากฐานของเจ้าอ่อนแออย่างมาก ทำไมเจ้าถึงกำลังจะสิ้นอายุขัยแล้วได้?”

ศาสตร์กระบี่เซียนอรุณของเจิงหนานซุนได้รับการฝึกฝนจนมาถึงขอบเขตสกัดปราณขั้นแปดแล้ว และแม้ว่าอายุขัยของเธอจะไม่ได้ยาวนานเท่ากับผู้ฝึกตนเซียนที่แท้จริง แต่เธอก็ควรจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้มากกว่า 300 ปีสิ

แต่กระนั้นแล้ว มันก็ยังไม่ถึง 200 ปีด้วยซ้ำ

เธอใกล้จะสิ้นอายุขัยลงแล้วจริงๆ!

นี่ไม่ใช่เรื่องปกติอย่างแน่นอน

คนรอบข้างจากสำนักเซียนอรุณไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อพวกเธอได้ยินเช่นนั้น พวกเธอจึงตกตะลึงมาก

“ ท่านอาจารย์ย่า นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

แม้ว่าพวกเธอจะรู้อยู่แล้วว่าสภาพร่างกายของเจิงหนานซุนนั้นแย่มาก แต่พวกเธอก็ไม่คิดเลยว่ามันจะร้ายแรงขนาดนี้

รากฐานของเธอได้รับความเสียหายและอายุขัยของเธอก็กำลังจะถึงจุดสิ้นสุด

“ ข้าสบายดี” เจิงหนานซุนส่ายหัวของเธออย่างเฉยเมยและพูดกับซุยเฮ็งว่า “ ท่านปรมาจารย์ปู่ไม่ต้องกังวล มันเป็นเพียงอาการบาดเจ็บเก่าที่ทิ้งไว้จากเมื่อร้อยปีที่แล้วก็เท่านั้น”

“ เข้ามานี่สิ” ซุยเฮ็งโบกมือให้เจิงหนานซุน “ ข้าจะช่วยรักษามันเอง”

“ ระ.. รักษา?” เจิงหนานซุนดูสับสนเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เธอถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ ท่านปรมาจารย์ปู่ อันที่จริงอาการบาดเจ็บของข้าก็ได้หายดีแล้ว แค่รากฐานของข้าก็ได้รับความเสียหาย…”

“ ท่านอาจารย์ย่าไม่ต้องกังวล ท่านปรมาจารย์ปู่ทรงพลังมาก!” เฉินหยิงเดินไปที่ด้านข้างของเจิงหนานซุนและพูดว่า “ เขาจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของท่านได้อย่างแน่นอน”

จูฉิง, หลิวอี้หยุนและคนอื่นๆ ไม่ได้พูดอะไรเลย

พวกเธอทุกคนรู้ดีว่ารากฐานที่เสียหายนั้นหมายความว่าอย่างไร

นอกจากนี้ เจิงหนานซุนก็ได้ฝึกฝนศาสตร์กระบี่เซียนอรุณจนไปถึงขอบเขตที่เทียบได้กับเซียนมนุษย์แล้ว ดังนั้นมันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซ่อมแซมรากฐานของเธอ

“ หากรากฐานเสียหาย เราก็ยังสามารถแก้ไขได้ แล้วเจ้าก็จะไม่เป็นไร” ซุยเฮ็งพยักหน้าเบาๆ

“ ขอบคุณท่านปรมาจารย์ปู่” เจิงหนานซุนเดินมาที่ด้านข้างของซุยเฮ็ง

“ หลับตาและรอสักครู่” ซุยเฮ็งกล่าวอย่างอ่อนโยน

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยกมือขวาขึ้นและสะบัดนิ้ว เขาปล่อยให้พลังปราณซึมเข้าสู่ร่างกายของเจิงหนานซุน

พลังปราณนี้แผ่ซ่านไปยังแขนขาและกระดูกของเธอในทันที มันกลายเป็นพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดซึ่งเติมเต็มร่างกายที่ว่างเปล่าของเธออย่างรวดเร็ว

ใบหน้าที่ซีดเซียวแต่เดิมของเจิงหนานซุนค่อยๆ กลับมามีสีสันขึ้นอีกครั้ง

ผมสีขาวที่ข้างงขมับของเธอเองก็กลับมาดำขึ้นอีกครั้ง และรูปร่างหน้าตาของเธอก็ดูอ่อนกว่าวัย ราวกับว่าเธอได้เปลี่ยนจากวัยสามสิบมาเป็นยี่สิบต้นๆ

ในช่วงเวลาสั้นๆ ร่างกายทั้งหมดของเจิงหนานซุนก็ได้เปลี่ยนจากตะเกียงที่หมดไฟไปแล้วกลายเป็นเปลวเพลิงที่พัดโหมกระหน่ำ

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นและตรวจสอบร่างกายของเธอ เธอตกใจมากขณะที่พึมพำว่า “ ข้าหายแล้ว... ข้าหายดีแล้ว!”

จูฉิงผู้สมบูรณ์แบบ, หลิวอี้หยุนและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก

ท่านปรมาจารย์ปู่จะทรงพลังเกินไปแล้ว!

แม้แต่รากฐานของเซียนมนุษย์เขาก็ยังสามารถรักษามันได้อย่างง่ายดาย

“ ขอบคุณท่านปรมาจารย์ปู่!” เจิงหนานซุนก้มหัวคำนับให้ซุยเฮ็ง

“ ไม่ต้องสุภาพมากก็ได้” ซุยเฮ็งยกมือขึ้นเพื่อหยุดไม่ให้เธอโค้งคำนับ “ ทีนี้บอกข้าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนที่ฉีฉีจะหายตัวไปมาที”