ตอนที่ 22 - บทที่ 22 ความเป็นมาของลุงจาง

บทที่ 22 ความเป็นมาของลุงจาง

“เจ้าต้องการเรียนมวยไท่จี้งั้นเหรอ?”

เฉินกัวตงเพิ่งนั่งลง เมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาของเขาก็แสดงความประหลาดใจออกมา

"ใช่"

เฉินฟานพยักหน้าและอธิบาย "ข้าได้ยินมาว่าการฝึกไท่จี้สามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงได้ ข้าอยากจะใช้สิ่งนี้เพื่อปรับปรุงความแข็งแกร่งของข้า เพื่อที่ข้าจะได้สามารถชักคันธนูที่มีแรงน้าวมากขึ้นได้"

ต้องบอกว่าเขาเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าไท่จี้ฉวนหรือมวยไท่จี้นี้สามารถปรับปรุงคุณสมบัติของเขาได้

เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่การยิงธนูขั้นพื้นฐานก็สามารถปรับปรุงคุณสมบัติความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาได้ เนื่องจากมวยไท่จี้เป็นที่รู้จักกันดีในชาติก่อน เป็นไปไม่ได้ที่มวยไท่จี้จะไม่สามารถปรับปรุงคุณสมบัติของเขาได้

"ข้าเข้าใจแล้ว"

ดวงตาของเฉินกัวตงแสดงการเห็นด้วยอย่างชัดเจน จากนั้นเขาก็พยายามใช้ความคิดและพูดว่า "ดูเหมือนจะไม่มีใครในหมู่บ้านที่รู้เรื่องมวยไท่จี้นี้"

“ไม่มีเลยงั้นหรือ?”

เฉินฟานอดไม่ได้ที่จะผิดหวังเล็กน้อย

เฉินกัวตงเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะปลอบเขาว่า "อาจจะมี แต่เราหาเขาไม่พบ และถ้าข้าถามตรงๆบางทีพวกเขาอาจปฏิเสธ..."

เสียงนั้นหยุดกะทันหัน และทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง “บางทีลุงจางของเจ้าอาจจะรู้จักมวยไท่จี้ก็เป็นได้?”

เฉินฟานสะดุ้ง

หรือว่ามันจะเป็นเรื่องจริง? เนื่องจากเขาสามารถสอนคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านถึงวิธีฝึกหอกและวิธีการยิงหน้าไม้ได้ เขาจึงต้องมีพื้นฐานด้านศิลปะการต่อสู้อยู่บ้าง หากเขามีพื้นฐานด้านศิลปะการต่อสู้ ก็เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะไม่เข้าใจศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมอย่างมวยไท่จี้

“ข้าจำได้” ในขณะนั้นเฉินกัวตงก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ไม่นานหลังจากที่ลุงจางของเจ้ามาที่หมู่บ้าน เขาพยายามสอนพวกเราถึงวิธีเสริมสร้างร่างกายของเรา แต่ทุกคนกลับหิวมากจนยุ่งวุ่นวายกับการหาอาหาร ทำคอกม้า และออกไปล่าสัตว์ พวกเราจะมีกะจิตกะใจที่จะฝึกฝนต่อไปได้อย่างไร และตอนนั้นดูเหมือนฝึกไปก็ไม่ได้อะไร”

“เป็นเช่นนั้นเหรอ? มันคงจะดีถ้าลุงจางรู้จัก”

เฉินฟานรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง

“ใช่แล้ว ตอนนั้นตอนที่พี่น้องแซ่เว่ยยังอยู่ในหมู่บ้าน พวกเขามักจะมาเยี่ยมเขาบ่อยๆ พวกเขาอาจจะขอคำแนะนำจากเขาก็เป็นได้!” เฉินกัวตงตกอยู่ในความทรงจำ “พี่น้องแซ่เว่ยก็เหมือนกับเจ้า พวกเขาสามารถใช้ธนูหกสิบปอนด์ได้ในตอนแรก หลังจากฝึกฝนอย่างหนักมาประมาณสองหรือสามปี คันธนูที่พวกเขาใช้ก็กลายเป็นแปดสิบปอนด์ และกลายเป็นหนึ่งร้อยปอนด์ในที่สุด สันนิษฐานว่ามันเป็นผลจากการที่พวกเขาได้ศิลปะการต่อสู้ก็เป็นได้”

“ข้าได้ยินมาว่าก่อนที่พี่น้องแซ่เว่ยจะจากไป พวกเขาก็เข้ามาหาลุงจางของเจ้า และดูเหมือนจะต้องการพาเขาไปด้วย แต่พวกเขาถูกปฏิเสธไป”

เฉินฟานสูดหายใจเข้าลึกๆ และไม่น่าแปลกใจที่เขาได้ยินลุงจางพูดถึงเมื่อสองวันก่อนว่าพี่น้องแซ่เว่ยอาจจะไม่อยู่ในหมู่บ้านได้ไม่นาน

ทุกสิ่งสามารถเชื่อมโยงกันได้แล้ว

จากมุมมองนี้ ลุงจางคนนี้เป็นคนที่น่าทึ่งจริงๆ หากขาของเขาไม่พิการเขาก็ต้องเป็นกำลังหลักในทีมล่าอย่างแน่นอน

“พ่อครับ ลุงจางคนนี้คือใคร แล้วเขามาอยู่ในหมู่บ้านได้ยังไง?” เขาถามอย่างสงสัย

"นี้…"

เฉินกัวตงแสดงความเขินอาย “จริงๆ แล้วเขาไม่ได้มาจากหมู่บ้านของเรา”

"อา..แล้วเขามาจากไหน?"

“เรื่องต่างๆ ต้องเริ่มต้นเมื่อสามปีที่แล้ว ในเวลานั้นระหว่างทางกลับจากการล่าสัตว์กับลุงหลิวและพี่น้องแซ่เว่ย เราได้พบกับชายคนหนึ่งที่ตัวเต็มไปด้วยเลือดนอนอยู่บนพื้นหญ้า เลือดดึงดูดหมาป่าคลั่งสองสามตัว พวกมันเฝ้าดูเขาอย่างหิวกระหายอยู่ไม่ไกล

ตอนนั้นพวกเราก็นึกว่าตายไปแล้ว แต่ลุงหลิวของเจ้าวิ่งไปตรวจดูแล้วพบว่ายังหายใจอยู่จึงอุ้มกลับมาด้วย แต่ร่างกายของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ และเขายังสามารถอยู่รอดได้หลังจากได้รับบาดเจ็บจากบาดแผลกระสุนปืนหนักขนาดนั้นได้.. "

“บาดแผลจากกระสุนปืนงั้นเหรอ!”

เฉินฟานอุทานออกมา

"ใช่ อย่างแน่นอน"

เฉินกัวตงงแสดงความกลัวในดวงตาของเขาเช่นกันและพูดว่า "ข้าไม่เคยเห็นคนที่มีกระสุนมากกว่าสิบนัดอยู่บนร่างกายของเขาแล้วรอดชีวิตได้เลย เพราะเหตุการณ์นี้ทุกคนจึงไม่เห็นด้วยที่จะทิ้งคนๆนี้ไว้ข้างหลัง"

"แล้วหลังจากนั้นล่ะ" เฉินฟานกล่าวขึ้น

เฉินกัวตงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกมาว่า "จากนั้นในเมื่อข้าเป็นคนช่วยชีวิตเขาไว้ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถโยนเขาออกไปได้อีก ตอนนั้นเขานอนอยู่ข้างถนนและไม่มีใครเห็นว่าใครมาช่วยเขา ข้าจึงตัดสินใจและนำเขามารักษาภายในหมู่บ้าน

โชคดีที่เขารอดชีวิตได้จริงๆ หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็อยู่ในภายในหมู่บ้านนี้ ตอนแรกเรายังคงระวังเขาอยู่เป็นเวลานาน แต่ทุกวันนี้กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นคนที่น่าเชื่อถืออย่างมากจริงๆ "

"อืม"

เฉินฟานก็พยักหน้าเช่นกัน

เขายังเข้าใจด้วยว่าทำไมพี่น้องแซ่เว่ยจึงต้องการที่จะพาลุงจางไปด้วย

แม้ว่ารูปแบบการบริหารงานของพ่อและบุคลิกของเขาไม่สามารถรักษาคนที่ทะเยอทะยานและมีความสามารถได้ แต่ข้อดีก็คือจะมีกลุ่มคนจำนวนมากอยู่รอบๆตัวเขา และมีทั้งคนอ่อนแอและแข็งแกร่งปะปนกันอยู่

“พวกท่านกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? ตอนนี้เป็นเวลาทานข้าวพักเรื่องงานก่อน?”

มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น และเธอก็วางเนื้อกระต่ายที่ปรุงสุกแล้วลงบนโต๊ะ อาหารก็ไม่ได้ทำแบบพิเศษมากนัก แค่โรยด้วยเกลือเป็นเครื่องปรุงเท่านั้น แต่เนื้อกลับมีกลิ่นหอมและชวนน้ำลายสออย่างมาก

"กินข้าวกันก่อนเถอะ"

เฉินกัวตงยิ้มและพูดว่า "เสี่ยวฟาน คราวนี้ต้องขอบคุณเจ้า งั้นเจ้าก็กินให้อิ่มเถอะ"

เฉินฟานหัวเราะเบา ๆ และไม่รีบกิน เขาหยิบเนื้อหลายชิ้นมาใส่ในชามของน้องชาย ที่กำลังน้ำลายไหลเหมือนน้ำตก

“ว้าว ขอบคุณนะพี่ชาย”

เฉินเฉินตะโกนออกมาอย่างมีความสุข

เฉินกัวตงและภรรยาต่างก็ยิ้มอย่างเต็มที่เมื่อเห็นฉากนี้

เฉินฟานหยิบเนื้อกระต่ายขึ้นมาแล้วใส่เข้าไปในปากของเขา และเคี้ยวอย่างระมัดระวัง

แม้ว่าเขาจะแทบรอไม่ไหวที่จะเพิ่มแต้มค่าสถานะของเขาด้วยการกินเนื้อสัตว์ แต่ยังไงซ่ะกระบวนการกินเนื้อสัตว์นั้นเป็นความสุขอย่างหนึ่ง

หลังจากกลืนเนื้อที่หั่นเป็นชิ้นแล้ว ข้อมูลชิ้นหนึ่งก็เข้ามาในใจ

"แต้มค่าสถานะ +0.1"

เช่นเดียวกับที่เวลาผ่านไปทีละน้อย เฉินฟานกินเนื้อไปหลายชิ้นก่อนที่เขาจะรู้สึกใกล้จะอิ่มแล้ว

“พ่อครับแม่ครับ ข้าอิ่มแล้ว”

เขาวางตะเกียบลงแล้วตบท้องอย่างพึงพอใจ

ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่านี่ควรเป็นเวลาที่น่าพอใจที่สุดที่เขาได้ยินอย่างจุใจเช่นนี้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

ส่วนสาเหตุที่เขาไม่กินจนอิ่มนั้นเป็นเพราะพ่อแม่ไม่ได้ขยับตะเกียบเลย

“กินแค่นี้เองเหรอ?” หญิงสาวยิ้มและหรี่ตา “ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง กินมากกว่านี้หน่อย”

“ใช่ เรื่องฝึกฝนเอาไว้ทีหลัง หากไม่มีกำลังก็ไม่สามารถฝึกฝนได้นะ”

“ข้าอิ่มแล้วจริงๆ” เฉินฟานหัวเราะเบา ๆ “ข้าจะไปหาลุงจางสักหน่อย”

หลังจากพูดเขาก็หายไปในพริบตา

“เด็กคนนี้ดูเหมือนจะมีไหวพริบและรู้ความมากขึ้นทุกที” ผู้หญิงคนนั้นถอนหายใจ

"ใช่ เด็กหนุ่มได้เติมโตแล้ว"

เฉินกัวตงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

เฉินฟานเดินบนถนนลูกรังที่ทอดไปสู่โกดังและมองไปที่แผงคุณสมบัติ

แต้มค่าสถานะ: 5.6 (1 คะแนน/1 วัน)

ถูกต้อง เขามีแต้มค่าสถานะมากมายที่เพียงพอสำหรับการเพิ่มระดับของเขาอีกครั้ง

แต่เขาไม่รีบเร่งที่จะทำการเพิ่มระดับมัน

หลังทานอาหารแล้วตอนนี้เขาเต็มไปด้วยพลังงานอย่างมาก และเป็นการเสียโอกาสที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งขึ้นมาอีกทันที เพราะการฝึกฝนในขณะที่อ่อนแอย่อมได้ผลกว่าฝึกฝนหลังจากแข็งแกร่งแล้ว

อีกอย่างหนึ่ง เขาคิดที่จะเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของเขาหลังจากที่เขาเเหนื่อยล้าจากการฝึกลูกธนูแล้ว เพราะคุณสมบัติเสริมจากการเพิ่มระดับคือฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและความเหนื่อยล้าทั้งหมดในทันที

และแน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดจะฝึกฝนแค่การฝึกยิงธนูเท่านั้น

เมื่อเขารีบไปที่พื้นที่โล่งหน้าโกดัง คนหนุ่มสาวที่ฝึกอยู่นั้นก็มาตอนรับเขาทันที

หวังปิงและคนอื่นๆ ล้อมรอบเขาอย่างตื่นเต้นและพากันพูดออกมาว่า

“พี่ฟาน ท่านช่างยอดเยี่ยมจริงๆ! ข้าได้ยินมาว่าท่านสามารถยิงเหยื่อได้ในครั้งแรก! ท่านช่างแข็งแกร่งจริงๆ!”

“ข้ารู้อยู่แล้ว ว่าทักษะการยิงธนูของท่านดีมาก ท่านจะเปล่งประกายเมื่อออกไปล่าในป่าอย่างแน่นอน!”

“พี่ฟาน ท่านเป็นไอดอลของข้า! กรุณาพาน้อยชายเช่นข้าไปด้วย”

“พี่ฟาน ถ้าข้าเป็นผู้หญิง ข้าจะให้กำเนิดลูกของท่านอย่างแน่นอน!”

"เอาล่ะๆ ข้าแค่โชคดีเท่านั้น"

เฉินฟานเกือบจะพ่นอาหารที่เขาเพิ่งกินออกไป เขาจึงเปลี่ยนเรื่องโดยถามออกไปว่า "ลุงจางอยู่ที่ไหน?"