ซวีอันจากไปเพื่อใช้งานคัมภีร์จิตวิญญาณเทพเจ้าและเริ่มเดินไปบนเส้นทางของจิตวิญญาณเทพเจ้า
สำหรับโอกาสล้มเหลวเหรอ?
นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้
ถ้าอัจฉริยะที่มีศักยภาพอย่างซวีอันไม่สามารถกลายเป็นเทพเจ้าได้ โจวโจวก็คงจะต้องตั้งคำถามกับระบบศักยภาพที่เจตจำนงสูงสุดตั้งขึ้นมาแล้ว
หลังจากซวีอันจากไปแล้ว โจวโจวก็เปิดหน้าต่างข้อมูลของเขาขึ้นมาและมองไปยังทักษะแห่งกฎเกณฑ์ที่เขาเชี่ยวชาญ
พวกมันประกอบไปด้วยแสงสัมบูรณ์ ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์ บุตรแห่งเงา และเงาสังหาร!
โจวโจวมองไปยังทักษะแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสี่และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ทักษะแห่งกฎเกณฑ์จำนวนเท่านี้น่าจะเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตบางส่วนที่เพิ่งก้าวขึ้นไปสู่ระดับเทพชั้นต่ำ
จากนั้นสายตาของเขาก็มองไปยังทักษะแห่งกฎเกณฑ์ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์ และเขาก็ดีใจขึ้นมา
“โชคดีที่ด้วยพรสวรรค์แห่งลอร์ดอย่างสัญชาตญาณพรสวรรค์ที่ทำให้ฉันเลือกทักษะนี้มาในตอนนั้น มิฉะนั้นฉันคงจะไม่มีวิธีทะลวงการป้องกันของอัลเจอร์นอน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็คงจะตายไปแล้ว”
“แม้ว่าฉันจะมีพลังของนิพพานสุดท้ายที่ใช้คืนชีพได้ แต่จำนวนการคืนชีพก็มีค่ามาก มันคงดีกว่าที่จะเก็บมันไว้ให้ได้มากที่สุด และการคาดเดาของฉันในตอนนั้นก็ถูกต้อง สัญชาตญาณพรสวรรค์อาจจะไม่ได้มีประโยชน์ในสถานการณ์ปกติ แต่มันก็สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ในสถานการณ์วิกฤต”
ดวงตาของโจวโจวเปล่งประกายขึ้นมา
พรสวรรค์แห่งลอร์ดอันนี้ไม่ใช่ขยะ!
ในเวลานั้นเอง อาลีย่าก็เคาะประตูห้องและเดินเข้ามา
“ฝ่าบาท องค์หญิงหลี่ย่าขอเข้าพบเจ้าค่ะ”
เธอกล่าวด้วยความเคารพ
“ให้เธอเข้ามา”
อาลีย่ารับคำสั่งและจากไป
ในไม่ช้าหลี่ย่าก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
โจวโจวยิ้มและเดินเข้าไปหาเธอ ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา เขาก็เห็นหลี่ย่ากระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของเขาและกอดเขาไว้แน่น
“เจ้าทำให้ข้ากลัวเกือบตายแน่ะ… ข้าได้ยินมาว่าจิตวิญญาณเทพเจ้ามาลอบสังหารเจ้า ข้าคิดว่า… คิดว่า…”
หลี่ย่าสะอื้นเบาๆ และไม่กล้าพูดต่อ
“ข้าก็ไม่เป็นไรหนิ?” โจวโจวลูบหัวเธอ
มันรู้สึกดีจริงๆ ที่หญิงสาวที่เขาชอบคอยเป็นห่วง เขายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ?” หลี่ย่าเงยหน้าขึ้น และอยากตรวจสอบอาการบาดเจ็บของโจวโจว
โจวโจวยิ้มออกมาและปล่อยให้เธอตรวจสอบ
หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดหลี่ย่าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกหลังจากยืนยันได้แล้วว่าโจวโจวไม่ได้บาดเจ็บจริงๆ
“เห็นไหม ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่เป็นอะไร” โจวโจวยิ้ม
“เจ้าสุดยอดไปเลย! แม้แต่จิตวิญญาณเทพเจ้าก็ไม่อาจทำร้ายเจ้าและสังหารเจ้าได้!”
หลี่ย่ามองมาที่โจวโจวด้วยความชื่นชมราวกับสาวน้อย
เธอได้ลบสถานะของเธอในฐานะองค์หญิงแห่งอาณาจักรที่ตกอยู่ในอันตรายไปแล้ว และได้กลายมาเป็นผู้หญิงของโจวโจว
หลี่ย่าในตอนนี้ได้ค่อยๆ สลัดบุคลิกที่ระมัดระวังของเธอออก และกลายเป็นคนไร้กังวลเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป
ไม่เพียงแต่เธอจะกล้าพูดในสิ่งที่เธอไม่กล้าพูดในอดีตออกมา แต่เธอยังเต็มใจแสดงความชื่นชมต่อผู้ชายของเธออย่างไม่สะทกสะท้านด้วย
โจวโจวชอบการเปลี่ยนแปลงของเธอมาก
สิ่งนี้ช่วยพิสูจน์ความสามารถของเขาในฐานะผู้ชายและลอร์ด
“จิตวิญญาณเทพเจ้าก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน พวกเราย่อมสามารถฆ่าพวกมันได้ มันไม่ใช่ว่าในอดีตไม่เคยมีจิตวิญญาณเทพเจ้าเคยตายมาก่อน”
โจวโจวส่ายหัว
“เอาล่ะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย จิตวิญญาณเทพเจ้านั่นมารบกวนการพักผ่อนของพวกเรา ไปพักผ่อนกันต่อเถอะ”
โจวโจวกล่าว
หลี่ย่าพยักหน้า
ในไม่ช้าไฟห้องนอนก็ดับลงอีกครั้ง
หลังจากทั้งสองคนต่อสู้กันบนเตียงจนโจวโจวได้พิสูจน์ความสามารถในการพิชิตในฐานะลอร์ดและเอาชนะหลี่ย่าได้สำเร็จ
บนเตียง
“เจ้าจะไปหาท่านพ่อของข้าเมื่อไหร่เหรอ?”
หลี่ย่ากอดโจวโจวและถาม
“มีอะไรเหรอ? อยากรีบอยากมอบอาณาจักรออโรร่าให้กับข้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”
โจวโจวพูดด้วยรอยยิ้มซุกซน
หลี่ย่าพยักหน้า
“อาณาจักรออโรร่าทำให้เหล่าท่านพี่ของข้าต้องตายในสมรภูมิ ดังนั้นอาณาจักรออโรร่าจึงเป็นทั้งภาระและความรับผิดชอบอันหนักอึ้งที่ท่านพ่อไม่อาจแบกรับต่อไปได้ แม้ว่าเจ้าจะใช้ขนมวิเศษนั่นทำให้ท่านพ่อของข้าเด็กลงก็ตาม… แต่ข้าก็สามารถบอกได้ว่าแม้ท่านพ่อจะดูเด็กลง แต่หัวใจของท่านก็ยังเจ็บช้ำและแก่ชราแล้ว มันคงเป็นเรื่องดีถ้าท่านพ่อจะสามารถปลดเปลื้องภาระของตัวเองได้เร็วที่สุด”
หลี่ย่าพูดด้วยความเป็นกังวล
“งั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปที่อาณาจักรออโรร่าเอง” โจวโจวให้สัญญา
เขาย่อมคิดแบบเดียวกัน
หลี่ย่าพยักหน้า
จากนั้นเธอก็คิดถึงบางสิ่งในทันใดและอดยิ้มออกมาไม่ได้
“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าสงสัยจริงๆ ว่าท่านพ่อจะรู้สึกยังไงเมื่อท่านพบว่าเจ้าก่อตั้งอาณาจักรของตัวเองได้แล้วหลังจากการพิชิตอาณาจักรทาฮันก่อนที่จะได้รับอาณาจักรออโรร่ามาซะอีก?” เธอยิ้ม
โจวโจวยิ้มและไม่ได้พูดอะไรออกมา
การได้ครอบครองอาณาจักรสำเร็จรูปจะทำให้มนุษย์รู้สึกถึงความสำเร็จมากกว่าการพิชิตอาณาจักรโดยตรงได้อย่างไร?
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก หลังจากคุยกับหลี่ย่าต่อสักพัก พวกเขาก็นอนหลับด้วยกัน
ในเวลาเดียวกัน ณ อาณาจักรรัตติกาลเห่าหอน
พระสันตะปาปาฟลอยด์ที่อยู่ในสภาพตื่นเต้นนับตั้งแต่ที่เขาได้ส่งอัลเจอร์นอนไปลอบสังหารราชาตะวันสาดแสงก็กำลังจินตนาการถึงอนาคตหลังจากเขาได้รับยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์มา
“ราชาตะวันสาดแสงผู้นั้นก็เป็นแค่ไอ้โง่!”
ฟลอยด์ตื่นเต้นมาก
“มันเพิ่งมาถึงทวีปจื้อเกาได้นานแค่ไหนเชียว? มันกล้าสร้างอาณาจักรจริงๆ เหรอ?!” มันพึมพำกับตัวเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า เมื่อมันก่อตั้งอาณาจักร ข้อตกลงสูงสุดที่จำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเราก็จะหายไปด้วย พวกเราฝ่ายของลอร์ดระดับอาณาจักรที่อยู่มานานแล้วก็ไม่ต้องกลัวที่จะโจมตีราชาตะวันสาดแสงอีกต่อไป!”
“และข้า ในฐานะอาณาจักรที่เก่าแก่และอยู่ใกล้กับอาณาจักรตะวันสาดแสงที่สุดก็ได้รับโอกาสครั้งใหญ่ในการช่วงชิงยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์มาเป็นของข้า! เมื่อเวลานั้นมาถึง พระสันตะปาปาผู้นี้ก็จะมอบยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์นี้ให้กับท่านเทพแห่งความตาย! เมื่อท่านเทพแห่งความตายมีความสุข ท่านก็อาจจะมอบตำแหน่งสำคัญๆ ให้กับข้า!”
ดวงตาของฟลอยด์ลุกโชนไปด้วยความทะเยอทะยาน
เอลฟ์แห่งความตาย!
ในฐานะผู้รับใช้ศักดิ์สิทธิ์ที่ใกล้ชิดกับเทพเจ้าแห่งความตาย มันมีเอลฟ์แห่งความตายอยู่ทั้งหมดแค่ประมาณ 100 คนเท่านั้นในช่วงเวลาที่ผ่านไปนับไม่ถ้วน
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เมื่อเทพแห่งความตายทานาทอสใช้กองทัพยมทูตพิชิตสิ่งมีชีวิตจากโลกสรรพเผ่าพันธุ์ เอลฟ์แห่งความตายก็คือผู้รับผิดชอบตำแหน่งสำคัญในกองทัพยมทูต!
ตำแหน่งสำคัญอย่างเช่นผู้บัญชาการกองทัพและรองผู้บัญชาการกองทัพต่างก็ถูกยึดครองโดยเอลฟ์แห่งความตาย!
มันจะเห็นได้ว่าเอลฟ์แห่งความตายนั้นไม่ธรรมดาแค่ไหน!
ตราบใดที่เขาได้กลายเป็นเอลฟ์แห่งความตาย เขาก็จะได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงแม้จะไม่ต้องฝึกฝนก็ตาม!
นี่คืออำนาจพิเศษที่ถูกมอบให้กับเอลฟ์แห่งความตายโดยเทพแห่งความตายทานาทอส!
ถ้ามันได้กลายเป็นเอลฟ์แห่งความตาย มันก็แทบจะเรียกได้ว่าก้าวไปถึงสวรรค์ด้วยการก้าวขาเพียงก้าวเดียว
เมื่อเวลานั้นมาถึง…
ตำแหน่งพระสันตะปาปางั้นเหรอ?
เขาคงไม่ต้องชายตามองมันอีกต่อไป
ในขณะที่เขาจินตนาการเพ้อฝันถึงอนาคต ผ้าดำอันหนึ่งที่แผ่ออร่าแห่งความตายก็ลอยออกมาจากเอวของเขาในทันใดและลอยมาอยู่ตรงหน้าของเขา
ฟลอยด์อึ้งไปเมื่อเขาเห็นผ้าดำนี้