ตอนที่ 223

บทที่ 223 : ปัญหาของ “แก่นแท้เซียน”

ฝีเท้าของนักพรตสามหยางหยุดลงชั่วขณะ จากนั้นเขามองไปที่ซุยเฮ็งด้วยท่าทางงุนงงและพูดด้วยความสับสนว่า “ ผู้อาวุโส ทำไมท่านถึงพูดเช่นนั้นล่ะ?”

ซุยเฮ็งยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าของเขาในขณะที่เขากล่าวว่า “ ข้าได้ยินมาจากผู้สมบูรณ์แบบจางแล้วว่านักพรตสามหยางนั้นเป็นเจ้าสำนักของตำหนักเต๋าอี้เมื่อ 3,000 ปีที่แล้วและยังเป็นเทพลึกลับไท่อี้แล้วในตอนนั้น”

“…” นักพรตสามหยางเงียบลงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงงงงวย “ ผู้อาวุโส ท่านกำลังจะสื่ออะไร”

“ ที่ข้าจะบอกก็คือ ทำไมเจ้าถึงมีอายุเพียง 1,700 ปีเท่านั้น” ซุยเฮ็งหัวเราะออกมาเล็กน้อย

สำหรับเขาซึ่งอยู่ในขอบเขตรวมวิญญาณแล้ว มันก็เป็นเรื่องง่ายมากที่จะสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของบุคคลคนหนึ่ง เขาสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าสิ่งมีชีวิตนั้นมีอายุกี่ปี

“ ผู้อาวุโสต้องการอะไรกันแน่?” สีหน้าของนักพรตสามหยางมืดลง ตัวตนของเขาเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา

นี่เป็นสิ่งที่สามารถคุกคามสำนักเซียนทั้งเก้าและยังเป็นรากฐานของตำหนักเต๋าอี้

ด้วยเหตุนี้เอง หากกลุ่มผู้อาวุโสทั้งเก้ารู้แล้วว่าเขาไม่ใช่นักพรตสามหยางที่เคยกดขี่พวกเขาจนโงหัวไม่ขึ้น สถานการณ์ของตำหนักเต๋าอี้ก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายได้”

แม้ว่า “ผู้อาวุโส” เบื้องหน้าเขาคนนี้จะเป็นศัตรูของสำนักเซียนทั้งเก้า แต่เขาก็ยังตกใจโดยธรรมชาติเมื่อเรื่องสำคัญดังกล่าวถูกเปิดเผยอย่างกะทันหัน

“ ข้าสามารถช่วยเจ้าให้กลายเป็นเซียนทองที่แท้จริงได้นะ” ซุยเฮ็งยิ้ม

“ ผู้อาวุโสไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ตราบใดที่ข้าย่อยแก่นแท้เซียนเสร็จ ข้าก็จะกลายเป็นเซียนทองเอง” นักพรตสามหยางส่ายหัว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สนใจข้อเสนอของซุยเฮ็ง

แน่นอนว่านี่เป็นเพราะเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามันมีใครที่สามารถใช้วิธีใดในการเร่งการย่อยของแก่นแท้เซียนได้มาก่อน ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่เชื่อว่าซุยเฮ็งจะสามารถช่วยให้เขากลายเป็นเซียนทองได้

“ คนเราจะไม่สามารถเป็นเซียนทองได้หากไม่ย่อยแก่นแท้เซียนอย่างงั้นหรอ?” ซุยเฮ็งแสร้งทำเป็นงงงวย

“ ผู้อาวุโส หากท่านมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถิด” นักพรตสามหยางระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่แล้ว

ในขณะนี้ ในสายตาของนักพรตสามหยาง ซุยเฮ็งก็กำลังหาเรื่องเขาอยู่

การดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งกว่าเซียนทองนับครั้งไม่ถ้วนกำลังถามว่าคนเราไม่สามารถกลายเป็นเซียนทองได้โดยไม่ต้องย่อยแก่นแท้เซียนอย่างงั้นหรอ?

ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้กำลังแกล้งเขาอยู่ งั้นเขาจะต้องการทำอะไรกัน?

นักพรตสามหยางยังเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับการโจมตีของซุยเฮ็ง

แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของซุยเฮ็งนั้นทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้และไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถต้านทานได้เลย แต่หากซุยเฮ็งต้องการจะทำร้ายตำหนักเต๋าอี้ เขาก็จะยังคงรีบลุกขึ้นเพื่อต่อต้านโดยไม่ลังเล

มรดกของตำหนักเต๋าอี้เป็นพินัยกรรมที่อาจารย์ของเขาทิ้งไว้

เขาเต็มใจที่จะยอมสละชีวิตของเขาเพื่อมัน

“ ไม่ต้องกังวลไป ทำไมเจ้าไม่ลองดูสิ่งนี้ก่อนล่ะ” ซุยเฮ็งยิ้ม เขาไม่ได้สนใจทัศนคติของนักพรตสามหยาง เขายกมือขวาขึ้นและยื่นนิ้วออกไปแทน

พรึ่บ–

ทันใดนั้นลูกบอลสีแดงเพลิงก็โผล่ออกมาจากปลายนิ้วของซุยเฮ็ง แสงที่แพรวพราวมากทำให้แม้แต่เซียนทองครึ่งขั้นอย่างนักพรตสามหยางก็ยังตาบอดไปชั่วคราว

อย่างไรก็ตาม หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ ของการตาบอด เขาก็มองเห็นแสงสว่างอันไร้ที่สิ้นสุด ราวกับว่าทั้งจักรวาลกำลังสว่างไสวด้วยแสงสีแดงเข้มนี้

เปลวเพลิงนี้ก็เป็นแสงที่สว่างที่สุดเท่าที่นักพรตสามหยางเคยเห็นมาในชีวิตของเขา

มันไม่มีอย่างอื่นอีก

ทันทีหลังจากนั้น นักพรตสามหยางก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันเล็กน้อยที่ปรากฏขึ้นในเปลวเพลิงที่สว่างไสวและร้อนจัด

ในตอนแรก ออร่านี้ก็อ่อนแอมาก แต่มันก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในชั่วพริบตา มันก็มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าเขาไปแล้ว

มันแข็งแกร่งกว่าเซียนทองครึ่งขั้น!

มันมาถึงขอบเขตเซียนทองแล้ว!

นอกจากนี้ นักพรตสามหยางก็ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่านี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาใดๆ

มันกลับมีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดขึ้น!

จากปลายนิ้วของซุยเฮ็ง เขาสัมผัสได้ถึงกระบวนการก่อกำเนิดของชีวิตและกระบวนการเติบโตตั้งแต่แรกเกิดจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่

อย่างไรก็ตาม หลังจากสัมผัสทั้งหมดนี้แล้ว ความกลัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักพรตสามหยาง ดวงตาของเขาเบิกกว้างในขณะที่เขามองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความเหลือเชื่อ “ ยังไง... มันเป็นไปได้ยังไง? มันเป็นไปได้ยังไงกัน?! นี่มันคืออะไรกัน?!”

ข้าเห็นชีวิตใหม่กำลังถือกำเนิดขึ้นบนปลายนิ้วของบุคคลนี้จริงๆ!

ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังเป็นเซียนทอง

นี่ข้าบ้าหรือข้าประสาทหลอนกันแน่!

ในขณะนี้ นักพรตสามหยางก็กำลังสงสัยในชีวิตของเขา

ท้ายที่สุดแล้ว การสร้างสิ่งมีชีวิตจากอากาศเปล่านั้นก็น่าเหลือเชื่อและน่าตกใจเกินไป

มันไม่น่าเชื่อเลย

“ วู้วววว!”

ในขณะนี้เปลวเพลิงก็ส่งเสียง ตอนนั้นยังเด็กมาก มันเป็นเสียงแรกที่ชีวิตใหม่นี้ร้องออกมาครั้งแรก

จากนั้นมังกรเพลิงยาวเจ็ดนิ้วก็บินออกมาจากปลายนิ้วของซุยเฮ็ง

นี่คือมังกรเพลิงตัวที่ห้า

เขาจะเรียกว่า “ฮั่วอู่”

มันเองก็ครอบครองพลังขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นปลายด้วย

นอกจากนี้ ซุยเฮ็งก็ยังได้สลักคาถาสองสามคาถาลงบนตัวมัน ตราบเท่าที่มันใช้พลังปราณเพื่อเปิดใช้งานคาถาเหล่านี้ มันก็จะสามารถปล่อยพลังออกมาได้

กล่าวอีกนัยหนึ่ง การใช้คาถาของฮั่วอู่นั้นก็จะแข็งแกร่งกว่าสี่ตัวก่อนหน้านี้มาก

ในขณะนี้ นักพรตสามหยางซึ่งยืนอยู่ด้านข้างก็ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ เขามองไปที่ฮั่วอู่ซึ่งกำลังร่ายรำอย่างอิสระในอากาศ และเกือบจะสงสัยว่าเขากำลังเห็นภาพหลอน

ซุยเฮ็งไม่รีบร้อน เขาเพียงแค่ยืนอยู่ที่นั่นและมองไปที่นักพรตสามหยางที่อยู่ตรงข้ามเขาอย่างเงียบๆ และรอคำตอบจากอีกฝ่าย

หลังจากนั้นไม่นาน นักพรตสามหยางก็สงบลงเล็กน้อย เขามองไปที่ ฮั่วอู่ซึ่งกำลังบินวนอยู่ในอากาศ และหัวใจของเขาก็หวั่นไหวมากขึ้น ราวกับว่ามีพายุพัดเข้ามา

ตุ้บ!

นักพรตสามหยางคุกเข่าลงต่อหน้าซุยเฮ็งและพูดด้วยความเคารพว่า “ ผู้อาวุโส ท่านมีพลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ หากท่านมาที่นี่เพื่อทำลาย ตำหนักเต๋าอี้ งั้นก็ได้โปรดฆ่าข้าก่อน”

ในขณะนี้ ในสายตาของเขา ซุยเฮ็งก็เป็นเหมือนกับเทพเจ้าแล้ว แม้แต่ในตำนานเขาก็เป็นบุคคลพิเศษ

เมื่อเผชิญหน้ากับตัวตนระดับนี้ เขาก็ย่อมรู้สึกสิ้นหวังเป็นอย่างยิ่ง

“ นักพรตเอ๋ย ข้าบอกตอนไหนว่าข้ามาที่นี่เพื่อทำลายตำหนักเต๋าอี้” ซุยเฮ็งหัวเราะเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขายกมือขึ้นและพยุงให้นักพรตสามหยางยืนขึ้น “ ข้าบอกไปก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรอว่าข้าต้องการคุยกับเจ้า เจ้าสามารถเป็นเซียนทองได้โดยไม่ต้องใช้แก่นแท้เซียน?”

“…” นักพรตสามหยางตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดังนั้นคำถามเมื่อกี้จึงไม่ใช่การแกล้งเขา แต่มันคือเรื่องจริง?!

มันไร้สาระเกินไป!

อย่างไรก็ตาม สีหน้าในปัจจุบันของซุยเฮ็งก็ดูไม่เสแสร้งเลย

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นจะต้องโกหกเรื่องพวกนี้เลย

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ นักพรตสามหยางก็หายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ ผู้อาวุโส ข้าไม่ใช่นักพรตสามหยางคนเดิม คนที่นำตำหนักเต๋าอี้ทั้งหมดขึ้นมายังโลกสูญสวรรค์จริงๆ แล้วคืออาจารย์ของข้า”

“ ข้าเป็นศิษย์คนที่สามของท่านอาจารย์ และยังเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของอาจารย์ที่สามารถขึ้นมาสู่ขอบเขตเทพลึกลับได้เมื่อ 1,500 ปีก่อน ในตอนที่ท่านอาจารย์เสียชีวิตและส่งต่อแก่นแท้เซียนให้กับข้า เขาก็ยังขอให้ข้าใช้ชื่อเดิมของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้เก้าสำนักเซียนวางแผนต่อต้านเรา”

“ ผู้อาวุโส นี่คือสถานการณ์ของข้า ท่านยังมีคำถามอื่นๆ อีกหรือไม่?”

ตราบใดที่เป้าหมายของอีกฝ่ายไม่ใช่การทำร้ายตำหนักเต๋าอี้ ดังนั้นเขาก็สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้

“ ข้าต้องการแก่นแท้เซียนของเจ้า” ซุยเฮ็งไม่ได้ตีรอบพุ่มไม้และพูดห้วนๆ ว่า “ ถ้าเจ้าเชื่อข้า เจ้าก็มอบแก่นแท้เซียนมาให้กับข้า และข้าจะช่วยให้เจ้าได้กลายเป็นเซียนทอง”

นี่เป็นเป้าหมายสุดท้ายของเขา และเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเปิดเผยตัวตนของนักพรตสามหยางโดยตรงตั้งแต่ต้น

เขาต้องการนำแก่นแท้เซียนแบบสมบูรณ์มาเพื่อศึกษา

มาดูกันว่าอะไรคือความแตกต่างระหว่างสิ่งนี้กับแก่นแท้ทองคำ

หากมีความแตกต่างมากมายระหว่างทั้งสอง ซุยเฮ็งก็จะได้รับไอเดียมากมายจากการสำรวจสิ่งที่ไม่รู้จักและได้ปรับปรุงการฝึกตนของเขาโดยตรง

“…ย่อมได้!”

นักพรตสามหยางพูดด้วยความยากลำบาก

แม้ว่าเขาจะคาดการณ์เอาไว้แล้ว แต่เขาก็ยังรู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อได้ยินคำขอนี้

แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ยังยอม

ด้วยเหตุนี้เอง นักพรตสามหยางจึงปิดตาของเขาและเริ่มย้อนกลับพลังในร่างกายของเขา

เขาพยายามควบแน่นแก่นแท้เซียนที่ถูกย่อยไปแล้วให้กลับมาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์

กระบวนการนี้ราบรื่นมาก

แม้ว่าแก่นแท้เซียนในร่างกายของเซียนทองครึ่งขั้นจะเริ่มถูกย่อยไปแล้ว แต่ตราบใดที่มันยังย่อยไม่หมด เขาก็ยังสามารถหลอมมันกลับมาดังเดิมได้

ด้วยเหตุนี้เอง ในช่วงเวลาเพียงครู่เดียว ลูกบอลแสงสีทองที่เปล่งออร่าเซียนก็ลอยออกมาจากหัวของเขา

ในขณะเดียวกัน นักพรตสามหยางก็เปลี่ยนจากเซียนทองครึ่งขั้นเป็นเทพลึกลับไท่อี้

ความรู้สึกสูญเสียและว่างเปล่าอย่างไม่เคยมีมาก่อนอบอวลอยู่ในหัวใจของเขา

อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนี้ก็คงอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนที่นักพรตสามหยางจะสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งมากที่เทลงมาจากด้านบนศีรษะของเขา

ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังมีออร่าเซียนที่แข็งแกร่งมาก

ทันใดนั้น นักพรตสามหยางก็รู้สึกว่าเขาได้ผสมผสานเข้ากับออร่าเซียนนี้ พลังในร่างกายของเขาเดือดพล่านในทันที และแก่นแท้ชีวิตของเขาก็เริ่มระเหิดจนถึงขีดสุด

ครู่ต่อมา เขาก็ตื่นขึ้นและมองดูมือของเขาด้วยความเหลือเชื่อ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองซุยเฮ็งและพูดด้วยความตกใจว่า “ ข้า.. ข้ากลายเป็นเซียนทองแล้วอย่างนั้นหรอ!”

“ ก็ประมาณนั้นแหละ” ซุยเฮ็งหัวเราะเบาๆ

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยกมือขึ้นและคว้าแก่นแท้เซียนมา

จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วมันคือคริสตัลใสขนาดเท่าเล็บมือ

ถึงอย่างนั้น มันก็ปล่อยออร่าเซียนอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา

พลังนี้มีผลทำให้เทพลึกลับกลายเป็นเซียนทอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อซุยเฮ็งสัมผัสกับมันอย่างระมัดระวัง เขาก็ตระหนักได้ว่ามันมีบางอย่างผิดปกติกับสิ่งที่เรียกว่า “แก่นแท้เซียน”

มันมีร่องรอยของการประดิษฐ์อยู่ในสิ่งนี้

สิ่งที่จำเป็นสำหรับการทะลวงไปสู่ขอบเขตถัดไปมีร่องรอยของการประดิษฐ์!

“ นักพรตเอ๋ย เจ้ารู้แหล่งที่มาของแก่นแท้เซียนหรือไม่?” ซุยเฮ็งถามนักพรตสามหยางขณะที่ดวงตาของเขายังคงมองไปที่แก่นแท้เซียน

“ ข้าได้ยินมาจากท่านอาจารย์ว่ามันเกิดขึ้นมาเองโดยธรรมชาติและเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทะลวงไปสู่ขอบเขตเซียนทอง” นักพรตสามหยางตอบตามความเป็นจริง “ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอาจารย์ก็ยังกล่าวอีกว่าภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนี้ มันก็มีแก่นแท้เซียนเพียงสี่แหล่งเท่านั้น ดังนั้นเซียนทองจึงมีจำนวนที่จำกัด…”

เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

หากมันมีจำนวนเซียนทองที่แน่นอน และมีแก่นแท้เซียนเพียงแค่สี่...

งั้นเขาคืออะไร? แล้วคนตรงหน้าเขาคืออะไร?

ครู่หนึ่ง นักพรตสามหยางก็ตกอยู่ในความสับสนแปลกๆ

เขารู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติกับวิธีการฝึกตนของเขามาโดยตลอด ราวกับว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ

“ ฮ่าฮ่าฮ่า…” ทันใดนั้นซุยเฮ็งก็หัวเราะ เขาเปิดฝ่ามือของเขาและระงับแสงสีทองที่มีออร่าเซียน มันเผยให้เห็นรูปร่างของคริสตัล “ ข้าเกรงว่ามันจะมีปัญหาเกี่ยวกับเคล็ดวิขาการฝึกตนที่เจ้าฝึกอยู่นะ”