ตอนที่ 528 : คืนชีพผู้กล้า! ศพของผู้กล้าทั้งสาม!

หลังจากนั้นไม่นาน ณ ห้องประชุมภายในวังของลอร์ด

โจวโจวมองไปยังคนทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าของเขา

พวกเขาคือมู่กู่ เจิ้งฝูกุ่ย และแครอล

“เหมือนเดิม บอกข้ามาถึงพัฒนาการของพวกเจ้า”

โจวโจวกล่าว

มู่กู่คือคนแรกที่ยืนขึ้นมาตามปกติ

เขากล่าวด้วยความเคารพว่า

“รายงานท่านลอร์ด หลังจากดินแดนเลื่อนระดับเป็นระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูง ความแข็งแกร่งของข้าก็เพิ่มขึ้นเป็นระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงด้วยเหมือนกัน ส่วนทักษะต่างๆ ของข้าก็เลื่อนระดับขึ้นเป็นระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงด้วย”

“นอกจากนี้ จำนวนฟาร์มมอนสเตอร์ที่ข้าสามารถจัดการได้ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 36 แห่ง และขีดจำกัดของมอนสเตอร์แต่ละฟาร์มก็เพิ่มขึ้นจาก 15,000 ตัว เป็น 20,000 ตัว ส่วนขีดจำกัดสูงสุดของมอนสเตอร์ที่สามารถเลี้ยงได้ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงด้วย”

โจวโจวพยักหน้า

“ฟาร์มมอนสเตอร์ใหม่ทั้ง 2 แห่งก็ให้เลี้ยงวิญญาณปีศาจวายุคลั่งละกัน”

โจวโจวกล่าว

“ขอรับท่านลอร์ด!”

มู่กู่กล่าวด้วยความเคารพ

โจวโจวพยักหน้าและมองไปยังเจิ้งฝูกุ่ย

เจิ้งฝูกุ่ยยืนขึ้นพร้อมกับหัวเราะ

“ฝ่าบาท จำนวนพ่อค้าเร้นลับในคาราวานเร้นลับได้เพิ่มขึ้นจาก 1,000 คนเป็น 1,500 คน ซึ่งความสามารถของพ่อค้าเร้นลับทั้งหมดก็ได้ถูกอัพเกรดเป็นระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงด้วย ส่วนจำนวนรถม้าของพวกเราก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 1,500 คัน”

“นอกจากนี้แหวนเร้นลับของพวกเราที่เจตจำนงสูงสุดมอบให้ยังได้มีพื้นที่เพิ่มขึ้นจาก 30,000 ลูกบาศก์เมตรเป็น 80,000 ลูกบาศก์เมตร ตอนนี้พวกเราสามารถขนส่งสินค้าได้มากยิ่งขึ้นแล้ว นี่คือพัฒนาการของคาราวานเร้นลับของพวกเรา”

“นี่สำหรับเจ้า ลองดูว่าจะขายได้ราคาดีๆ ไหม และจะเป็นการดีที่สุดถ้าสามารถแลกเปลี่ยนเป็นไอเท็มอื่นได้”

หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง โจวโจวก็หยิบเอาอัญมณีจักรพรรดิสามอันออกมาและยื่นมันให้เจิ้งฝูกุ่ย

เจิ้งฝูกุ่ยรับมันมา แต่เมื่อเขาเห็นอัญมณีจักรพรรดิทั้งสามอันในมือ ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นและเขาก็เก็บพวกมันไปอย่างจริงจัง

“ข้าจะนำสินค้าที่ฝ่าบาทพึงพอใจกลับมาให้กับท่านเอง”

เจิ้งฝูกุ่ยกล่าวด้วยความเคารพ

โจวโจวพยักหน้า

อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ตั้งความหวังไว้เท่าไร

อัญมณีที่ไม่มีความสามารถอะไรจะมีค่าแค่ไหนกันเชียว? มันจะขายได้ราคาเท่าไรกัน?

เมื่อเจิ้งฝูกุ่ยเห็นเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากและนั่งลงไป

แครอลยืนขึ้นอย่างใจเย็น

“ฝ่าบาท หลังจากดินแดนของพวกเราเลื่อนระดับขึ้นเป็นระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงแล้ว ที่พักพิงของเทพีแห่งชีวิตก็ได้ถูกอัพเกรดเป็นระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงด้วย พวกเรามีสาวก 3,000 คน นักบวช 3,000 คน แม่ชี 3,000 คน และพาลาดินแห่งชีวิต 10,000 คนอยู่ในที่พักพิงแล้ว”

“นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของสาวกทุกคนก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นระดับแพลตตินั่มขาวขั้นสูงด้วย ส่วนความแข็งแกร่งของข้าก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นระดับเหนือสามัญขั้นสูง”

โจวโจวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

ในตอนนี้ที่เขามีทหารเป็นจำนวนมาก ความสูญเสียจากการต่อสู้จึงเพิ่มขึ้นมากด้วย

ที่พักพิงของเทพีแห่งชีวิตเป็นรากฐานสำหรับทหารของเขาในการรักษาอัตราการเสียชีวิตให้เป็นศูนย์

และตอนนี้ การเพิ่มขึ้นของความแข็งแกร่งของมันก็เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับโจวโจวในตอนนี้

“พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว ส่วนแครอล เตรียมตัว ข้าอาจจะต้องให้เจ้าช่วยชุบชีวิตผู้กล้าอีกสองคน”

โจวโจวกล่าว

“ขอรับ/เจ้าค่ะฝ่าบาท!”

ทั้งสามกล่าวด้วยความเคารพ จากนั้นพวกเขาก็จากไป

เมื่อเห็นเช่นนี้ โจวโจวเองก็จากไปด้วยและเดินไปยังวิหารอัศวิน

ณ วิหารอัศวิน

เมื่อโจวโจวมาถึง เขาก็เห็นว่าไป่เหอและร็อบกำลังคุยกันอยู่ที่ประตู

“คาราวะท่านเจ้าวิหาร คาราวะท่านอุกกาบาตสีเงิน!”

โจวโจวอึ้งไปชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวแสดงความเคารพ

“เจ้าช่างสุดยอดจริงๆ มันผ่านมาแค่กี่วันเองนับตั้งแต่ที่เจ้ามาถึงทวีปจื้อเกา แต่เจ้าก็ก่อตั้งอาณาจักรได้แล้ว?”

ไป่เหอไม่ได้พูดอะไรออกมา ส่วนร็อบก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้

“แค่โชคดีน่ะ”

โจวโจวกล่าวอย่างนอบน้อม

“การก่อตั้งอาณาจักรแรกจากบรรดาลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ทั้งหลายไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้เพราะโชคเพียงอย่างเดียว เจ้ามีความสามารถมากจริงๆ”

ไป่เหอมองไปยังโจวโจวด้วยความชื่นชม

“เจ้ารู้อะไรไหม เจ้าคือมนุษย์ที่ก่อตั้งอาณาจักรได้รวดเร็วที่สุดโดยไม่มีความช่วยเหลือจากกองกำลังภายนอกเลย!”

เขาพูดออกมาอย่างจริงจัง

โจวโจวอึ้ง

เขาไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะทำลายสถิติได้

อย่างไรก็ตาม จิตใจของเขาก็ยังสงบนิ่งเหมือนกับสายน้ำ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไรเพราะเรื่องนี้เลย

ไป่เหอถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์อันหลากหลายเมื่อเห็นเช่นนี้

ดูเหมือนว่าหลังจากที่เด็กคนนี้ปรากฏตัวขึ้นบนกระดานสนทนาของสรรพเผ่าพันธุ์ถึงสองครั้ง สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว

เขาจะไม่คลอนแคลนเพียงเพราะความสำเร็จเพียงเล็กน้อย

ร็อบที่อยู่ข้างๆ เขายังไม่สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยซ้ำ

ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับร็อบ เขาก็คงจะเต็มไปด้วยความดีใจแล้ว

“เจ้าคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อรายงานข่าวดีใช่ไหม?”

ไป่เหอได้สติกลับมาและถาม

“ขอรับ” โจวโจวพยักหน้า “ข้ารวบรวมทรัพยากรสำหรับการคืนชีพผู้กล้าอีกสองคนครบแล้ว”

“ตามข้าไปที่โถงวิญญาณผู้กล้า”

ดวงตาของไป่เหอเปล่งประกายขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินเช่นนี้

จากนั้นเขาก็พาโจวโจวไปที่โถงวิญญาณผู้กล้าอย่างรวดเร็ว

หลังจากนั้นไม่นาน โจวโจวก็กลับมายังที่พักพิงของเทพีแห่งชีวิตพร้อมกับไอเท็มของจอมเวทวิญญาณอิซซี่และราชากระบี่อัคคีเพื่อคืนชีพให้กับพวกเขา

หลังจากชุบชีวิตผู้กล้าสองคนแล้ว โจวโจวก็คุยกับพวกเขานิดหน่อยก่อนที่จะพาพวกเขากลับไปยังวิหารอัศวินและส่งมอบพวกเขาให้กับไป่เหอ

ด้วยเหตุนี้เอง หนี้ของโจวโจวจึงถูกชดใช้ไปจนหมด

จากนั้นเขาก็เดินไปยังโถงปกครองแบบปลอดหนี้

ณ โถงปกครอง

เมื่อโจวโจวและคนอื่นๆ มาถึง พวกเขาก็ได้ยินการหารือกันแบบดุเดือดจากภายใน

“ในฐานะอาณาจักรที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมาใหม่ ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีเท่าไรที่อาณาจักรตะวันสาดแสงของพวกเราจะทำตามกฎของอาณาจักรออโรร่า”

“ข้าเคยเป็นอดีตมหาเสนาบดีแห่งอาณาจักรออโรร่าและเป็นประธานในการแก้ไขกฎหมายของอาณาจักรออโรร่าด้วยตัวเอง ข้ามั่นใจมากในการร่างกฎหมายของอาณาจักร นอกจากนี้ ข้าจะไม่คัดลอกพวกมันทั้งหมด ข้าจะทำการเปลี่ยนแปลงเฉพาะตามสถานการณ์ของอาณาจักรตะวันสาดแสง”

“ให้ธงของอาณาจักรตะวันสาดแสงมีดวงอาทิตย์เป็นแกนหลักเป็นยังไง?”

“มันไม่มีปัญหาอะไรกับการใช้ดวงอาทิตย์เป็นแกนหลัก แต่ข้ารู้สึกว่ามันจะเป็นแค่ดวงอาทิตย์ไม่ได้ มันจำเจเกินไป”

“ข้าเห็นด้วย”

“พิธีสถาปนาควรจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่!”

“แน่นอน!”

“ใช่ ราชาของพวกเราคือกษัตริย์ผู้ก่อตั้งไม่ใช่ผู้สืบทอด ถ้าพวกเราไม่จัดพิธีให้ยิ่งใหญ่ มันจะไม่เป็นการหยามเกียรติฝ่าบาทงั้นเหรอ?”

เมื่อโจวโจวได้ยินการหารือกันของพวกเขา เขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

เขาเดินเข้าไป

เมื่อทุกคนเห็นเขา พวกเขาก็ยืนขึ้นทันทีและก้มหัวแสดงความเคารพ

“คาราวะฝ่าบาท!”

ทุกคนตะโกนออกมา

“คุยกันต่อเถอะ ข้าจะฟังอยู่ข้างๆ ถ้าข้ามีอะไรจะพูด ข้าก็จะพูดมันออกมาตรงๆ ถ้าพวกเจ้ามีอะไรจะถามข้าก็ถามข้ามาได้ตรงๆ เลย”

โจวโจวพยักหน้าและนั่งลงบนเก้าอี้หลัก จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ

ทุกคนมองหน้ากันและตอบด้วยความเคารพ “ขอรับ”

จากนั้นทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันอีกครั้งเหมือนเดิม

ในตอนแรก ทุกคนยังระมัดระวังอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าองค์ราชาไม่ได้ทำอะไร พวกเขาจึงเริ่มพูดคุยกันอย่างดุเดือดเหมือนเดิม

ในระหว่างนี้ โจวโจวเองก็เสนอความเห็นของเขากับทุกคนด้วย และเมื่อมันเป็นเรื่องยากที่ทุกคนจะตัดสินใจ พวกเขาก็จะหันมาปรึกษาโจวโจว

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในชั่วพริบตามันก็ผ่านไปถึงสามชั่วโมง

มันดึกแล้ว

เมื่อเห็นเช่นนี้ โจวโจวจึงบอกให้ทุกคนกลับไปพักก่อน เรื่องของอาณาจักรค่อยว่ากันในอนาคต

ทุกคนพยักหน้าและกลับไปพัก

เมื่อโจวโจวเห็นเช่นนี้ เขาเองก็กลับไปที่วังของลอร์ดด้วย

ณ วังของลอร์ด ภายในห้องฝึกยุทธ์

โจวโจวมองไปยังศพทั้งสามที่อยู่ตรงหน้าของเขา

มันคือศพของราชามารสี่กร ราชาเขี้ยวเหล็ก และข้ารับใช้วิญญาณแห่งความตายที่ถูกพวกเขาสังหารบนสมรภูมิในวันนี้