ตอนที่ 112 - บทที่ 112 เดินทางกลับ

บทที่ 112 เดินทางกลับ

“นายท่าน ลูกธนูเจาะเกราะมีค่ามากจริงๆ ขะ..ข้าตัดสินใจไม่ได้ แต่ข้าไปแจ้งผู้จัดการได้ ท่านช่วยรอที่นี่สักพักได้ไหมค่ะ?”

ผู้หญิงคนนั้นตื่นเต้นมากจนเธอพูดไม่คล่องเท่าไหร่

4000 หยวน! เธอสามารถรับค่าคอมมิชชันอย่างน้อย 400 หยวน 400 หยวนภายในวันเดียว ซึ่งเป็นเงินเดือนที่สูงมากแม้แต่ในเมืองอันชาน

"ตกลง"

ทันทีที่เฉินฟานพูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

เสียงกระซิบดังไปรอบๆ และพนักงานขายหญิงคนอื่นๆ ในร้านต่างก็มองดูสิ่งนี้ด้วยความอิจฉา

ภายในเวลาไม่ถึงสองนาที ชายผู้แข็งแรงในชุดสูทและผูกเน็คไทก็เดินไปหาเฉินฟานด้วยการเดินก้าวใหญ่ๆ ภายใต้การแนะนำของผู้หญิงคนนั้นเขาก็มาอยู่ตรงหน้าเฉินฟานแล้ว

“นายท่าน ไม่ทราบว่าแซ่ของท่านคืออะไร?”

ชายคนนั้นยื่นมือออกมาแล้วถามด้วยรอยยิ้ม

“แซ่ของข้าคือจาง”

เฉินฟานเหลือบมองเขา แต่ไม่ได้จับมือ

“ฮิฮิ ถ้างั้นท่านคือนายท่านจางสินะ”

หลี่เล่ยยิ้มอย่างเฉยเมย เขาดึงมือออกแล้วพูดว่า "ขอโทษนะท่านจาง ให้ข้ายืนยันกับท่านอีกครั้งท่านต้องการซื้อคันธนูยาวสองคันที่มีพลังน้าว 500 ปอนด์จริงๆ หรือไม่?"

เฉินฟานพยักหน้าแล้วมองเขา

"ดี"

หลี่เหล่ยยิ้มและพูดว่า "ถ้าท่านต้องการซื้อมันจริงๆ ข้าสามารถตัดสินใจในนามของเจ้านายของเราได้ นอกเหนือจากการให้ลูกธนูเหล็ก 20 ดอกแก่ท่านแล้ว ข้ายังให้เพิ่มอีก 20 ดอกพร้อมกับมอบลูกธนูเจาะเกราะระดับกลางแก่ท่านอีกด้วย "

มีเสียงสูดอากาศอยู่รอบๆ

ลูกธนูเหล็กมี 40 ดอก ก็มีราคา 200 ถึง 300 หยวนใช่ไหม?

การนับลูกธนูเจาะเกราะด้วยก็น่าจะ 500 หยวนเป็นอย่างน้อย

คนฉลาดหลายคนเห็นว่านี่คือการขายของหลี่เล่ย และเขาต้องการเอาใจชายคนนี้

เรพาะท้ายที่สุดแล้วคนที่สามารถน้าวคันธนู 500 ปอนด์ได้จะเป็นคนธรรมดาๆได้อย่างไร? ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นนักรบขอบเขตการปรับแต่งกล้ามเนื้อ

"อืม"

เฉินฟานรู้สึกค่อนข้างดี ในความเป็นจริงเขาก่อนหน้านี้เขาก็รอขอไปอย่างนั้นแหละว่าจะได้หรือป่าว และเขาไม่คิดว่าจะได้ของแถมมากขนาดนี้

“ยังไงก็ตาม ท่านมีธนูเจาะเกราะขั้นสูงที่นี่ไหม?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่เล่ยก็แข็งค้างไม่ว่าเขาจะมารยาทดีแค่ไหนก็ตาม

ธนูเจาะเกราะขั้นสูงที่ใช้ฆ่าสัตว์อสูรระดับสูง!

เสมียนหญิงที่ตามมาข้างหลังทำให้หัวใจของเธอก็มาจุกที่คอทันที นายท่านคนนี้ เขามาที่นี่เพื่อเล่นกลกับคนอื่นๆงั้นหรือ?

ถ้าเขาแข็งแกร่งถึงขนาดต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับสูงได้เขาจะมาที่นี่ทำไม

"อย่าเข้าใจผิด"

เฉินฟานเหลือบมองเขา “ข้าแค่ถามถึงราคา ถ้าพวกท่านมีและอยู่ราคาเหมาะสม ข้าก็จะซื้อ"

นี้เป็นการการคิดไว้ล่วงหน้าเท่านั้น

จะเป็นอย่างไรหากวันหนึ่งเขาออกไปล่าสัตว์และพบกับสัตว์อสูรระดับสูง?

หลี่เล่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมรอยยิ้มแบบเดียวกันบนใบหน้าของเขา "ท่านจาง ข้าขอโทษจริงๆ เราขายเฉพาะลูกธนูเจาะเกราะขั้นกลางเท่านั้น และลูกธนูเจาะเกราะขั้นสูงที่นี่ พวกมันมีราคาแพงมากและไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหามาได้ ถ้าท่านจางต้องการจริงๆเราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอย่างจริงจังได้”

“อย่างนั้นหรือ งั้นก็ไม่เป็นไร ไว้เราค่อยคุยกันทีหลังก็ได้”

เฉินฟานลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับไป

อีกฝ่ายน่าจะมีและต้องการสามารถขายให้เขาในราคาที่ค่อนข้างถูกแต่ต้องมีเงื่อนไขอื่นด้วย

สิ่งที่แก้ได้ด้วยเงินมันก็จะง่ายๆ และเรียบๆ แต่ถ้ามีเงื่อนไขพ่วงเข้ามามันก็ยากที่จะจัดการแล้ว

เขาไม่อยากทำงานให้คนอื่น เผื่อมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีก

เพราะในนิยายก็เขียนพล็อตเรื่องแบบนั้นบ่อยๆ

“เอาล่ะ ถ้าท่านจางเปลี่ยนใจเมื่อไร เขาก็สามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”

หลี่เล่ยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

แต่เขาเชื่อว่าอนาคตอีกยาวไกลและบางทีอีกฝ่ายอาจเปลี่ยนใจในวันใดวันหนึ่งก็ได้

“ท่านจาง ในเมื่อท่านซื้อไปแล้ว ให้คนของข้าแบกไปส่งไหม?”

“ไม่ต้องหรอก แค่มอบมันให้ข้า”

เฉินฟานส่ายหัว

"ตกลง"

หลี่เล่ยยิ้ม “นอกจากคันธนูแล้วท่านอยากจะซื้ออย่างอื่นไหม? ข้าเห็นว่าหอกในมือของท่านดูค่อนข้างธรรมดาไม่ใช่หรือ?”

"ถ้าอย่างนั้นก็ซื้ออันหนึ่ง"

คันธนูสองคันพร้อมหัวหอกที่ทำจากโลหะผสมดั้งเดิมอันดับแรก และซื้อลูกธนูเหล็กหลายสิบลูกซึ่งมีราคารวมประมาณ 5,000 หยวน

มากกว่า 10,000 หยวน เหลือน้อยกว่า 7,500 หยวนแล้วตอนนี้

เขาไม่ได้วางแผนที่จะซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมด้วยเงินจำนวนนี้ แต่เก็บส่วนหนึ่งไว้ก่อนและใช้ส่วนที่เหลือซื้อข้าวโลหิต

ด้วยธนูสองคันบนหลังของเขาทำให้ทุกคนมองจนสุดซอย และภายใต้สายตาที่ซับซ้อนของทุกคนที่อยู่เบื้องหลังเขา เฉินฟานก็เดินออกไปพร้อมกับหอก

"รวยจริงๆ"

“ใช่ คันธนูสองคันราคาสี่พันกว่า เห็นเขาใช้เงินอย่างไม่รู้สึกเสียดายเลย ไม่รู้ว่าเขามาจากไหน?”

“ทำไม ท่านยังอยากรู้ที่ซ่อนของคนอื่นอยู่แล้วไปสร้างปัญหาให้เขางั้นเหรอ?”

“ท่านพูดไร้สาระอะไร ข้าจะไปสร้างปัญหาให้เขางั้นเหรอ ข้าคงเบื่อหน่ายชีวิตมากมั่ง?”

เขาไม่ได้โง่ คนแบบนี้ที่กล้าเข้าเมืองโดยลำพังพร้อมเงินก้อนโตไม่สามารถถูกยั่วยุได้

“เต๋าน้อย คราวนี้เจ้าทำได้ดีมาก ค่าคอมมิชชันจะรวมอยู่ในเงินเดือนของเจ้าและจะจ่ายในต้นเดือนหน้านี้”

“ขอบคุณผู้จัดการ ขอบคุณผู้จัดการ”

ผู้หญิงคนนั้นตื่นเต้นเกินไป

“ถ้าเขาปรากฏตัวอีกครั้งในครั้งต่อไป อย่าลืมแจ้งให้ข้าทราบทันที แล้วข้าจะมาต้อนรับเขาเป็นการส่วนตัว”

หลี่เล่ยมองไปที่ผู้หญิงคนอื่น ๆ “พวกเจ้าก็เหมือนกัน เข้าใจไหม?”

“การมีเงินนี่มันให้ความรู้สึกแตกต่างจริงๆ”

ระหว่างทางไปร้านขายธัญพืช เฉินฟานไม่สามารถหัวเราะหรือร้องไห้ได้

ครั้งสุดท้ายนั้นเขาใช้เงินไม่ถึงหนึ่งพัน เสมียนก็ให้ความเคารพเขาอย่างมาก แต่เขาไม่สามารถพบกับผู้จัดการได้

ครั้งนี้ราคาสี่ถึงห้าพันหยวน และแม้แต่ผู้จัดการก็มาด้วยทัศนคติที่เป็นมิตร และทำการชักจูงเขาทุกรูปแบบ

หากเขาซื้อเป็นหมื่น คาดว่าเจ้าของร้านอาจจะปรากฏตัวออกมาก็เป็นได้

“อย่างไรก็ตาม ร้านขายอาวุธในซ่งเจียเป่าดูเหมือนจะไม่มีของมีค่ามากนัก”

เขาบ่นออกมา

คันธนูแรงน้าว 500 ปอนด์ก็ไม่ค่อยมีมากนัก

ลูกธนูเจาะเกราะขั้นสูงก็ถือว่าธรรมดา

คาดว่าไม่มีอาวุธที่ทำจากโลหะผสมดั้งเดิมอันดับสองอย่างแน่นอน

หากเขาต้องการซื้ออาวุธที่ทรงพลังมากขึ้น เขาตอ้งไปที่อื่นหรือเมืองอันซานเท่านั้น

ก่อนที่จะไปร้านขายธัญพืช เขาก็ซื้อของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น กระดาษชำระ เจลอาบน้ำ และอื่นๆ

ร้านขายธัญพืช

เช่นเดียวกับครั้งสุดท้ายที่เขามา มีชายร่างใหญ่สองสามคนถือปืนและกระสุนจริงยืนอยู่ที่ประตู พวกเขาต่างเชิดหน้าขึ้นสูงดูหยิ่งผยอง

เมื่อพวกเขาเห็นเฉินฟานมา พวกเขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นดวงตาที่มีความเคารพก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกเขา และพวกเขาก็พยักหน้าและยิ้มให้เฉินฟาน

แม้แต่เสมียนที่อ่านหนังสืออยู่หลังเคาน์เตอร์ก็มีทัศนคติที่สุภาพมากกว่าและทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม

“นายท่าน ท่านนี้ต้องการอะไร ข้าว เกลือ แม้แต่ผลชูรสและซีอิ๊วหลายรสชาติที่นี่เราก็มี”

ขณะที่เขาพูด สายตาของเขาตกลงไปที่คันธนูทั้งสองที่เฉินฟานถืออยู่

ถ้าเขาเดาไม่ผิด นี่คือคันธนูที่มีแรงน้าวถึง 500 ปอสด์ไม่ใช่หรือ?

คนๆนี้แข็งแกร่งมาก!

เฉินฟานพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก "ข้าวโลหิตราคาส่อสิบหยวนร้อยปอนด์, ข้าวโลหิตราคาสามหยวนห้าสิบปอนด์, เกลือ, ผงชูรสและซีอิ๊วมาให้ข้า"

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากซื้อเพิ่ม แต่เขากังวลว่าจะไม่สามารถนำกลับไปได้ทั้งหมด

ด้วยน้ำหนักแมวประมาณ 200-300 ปอนด์ เขาสามารถเดินได้ราวกับบินอยู่บนไหล่เขา แต่ถ้าเป็น 400-500 ปอนด์ เขาไม่สามารถถืออาวุธได้แล้ว

เขายังเดินทางอีกไกลและยังมีสิ่งของที่ดึงดูดสายตาผู้คนอีกด้วย

ได้ยินอย่างนี้ดวงตาของเสมียนเป็นประกายทันที

แน่นอนว่าเขาคิดว่าเฉินฟานเป็นปรมาจารย์ที่ไม่ขาดเงิน

“ท่านมาที่นี่คนเดียวเหรอ?” เขายิ้มและพูดว่า "มันยากที่จะขนของมากมายเช่นนี้กลับไป ท่านอาศัยอยู่ที่ไหน ข้าจะให้คนมาขับรถไปส่งท่านเอง"

เฉินฟานส่ายหัว "ข้าไม่ได้มาจากซ่งเจียเป่า"

"ไม่ได้มาจากซ่งเจียเป่า"

เสมียนสะดุ้ง และคนข้างนอกก็มองไปที่เฉินฟานด้วยสายตาที่แปลกประหลาด

เป็นไปได้ไหมที่เขาเป็นคนจากหมู่บ้านเล็กๆ ภายนอกเหล่านั้น?

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มแล้วพูดว่า

“นายท่าน ถ้าท่านมาจากหมู่บ้านข้างนอก เราก็สามารถไปส่งได้เช่นกัน”

เฉินฟานมองเขาด้วยความประหลาดใจ "ท่านแน่ใจเหรอ?"

“ฮิฮิ นั่นคือสิ่งที่เราควรทำสำหรับลูกค้าเช่นท่าน” เสมียนพูดด้วยรอยยิ้ม “มันแค่เปลืองน้ำมันที่ต้องกลับไปกลับมาเท่านั้นแหล่ะครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเถอะ”

ข้าวโลหิตหนึ่งร้อยปอนด์มูลค่าสิบหยวนเป็นราคา 1,000 หยวน

ถ้ารวมเกลือและสิ่งที่คล้ายกันก็จะประมาณ 2,000 หยวน

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว น้ำมันเบนซิน 1 ลิตรมีราคาเพียง 20 ถึง 30 หยวน และวิ่งได้ไกลกว่า 10 กิโลเมตร!

เฉินฟานไม่คาดคิดเลยจริงๆ

เงินสามารถเปลี่ยนคนให้กลายเป็นโม้แป้งได้จริงๆหรือ?

"อะแฮ่ม"

ในขณะนั่นเองเสมียนไอออกมาเบา ๆ แล้วพูดว่า "แต่ก่อนอื่นนายท่านต้องทิ้งข้อมูลประจำตัวและเงินมัดจำไว้ในฐานะแขก นี่เป็นเพื่อความปลอดภัยส่วนบุคคลและทรัพย์สินในร้านเท่านั้น ท่านไม่ต้องกังวลเพราะว่ามาครั้งต่อไปเงินมัดจำจะคืนเต็มจำนวน”

"อืม.."

เฉินฟานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเข้าใจ

ท้ายที่สุดถือว่ากฏหมายและระเบียบในซ่งเจี่ยเป่าไม่สามารถใช้กับข้างนอกได้

"ถ้างั้นเอาเป็นครั้งหน้าก็แล้วกัน"

เขายังคงละทิ้งความคิดที่จะเปิดเผยข้อมูลของตัวเองเพื่อความสะดวก

"ไม่เป็นไรครับ"

เมื่อเห็นเช่นนี้ เสมียนก็ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีก

ในไม่ช้า ข้าวโลหิตทั้งสองชนิดก็ถูกบรรจุแยกกัน พร้อมด้วยเกลือ ผงซูรส ซีอิ๊ว และเครื่องปรุงรสอื่น ๆ หลายสิบชนิด แล้วใส่ลงในถุงที่แข็งแรง

"นายท่านโปรดกลับมาที่นี่บ่อยๆ"

เสมียนมองดูเฉินฟานจากไปด้วยรอยยิ้ม

“ช่างเป็นคนที่กล้าหาญจริงๆ”

ยามมองดูแผ่นหลังของเฉินฟานแล้วพูดด้วยอารมณ์ซับซ้อน

“ใช่ ด้วยความแข็งแกร่งในการยกน้ำหนัก 300 ปอนด์ด้วยมือเดียว ข้าเกรงว่าเขาจะอยู่ในขั้นที่ 3 ของขอบเขตการชำระล้างร่างกาย?”

“บางทีอาจเป็นนักรบในขอบเขตการปรับแต่งกล้ามเนื้อ ไม่อย่างนั้นเขาจะกล้ามาที่นี่คนเดียวงั้นเหรอ?”

“ถูกต้อง ข้าบอกชัดเจนได้ว่าเขาไม่กลัวโลภของคนอื่น ช่างเป็นชายที่แข็งแกร่งและกล้าหาญอย่างมากจริงๆ”

เฉินฟานคอยให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลังเขาอยู่เสมอ เพราะกลัวว่าจะถูกซุ่มโจมตี แม้ว่าความเป็นไปได้นี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เป็นเพียงการระมัดระวังตัวไว้เท่านั้น

เมื่อเดินบนถนน เขาก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วนทันที

บางคนตกใจ บางคนอิจฉา บางคนทึ่ง บางคนกลอกตาไปมา และพวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อเฉินฟานกวาดสายตามาพวกเขาทั้งหมดก็ก้มหัวลง

ระหว่างเดินทางกลับนั้น ความตึงเครียดในใจของเฉินฟานก็เริ่มมากขึ้นเล็กน้อย เขามองไปรอบทิศทางและฟังทุกทิศทางโดยไม่ปล่อยลมและหญ้ารอบตัวเขา

จนกระทั่งเขาเดินไปได้หนึ่งหรือสองกิโลเมตร โดยทิ้งซ่งเจียเป่าไว้ข้างหลัง เฉินฟานก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย วางสัมภาระบนไหล่ของเขาแล้วหันหลังกลับไปมอง

มีร่างที่แอบอยู่หลายร่างที่อยู่ข้างหลังเขาและกำลังมองดูที่นี่

ทันใดนั้นเมื่อเห็นเฉินฟานมองดู พวกเขาก็สะดุ้งและหลังจากกระซิบแล้ว พวกเขาก็หันหลังและหลบหนีกลับไป

เฉินฟานแค้นเสียงอย่างเย็นชา คนกลุ่มนี้ไม่กล้าเคลื่อนไหวหลังจากติดตามเขามานาน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ใช่คนกล้าหาญ

คราวนี้ข้าจะปล่อยไปก่อน ถ้าครั้งหน้าตามมาอีกก็อย่าคิดจะจากไปได้ก็แล้วกัน

หลังจากพักผ่อนได้สักพักเขาก็ขนของไปต่อ

และหยุดเป็นระยะเพื่อตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบ

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดหมู่บ้านตระกูลเฉินก็ปรากฏให้เห็นในที่สุด

เขาหายใจออกยาวและเร่งฝีเท้าเพื่อก้าวไปข้างหน้า

เมื่อเขามาถึงเขาพบว่ามีคนจำนวนมากรออยู่ที่ประตูแล้ว

มีพ่อ แม่ น้องชาย ลุงจาง กู่เซ่อ หวังปิง และแม้แต่เหมิงหยู่ด้วย

และเมื่อเห็นเขาทุกคนดูโล่งใจเป็นอย่างมาก