"ไปกันเถอะ พวกเรารีบไปกัน"
เช้าวันรุ่งขึ้น
ในไม่ช้า หลิน ยู มากอร์น และเหล่าคนแคระก็ได้มายังประตูมิติแห่งอาณาจักรลับ
นี้เป็นครั้งแรกที่ หลิน ยู นำคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเขาผ่านประตูมิติแห่งอาณาจักรลับ
อย่างไรก็ตาม เขาได้สอบถามเกี่ยวเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อวาน ฟังก์ชั่นเทเลพอร์ตสามารถให้ผู้อื่นใช้ได้ตราบใดที่ราชันเป็นคนอนุญาติ
ในไม่ช้าพวกเขาก็เข้าไปในประตูมิติหายไปทีละคน
หวืดด!
เกิดเป็นแสดงสว่างวาบ
พวกเขาได้มาถึงเกาะลอยฟ้าแล้ว
มันยังคงเหมือนเดิม
มันเป็นช่วงเช้า ทำไมให้มีคนจำนวนไม่มากนักบนเกาะลอยฟ้า เมืองศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ด้านล่าง เสียงตโกนประกาศต่างๆดังออกมาไม่หยุด
บนท้องฟ้ามีทหารบินผ่านไปมาอย่างไม่ขาดสาย พวกเขามุ่งหน้ามายังเกาะลอยฟ้าจากทุกทิศทาง
"ดูเหมือนที่นี้จะเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ?"
มากอร์น มองไปยังรอบๆอย่างอยากรู้อยากเห็น
ตั้งแต่เขาเกิดมา ตัวเขานั้นเคยอยู่แต่อาณาจักรเทียนหยาน เมื่อเขาได้เห็นภาพอันน่าตกตะลึงนี้ เขาก็ถูกตรึงเข้ากับที่ทันที
"เจ้าเคยบอกมาว่าก่อนว่าเจ้านั้นรู้จัก ป่าวิญญาณ และทำไมเจ้าถึงไม่รู้จักแดนศักดิ์สิทธิ์ละ" หลิน ยู ถามอย่างสงสัย
"ทั้งสองอย่างนั้นมันแตกต่างกัน" มากอร์นเหลือบมองเขา "ข้านั้นไม่เคยที่นี้ ข้าฟังมาจากผู้อาวุโสในเผ่าพูดเรื่องนี้ไม่ได้หรือ"
"ข้าก็คิดว่าเจ้าเคยอยู่ที่นี้มาก่อน" หลิน ยู ยักไหล่ จากนั้นมองไปยังเลเซอร์ ที่อยู่ข้างๆเขา "เจ้าน่าจะรู้วิธีไปยังอาณาจักรเอลฟ์ใช่ไหม"
"ข้ารู้" เลเซอร์พยักหน้า "ข้าได้มายังแดนศักดิ์สิทธิ์บ่อยครั้ง เพื่อมารวบรวมวัสดุที่เหมาะ ข้าค่อนข้างคุ้นเคยกับพวกเขา มากับข้า"
ขณะที่เขาพูด เขาก็ได้นำกลุ่มไปยังแท่นเทเลพอร์ตที่อยู่ตรงชายขอบเพื่อตรงไปยังเมืองที่อยู่ด้านล่าง
กลุ่มที่แปลกประหลาดนี้ได้รับความสนใจจากเหล่าผู้คนที่อยู่บนทางเท้า ทำให้คนเหล่านั้นมองไปที่เขา
"นั้นมันคนแคระ! มีคนแคระอยู่ที่นี้จริงๆด้วย!"
"หืม? พวกเขาเป็นคนแคระจริงๆ แถมยังมีหลายคนอีกด้วย"
"มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงได้มีมนุษย์อยู่ท่ามกลางคนแคระเหล่านั้น"
"คนแคระไม่ชอบคลุกคลีกับเผ่าพันธุ์อื่นไม่ใช่หรือ?"
"คนๆนั้นเป็นใครกัน"
ผู้คนบนถนนต่างพูดคุยกันไปต่างๆนาๆ สายตาของพวกเขาจับจ้องไปยัง หลิน ยู ด้วยความสงสัย
มันไม่มีทางหลบสายตาพวกเขาพ้น
เขาสูงกว่า 1.8 เมตร ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าคนแคระ มันดูเด่นเกินไป ยากที่จะไม่สังเกตเห็น
เดิมที หลิน ยู ต้องการเรียก มังกรราชาปิศาจ เพื่อพามากอร์นและคนอื่นๆ ไปตามทางของเขา แต่พวกเขาดันบอกว่าต้องการหาซื้อวัสดุสำหรับสร้างอุปกรณ์ก่อนกลับ ดังนั้น หลิน ยู จึงต้องเดินกับพวกเขาก่อนระยะหนึ่ง
"นายน้อยหลิน?"
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นที่ด้านหลังของเขา
หลิน ยู หยุดลงชั่วขณะหันกลับมาด้วยความสับสน
เขาเห็น หลูเจิ้งซิง เจ้าของหอการค้า ชิงฟางเก่อ ปรากฏตัวอย่างช้าๆ เข้าโผล่หัวออกมาจากรถม้า
หลังจากที่ยืนยันแล้วว่าเป็น หลิน ยู ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายทันที "มันคือเจ้าจริงๆ นายน้อยหลิน ยู ข้าไม่คิดว่าจะได้พบกับเจ้าที่นี้"
หลูเจิ้งซิง ดูประหลาดใจเมื่อมองไปยังกลุ่มคนแคระที่อยู่ข้างๆหลิน ยู
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าได้เห็น เลเซอร์ ที่อยู่ข้างๆ หลิน ยู ดวงตาของเขาก็หรี่ลง
คนแคระเผ่าหอกทมิฬ
แถมยังเป็นถึงระดับ 9
ในฐานะผู้นำคนที่สามของตระกูล หลู อาจจะกล่าวได้ว่าเขาคุ้นเคยความลับต่างๆบนแผ่นดินใหญ่ได้เป็นอย่างดี เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ถึงพรสวรรค์ในการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวของคนแคระเผ่าหอกทมิฬ
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นระดับของ เลเซอร์
เขาก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้
นี้คือความตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวที่มีกำลังรบเทียบเท่ากับระดับ 10
"ออ คิดว่าใครพี่หลูนี้เอง"
หลิน ยู ไม่รู้ว่า หลูเจิ้งซิง กำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อเห็นเขาปรากฏตัวเขาก็หยุดลงทันที
"ข้ามาที่นี้กับเพื่อน 2 3 คนเพื่อหาซื้อวัสดุสำหรับสร้างอุปกรณ์หน่ะ"
เพื่อน?
หลูเจิ้งซิง ตกตะลึงในทันที
แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่า หลิน ยู นั้น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเหล่าคนแคระ แต่มันก็ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเมื่อเขาเห็นด้วยตาของตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงกลุ่มที่มีอาวุธครบมือ
นี้พวกเขาจะไปทำสงครามกันหรอ?
ยังไม่รวมของอื่นๆอีกมากมาย
ซื้อวัสดุงั้นเหรอ?
ทันใดนั้นดวงของ หลูเจิ้งซิง ก็เปล่งประกาย เขาก็พูดอย่างรวดเร็ว "หากนายน้อยหลิน ยู ไม่ว่าอะไรท่านสามารถมาที่ หอการค้าชิงฟางเก่อ ของขาเพื่อเลือกวัสดุได้เลย ตราบใดที่มันมีจำนวนไม่เกิน 10 รายการ ข้าสามารถขายมัน ให้ท่านได้ในราคาต่ำที่สุด"
นี้เป็นโอกาสอันดีที่จะได้สร้างความสัมพันธ์กับเหล่าคนแคระ
เขาจะพลาดโอกาสอย่างนี้ไปได้อย่างไรกัน รีบลงมารถม้าทันที
"หลิน ยู นั้นเพื่อนของเจ้างั้นเหรอ?"
มากอร์นที่อยู่ข้างๆ เขาถามออกมาอย่างสงสัย
ในเวลานี้ เขาไม่ได้ถือค้อนเทพสงครามไว้อยู่บนหลังของเขา
เพราะกลัวว่าสุดท้ายแล้วมันจะดูเด่นมากเกินไป
"ข้าลืมบอกไป เขาเป็นคนช่วยขายอุปกรณ์ที่เจ้าสร้างก่อนหน้านี้" หลิน ยู พูดด้วยเสียงที่มีเพียงเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน
ทันใดนั้นการแสดงออกของ มากอร์น ก็เปลี่ยนไปเขามองไปยัง หลูเจิ้งซิง
"ถ้าอย่างนั้น เลเซอร์ พวกเราไปซื้อวัสดุจากเขากันเถอะ ดีกว่าเสียเวลาเดินทางตามท้องถนน"
"ก็ได้ เอาตามที่เจ้าว่ามาก็แล้วกัน" เลเซอร์ พยักหน้า
แม้ว่า มากอร์น จะยังไม่ได้ที่เป็นราชาแห่งอาณาจักรคนแคระอย่างเป็นทางการ แต่เขาก็ได้สร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าคนแคระได้สำเร็จ
ดังนั้น เลเซอร์ จึงเชื่อฟังคำพูดของเขา มันมีแม้แต่ความเคารพในคำพูดของเขา
จากปฏิกิริยานี้ได้ตกอยู่ในสายตาของ หลูเจิ้งซิง เช่นกัน ทำให้เขาตกตะลึงมากขึ้นกว่าเดิน
ถึงกับสามารถทำให้คนแคระเผ่าหอกทมิฬเชื่อฟังได้ คนแคระคนนี้มีที่มาอย่างไรกัน?
หรือว่าจะเป็นบุคคลระดับสูงของเผ่าคนแคระ?
ด้วยการที่สามารถมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดขนาดนี้ ตัวตนของ หลิน ยู มันยิ่งกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ซะอีก
เขาไม่กล้าคิดมาก รีบเชิญทุกคนทันที "ทุกคน โปรดตามข้าขึ้นรถม้าเถอะ ข้าเตรียมรถม้ามาอีก 2 3 คัน นี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหลบซ่อนจากสายตาของผู้คน"
ประโยคสุดท้ายของ หลูเจิ้งซิง พูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา
"ถ้าอย่างนั้นเอาตามที่พี่หลูว่ามาก็แล้วกัน"
หลิน ยู ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาส่งสัญญาณให้ มากอร์นและคนอื่นๆขึ้นไปบนรถม้าพร้อมกับ หลูเจิ้งซิง
จนถึงตอนนี้ในที่สุดคนรอบหน้าก็มีปฏิกิริยา พวกเขามองดูด้วยความประหลาดใจ
"นั้นน่าจะเป็น ... หลูเจิ้งซิง เจ้าของหอการค้า ชิงฟางเก่อ ใช่ไหม?"
"หลูเจิ้งซิง? ชายผู้โด่งดังในเมืองศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้?"
"มันคือเขาจริงๆ! ข้าเคยเห็นเขาครั้งหนึ่งที่หอประมูลชิงฟางเก่อ ก่อนหน้านี้"
"ข้าเคยได้ยินมาว่า หอการค้าชิงฟางเก่อ มีความสัมพันธ์กับเหล่าคนแคระ แต่ข้าไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง"
"ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครกัน แม้แต่ หลูเจิ้งซิง ก็ยังต้องเคารพเขา"
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างพูดคุยกัน มองไปยังหลิน ยู และคนที่อื่นๆที่ได้รับการต้อนรับจาก หลูเจิ้งซิง บนรถม้า
พวกเขาคาดเดากันไปต่างๆนาๆเกี่ยวกับตัวตนของหลิน ยู
แต่น่าเสียดาย
หลูเจิ้งซิง ไม่ได้เปิดโอกาสให้พวกเขาแม้แต่น้อย หลังจากที่ขึ้นรถม้า เขาก็รีบดึงผ่านม่านลงมา
นี้คือเรื่องราวทั้งหมด
หลิน ยู และพวกเขาของนั่งรถม้าผ่านถนนไปอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปยังหอการค้าชิงฟางเก่อ
จากนั้นภายใต้การจ้องมองอย่างประหลาดใจของทุกคนในร้าน หลูเจิ้งซิง ก็ต้อนรับพวกเขาเป็นการส่วนตัว ที่ห้องโถงด้านในและเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการซื้อขายวัสดุ
เพียงไม่เกินครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็ออกจากร้านไปทางประตูหลังมายังถนนที่ลับตา
"นายน้อยหลิน มันไม่สะดวกที่ข้าจะส่งพวกเจ้าไปยังประตูด้านหน้าเพราะมีคนเฝ้ามองอยู่จำนวนมากเกินไป"
ที่ด้านนอกประตู หลูเจิ้งซิง พูดกับ หลิน ยู และกลุ่มคนแคระข้างๆเขา
"แต่ถ้าหากเจ้าต้องการไปยังป่าวิญญาณ เจ้าสามารถเทเลพอร์ตไปยังที่นั้นได้ผ่านแท่นเทเลพอร์จของจักรวรรดิ มันน่าจะช่วยประหยัดเวลาได้มากทีเดียว"
เขาชี้นิ้วไปยัง หนึ่งในสามของดาบยักษ์ที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากในระยะไกล
หลิน ยู งุนงง "มีแท่นเทเลพอร์ตที่สามารถเทเลพอร์ตไปยังอาณาจักรเอลฟ์ได้ด้วยงั้นเหรอ?"
นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจออกมาเล็กน้อย
เขามักคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ของตกแต่งที่ใช้กำหนดทิศทางของจักรวรรดิทั้ง 3 เพื่อไม่ให้ผู้คนหลงทางเท่านั้น
เพราะแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้มันกว้างใหญ่เกินไป
เขาไม่ได้คิดว่ามันจะมีประโยชน์อย่างอื่น
"ใช่แล้ว"
ในขณะนั้นเอง เลเซอร์ ที่อยู่ข้างๆ ก็ชำเลืองมองเขา
"อาณาจักรเอลฟ์นั้นกว้างใหญ่มาก หากไม่มีแท่นเทเลพอร์ต ไม่รู้ว่าพวกเราต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะกลับถึง"
"กลายเป็นว่าคนๆนี้รู้ด้วย ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เลวเลยทีเดียว"
หลูเจิ้งซิง ยิ้มออกมา อดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง เลเซอร์
"เอาละ รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน"
เสียงร้อนใจของ มากอร์น ดังออกมาจากด้านข้าง
เมื่อเทียบกับแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พลุกพล่าน ตัวเขาชอบความสันโดษในภูเขาเมืองหวงซามากกว่า เขาไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี้นานนัก
"พี่หลู พวกเราไปก่อนนะ"
หลังจากบอกลา หลูเจิ้งซิง แล้ว หลิน ยู ก็เรียก มังกรราชาปิศาจ และ มังกรสนมปิศาจออกมา
ช่วงนี้ตัวเขานั้นอารมณ์ดี
เนื่องจาก หลูเจิ้งซิง ได้บอกเขาก่อนหน้านี้ ว่ามีวัตถุศักดิ์สิทธิ์กองทัพระดับ SSS โผล่ขึ้นมาในตลาดจำนวนมาก เขาได้ติดต่อผู้ขายเหล่านั้นเตรียมซื้อสิ่งเหล่านี้
เมื่อเขากลับมาจากอาณาจักรเอลฟ์ เขาน่าจะได้รับมัน
ต้องบอกก่อนว่า
คนขายเหล่านี้ค่อนข้างฉลาดจริงๆ
เรื่องจากราคาของวัตถุศักดิ์สิทธิ์กองทัพระดับ SSS 1 ชิ้น มันสามารถแลกวัตถุศักดิ์สิทธิ์กองทัพระดับ A ได้ถึง 5 หรือ 6 ชิ้น หรือแม้แต่วัตถุศักดิ์สิทธิ์กองทัพระดับ S
การมีมันเป็นจำนวนมากๆต้องแข็งแกร่งกว่าสมบัติเพียงชิ้นเดียวอย่างแน่นอน
แน่นอนว่า ยกเว้นผู้ที่มองหาสมบัติที่มีทรงพลังแบบเขา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลิน ยู ก็โบกมือ เหล่ามังกรของเขาก็เริ่มออกบินไปในทันที มุ่งหน้าไปยังดาบยักษ์ที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
ไม่นานพวกเขาก็หายลับไปในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
แต่พวกเขานั้นไม่สังเกต
ที่มุมๆหนึ่งในระยะไกล มีร่างๆหนึ่งเฝ้ามองพวกเขาอย่างเงียบๆ
เมื่อพวกเขามุ่งหน้าไกลออกไป เข้าก็หันหลังจากไป
มุ่งหน้าไปยังทิศทางของหอการค้า ว่านเป่าโหลว
"เจ้าพูดว่าไงนะ? เจ้าเห็น หลูเจิ้งซิงอยู่กับเหล่าคนแคระงั้นเหรอ?"
เมื่อได้ยินข่าวจากลูกน้องของเขส ในหน้าของเจ้าของหอการค้าว่านเป่าโหลว ก็เคร่งขรึมในทันที
"มันเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน นี้เป็นสิ่งที่ตัวข้าได้เห็นด้วยตาของตัวเอง" ลูกน้องของพูดออกมาด้วยความเคารพ
"เอาละ จับตามองต่อไป แล้วกลับรายงานข้าทันทีที่มีข่าวใหม่"
"ขอรับ"
ลูกน้องของเขาตอบกลับและรีบถอยออกไป
ในชั่วพริบตาเดียว เจ้าของหอการค้าว่านเป่าโหลวก็ได้ถูกทิ้งไว้อยู่ในห้องโถง นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
สักพักก็แหงนหน้ามองออกไปด้านนอก
"เร็วเข้า!!"
......
อีกด้านหนึ่ง
หลิน ยู และคนอื่นๆได้ออกจากหอการค้าชิงฟางเก่อ เดินทางผ่านถนนและอาคารต่างๆอย่างรวดเร็วทิ้งเกาะลอยฟ้าไว้อยู่ด้านหลัง
นี้เป็นครั้งแรกที่ หลิน ยู ออกมาจากใจกลางแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ สายตาของเขามองไปยังรอบๆตลอดเวลา
"เลเซอร์ แท่นเทเลพอร์ตที่เจ้าพูดถึงสามารถใช้เทเลพอร์ตไปยังอาณาจักรเอลฟ์โดยตรงได้หรือไม่?"
ในตอนนั้นเอง มากอร์นที่อยู่ด้านหลังของ มังกรราชาปิศาจ ก็ส่งเสียงออกมา
"ใช่" เลเซอร์ ตอบอย่างจริงจัง "แต่มันสามารถเทเลพอร์ตไปยังบริเวณรอบนอกของป่าวิญญาณได้ มันเป็นเช่นเดียวกับแดนศักดิ์สิทธิ์ มีหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ที่นั้นนอกจากเหล่าเอลฟ์"
"หากเจ้าต้องการเทเลพอร์ตไปยังอาณาจักรคนแคระ เจ้าต้องไปยังใจกลางของป่าวิญญาณ ซึ่งเหล่าเอลฟ์ได้สร้างแท่นเทเลพอร์ตโดยเฉพาะที่นั้น เชื่อมต่อกับอาณาจักรคนแคระเพื่อขนส่งอุปกรณ์"
"เหล่าเอลฟ์ต้องการอุปกรณ์จากพวกเจ้าด้วยงั้นเหรอ?"
หลิน ยูพูดด้วยความประหลาดใจ
"แน่นอน เพราะความเราเหล่าคนแคระมีทักษะการตีเหล็กที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนนี้"
คำพูดของ เลเซอร์ เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งอย่างเห็นได้ชัด
แต่พวกเขา
เหล่าคนแคระสมควรได้รับเกียรตินี้จริงๆ
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved