บทที่ 271 : กระบี่ที่เฉียบคมที่สุด
เทพผู้ขึ้นสวรรค์องค์สุดท้ายก่อนที่สวรรค์จะถล่?
ซุยเฮ็งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงคำอธิบายของวิธีการทะลวงไปสู่ขอบเขตที่เจ็ดในบันทึกสมบัติราชันสุริยัน
ตามคำอธิบายในหนังสือ ในโลกที่นับไม่ถ้วน คนๆ หนึ่งก็สามารถฝึกตนจนไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตที่หกได้เท่านั้น หากมีใครต้องการจะทะลวงไปสู่ขอบเขต1ที่เจ็ด พวกเขาก็จะต้องขึ้นไปสู่สวรรค์
สวรรค์ราชันสุริยันเองก็เคยเป็นหนึ่งในสวรรค์
แบบนั้นแล้วสวรรค์ถล่มที่กล่าวถึงในที่นี้จะหมายถึงสวรรค์ราชันสุริยันหรือไม่?
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้คนในอาณาจักรราชันสุริยันก็อ้างว่าอาณาจักรของพวกเขาเป็นชิ้นส่วนที่แตกออกมาจากสวรรค์ราชันสุริยันหลังจากที่มันแตกเป็นเสี่ยงๆ พวกเขาใช้สิ่งนี้เพื่อแสดงความศักดิ์สิทธิ์และความสูงส่งของพวกเขา
หากเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่เดินทางออกมาจากดาวเต๋าโจวเป็นผู้ขึ้นสวรรค์คนสุดท้ายจริงๆ งั้นเขาก็อาจจะมีความลับที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
…..
บางทีการพังทลายของสวรรค์ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับเขาด้วย?
ความคิดของซุยเฮ็งล่องลอยไปเล็กน้อยในขณะที่เขาคิดถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้ทุกประเภท
อืม… ในตอนนั้น หลี่ฟาก็ได้นำบัญชาสวรรค์ราชันสุริยันและบันทึกสมบัติราชันสุริยันออกมาสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแห่งนี้ เขากำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับเทพผู้ยิ่งใหญ่คนนั้นด้วยหรือเปล่า?
หากเป็นเช่นนั้นจริง เทพผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ก็จะต้องมีความลับมากมายแน่ๆ
หากเขาสามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้ เขาก็อาจจะสามารถไปถึงขอบเขตรวมวิญญาณขั้นสมบูรณ์ได้
“ นอกเหนือจากนั้นล่ะ?" ซุยเฮ็งยังคงถามต่อไป
“ ไม่มีอะไรอีกแล้ว” หงหยงส่ายหัวและพูดว่า “ ในตอนนั้นสถานการณ์ค่อนข้างเร่งด่วน และท่านแม่ก็ไม่มีเวลามาอธิบายมากนัก โอ้ใช่ ท่านแม่ยังบอกด้วยว่านามสกุลของเทพผู้ยิ่งใหญ่นั้นคือโจว แต่นางก็ไม่รู้ชื่อที่แน่นอนของเขา”
“ เข้าใจแล้ว” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “ ดูเหมือนว่าข้าจะยังต้องเดินทางไปที่ดาวสมุทรทมิฬสินะ”
มันมีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพผู้ยิ่งใหญ่บนดาวสมุทรทมิฬ
นี่หมายความว่าบุคคลนี้จะต้องอยู่บนดาวสมุทรทมิฬเป็นระยะเวลาหนึ่ง ร่องรอยที่ทิ้งไว้ไม่ควรจะเป็นเพียงแค่ค่ายกล บางทีมันอาจจะมีข้อมูลอื่นๆ อีก
“ ว่าแต่ทำไมเศษเสี้ยววิญญาณของเจ้าถึงติดอยู่กับแผ่นจารึกอนุสรณ์ได้ล่ะ?” ซุยเฮ็งถามอีกครั้ง
“ ข้าเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน” หงหยงส่ายหัวและพูดด้วยความละอายใจว่า “ อันที่จริง ถ้าไม่ใช่เพราะท่านที่แต่งตั้งข้าให้กลายเป็นเทพ ข้าก็คงจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเศษเสี้ยววิญญาณของข้านั้นติดอยู่กับแผ่นจารึกอนุสรณ์”
“ ท่านประมุขเซียน สิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับพื้นที่พิเศษของหมู่บ้านตระกูลหงรึเปล่า?” จู่ๆ หงคังก็ถามขึ้น “ ในตอนนั้น หมู่บ้านตระกูลหงที่ท่านเห็นก็ได้ถูกทำลายไปแล้ว”
“ หลังจากคิดอย่างรอบคอบแล้ว ข้าก็ตระหนักได้ว่าภูมิประเทศที่ห้องโถงบรรพบุรุษของตระกูลหงตั้งอยู่นั้นพิเศษมาก มันเป็นสถานที่ที่ดีในการหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ มันจะเกี่ยวกันไหม?”
“ ถ้าอย่างนั้นมันก็อาจจะเป็นไปได้จริงๆ” ซุยเฮ็งพยักหน้าและมองไปที่แผ่นจารึก
เขารู้สึกว่าสิ่งต่างๆ อาจไม่ง่ายอย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่มีเบาะแสที่ชัดเจนในขณะนี้ เขาสามารถตรวจสอบได้ในภายหลังเท่านั้น
บางทีเขาอาจจะได้คำตอบหลังจากพบหงฟู่กุ่ยและภรรยาของเขาแล้วเท่านั้น
ในขณะนี้ หงหยงก็ป้องมือของเขาและโค้งคำนับ “ ท่านซุย ข้ามีคำขออย่างหนึ่ง”
ซุยเฮ็งหันมามองเขาแล้วยิ้ม “ ว่ามาสิ”
“ ถ้าท่านพบพ่อแม่ของข้าในอนาคต ข้าก็อยากให้ท่านช่วยส่งข้อความถึงพวกเขา…” หงหยงขอร้อง
“ ไม่มีความจำเป็นสำหรับสิ่งนั้น” ซุยเฮ็งโบกมือและขัดจังหวะเขา
“ ข้าล่วงเกินท่านไป โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” หงหยงรีบขอโทษโดยคิดว่าเขาทำให้ซุยเฮ็งโกรธ
“ อย่าประหม่าขนาดนั้น ข้าไม่ได้โทษเจ้า” ซุยเฮ็งส่ายหัวและยิ้ม “ หลังจากที่ข้าพบพวกเขาแล้ว ข้าก็จะนำพวกเขากลับมา และเจ้าก็จะสามารถบอกพวกเขาด้วยตัวเองได้”
“ ห้ะ?” ฮงหยงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาพูดด้วยความตกใจว่า “ แต่ท่านพ่อและท่านแม่อาจจะอยู่นอกท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันไร้ที่สิ้นสุด…”
ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่างออกและพูดว่า “ นั่นสินะ สำหรับท่านแล้ว ระยะทางแค่นี้ก็คงไม่สามารถนับเป็นอะไรได้”
“ ข้าเข้าใจแล้ว ขอบพระคุณท่านเซียนซุย!”
ในขณะที่หงหยงพูด เขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ชายตรงหน้าเขาคือใครกัน?
นี่ไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่ทรงพลัง แต่เป็นประมุขเซียนที่มีอำนาจทุกอย่าง
สำหรับท่านซุยแล้ว แม้แต่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันไร้ที่สิ้นสุดก็ยังอาจอยู่ไม่ไกลเกินไป เขาสามารถไปมาได้ด้วยการสะบัดนิ้วของเขา
ซุยเฮ็งตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “ ดีมาก ข้ายังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ ดังนั้นข้าคงจะไม่อยู่ที่นี่นาน”
“ ข้าจะให้สิทธิ์แก่เจ้าในการมอบอำนาจให้กับเทพประจำเมืองและเทพองค์อื่นๆ เจ้าจะต้องรับผิดชอบระบบเทพประจำเมือง ข้าหวังว่าเมื่อข้ากลับมา ข้าก็จะได้เห็นระบบเทพที่สมบูรณ์นะ”
ทันทีที่เขาพูดจบ แสงสีทองก็รวมตัวกันที่ฝ่ามือของเขา
อักษรรูนลึกลับหนาแน่นพุ่งขึ้นไปข้างบน
อักษรรูนจำนวนนับไม่ถ้วนตัดกันเป็นยันต์เครื่องราง
ยันต์ทุกอันรวมอำนาจและตำแหน่งเทพที่สอดคล้องกันเอาไว้ มันมีผลลึกลับที่ทรงพลังและหาที่เปรียบมิได้
โครงร่างของยันต์เหล่านี้ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
ในชั่วพริบตา “ยันต์” เหล่านี้ก็ถูกรวมเข้าด้วยกันโดยอัตโนมัติและกลายเป็นหนังสือ
ประกายแสงสีทองสาดส่องลงมาบนนั้น
ชื่อที่เขียนอยู่ข้างหน้าของมันคือ “ตำราหมื่นวิญญาณเทพประจำเมือง”
“ รับมันไป” ซุยเฮ็งมอบหนังสือให้หงหยงและพูดต่อว่า “ หนังสือเล่มนี้มีความสามารถในการมอบพลังเทพและยังสามารถถอดเทพออกจากตำแหน่งได้ มันเป็นอำนาจของเจ้าในฐานะหัวหน้าเทพประจำเมือง จงใช้มันให้ดี”
“ ข้าเข้าใจแล้ว!” หงหยงรับหนังสือมาด้วยมือทั้งสองข้าง เขาตื่นเต้นจนตัวสั่นไปหมด เขาพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”
“ อย่าทำให้พ่อเจ้าผิดหวังด้วยล่ะ” ซุยเฮ็งพยักหน้า
หลังจากนั้น ซุยเฮ็งก็ออกมาจากต้าเซี่ยและหงเสิ่นก็ได้ออกคำสั่ง
เขาจะจัดพิธีบวงสรวงอย่างยิ่งใหญ่ในวิหารบรรพชนของจักรพรรดิและนำเจ้าหน้าที่พลเรือนและทหารไปต้อนรับบรรพบุรุษของตระกูลหงซึ่งได้กลายเป็นเทพไปแล้ว
ทันทีที่คำสั่งนี้ปรากฎออกมา ราชสำนักก็เกิดความโกลาหลวุ่นวาย
ท้ายที่สุดแล้ว ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จักรพรรดิหวานซิงผู้นี้ก็ได้กลายเป็นบุคคลผู้สง่างามและทรงอำนาจมากที่สุดแล้ว
แม้แต่เสนาบดีใหญ่ก็ยังไม่สามารถทำให้จักรพรรดิเปลี่ยนใจได้
ยิ่งไปกว่านั้น การบวงสรวงบรรพบุรุษของจักรพรรดินั้นก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง ดังนั้นมันจึงไม่มีใครสามารถขัดได้
ในเวลาเดียวกัน หงเสิ่นก็ได้สั่งให้มณฑลต่างๆ สร้างวิหารเทพประจำเมืองขึ้นและเผยแพร่พลังอันศักดิ์สิทธิ์ของเทพประจำเมืองให้แก่ประชาชน
รัฐมนตรีหลายคนไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่มันก็ไม่สมควรพูดอะไรเนื่องจากพิธีบวงสรวงได้ใกล้เข้ามาแล้ว พวกเขาทำได้เพียงถามถึงเหตุผลหลังจากพิธีจบเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ในวันพิธีบวงสรวงวิหารบรรพชน มันก็กลับมีบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น
บรรพบุรุษของตระกูลหงได้ปรากฎตัวขึ้นมาจริงๆ! ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังแสดงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่งและเรียกตัวเองว่าเป็นเทพบรรพชน
สิ่งที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าคือหลังจากบรรพบุรุษของตระกูลหงคนแรกปรากฎตัวขึ้นแล้ว บรรพบุรุษของตระกูลหงคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นตามลำดับและได้รับตำแหน่งเทพทั้งหมด
วิหารเทพประจำเมืองทุกเมืองมีเจ้าของในทันที
และมันก็ยังเป็นเทพที่มาจากราชวงศ์โดยตรง
ในพิธีบวงสรวง
หงเสิ่นอธิบายถึงแก่นแท้ของอำนาจของระบบเทพประจำเมือง
มันเป็นทั้งการป้องกันและการดูแล
เขาหวังว่าเจ้าหน้าที่ของโลกจะประพฤติตนดีขึ้นเพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนรวม
ในตอนแรก ไม่ว่าจะเป็นสามัญชนหรือเจ้าหน้าที่ พวกเขาต่างก็ไม่เชื่อ
อย่างไรก็ตาม คนที่ฝ่าฝืนกฎหมายและคนที่ทำความชั่วก็ได้ถูกลงโทษโดยเทพประจำเมืองต่างๆ ทีละคน ด้วยเหตุนี้เอง อำนาจของเทพประจำเมืองจึงค่อยๆ ฝังรากลึกลงในจิตใจของผู้คน
ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนก็ไม่ได้เกรงกลัวพวกเขาอีกต่อไป รัฐต้าเซี่ยได้รับการกวาดล้างและการดำรงชีพของผู้คนก็สงบสุขมากยิ่งขึ้น
สามัญชนสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุขในชั่วระยะเวลาหนึ่ง
….
การเปลี่ยนแปลงในต้าเซี่ยนั้นเกิดขึ้นในภายหลัง
ซุยเฮ็งไม่ได้กลับไปที่ดาวเต๋าโจวหลังจากออกมาจากต้าเซี่ย
เขามุ่งหน้าไปที่สำนักใหม่ที่ฮุ่ยฉีได้ก่อตั้งขึ้นแทน
หลังจากเกือบร้อยปีของการพัฒนา “สำนักมังกรสวรรค์” ที่ก่อตั้งขึ้นโดยฮุ่ยฉีก็ได้เติบใหญ่จนแข็งแกร่งแล้ว
แม้ว่ามันจะไม่ทรงพลังเท่ากับสำนักเซียนก่อนหน้านี้ แต่มันก็มีเซียนมนุษย์มากกว่าสิบคนและเซียนปฐพีหลายคนในสำนัก
ในทางกลับกัน ฮุ่ยฉีได้กลายเป็นเซียนทองไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เขาได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าสำนักและถอยกลับไปอยู่หลังฉากเพื่อมุ่งเน้นไปที่การศึกษาเคล็ดวิชายุทธ์
เขายังจำตัวตนของเขาได้เสมอ
ในฐานะกระบี่ของประมุขเซียน เขาก็ต้องคมพอที่จะฟันฝ่าอุปสรรค มิฉะนั้นแล้วเขาก็จะสูญเสียคุณค่าของตนไป
ในครั้งนี้ ซุยเฮ็งพาเป่ยฉิงซูและหลี่หมิงเฉียงกลับไปที่ดาวเต๋าโจวเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้ฮุ่ยฉีรู้สึกถึงอันตรายและความตื่นตระหนกอย่างมาก เขากังวลว่าซุยเฮ็งจะไม่ต้องการกระบี่อย่างเขาอีก
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงแทบจะอุทิศตนให้กับการศึกษาเคล็ดวิชายุทธ์เพื่อเพิ่มความสามารถของเขาให้เฉียบคมขึ้น
ในขณะนี้ ฮุ่ยฉีก็กำลังหลับตาและพักผ่อนอยู่ในห้องทำสมาธิ เขาอนุมานการเปลี่ยนแปลงของกระบวนท่าต่างๆ ในโลกวิญญาณของเขาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับวิธีการต่อสู้ของเขา
ทันใดนั้นเอง ดูเหมือนเขาจะสัมผัสได้ถึงบางอย่างและลืมตาขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขในขณะที่เขาคุกเข่าลงด้วยความเคารพ
“ ยินดีต้อนรับท่านเซียน!”
มันคือซุยเฮ็ง
“ เจ้ายังเป็นกระบี่ที่เฉียมคมจริงๆ นะ” ซุยเฮ็งมองดูฮุ่ยฉีและหัวเราะเบาๆ “ เจ้าเป็นกระบี่ที่รู้วิธีใช้กระบี่”
“ การเป็นกระบี่ที่คมที่สุดในมือของท่านประมุขเซียนคือเป้าหมายในชีวิตของข้า” ฮุ่ยฉีกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ ในกรณีนี้…” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อย “ ตามข้ามา”
“ รับทราบ!” ฮุ่ยฉีมีความสุขมาก
“ เราจะไปออกเดินทางกัน” ซุยเฮ็งหันหลังกลับและเดินออกไป เขายิ้มและพูดว่า “ เรียกข้าว่าท่านเฉยๆ ก็ได้”
“ ครับท่าน!” ฮุ่ยฉีตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
หลังจากที่ฮุ่ยฉีจัดการเรื่องของสำนักมังกรสวรรค์เสร็จแล้ว ซุยเฮ็งก็พาเขากลับไปที่ดาวเต๋าโจว
จากนั้นเขาก็อยู่ที่เมืองฉางเฟิงช่วงหนึ่งและแนะนำหลิวหลี่เต๋า, จ้าวกวง, ลู่เจิงหมิงและคนอื่นๆ เรื่องการฝึกตน
เขาต้องการให้พวกเขามีชีวิตต่อไปอีกหน่อย
มิฉะนั้นแล้ว การจากไปในครั้งนี้ก็อาจจะกลายเป็นการจากลาเอาได้
ในช่วงเวลานี้ เขาก็ยังเพิ่มความแข็งแกร่งของเทพวารีหงให้ไปถึงยังขอบเขตรวมวิญญาณขั้นต้นด้วย
ในตอนแรก เขาก็ต้องการที่จะยกระดับพลังของฮั่วซานด้วย แต่ฮั่วซานก็วางแผนที่จะฝึกฝนด้วยตัวมันเองแทน
ในท้ายที่สุด ซุยเฮ็งก็ได้ทิ้งเรือเหาะขนาดใหญ่ไว้ในฉางเฟิงให้สำหรับผู้ที่มาภายหลังเพื่อไปที่ดาวเทียนจูเพื่อรับการทดสอบ นอกจากนี้ เขายังทิ้งเครื่องหมายวิญญาณคาถาเซียนเอาไว้ด้วยเพื่อที่เขาจะได้กลับมาในอนาคตได้สะดวก
หลังจากเตรียมการทั้งหมดแล้ว เขาก็นำฮุ่ยฉี, เป่ยฉิงซู, หลี่เฉิงและหลี่เว่ยขึ้นเรือบินลำใหญ่
พวกเขาเดินทางออกจากดาวเต๋าโจวและบินไปสู่จักรวาลอันกว้างใหญ่
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved