ตอนที่ 537 : ความคิดของหลี่ย่า! ผ้าดำ!

ซวีอันจากไปเพื่อใช้งานคัมภีร์จิตวิญญาณเทพเจ้าและเริ่มเดินไปบนเส้นทางของจิตวิญญาณเทพเจ้า

สำหรับโอกาสล้มเหลวเหรอ?

นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้

ถ้าอัจฉริยะที่มีศักยภาพอย่างซวีอันไม่สามารถกลายเป็นเทพเจ้าได้ โจวโจวก็คงจะต้องตั้งคำถามกับระบบศักยภาพที่เจตจำนงสูงสุดตั้งขึ้นมาแล้ว

หลังจากซวีอันจากไปแล้ว โจวโจวก็เปิดหน้าต่างข้อมูลของเขาขึ้นมาและมองไปยังทักษะแห่งกฎเกณฑ์ที่เขาเชี่ยวชาญ

พวกมันประกอบไปด้วยแสงสัมบูรณ์ ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์ บุตรแห่งเงา และเงาสังหาร!

โจวโจวมองไปยังทักษะแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสี่และพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ทักษะแห่งกฎเกณฑ์จำนวนเท่านี้น่าจะเทียบได้กับสิ่งมีชีวิตบางส่วนที่เพิ่งก้าวขึ้นไปสู่ระดับเทพชั้นต่ำ

จากนั้นสายตาของเขาก็มองไปยังทักษะแห่งกฎเกณฑ์ดาบแสงศักดิ์สิทธิ์ และเขาก็ดีใจขึ้นมา

“โชคดีที่ด้วยพรสวรรค์แห่งลอร์ดอย่างสัญชาตญาณพรสวรรค์ที่ทำให้ฉันเลือกทักษะนี้มาในตอนนั้น มิฉะนั้นฉันคงจะไม่มีวิธีทะลวงการป้องกันของอัลเจอร์นอน ถ้าเป็นแบบนั้นฉันก็คงจะตายไปแล้ว”

“แม้ว่าฉันจะมีพลังของนิพพานสุดท้ายที่ใช้คืนชีพได้ แต่จำนวนการคืนชีพก็มีค่ามาก มันคงดีกว่าที่จะเก็บมันไว้ให้ได้มากที่สุด และการคาดเดาของฉันในตอนนั้นก็ถูกต้อง สัญชาตญาณพรสวรรค์อาจจะไม่ได้มีประโยชน์ในสถานการณ์ปกติ แต่มันก็สามารถช่วยชีวิตเอาไว้ได้ในสถานการณ์วิกฤต”

ดวงตาของโจวโจวเปล่งประกายขึ้นมา

พรสวรรค์แห่งลอร์ดอันนี้ไม่ใช่ขยะ!

ในเวลานั้นเอง อาลีย่าก็เคาะประตูห้องและเดินเข้ามา

“ฝ่าบาท องค์หญิงหลี่ย่าขอเข้าพบเจ้าค่ะ”

เธอกล่าวด้วยความเคารพ

“ให้เธอเข้ามา”

อาลีย่ารับคำสั่งและจากไป

ในไม่ช้าหลี่ย่าก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

โจวโจวยิ้มและเดินเข้าไปหาเธอ ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา เขาก็เห็นหลี่ย่ากระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของเขาและกอดเขาไว้แน่น

“เจ้าทำให้ข้ากลัวเกือบตายแน่ะ… ข้าได้ยินมาว่าจิตวิญญาณเทพเจ้ามาลอบสังหารเจ้า ข้าคิดว่า… คิดว่า…”

หลี่ย่าสะอื้นเบาๆ และไม่กล้าพูดต่อ

“ข้าก็ไม่เป็นไรหนิ?” โจวโจวลูบหัวเธอ

มันรู้สึกดีจริงๆ ที่หญิงสาวที่เขาชอบคอยเป็นห่วง เขายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

“เจ้าไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ?” หลี่ย่าเงยหน้าขึ้น และอยากตรวจสอบอาการบาดเจ็บของโจวโจว

โจวโจวยิ้มออกมาและปล่อยให้เธอตรวจสอบ

หลังจากผ่านไปสักพัก ในที่สุดหลี่ย่าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกหลังจากยืนยันได้แล้วว่าโจวโจวไม่ได้บาดเจ็บจริงๆ

“เห็นไหม ข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าไม่เป็นอะไร” โจวโจวยิ้ม

“เจ้าสุดยอดไปเลย! แม้แต่จิตวิญญาณเทพเจ้าก็ไม่อาจทำร้ายเจ้าและสังหารเจ้าได้!”

หลี่ย่ามองมาที่โจวโจวด้วยความชื่นชมราวกับสาวน้อย

เธอได้ลบสถานะของเธอในฐานะองค์หญิงแห่งอาณาจักรที่ตกอยู่ในอันตรายไปแล้ว และได้กลายมาเป็นผู้หญิงของโจวโจว

หลี่ย่าในตอนนี้ได้ค่อยๆ สลัดบุคลิกที่ระมัดระวังของเธอออก และกลายเป็นคนไร้กังวลเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วไป

ไม่เพียงแต่เธอจะกล้าพูดในสิ่งที่เธอไม่กล้าพูดในอดีตออกมา แต่เธอยังเต็มใจแสดงความชื่นชมต่อผู้ชายของเธออย่างไม่สะทกสะท้านด้วย

โจวโจวชอบการเปลี่ยนแปลงของเธอมาก

สิ่งนี้ช่วยพิสูจน์ความสามารถของเขาในฐานะผู้ชายและลอร์ด

“จิตวิญญาณเทพเจ้าก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน พวกเราย่อมสามารถฆ่าพวกมันได้ มันไม่ใช่ว่าในอดีตไม่เคยมีจิตวิญญาณเทพเจ้าเคยตายมาก่อน”

โจวโจวส่ายหัว

“เอาล่ะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย จิตวิญญาณเทพเจ้านั่นมารบกวนการพักผ่อนของพวกเรา ไปพักผ่อนกันต่อเถอะ”

โจวโจวกล่าว

หลี่ย่าพยักหน้า

ในไม่ช้าไฟห้องนอนก็ดับลงอีกครั้ง

หลังจากทั้งสองคนต่อสู้กันบนเตียงจนโจวโจวได้พิสูจน์ความสามารถในการพิชิตในฐานะลอร์ดและเอาชนะหลี่ย่าได้สำเร็จ

บนเตียง

“เจ้าจะไปหาท่านพ่อของข้าเมื่อไหร่เหรอ?”

หลี่ย่ากอดโจวโจวและถาม

“มีอะไรเหรอ? อยากรีบอยากมอบอาณาจักรออโรร่าให้กับข้าขนาดนั้นเลยเหรอ?”

โจวโจวพูดด้วยรอยยิ้มซุกซน

หลี่ย่าพยักหน้า

“อาณาจักรออโรร่าทำให้เหล่าท่านพี่ของข้าต้องตายในสมรภูมิ ดังนั้นอาณาจักรออโรร่าจึงเป็นทั้งภาระและความรับผิดชอบอันหนักอึ้งที่ท่านพ่อไม่อาจแบกรับต่อไปได้ แม้ว่าเจ้าจะใช้ขนมวิเศษนั่นทำให้ท่านพ่อของข้าเด็กลงก็ตาม… แต่ข้าก็สามารถบอกได้ว่าแม้ท่านพ่อจะดูเด็กลง แต่หัวใจของท่านก็ยังเจ็บช้ำและแก่ชราแล้ว มันคงเป็นเรื่องดีถ้าท่านพ่อจะสามารถปลดเปลื้องภาระของตัวเองได้เร็วที่สุด”

หลี่ย่าพูดด้วยความเป็นกังวล

“งั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปที่อาณาจักรออโรร่าเอง” โจวโจวให้สัญญา

เขาย่อมคิดแบบเดียวกัน

หลี่ย่าพยักหน้า

จากนั้นเธอก็คิดถึงบางสิ่งในทันใดและอดยิ้มออกมาไม่ได้

“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าสงสัยจริงๆ ว่าท่านพ่อจะรู้สึกยังไงเมื่อท่านพบว่าเจ้าก่อตั้งอาณาจักรของตัวเองได้แล้วหลังจากการพิชิตอาณาจักรทาฮันก่อนที่จะได้รับอาณาจักรออโรร่ามาซะอีก?” เธอยิ้ม

โจวโจวยิ้มและไม่ได้พูดอะไรออกมา

การได้ครอบครองอาณาจักรสำเร็จรูปจะทำให้มนุษย์รู้สึกถึงความสำเร็จมากกว่าการพิชิตอาณาจักรโดยตรงได้อย่างไร?

เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก หลังจากคุยกับหลี่ย่าต่อสักพัก พวกเขาก็นอนหลับด้วยกัน

ในเวลาเดียวกัน ณ อาณาจักรรัตติกาลเห่าหอน

พระสันตะปาปาฟลอยด์ที่อยู่ในสภาพตื่นเต้นนับตั้งแต่ที่เขาได้ส่งอัลเจอร์นอนไปลอบสังหารราชาตะวันสาดแสงก็กำลังจินตนาการถึงอนาคตหลังจากเขาได้รับยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์มา

“ราชาตะวันสาดแสงผู้นั้นก็เป็นแค่ไอ้โง่!”

ฟลอยด์ตื่นเต้นมาก

“มันเพิ่งมาถึงทวีปจื้อเกาได้นานแค่ไหนเชียว? มันกล้าสร้างอาณาจักรจริงๆ เหรอ?!” มันพึมพำกับตัวเอง

“ฮ่าฮ่าฮ่า เมื่อมันก่อตั้งอาณาจักร ข้อตกลงสูงสุดที่จำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเราก็จะหายไปด้วย พวกเราฝ่ายของลอร์ดระดับอาณาจักรที่อยู่มานานแล้วก็ไม่ต้องกลัวที่จะโจมตีราชาตะวันสาดแสงอีกต่อไป!”

“และข้า ในฐานะอาณาจักรที่เก่าแก่และอยู่ใกล้กับอาณาจักรตะวันสาดแสงที่สุดก็ได้รับโอกาสครั้งใหญ่ในการช่วงชิงยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์มาเป็นของข้า! เมื่อเวลานั้นมาถึง พระสันตะปาปาผู้นี้ก็จะมอบยุทธภัณฑ์เทวะประจำเผ่าพันธุ์นี้ให้กับท่านเทพแห่งความตาย! เมื่อท่านเทพแห่งความตายมีความสุข ท่านก็อาจจะมอบตำแหน่งสำคัญๆ ให้กับข้า!”

ดวงตาของฟลอยด์ลุกโชนไปด้วยความทะเยอทะยาน

เอลฟ์แห่งความตาย!

ในฐานะผู้รับใช้ศักดิ์สิทธิ์ที่ใกล้ชิดกับเทพเจ้าแห่งความตาย มันมีเอลฟ์แห่งความตายอยู่ทั้งหมดแค่ประมาณ 100 คนเท่านั้นในช่วงเวลาที่ผ่านไปนับไม่ถ้วน

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เมื่อเทพแห่งความตายทานาทอสใช้กองทัพยมทูตพิชิตสิ่งมีชีวิตจากโลกสรรพเผ่าพันธุ์ เอลฟ์แห่งความตายก็คือผู้รับผิดชอบตำแหน่งสำคัญในกองทัพยมทูต!

ตำแหน่งสำคัญอย่างเช่นผู้บัญชาการกองทัพและรองผู้บัญชาการกองทัพต่างก็ถูกยึดครองโดยเอลฟ์แห่งความตาย!

มันจะเห็นได้ว่าเอลฟ์แห่งความตายนั้นไม่ธรรมดาแค่ไหน!

ตราบใดที่เขาได้กลายเป็นเอลฟ์แห่งความตาย เขาก็จะได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงแม้จะไม่ต้องฝึกฝนก็ตาม!

นี่คืออำนาจพิเศษที่ถูกมอบให้กับเอลฟ์แห่งความตายโดยเทพแห่งความตายทานาทอส!

ถ้ามันได้กลายเป็นเอลฟ์แห่งความตาย มันก็แทบจะเรียกได้ว่าก้าวไปถึงสวรรค์ด้วยการก้าวขาเพียงก้าวเดียว

เมื่อเวลานั้นมาถึง…

ตำแหน่งพระสันตะปาปางั้นเหรอ?

เขาคงไม่ต้องชายตามองมันอีกต่อไป

ในขณะที่เขาจินตนาการเพ้อฝันถึงอนาคต ผ้าดำอันหนึ่งที่แผ่ออร่าแห่งความตายก็ลอยออกมาจากเอวของเขาในทันใดและลอยมาอยู่ตรงหน้าของเขา

ฟลอยด์อึ้งไปเมื่อเขาเห็นผ้าดำนี้