ในเวลาเดียวกัน ณ ที่พักของไป่เยว่จิง
ในตอนนี้ไป่เยว่จิงก็ยังไม่นอนและกำลังศึกษาตำราแพทย์อยู่ นอกจากนี้เขาก็กำลังศึกษาตำราแพทย์ของชาวจีนที่ซุนซือเหมี่ยวถ่ายทอดมาให้เขาด้วย
“...หมอรักษาไข้ด้วยยาร้อน รักษาความโกรธด้วยยาเย็น อาการอาเจียนและการติดพิษถ้าไม่กิน…”
เขาอ่านอย่างตั้งใจและระมัดระวัง
ยิ่งเขาอ่าน ไป่เยว่จิงก็ยิ่งรู้สึกว่าวิถีแห่งแพทย์แผนโบราณจีนนั้นมีความคล้ายคลึงกันมากกับเส้นทางการแพทย์ของมนุษย์ในทวีปจื้อเกาที่เขาฝึกฝนมาเลย นี่ทำให้เขาเกิดแรงบรรดาลใจขึ้นมา
“ด้วยอัตรานี้… ข้าน่าจะเลื่อนระดับเป็นหมอระดับเหนือสามัญขั้นกลางได้ในไม่ช้าและไปถึงขีดจำกัดของข้าแล้ว”
เขามีความสุขมาก
พูดตามปกติแล้ว ยิ่งผู้เชี่ยวชาญใกล้ไปถึงขีดจำกัดของตัวเองเท่าไร มันก็จะยิ่งเลื่อนระดับได้ยากขึ้นเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นจ้าวฉางโจว ซึ่งได้ติดอยู่ที่ระดับแพลตตินั่มขาวมาหลายปี
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้มาที่ดินแดนของโจวโจวและได้สัมผัสกับสิ่งปลูกสร้างพิเศษและสิ่งปลูกสร้างประจำเผ่าพันธุ์หลายต่อหลายอัน เขาก็คงจะไม่สามารถไปถึงขีดจำกัดของศักยภาพได้เร็วขนาดนี้ และในอนาคตเขาก็อาจจะก้าวไปอีกขั้นและกลายเป็นสถาปนิกระดับเพชรขั้นสูงเลยก็ได้
ความแตกต่างคือจ้าวฉางโจวจะสามารถเลื่อนระดับเป็นสถาปนิกระดับเพชรขั้นสูงได้ผ่านการสัมผัสกับสิ่งปลูกสร้างพิเศษและสิ่งปลูกสร้างประจำเผ่าพันธุ์ ส่วนไป่เยว่จิงที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ไม่ไกลจากการกลายเป็นหมอระดับเหนือสามัญขั้นกลางนั้นก็มาจากการที่เขาได้สัมผัสกับตำราแพทย์แผนจีนของซุนซือเหมี่ยว
ไป่เยว่จิงมีหัวใจของแพทย์ที่บริสุทธิ์
ความปรารถนาในการเพิ่มระดับของเขานั้นไม่ได้มาจากความต้องการสถานะหรือชื่อเสียง แต่สิ่งที่เขาคิดก็คือเขาจะสามารถช่วยคนได้มากขึ้นด้วยการเลื่อนระดับเป็นหมอระดับเหนือสามัญขั้นกลาง
มันมีทหารระดับเหนือสามัญมากกว่า 2,000 คนแล้วในดินแดนตะวันสาดแสง ซึ่งจำนวนหมอระดับสูงในดินแดนตะวันสาดแสงก็มีน้อยมาก
เมื่อเห็นเช่นนี้ ไป่เยว่จิงจึงต้องการที่จะทะลวงระดับเป็นหมอในระดับที่สูงขึ้น ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะสามารถคลายแรงกดดันเรื่องจำนวนหมอในดินแดนตะวันสาดแสงลงไปได้
ในเวลานั้นเอง จิตใจของไป่เยว่จิงก็สั่นสะท้านในขณะที่เขามองไปที่ตำราแพทย์ตรงหน้าของเขาด้วยความงุนงง
ความรู้ทางการแพทย์ที่เขาเคยรู้สึกว่าลึกซึ้งและซับซ้อนได้กลายเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจได้ในทันใด
เพียงแค่มองแวบเดียว ความรู้ทางการแพทย์ทุกประเภทก็พุ่งเข้ามาในหัวของเขาอย่างง่ายดาย ทำให้เขาเข้าใจความรู้ทางการแพทย์ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก
ในเวลานั้นเอง เขาก็รู้สึกว่าเขาเข้าใจการเป็นหมอระดับเหนือสามัญขั้นกลางขึ้นไปเรื่อยๆ…
ตู้ม!
ราวกับว่าโลกได้แยกออกจากกัน
พลังงานทางการแพทย์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของเขา
ไป่เยว่จิงดื่มด่ำไปกับความรู้ทางการแพทย์ที่ได้รับมาใหม่อยู่สักพักก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา
เขาอดตกใจไม่ได้
เขาทะลวงระดับเป็นระดับเหนือสามัญขั้นกลางแล้วจริงๆ เหรอ?!
อะไรกัน!? ไป่เยว่จิงอ้าปากค้าง
เกิดอะไรขึ้นเมื่อกี้?
ทำไมจู่ๆ ข้าก็ทะลวงระดับได้???
นอกจากนี้การทะลวงระดับยังง่ายมากราวกับปลอกกล้วยเข้าปากเลย
แม้ว่าเขาจะรู้สึกจริงๆ ว่าเขาอยู่ไม่ไกลจากการกลายเป็นหมอระดับเหนือสามัญขั้นกลางแล้ว แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่น่าจะสามารถเลื่อนระดับได้ง่ายๆ
ความรู้สึกนี้…
มันทำให้เขานึกถึงความรู้สึกของการเลื่อนระดับจากหมอระดับเงินขาวขั้นสูงมาเป็นหมอระดับทองคำเหลืองขั้นต้นเมื่อเขายังเด็กและยังเป็นหมออัจฉริยะอยู่เลย
มันง่ายและผ่อนคลายมาก!
มันราวกับว่านี่ไม่ใช่คอขวดที่ยากอะไรที่จะให้เขาก้าวข้ามไปได้
อย่างไรก็ตาม เขาก็เพิ่งกลายเป็นหมอระดับเหนือสามัญขั้นต้นได้ไม่นานเท่านั้น
ความยากในการทะลวงระดับเป็นระดับเหนือสามัญขั้นกลางจะเหมือนกับการทะลวงระดับเป็นระดับทองคำเหลืองขั้นต้นเมื่อครั้งยังอยู่ที่ระดับเงินขาวขั้นสูงได้ยังไง?
หรือว่า…
ความคิดอันน่าเหลือเชื่อบังเกิดขึ้นในใจของเขา จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงขีดจำกัดสูงสุดของเขาในทันที
จากนั้นเขาก็อึ้งไป
ขีดจำกัดศักยภาพของเขาได้เพิ่มขึ้นอีกสองขอบเขตใหญ่และกลายเป็นระดับตำนานไปแล้ว?!
เกิดอะไรขึ้น?!
“ผู้อาวุโสไป่”
ในเวลานั้นเอง เสียงๆ หนึ่งก็ดังมาจากทางด้านนอกของประตู
ไป่เยว่จิงจำได้ทันทีว่าเสียงนี้เป็นเสียงของท่านลอร์ด
มันไม่มีเวลาให้คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขาแล้ว เขาจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและรีบเดินไปเปิดประตู
“คาราวะท่านลอร์ด คาราวะ… หืม?!”
ไป่เยวจิงทำความเคารพโจวโจวเสร็จเขาก็ต้องอึ้งไปเมื่อเขาได้เห็นคนที่อยู่ทางด้านหลังท่านลอร์ด
“ทำไม? สหาย ไม่ใช่ว่าเจ้าก็เคยเห็นรูปปั้นของนักพรตในวัดบรรพบุรุษจักรพรรดิแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมเจ้าถึงจำข้าไม่ได้?”
ซุนซือเหมี่ยวลูบหนวดของเขาและหัวเราะออกมาในขณะที่เขาองไปยังไป่เยว่จิง
“ท่านคือ… ผู้อาวุโสซุนงั้นเหรอ?”
ดวงตาของไป่เยว่จิงเบิกกว้างขึ้น
“ใช่แล้ว”
ซุนซือเหมี่ยวพยักหน้าและถอนหายใจออกมา “ข้าโชคดีจริงๆ ที่ถูกอัญเชิญมาโดยท่านลอร์ด ด้วยเหตุนี้ข้าจึงสามารถสร้างร่างจริงของข้าขึ้นมาใหม่ได้และสามารถมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ได้ นอกจากนี้มันก็ยังไม่มีเวลาจำกัดด้วย”
พูดตามหลักการแล้ว ตราบใดที่รูปปั้นของซุนซือเหมี่ยวไม่ได้รับความเสียหาย เขาก็จะเป็นอมตะเลยก็ว่าได้
เขาสามารถฟื้นคืนชีพจากรูปปั้นกลับมาได้แม้ว่าร่างกายของเขาจะถูกสังหารในตอนนี้
ราคาที่เขาจำเป็นต้องใช้แลกเปลี่ยนกับการฟื้นคืนชีพก็แค่แกนหมอกระดับตำนานเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับโจวโจวในตอนนี้
อีกด้านหนึ่ง ดวงตาของไป่เยว่จิงก็เปล่งประกายขึ้นและเขาก็มีความสุขเป็นอย่างมาก
เมื่อทั้งสองสื่อสารกันเกี่ยวกับเส้นทางทางการแพทย์ของโลก พวกเขาก็กลายเป็นสหายที่ดีต่อกันโดยไม่รู้ตัว ในตอนนี้ที่เขาได้เห็นสหายของตนสามารถเดินไปบนโลกใบนี้ได้ด้วยร่างกายที่แท้จริง เขาย่อมต้องมีความสุขมาก
ด้านข้างของซุนซือเหมี่ยว โจวโจวเองก็ยิ้มให้กับทั้งสองคน
ในเวลานั้นเอง เขาก็คันปากขึ้นมาและอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจทันใด
“ผู้อาวุโสไป่ ท่านเลื่อนระดับเป็นระดับเหนือสามัญขั้นกลางแล้วเหรอ?!”
เขาประหลาดใจ
ไม่ใช่แค่นั้น เขายังตระหนักได้ว่าผู้อาวุโสไป่นั้นดูเด็กขึ้นมาก
มันไม่เกินจริงไปเลยที่จะบอกว่าเขาได้เปลี่ยนจากชายชรากลายเป็นชายวัยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่เคยมอบไอเท็มอย่างน้ำผึ้งโลหิตที่สามารถฟื้นคืนความเยาว์วัยให้กับอีกฝ่ายมาก่อนเลยด้วย
“ขอรับ จู่ๆ ข้าก็ทะลวงระดับขึ้นมาเอง”
ไป่เยว่จิงเกาหัวด้วยความสับสน
จากนั้นเขาก็บอกท่านลอร์ดเกี่ยวกับการทะลวงระดับอย่างกะทันหันของเขาและศักยภาพของเขาที่เพิ่มขึ้นมาเป็นระดับตำนาน
โจวโจวและซุนซือเหมี่ยวมองหน้ากันและยิ้มออกมา
งี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะเด็กลง
มันน่าจะเป็นเพราะศักยภาพของเขาได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นร่างกายของเขาจึงเด็กลง
จากนั้นโจวโจวก็ไม่ได้ปิดบังอะไร และบอกอีกฝ่ายเกี่ยวกับเอฟเฟกต์ของใบสั่งยาที่จำเป็นมูลค่าหนึ่งพันทองสำหรับเหตุฉุกเฉินระดับตำนาน
“ตอนนี้ศักยภาพของหมอในดินแดนของพวกเราก็น่าจะเพิ่มขึ้นสองระดับแล้ว ผู้อาวุโสไป่ ความก้าวหน้าของท่านในวันนี้จะไม่ใช่สิ่งเดียวที่ท่านจะได้สัมผัส ในอนาคต ข้าเกรงว่าหมอระดับสูงจำนวนมากก็จะปรากฏขึ้นในดินแดนของพวกเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเลย”
โจวโจวกล่าวอย่างมีความสุข
เขาย่อมไม่ลืมเอฟเฟกต์แรกของใบสั่งยาที่จำเป็นมูลค่าหนึ่งพันทองสำหรับเหตุฉุกเฉินระดับตำนานอย่างโอกาสในการทะลวงระดับจะเพิ่มขึ้น 90% หลังจากหมอได้ทำการรักษาผู้ป่วย!
โอกาสในการทะลวงระดับ 90% มันหมายความว่ายังไงงั้นเหรอ?
นี่หมายความว่าตราบใดที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ยังไปไม่ถึงขีดจำกัดของตัวเอง พวกเขาก็จะสามารถทะลวงระดับไปได้โดยแทบจะไม่มีคอขวดใดๆ หลังจากที่พวกเขามีความรู้ด้านการแพทย์เพียงพอแล้ว!