ตอนที่ 263 โล่แห่งการรักษา

"นายรู้จักฉันงั้นเหรอ?"

หลิน ยู มองไปที่คน 2 คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาโดยไม่คาดคิด

คำตอบของเขาถือว่าได้ยืนยันการคาดเดาในใจของ ซือถู เจี้ยน แล้ว รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา

"ข้าแน่ใจว่าต้องเป็นเจ้า" ดวงตาของ ซือถู เจี้ยนเบิกตากว้าง

"ทั่วทั้งแดนอาณาจักรลับ คนที่มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับ 1 ของเผ่าพฤกษา ที่ข้ารู้จัก มีเพียงแค่หลิน ยู ที่จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อไม่กี่วันก่อนและยังอยู่ในอันดับ 3 ในรายการจัดอันดับแห่งอาณาจักรลับ"

เขาพูดออกมาอย่างมั่นใจ

เมื่อ หลิน ยู ได้ยินคำพูดนั้นเขาก็ตระหนักได้ในทันที

ปรากฏว่าตัวตนของเขาภายในดินแดนแห่งอาณาจักรลับ นั้นได้ถูกเปิดเผยแล้ว

โดยไม่รอไม่ให้เขาพูด

หยาน ลี่ ที่อยู่ข้างๆ ก็พูดแทรกขึ้นมาทันที

"ฮ่าฮ่า ๆ น้องชาย ข้าไม่ได้คิดว่าเจ้าจะคือหลิน ยู คนนั้น ข้ามันเป็นเจ้าแก่ที่เลอะเลือนไปแล้ว"

คำพูดของเขานั้นชั่งตรงไปตรงมา ทำให้ผู้คนที่ได้ฟังไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็เดินไปกอดคอของ หลิน ยู ขยิบตาให้เขาและพูดว่า "น้องชาย เจ้ารีบบอกพวกข้ามาเร็วเข้าเถอะ เจ้าเข้าไปยุ่งกับยัย ซู หยูเจียว ตัวเหม็นนั้นได้ยังไงกัน เธอถึงได้พาคนมาจัดการเจ้ามามายขนาดนั้น!?"

หลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของ หลิน ยู ในตอนนั้น ต้องให้ หยาน ลี่ จะโง่เขลาแค่นั้น เขาก็รับรู้ได้ว่า ซู หยูเจียวไม่ได้พบเข้ากับ หลิน ยู โดยบังเอิญ

แต่พวกเขาตั้งใจมาหา หลิน ยู โดยตรง

สิ่งนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของ หลิน ยู  ได้แล้วด้วยการที่ตกเป็นเป้าหมายของราชันผู้แข็งแกร่งทั้ง 3 คนของโลกอู๋ซาง มันทำให้ทัศนคติของเขาที่มีต่อหลิน ยู เปลี่ยนไปอย่างมาก

หลิน ยู ไม่ได้รู้สึกถึงจิตสังหารจากเขา ดังนั้นเขาจึงขยับตัวให้เป็นอิสระและพูดอย่างแผ่วเบาว่า "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน อาจเป็นเพราะฉันโจมตีคนของพวกเขาก่อนหน้านี้"

"อย่างไรก็ตาม ต้องขอบคุณมาก หากพวกนายไม่มา ฉันเกรงว่ากองกำลังคงต้องได้รับความสูญเสียอย่างครั้งใหญ่อย่างแน่นอน"

"ไม่ต้องขอบคุณพวกข้าหรอก" ซือ ถูเจี้ยน แทรกขึ้น "เดิมทีพวกข้ามีหนี้แค้นที่ต้องชำระกับพวกเขาอยู่แล้ว"

"หนี้แค้น? แสดงว่าพวกนายเคยมีความขัดแย้งกันมาก่อนงั้นเหรอ?" หลิน ยู ถามด้วยความสงสัย

"ตัวข้ากับราชันเผ่าเทวดาคนนั้นเคยต่อสู้กันภายในสนามรบหมื่นโลกมาครั้งหนึ่ง ข้าถูกพวกเขาเล่นงานจากด้านหลัง ดังนั้นทันทีที่พวกเราได้รับข่าวเกี่ยวกับการปรากฏตัวของพวกเขา พวกเราจึงรีบมาทันที ข้าไม่ได้คิดว่าพวกมันจะรุมเจ้าอยู่"

มีประโยคหนึ่งที่ ซือถู เจี้ยน เลี่ยงที่จะพูด

นั้นคือถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหว เขาก็รับรู้ได้ว่าทั้ง 3 คนนั้นคงจะหยุด หลิน ยู เอาไว้ไม่ได้อยู่ดี

อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาที่จะหลบหนี

เขาเป็นชายหนุ่มที่ช่างคิดและพูดน้อย

เป็นขั้วตรงข้ามกับ หยาน ลี่ ที่พูดอย่างเปิดเผยและเถรตรง "ฮึ่ม! เป็นเพราะข้าประมาทพวกเขามากไปหน่อย ในสนามรบหมื่นโลก ถ้าข้าได้เจอเจ้าพวกนั้นอีกครั้งนะ ข้าจะจัดการยัย ซู หยูเจียวนั้นซะให้เข็ด"

"ชั่งมันเถอะ อีกไม่นานเจ้าก็จะเลื่อนขั้นไปยังระดับ 8 แล้ว นิ คิดว่าการเผชิญหน้ากันพวกเขาในอนาคตคงจะเป็นเรื่องยากแล้วละ"

แน่นอนว่า เป็นอย่างที่ หลิน ยู คิด พวกเขาทั้ง 2 เป็นราชันที่กำลังจะเลื่อนขั้นเป็นระดับ 8 ไม่แปลกใจว่าทำไมความแข็งแกร่งของพวกเขาถึงได้น่าหวาดกลัวอย่างมาก

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น

เขาเห็น ซือถู เจี้ยน มองมาที่เขาอีกครั้ง

"ข้าลืมแนะนำตัว ตัวข้าชื่อ ซือถู เจี้ยน และเขานั้นชื่อ หยาน ลี่ วันนี้ด้วยการที่พวกเขาได้ร่วมกันต่อสู้ มันอาจเป็นโชคชะตาก็ได้ พวกเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ ไว้ติดต่อกันอีกครั้งเมื่อมีโอกาส"

เมื่อพูดจบ เขาก็ยื่นคำขอเป็นเพื่อนให้กับ หลิน ยู

หลังจากเพิ่มเพื่อนกันแล้ว ตราบใดที่เขาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เขาจะสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางช่องแชทส่วนตัวได้

"ตกลง"

หลิน ยู พยักหน้าและยอมรับคำขอเพื่อนของเขา

จากนั้นเขาก็เห็นคำต่อท้าย "จักรวรรดิฉางเฟิง" ตามชื่อของ ซือถู เจี้ยน

"จักรวรรดิฉางเฟิง?"

เขาพูดออกมาเบาๆ

"อะไรกัน!? เจ้าไม่เคยได้ยินชื่อเขางั้นเหรอ? เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิฉางเฟิง" เสียงเหน็บแนมดังออกมาจากข้างๆ

สีหน้าของ ซือถู เจี้ยน เคร่งขรึมอีกครั้งหลังจากที่ได้ยินชื่อของ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ฉางเฟิง

"ข้าบอกว่าอย่าเอ๋ยชื่อคนๆนั้นต่อหน้าข้าอีก เขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับข้า"

"ได้ยังไงกัน เขาเป็นพ่อเจ้านิ" หยาน ลี่ ยักไหล่

"ฮึ่ม ความสำเร็จทั้งหมดของตัวข้าในวันนี้ข้าสร้างมันด้วยข้าเองทีละเล็กทีละน้อย มันไม่เกี่ยวกับชายคนนั้น!!"

ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา เขาไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่หันหลังกลับและจากไป

ราวกับมันกระทบแผลใจของเขา

ดูเหมือนจะมีเรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับ ซือถู เจี้ยนคนนี้

หลิน ยู มองไปยังแผ่นของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ

ณ ขณะนั้น

หยาน ลี่ ก็ส่งคำขอเป็นเพื่อนให้กับเขา

"ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก เขาก็เป็นแบบนี้ละแม้จะชอบใส่อารมณ์ก็ตามแต่ก็เขาก็เป็นคนดีนะ จบเรื่องแล้วข้ากำลังจะกลับกันแล้ว เจ้าน้องชาย หากโชคชะตาลิขิตไว้พวกเราคงได้พบกันอีก"

เห็นได้ชัดว่าพวกเขามองเห็นศักยภาพของ หลิน ยู

ถึงแม้ว่าจะไม่มีโอกาศได้พบกันอีกในอนาคต แต่การขอเป็นเพื่อนเอาไว้ก็ไม่ได้เสียหายอะไร

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็หันหลังจากไป มุ่งไปตามทางที่ ซือถู เจี้ยนจากไป

จนกระทั่งมองดูพวกเขาจาก หลิน ยู ก็มองไปรอบๆ เขาไม่เห็นราชันที่จ้องจะขโมยสมบัติอีก

ประมาณว่าหลังจากเห็นการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวเมื่อกี้นี้ คนเหล่านั้นก็รีบหลบหนีกันไปทันที

อาศัยโอกาสนี้ หลิน ยู หยิบสมบัติที่เขาคว้ามาได้

มันมีแก่นดินแดนระดับ 8 1 อัน แก่นแท้ดินแดนระดับ 7 2 อัน และสมบัติที่้เปล่งประกายในมือเขาอีกชิ้น 1

แก่นแท้ดินแดนระดับ 7 ไม่จำเป็นต้องพูดถึงมัน

สำหรับแก่นแท้ระดับ 8 มันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังมัน 2 3 ครั้ง

แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถใช้มันได้ในตอนนี้ แต่การมีมันไว้ก็ดีต่อการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต

หลังจากที่สำรวจแก่นแท้ดินแดนเหล่านั้นเสร็จ เขาก็มองมาที่สมบัติ

มันเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์กองทัพระดับ S

[วัตถุศักดิ์สิทธิ์กองทัพ : ปราการรักษา]

[ประเภทสมบัติ : เสริมพลัง]

[ระดับสมบัติ : ระดับ S]

[ความสามารถ : ผลของสกิลรักษาเพิ่มขึ้น 3% และเป้าหมายที่ถูกรักษา จะได้รับโล่แห่งการรักษา ช่วยลดความเสียหายที่ได้รับลง 30% สามารถใช้งานได้ทุกๆ 15 วินาที]

[หมายเหตุ : วัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทหาร สามารถใช้กับฐานทัพ เพื่อความแข็งแกร่งให้กับทหารประเภทนั้น]

วัตถุศักดิ์สิทธิ์กองทัพระดับ S นั้นไม่แข็งแกร่งเท่ากับวัตถุศักดิ์สิทธิ์กองทัพระดับ SSS

แต่วัตถุศักดิ์สิทธิ์กองทัพระดับ A ก็ไม่สามารถเทียบกับมันได้

ไม่ต้องพูดถึงการเพิ่มขึ้นของสกิลรักษา มันยังสร้างเกราะที่สามารถช่วยลดความเสียหายให้แก่เป้ายหมายที่ได้รับการรักษาอีกด้วย

แม้ว่ามันจะแสดงผลเพียงแค่ครั้งเดียว และมีคูลดาว

แต่มันก็สามารถเทียบเท่ากับสกิลช่วยชีวิต 1 สกิล ที่สามารถเรียกใช้งานได้ทุกๆ 15 วินาที

หากใช้เป็นสกิลรักษาหมู่ละ ทหารทั้งหมดก็ได้รับโล่แห่งการรักษาลดความเสียหายลงอย่างมาก

มันการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับทหารรักษา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกองทัพของเขาตกอยู่ในอันตราย มันจะเป็นหนึ่งให้ความสามารถที่ช่วยลดความสูญเสียให้กังกองทัพได้เป็นอย่างดี

"อืม ไม่เลว"

หลิน ยู ปิดหน้าต่างข้อมูลลงด้วยความพึงพอใจนำสมบัติลับเก็บกลับไป

จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังรอบๆตัวเขา

เวลาผ่านไปไม่นาน ละแสงสีดำของที่อยู่รอบนอกของภูมิภาคหลักของมอนเตอร์ก็เริ่มหายาก

ถึงแม้ว่ามันจะมีอยู่ แต่มันก็อยู่ห่างจากเขาถึง 100 กิโลเมตร

เมื่อเขาไปถึงที่แห่งนั้นก็ลงว่างเปล่าลงแล้ว เหลือเพียงขยะเพียงไม่กี่ชิ้น

ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ การสั่นสะเทือนที่มาจากส่วนลึกของภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์ ก็ได้เงียบไปเขาไม่ได้ยินเสียงนั้นอีก

"การต่อสู้ของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่จบลงแล้วงั้นเหรอ?"

หลิน ยู มึนงง

นี้เป็นเพียงคำอธิบายเดียวเท่านั้นที่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมภาพฉายปิศาจถึงได้หายไปอย่างรวดเร็ว

แต่นี้พึ่งจะแค่เที่ยงวัน เขาไม่ได้วางแผนที่เดินทางกลับเร็วขนาดนี้

หลังจากที่กำหนดทิศทางได้แล้ว เขาก็ยังคงมุ่งหน้าเขาไปยังภูมิภาคหลักเพื่อค้นหามอนสเตอร์บอสตัวอื่นเจอไหม

หรือมอนสเตอร์ราชัน

เพราะเขาอยากรู้ที่จะเก็บพลังต้นดำเนิดภายในต้นกำเนินธรรมชาติให้เต็ม

ในไม่ช้า เขาก็ขี่มังกรราชาปิศาจไปพร้อมกับ หลิง ซี ไล่ล่าสังหารอยู่รอบนอกของภูมิภาคหลัก

.....

อีกด้านหนึ่ง

ภายในม่านแสงของ ณ ทางของเขาภูมิภาคหลักของโลกอู๋ซาง

ซู หยูเจียวกับพวกของเธอที่หลบหนีออกมาจากพื้นที่ทุ่งหญ้ากลับถึงที่หมายอย่างราบรื่น

เมื่อพวกเขาเห็นบาดแผลขนาดใหญ่บนต้นของ หลี่ เหนียน ซึ่งถูกเพลิงมังกรทำลายล้างเผาจนเป็นสีดำ สีหน้าของ ซู หยูเจียว กับ ราชันเผ่าเทวดาคนนั้นก็เปลี่ยนไปทันที

"หลี่ เหนียนทำไมเจ้าถึงได้บาดเจ็บขนาดนี้กัน!"

ซู หยูเจียวถามขึ้นด้วยความตกตะลึง

"เจ้าโดนซุ่มโจมตีขณะหลบหนี งั้นเหรอ?"

ราชันเผ่าเทวดาเรียกทหารของเขาออกมารักษาทันที

"อย่าได้พูดถึงมัน" หลี่ เหนียน อดทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรง หยิบยารักษาออกมาจากกระเป๋ามิติของเขาเพื่อให้มันช่วยอีกแรง "พวกเราเจ้าหน้าใหม่นั้นต่ำเกินไป เขาซ่อนการโจมตีที่ทรงพลังเอาไว้"

"นี้เจ้าหมายความว่าบาดแผลของเจ้ามาจากเจ้าหน้าใหม่นั้นงั้นเหรอ!!"

ราชันเผ่าเทวดาตกตะลึงและมองไปยังซู หยูเจียว

พวกเขาคิดว่าผู้ที่โจมตีอาจจะเป็น หยาน ลี่ หรือ ซือถู เจี้ยน

แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นราชันที่พวกเขามองว่าไม่สำคัญสำหรับพวกเขา?

ต้องรู้ก่อนว่า

แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่สามารถโจมตี หลี่ เหนียนได้อย่างง่ายดายนัก

ยิ่งไปกว่านั้น กับ หลี่ เหนียนที่กำลังหลบหนี

การที่ใครจะสามารถสร้างความเสียหายขนาดนี้ตอนที่เขาหลบหนีนั้น ใครๆ ก็สามารถจิตนาการได้ว่าการโจมตีของอีกฝ่ายจะน่าหวาดกลัวขนาดไหน

"ดูเหมือนพวกเราจะประเมินเขาต่ำไปจริงๆ!"

"แม้แต่เจ้ายังป้องกันการโจมตีของเจ้านั้นไม่ได้ ไม่แปลกที่เจ้าหนุ่มจางเหิงนั้นจะพ่ายแพ้"

ใบหน้าของทั้งสองกลายเป้นเคร่งขรึม นี้ไม่ใช่ข่าวดีสำหรับพวกเขาเลยแม้แต่น้อยที่ราชันที่แข็งแกร่งเช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นภายในโลกดึกดำบรรพ์

"เอาละ กลับไปสืบหาข้อมูลของชายคนนั้นก่อนดีกว่า"

หลี่ เหนียนยื่นมือไปประครองต้นขาของเขาแล้วยิ้มออกมา

มีเพียงเขาที่รู้ว่าการโจมตีในครั้งนั้นน่าหวาดกลัวขนาดไหน

แม้กระทั่งตอนนี้ ภาพของลำแสงสีแดงเพลิงที่ทะลวงผืนโลกยังคงติดอยู่ในหัวของเขาอยู่เลย มันทำให้เขาหวาดกลัวอย่างสุดขีด

หลังจากที่รักษาบาดแผลอย่างง่ายๆแล้ว เขาก็ไปยังประตูมิติที่เป็นทางเข้าภูมิภาคหลักด้วยความช่วยเหลือจากทั้งสองคน คิดไม่ถึงว่าเขาจะไม่สามารถอยู่ที่ภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์เพื่อชิงสมบัติในไม่อีกกี่วันข้างหน้านี้ได้

ด้วยการจากไปของพวกเขา

ข่าวความพ่ายแพ้ของกลุ่มแม่มดปิศาจก็แพร่กระจายออกไปราวกับพายุเฮอริเคน เหล่าผู้คนที่อยู่หน้าทางเข้าภูมิภาคหลักของโลกอู๋ซาง ต่างเกิดโกลาหลครั้งใหญ่

"แม้แต่ซู หยูเจียวและคนอื่นๆก็ยังพ่ายแพ้กลับมา!? นี้มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!"

"พวกเขาทั้งสามล้วนเป็นราชันระดับ 7 อันดับต้นๆ ไม่ว่าใครก็ทรงพลังจนไม่สามารถหาคู่ต่อสู้ได้!?"

"เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาถูกราชันระดับสูงซุ่มโจมตี!"

"แต่ข้าได้ยินมาว่า จากคนอื่นๆว่า พวกเขาต้องการไปจัดการกับคนที่ทำร้าย จางเหิงจนบาดเจ็บสาหัส!"

"หรือว่า.. มันจะเป็นราชันจากโลกอื่นงั้นเหรอ?"

"เป็นไปไม่ได้?"

"ทำไมถึงจะเป็นไปไม่ได้กัน นอกจากพวกเขาแล้วจะ ยังมีใครอีกบ้างที่สามารถต่อสู้กับซู หยูเจียวได้ถึงขนาดนี้"

"หรือว่าพวกเขาจะเป็น...."

เหล่าราชันต่างพูดกันไปต่างๆนาๆ พวกเขาต่างพากันคาดเดาว่าใครกันที่แข็งแกร่งขนาดนั้น ถึงกับทำให้พวกซู หยูเจียวที่มีสมญานามว่าแม่มดเจ้าเสน่ห์ ถึงกับประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่แบบนี้

นึกไม่ออกจริงๆ!