ตอนที่ 126

บทที่ 126 : การเป็นผู้ปกครองของประเทศที่ล่มสลาย (1)

ราชทูตจากราชสำนักต้าจิน?

ซุยเฮ็งตกตะลึง

นับตั้งแต่เขาออกมาจากพื้นที่มิติสำหรับผู้เริ่มต้น แม้ว่าเขาจะใช้สภาพแวดล้อมทางการเมืองเพื่อรวบรวมอารมณ์ทั้งเจ็ด แต่เขาก็ไม่เคยได้ติดต่อกับราชวงศ์เลย

ท้ายที่สุดแล้ว ตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อน โชคลาภของต้าจินก็ได้ลดถอยลงทุกวันๆ แม้กระทั่งตอนนี้ คำสั่งของราชสำนักก็ยังไม่สามารถหลุดออกมาจากทวีปกลางได้ และหนังสือแต่งตั้งเจ้าเมืองก็เป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งความปรารถนาดีเท่านั้น

อาจกล่าวได้ว่าราชสำนักแห่งนี้นั้นมีอยู่เพียงแค่ในนามเท่านั้น

แม้ว่าต้าจินจะขโมยผลงานจากหงฟู่กุ่ยเมื่อ 261 ปีก่อนไป แต่ซุยเฮ็งก็ไม่สามารถทำลายพวกเขาได้

นี่เป็นเพราะแม้ว่าเขาจะทำลายพวกเขาทิ้งไป แต่ต้าจินในตอนนี้ก็คงจะไม่สามารถอยู่รอดได้สิบปีแน่

จักรพรรดิเจียนหยาน เว่ยอี้มีอายุ 49 ปีแล้ว แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่มีแม้แต่โอรส

แม่ทัพผู้ภักดีเองก็ถูกเขาฆ่าตายจนหมด

ตระกูลหวังแห่งหลางหยาที่สนับสนุนต้าจินมาโดยตลอด มาตอนนี้ก็ยังแทบจะดูแลตัวเองไม่ได้

อาจกล่าวได้ว่าตราบเท่าที่จักรพรรดิเจียนหยานสิ้นพระชนม์ ราชสำนักต้าจินก็จะต้องล่มสลายลงอย่างแน่นอน

มันแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะรวมศูนย์อำนาจอีกครั้ง

แน่นอนว่าผู้ว่าการหลายคนจะทำให้จักรพรรดิองค์อื่นปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว และแม้จะเป็นเพียงแค่ในนามก็ตาม

อย่างไรก็ดี จักรพรรดิเจียนหยานก็ยังมีชีวิตอยู่และเขาก็ยังคงเป็นจักรพรรดิ

ด้วยเหตุนี้เอง ทูตของเขาจึงได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี

เพื่อรักษาภาพลักษณ์เอาไว้ ผู้ว่าการท้องถิ่นก็จะสร้างความสัมพันธ์อันดีกับทูตและแม้แต่แสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน

มันไม่ใช่ว่าพวกเขากลัวจักรพรรดิ

ส่วนใหญ่พวกเขาแค่กังวลว่าหากพวกเขาไม่ทำตัวถ่อมตนต่อหน้าทูต พวกเขาก็จะถูกรัฐข้างเคียงข่มเหง

ประเทศเพื่อนบ้านสามารถใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างในการจัดตั้งพันธมิตรเพื่อโจมตีและอ้างสิทธิ์ในดินแดนได้

ดูผิวเผินแล้ว มันก็คือการปกป้องอำนาจของจักรพรรดิ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันก็คือการช่วงชิงดินแดนและแบ่งแยกดินแดนและประชากร

แน่นอนว่าความเคารพและความอ่อนน้อมถ่อมตนนั้นเป็นเพียงเรื่องผิวเผินเท่านั้น สำหรับคำสั่งของจักรพรรดิที่ราชฑูตนำมา มันก็มักจะถูกมองข้ามโดยผู้ว่าการรัฐ หรือไม่พวกเขาก็จะแสร้งทำเป็นปฏิบัติตามเพียงเพื่อการแสดง

ด้วยเหตุนี้เอง จักรพรรดิจึงมักจะไม่ส่งทูตไปยังเมืองหลวงของรัฐต่างๆ

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็คงจะน่าอายมากหากคำสั่งของเขาถูกเพิกเฉย

แต่กระนั้น ในตอนนี้ จู่ๆ ราชทูตจากราชสำนักก็ได้มาถึงเฟิงโจว มันแปลกมากจริงๆ

“ เขายศอะไร” ซุยเฮ็งถาม

ทูตที่ถูกส่งมาจากราชสำนักส่วนใหญ่มักเป็นขันทีของราชสำนัก พวกเขาสามารถกำหนดความสำคัญของเรื่องราวผ่านตำแหน่งของทูตได้

“ มันคือผู้ดูแลหวังชุน” หลิวหลี่เต๋ากล่าวอย่างเคร่งขรึม

“ ผู้ดูแล?” ซุยเฮ็งเลิกคิ้วเล็กน้อยและยิ้ม “ จักรพรรดิเจียนหยานต้องการจะทำอะไร? เขาส่งสมาชิกคนสำคัญในราชสำนักมาหาข้าเลยหรอ? เขาบอกไหมว่าเขามาทำไม?”

“ ผู้ดูแลคนนั้นไม่ได้บอกว่าเขามาทำไม” หลิวหลี่เต๋าส่ายหัว “ แต่กระนั้นเขาก็ยืนกรานที่จะมาพบท่าน”

“ ถ้างั้นก็ให้เขาเข้ามาเลย” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อย เขาอยากรู้เกี่ยวกับเป้าหมายของราชสำนักมาก

“ ตามท่านบัญชา!” หลิวหลี่เต๋าโค้งคำนับและจากไป

ทูตของราชสำนักที่มาพร้อมกับหลิวหลี่เต๋าได้พาคนรับใช้มาด้วยและเข้ามาในโถงรับรองของสำนักงานว่าการ

ทูตคนนี้ดูเหมือนจะอยู่ในวัยสี่สิบกว่าๆ ใบหน้าของเขาดูงดงามและไม่มีหนวดเครา และนิสัยของเขาเองก็ดูเป็นผู้หญิง เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นขันที

ผู้ติดตามที่อยู่ข้างๆ เขาดูเหมือนจะอยู่ในวัยห้าสิบ เขามีรูปร่างหน้าตาธรรมดา คิ้วของเขาเลิกขึ้นและดูอ่อนน้อมถ่อมตน

“ หวังชุนคารวะท่านผู้ว่าการซุย” ขันทีผู้นี้ไม่หยิ่งเลย เขาแสดงความเคารพต่อซุยเฮ็งมากและโค้งคำนับอย่างเชื่อฟัง

“ เชิญนั่ง” ซุยเฮ็งพยักหน้าเบาๆ และยิ้ม “ อะไรกันที่ทำให้ท่านมาที่เฟิงโจว?”

ในเวลาเดียวกัน เขาก็มองไปที่คนรับใช้ของหวังชุน

เห็นได้ชัดว่าผู้ติดตามเหล่านี้ไม่ใช่คนธรรมดา แม้ว่าทัศนคติของเขาจะดูสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน แต่มันก็ยังคงมีกลิ่นอายอันสูงส่งอยู่ในกระดูกของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่มีสถานะสูงส่ง

“ นี่ถือเป็นวาระระดับประเทศ” หวังชุนหยุดพูดหลังจากพูดสิ่งนี้ ก่อนอื่นเขามองไปที่หลิวหลี่เต๋าที่อยู่ข้างๆ จากนั้นเขาก็มองไปที่ซุยเฮ็งราวกับว่าเขาต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง

“ ท่านหลิวเป็นผู้ช่วยของข้า ผู้ดูแลหวังโปรดอย่าลังเลที่จะพูดความคิดของท่าน” ซุยเฮ็งส่ายหัวเบาๆ

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถไล่หลิวหลี่เต๋าออกไปได้เพราะขันที

เนื่องจากอู๋หยินยังอยู่ในตำแหน่งรองผู้ว่าการ หลิวหลี่เต๋าจึงรับหน้าที่เป็นข้าราชการธรรมดาๆ ชั่วคราว ตำแหน่งของเขาเป็นรองแค่รองผู้ว่าการ และเมื่ออู๋หยินออกจากตำแหน่งเมื่อไหร่ ในอนาคต เขาก็จะสามารถเป็นรองผู้ว่าการรัฐเฟิงโจวได้

หลิวหลี่เต๋ารู้สึกสะเทือนใจอย่างมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ความปรารถนาของเขาที่จะติดตามซุยเฮ็งไปจนตายได้ทวีความรุนแรงขึ้น

“ ในกรณีนี้…” หวังชุนเงียบลงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ เขายืนขึ้นและพูดกับผู้ติดตามที่อยู่ข้างๆ ว่า “ รัฐมนตรีชู ข้าขอฝากเรื่องนี้ให้ท่านพูดด้วย”

“ รัฐมนตรีชู?!” หลิวหลี่เต๋ามองไปที่คนรับใช้ด้วยความตกใจ

“ เขาคือรัฐมนตรีคนปัจจุบันนี่เอง” ซุยเฮ็งยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขามองชายชราคนนี้และค่อนข้างประหลาดใจ

แม้ว่าเขาจะไม่สนใจราชสำนักต้าจินมากนัก แต่เขาก็รู้ว่ารัฐมนตรีคนปัจจุบันชื่อชูหยวนเหลียง และเขาก็ไม่ใช่รัฐมนตรีธรรมดา

รัฐมนตรี, รัฐมนตรีกระทรวงบันทึก, ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผู้ว่าการรัฐจงโจว…

นี่คือตำแหน่งอย่างเป็นทางการในปัจจุบันของชูหยวนเหลียง

ในแง่ของอำนาจ เขาก็สามารถสั่งการกิจการทางทหารทั้งหมดของต้าจินและสั่งการเจ้าหน้าที่ที่ต่ำกว่าตำแหน่งผู้ว่าการรัฐได้

พูดง่ายๆ เขาก็เกือบจะเทียบเท่ากับจักรพรรดิ

โดยปกติแล้ว มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะวางตำแหน่งอย่างเป็นทางการมากมายให้กับบุคคลเพียงคนเดียว

อย่างไรก็ตาม ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิเจียงหยาน รัฐมนตรีที่มีอำนาจเช่นนี้จึงได้ปรากฏตัวขึ้นในที่สุด

สิ่งนี้ทำให้ซุยเฮ็งสงสัยมากว่าทำไมรัฐมนตรีคนปัจจุบันถึงมาที่เฟิงโจวเป็นการส่วนตัว