ตอนที่ 215 ราชวงศ์ตัวที่ 5 ทหารสนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุด

[ขอแสดงความยินดีด้วย สกิลกลายพันธุ์สำเร็จ สกิล ภูมิปัญญาแห่งพฤกษา ได้กลายพันธุ์เป็นสกิล แสงแห่งปราชญ์]

สกิลกลายพันธุ์!?

หลิน ยู ตกตะลึงไปในทันที

การแสดงออกอย่างเฉื่อยชาในตอนแรกได้หายไปทันที

แสงแห่งปราชญ์

ชื่อมันฟังดูแปลกๆแหะ

และสิ่งไม่เขาคาดคิดก็คือในเวลาเดียวกันกับที่สกิลได้กลายพันธุ์ ต้นไม้แห่งปัญญาก็เปล่งลำแสงสีทองออกมาเหมือนตอนที่ทหารราชวงศ์ได้กลายพันธุ์

มันกลายพันธุ์ทั้งสกิลและตัวมันเอง

ทั้งสองอย่างปรากฏพร้อมกัน

เขามองเห็นว่าภายใต้การห่อหุ้มด้วยลำแสงสีทองพรางพราว ร่างกายของต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ค่อยๆเปลี่ยนร่างไปคล้ายกับต้นไม้แห่งปัญญาและดูทรงปัญญากว่ามาก

มันยังไม่จบเท่านั้น

ในขณะที่การกลายพันธุ์ต้นไม้แห่งปัญญาเสร็จสิ้นนั้น ก็ได้มีวงแสงสีทองปะทุออกมาจากรอบๆตัวของเจ้าต้นไม้แห่งปัญญานี้

ราวกับรอบตัวของ ต้นไม้แห่งปัญญาดูศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก

ในเวลาเดียวกันออร่าลึกลับก็แผ่กระจายออกมาออก

"นี้มันอะไรกัน ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าตัวเองดูปอดโปร่งขึ้น!!"

"ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน! แถมยังควบคุมพลังได้ดีขึ้นด้วย"

"หือ? ระดับของฉันที่หยุดนิ่งมานานเหมือนมันจะพัฒนาขึ้น"

"พลังนี้มัน...หรือว่าจะเป็นพลังแห่งกฏ?"

"พลังแห่งกฏ? พลังแบบนี้มันมาปรากฏที่เมืองหวงซาได้อย่างไรกัน"

"เป็นไปได้ไหมว่าที่นี้นั้นมีตัวตนระดับ 10 กำลงโจมตีที่นี้อยู่!?"

ผู้ฝึกตนในเมืองหวงซาต่างร้องออกมาไม่หยุดและมองไปยังดินแดนของหลิน ยู

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางที่คนได้สัมผัสกับพลังแห่งกฏ

พวกเขารู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน

ไม่ว่าจะเป็นราชัน หรือ ผู้ฝึกตนเมื่อพวกเขาถึงระดับ 10 พวกเขาก็สามารถรับรู้พลังแห่งกฏได้

ดังนั้นพวกเขาจึงสงสัยว่ามีใครบางคนที่เป็นตัวตนระดับ 10 กำลังโจมตีดินแดนของหลิน ยู

แต่พวกเขาไม่รู้

ว่าแม้แต่ หลิน ยู เองยังตกตะลึงกับออร่าพิเศษที่แผ่ออกมาตรงหน้าเขา

เขารู้ว่าทหารราชวงศ์แต่ละตัวนั้นไม่ธรรมดา แต่เขาไม่คิดว่ามันทรงพลังขนาดนี้

หรือว่านี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการอัพเกรดสกิลกลายพันธุ์

เมื่อเห็นว่าต้นไม้แห่งปัญญาเปลี่ยนร่างสำเร็จแล้ว เขาก็เปิดดูข้อมูลของมันทันที

[ชื่อ : ปราญช์แห่งพงไพร (ราชวงศ์)]

[เผ่าพันธุ์ : พฤกษา]

[ระดับ : ? ? ?]

[ความแข็งแกร่ง : ? ? ?]

[ร่างกาย : ? ? ?]

[ความว่องไว : ? ? ?]

[วิญญาณ : ? ? ?]

[สกิล : แสงแห่งปราชญ์ (ทหารพืชรอบๆได้รับค่าประสบการณ์ 1 แต้มต่อชั่วโมง มีผลกับทุกระดับ เมื่อสังหารมอนสเตอร์ที่มีระดับต่ำกว่าตนเอง จะได้รับค่าประสบการเพิ่มขึ้น 1 แต้มซึ่งไม่สามารถทับซ้อนกันได้)]

วังวนแห่งกฏ (ปราญช์แห่งพงไพรจะปลดปล่อยพลังออกเพิ่มความเร็วในการร่ายสกิลของพันธมิตรเป็น 2 เท่าภายในระยะ ลดการใช้พลังธรรมลง 20%)

อาณาจักรแห่งสันติ (ด้วยความรักความสงบของปราญช์แห่งพงไพร เขาจึงได้รับของขวัญแห่งธรรมชาติ ซึ่งสามารถปิดกั้นพลังแห่งกฏภายในขอบเขตได้ทั้งหมด ตัวตนที่มีระดับต่ำกว่าจะไม่สามารถโจมตีได้เป็นเวลา 10 วินาที)

ธรรมชาติปรองดอง (เขาจะไม่ถูกโจมตีโดยใครก็ตาม และก็ยังไม่สามารถโจมตีใครได้ ทำให้ค่าสถานะทั้งหมดของตัวเขาถูกลบไป)

[หมายเหตุ : ต้นไม้วิญญาณที่ทรงปัญญาผู้รอบรู้ มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับพลังแห่งกฏ ตัวมันได้รับพรสวรรคฺจากธรรมชาติ รักความสงบ]

? ? ?

ในเวลานี้ อารมณ์ของ หลิน ยู เป็นเช่นเดียวกับค่าสถานะของมัน เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

แต่เมื่อเขาเห็นสกิลที่อยู่ด้านล่างเขาก็ถึงกับตกตะลึง

โดยเฉพาะสกิลสุดท้าย

มันจะไม่โดนโจมตีจากใคร แล้วก็จะไม่โจมตีใครอีกด้วย

นี้ นี้ นี้มัน....

มันเป็นความสามารถที่ทหารพืชมีจริงๆงั้นเหรอ?

ถ้าเขามีความสามารถนับประสาอะไรกับแค่ระดับ 8 หรือ 9 แม้แต่ระดับ 10 หรือ 11 เข้าก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย

เพราะคนอื่นนั้นไม่สามารถโจมตีเขาได้ราวกับได้รับกฏคุ้มครอง

น่าเสียดาย

เขาลองใช้ชิ้นส่วนเทวะ เพื่อทดลองใช้สกิลนี้ดูแล้วตัวเขาก็ไม่สามารถโจมตีได้เหมือนกัน

และยังสกิลอื่นๆของ ปราญช์แห่งพงไพร ที่สามารถขวางการโจมตีได้

อาณาจักรแห่งสันติ นั้นสามารถทำให้การโจมตีของตัวตนที่มีระดับต่ำกว่าไร้ผลเป็นเวลา 10 วินาที ซึ่งนับเฉพาะสกิลเท่านั้น

นั้นหมายความว่าแม้แต่การโจมตีของราชันระดับ 11 ก็ไส้ผลอย่างสิ้นเชิงภายใน 10 วินาทีนี้

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถโจมตีได้ แต่เขาก็สามารถใช้มันเพิ่งหลบหนีได้

เวลาทั้งหมดเพียงพอแล้วที่จะให้เขาทำอะไรได้มากมาย

นอกจากนี้ยังมีสกิลที่ 2

มันช่วยเพิ่มความเร็วในการร่ายสกิลเป็น 2 เท่า

ทำให้ความเร็วในการโจมตีของเหล่าพืชเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้แต่ความเร็วของเถาวัลย์ยักษ์ที่เป็นกระโจมตีจากระยะก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกัน

นี้ไม่ต้องพูดถึงสกิลที่เพิ่มค่าประสบการณ์หลังจากที่กลายพันธฺุ

นี้เป็นเพียงแค่....

มันคือทหารที่เกิดมาเพื่อสนับสนุน

นอกจากนี้ยังทหารพืชราชวงค์สายสนับสนุนตัวแรกของ หลิน ยู

ผ่านไปไม่นาน

ปราญช์แห่งพงไพรนั้นเปลี่ยนนักปราชญ์ชรา ที่ทำให้เขารู้สึกสงบ ต้องบอกว่ามันน่าทึ่งจริงๆ

หลังจากที่ได้ศึกษาสกิลของปราญช์แห่งพงไพร หลิน ยู ก็พยายามเปลี่ยนมันกลายเป็นทหารขุนพล

แต่แล้วเขาก็ได้รับการแจ้งเตือนว่าเงื่อนไม่ตรงกับที่กำหนด

ใช่แล้ว

ดูเหมือนว่าสกิลสุดท้ายนี้ไม่เพียงจะลบค่าสถานะทั้งหมด แต่มันยังลบระดับออกไปด้วย ดังนั้นการเปลี่ยนร่างทหารขุนพลจึงบอกว่ามันไม่ตรงกับเงื่อนไข

นี้คือสิ่งที่เข้มงวดของกฏ

แต่ข้าวดีคือ

สกิลที่ได้ถูกอัพเกรดนั้น ทำให้เขาสามารถมอบค่าประสบการณ์ให้กองทัพพืชตัวอื่นๆได้แม้ว่าเขาจะออกไปข้างนอก มันสะดวกอย่างยิ่ง

"มาลองสกิลอื่นกันเถอะ"

เขาปล่อยให้ปราญช์แห่งพงไพรเคลื่อนไหวได้อิสระ ในขณะที่ หลิน ยู ยังคงศึกษาสกิลอื่นๆอย่างเมามันนั้น

โดยที่ไม่รู้

ด้วยการปรากฏตัวของปราญช์แห่งพงไพรทำให้ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหวงซาตกอยู่ในภายใต้การสนทนาอย่างดุเดือด

เหล่าผู้ฝึกตนจำนวนมากกำลังสอบถามแหล่งที่มาของพลังนี้ พยายามที่จะเข้าใกล้ดินแดนของ หลิน ยู แต่พวกเขาก็ถูกขัดขวางเอาไว้โดยป่าเถาวัลย์

ท่ามกลางฝูงชนนั้น

มีชายชราผมขาวผู้สง่างามที่ตกตะลึงกับออร่าที่แผ่ออกมาในตอนนี้เขายืนสั่นสะท้านไปทั้งตัว

"มันเป็นกลิ่นอายของพลังแห่งกฏที่ลึกล้ำ! สิ่งนี้ต้องทำให้ฉันทะลวงไปยังระดับ 10 ได้อย่างแน่นอน"

ขณะที่พูดออกมาอย่างตื่นเต้น ชายชราก็หันกลับมาพบเข้ากับ เหว่ย กังที่กำลังลาดตะเวน

"เจ้าไปบอกเจ้านายของเจ้าว่าข้าอยากพบ?"

เหว่ย กัง ประหลาด เมื่อมองไปยังชายชราก็รู้สึกได้ว่าตัวเขานั้นแข็งแกร่งกว่าตัวเองหลายเท่า เขาก็อดไม่ได้ที่จะระวังตัว

"อย่าเข้าใจข้าผิดไป" เมื่อเหว่ย กัง ที่ระวังตัว ชายชราก็รีบอธิบายทันที "ข้าเป็นผู้ฝึกตนที่เดินทางผ่านมาพื้นที่แห่งนี้ ข้าเพียงแค่ต้องการพบเจ้านายของเจ้าเท่านั้น โปรดนำมันไปบอกกับเขาด้วย"

ชายชราไม่ได้แสดงความดูถูกใดๆออก แม้ว่าเหว่ยกังจะด้อยกว่าเขามาก

ในทางตรงกันข้าม เขาให้ความรู้สึกที่เป็นมิตรมาก อีกทั้งยังมีร่องรอยของความปรารถนาอย่างแรงกล้า

ใช่แล้ว

ตัวเขานั้นติดอยู่ระดับ 9 มาหลายปีแล้ว

เหลืออีกเพียงก้าวเดียว เขาก็จะสามารถก้าวเข้าสู่ระดับ 10 ได้ แต่เป็นเพราะความเข้าใจเกี่ยวกับพลังแห่งกฏที่ช้าอย่างมาก

และในตอนนี้ พลังแห่งกฏได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี้

เขารู้สึกจางๆ ว่าความเข้าใจที่รับรู้ได้ผ่านกลิ่นอายนี้นั้นก้าวหน้าขึ้นทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก เขาคิดไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับโอกาศเช่นนี้ในสถานที่ชายขอบของอาณาจักรแบบนี้

"เดี๋ยวข้าจะรายงานให้ แต่ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่านายท่านของพวกเขาจะมาพบท่านหรือไม่"

เมื่อมองไปยังชายชราที่เต็มไปด้วยความหวัง เหว่ย กังก็รู้สึกลำบากใจไม่น้อย

"ไม่เป็นไร เพียงแค่เจ้าบอกให้เขารู้"

ชายชราเห็นความลำบากใจของ เหว่ย กัง แล้วรับรู้ได้ทันที

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ซักพนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ จากนั้นก็พูดต่อ "เพียงแค่บอกเจ้านายของเจ้าว่า ชายชราคนนี้เต็มใจที่แลกด้วยชีวิตของข้า กับโอกาศในการศึกษา พลังแห่งกฏ"

"แค๊ก! ว่าไงนะ!"

เหว่ย กังหายใจเข้าลึก มองไปยังชายชราด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

โชคชะตานี้เป็นสิ่งที่จิตวิญญาณพัฒนาขึ้นหลังจากที่ผู้ฝึกฝนประสบความสำเร็จในการสื่อสารกับเทพและได้รับคุณสมบัติสำหรับการฝึกฝน

เช่นเดียวกับแก่นกลางของราชัน พวกเขาเองก็มีแก่นกลางชีวิตเช่นกัน

การแก่นกลางชีวิตของเขาให้กับคนอื่นเท่ากับเขาให้คนๆนั้นควบคุมชีวิต

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาไม่ตกใจ

แม้ว่าเขาจะสามารถมอบชีวิตให้กับนายท่านได้โดยปราศจากความละอายใจ

แต่สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับความภักดีที่เขามีต่อเมืองหวงซา มันทำให้เขายอมสละชีวิตได้

แต่ชายชราคนนี้แตกต่างออกไป เมื่อมองแวบแรก เขารู้ว่าชายคนนี้เป็นตัวตนที่มีระดับสูงกว่าเขาหลายเท่า

เขาไม่กล้าที่เพิกเฉยตอบกลับอย่างรวดเร็ว "ได้เลย งั้นท่านรออยู่ที่นี้ก่อนนะ ข้าจะไปรายงานนายท่านทันที"

"ขอบใจมาก ลำบากเจ้าแล้ว"

ชายชราถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง รออยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ

นี้คือเรื่องราวทั้งหมด

เหว่ย กัง รีบออกจากเมืองหวงซา มุ่งหน้าตามถนนที่เพิ่งสร้างใหม่ตรงเข้าไปยังป่าเถาวัลย์ในดินแดนของ หลิน ยู เพิ่งรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลิน ยู ที่กำลังศึกษาสกิลกลายพันธุ์นั้นได้หยุดทุกสิ่งที่ทำเมื่อเขาได้รับรายงานจากเหว่ย กัง

"นายหมายความว่าไงกันที่ มีผู้ฝึกตนระดับสูงต้องการพบฉัน"

"ใช่แล้วขอรับ ความแข็งแกร่งของคนๆแข็งแกร่งอย่างมาก เขาบอกว่ายินดีที่จะมอบแก่นกลางชีวิตให้กับท่านเพื่อแลกกับโอกาศในการเรียนรู้พลังแห่งกฏ ดูเหมือนว่าเขาน่าจะอยู่ระดับ 9 ขอรับ"

เหว่ย กัง พูดอย่างกระอักกระอ่วน

เมื่อ หลิน ยู ได้ยินคำพูดของเขา ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายออก

เขาไม่ได้คิดว่าการปรากฏตัวเขาปราญช์แห่งพงไพรจะทำให้ดึงดูดผู้ฝึกตนระดับสูงเข้ามา แถมเขายังเป็นผู้ฝึกตนระดับ 9 อีกด้วย

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็พูดกับเหว่ย กัง "เอาละพาฉันไปพบเขา"

"รับทราบขอรับ"

ในไม่ช้า หลิน ยู ออกจากดินแดนภายใต้การนำของ เหว่ย กัง มาถึงเมืองหวงซา

เดิมไปตามถนนเข้าไปตรอกซอกซอย ใช้เวลาเพียงไม่นานเขาก็มาถึงที่ๆชายชราอยู่

"คุณบอกอยากเจอผมงั้นเหรอ?"

หลิน ยู เข้าประเด็นทันที

เขานั้นมีหลิง ซี ลอยอยู่ข้างพร้อมกับชิง ถังที่อยู่ในอาณาเขตของเขส

ทหารทั้ง 2 ตัวนี้มีค่าสถานะเกินกว่าทหารระดับ 8 ไปไกลแล้ว ควบคู่กับบัพต่างๆ ทำให้เขาไม่กลัวเลยแม้ว่าจะเป็นตัวตนระดับ 9

หากว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งจริงๆ อย่างนั้นเขาก็แค่เทเลพอร์ตกลับไปยังดินแดนเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง

มันจึงไม่มีอะไรต้องกังวลแม้แต่น้อย

ด้วยความสบายๆของเขาทำให้ชายชรายังแอบตกใจไม่น้อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหมือนเขาเห็น หลิง ซี ที่บินอยู่ข้างๆ เขา เขาก็ยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีก

เนื่องจากแก่นแท้ดอกไม้ตัวนี้มีขนาดเล็ก แต่มันทำให้เข้ารู้สึกได้ถึงความคุมคาม ซึ่งมันทำให้เขาประเมิน หลิน ยู สูงขึ้นไปอีก อยู่ในระดับเดียวกับเขา

"ยินดีที่ได้พบ"

ชายชราทักทาย หลิน ยู อย่างสุภาพ

"ชายชราต้องการที่จะพบเจ้า ข้าไม่ทราบว่าเจ้าสะดวกที่จะพูดคุยกับข้าหรือไม่"

"สะดวกแน่นอน ไปคุยกันที่โถงรับรองกันเถอะ"

"เยี่ยม!"

เมื่อพูดเช่นนั้น ทั้ง 2 ก็เดินเข้าไปในโถงรับรองด้านในเมืองที่อยู่อีกฝั่งของถนนตามด้วย เหว่ย กัง มันทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่ผ่านไปมาไม่น้อย

หลายคนที่เพิ่งมาถึงเมืองหวงซาเมื่อไม่นานมานี้ นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็น หลิน ยู

ดังนั้น จึงหลีกเลี้ยงไม่ได้ที่เขาจะสงสัยออกมา ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะมองไปยัง หลิน ยู  2 3 ครั้ง

มีเด็กสาวหลายคนที่ดวงตาเป็นสีดอกไม้ใบหน้าของพวกเธอเจินอายจ้องมองไปที่ หลิน ยู

ทุกคนเคยได้ยินเจ้าเมืองหวงซานั้น ยังเด็กและกล้าหาญ อีกทั้งความแข็งแกร่งของเขายังไม่ธรรมดาอีกด้วย

เห็นแบบนี้ตัวเขานั้นดูหล่อเหลากว่าในข่าวลือซะอีก

ที่สำคัญคือเขายังไม่มีนางสนม

ถึงแม้ว่าเขาจะแต่งงานและมีภรรยาแล้ว ก็มีหลายคนที่เต็มใจจะเป็นนางสนมเขา

"เจ้าคิดว่านายท่านของพวกเราจะแต่งงานกับหญิงสาวแบบไหนในอนาคต" ชาวเมืองอดที่จะกระซิบกระซาบไม่ได้

"แล้วทำไมเจ้าไม่ถามนายท่านซะเองละ? นายท่านของพวกเรามีฐานะอย่างไรกัน? อย่างน้อยท่านต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่งดงามที่สุดในพื้นที่แทบนี้"

"ใช่แล้วข้าก็ว่างั้น ข้านั้นไม่ได้ต้องการให้ลูกสาวน้อยไปเป็นภรรยาของนายท่านหรอก"

"ตื่นเถอะ เมื่อวานเจ้าไม่ได้พูดหรอกหรือว่าต้องการยกลูกสาวของเจ้าให้สาวใช้ส่วนตัวของนายท่าน? เห็นได้ชัดว่าวันหนึ่งเจ้าคิดจะให้นางเป็นนางสนมเพื่อให้ตระกูลหวางอันเก่าแก่ของเจ้าเจริญรุ่งเรือง"

"เจ้าาา...เจ้าอย่าพูดไร้สาระ! คนชราอย่างข้าจะไปคิดอย่างนั้นตั้งแต่เมื่อไร"

"ฮ่าฮ่า หูแดงหมดแล้วเจ้ายังกล้าปฏิเสธอีกงั้นหรอ"

"ใช่แล้ว ถ้าหากลูกสาวของเจ้าทำได้ ลูกสาวของข้าก็ทำได้เช่นกัน"

"เจ้า เจ้าแก่ไร้ยางอาย ลูกสาวของเจ้าอายุเพียง 16 ปีเท่านั้นไม่ใช่หรือ"

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ผู้คนบนถนนต่างก็พากันถกเถียงเรื่องราวต่างๆนาๆ

มันเป็นภาพที่ดูมีชีวิตชีวาอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ หลิน ยู ได้นำชายชราไปยังโถงรับรองด้านในเมืองแลกเริ่มพูดคุยเรื่องต่างๆกันแล้ว