ตอนที่ 64

บทที่ 64: ปฏิกิริยาจากทุกด้าน รางวัลผู้ว่าการ

ตำนานเล่าว่าในสมัยโบราณ เทพบนสวรรค์ได้ลงมาและแบ่งโลกออกเป็น 36 รัฐ และหยงโจวก็เป็นศูนย์กลางของ 36 รัฐ

น่าเสียดายที่ต้าจินในปัจจุบันนั้นครอบครองเพียงแค่ 11 รัฐเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่เพียงแต่หยงโจวจะไม่ใช่ส่วนกลางของต้าจินเท่านั้น แต่มันยังกลายเป็นพรมแดนทางตะวันตกเฉียงเหนืออีกด้วย

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครละเลยหยงโจว มันมีภูเขาที่สูงที่สุดในโลกอยู่ที่นี่ และตามตำนานก็เล่าว่ามันเป็นภูเขาที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินเมื่อตอนที่เทพเซียนเสด็จลงมาจากสวรรค์

ในฐานะสำนักชั้นนำ ตำหนักเต๋าอี้ก็ตั้งอยู่บนภูเขาตงหัว

ไม่มีเสียงโห่ร้องของมนุษย์ที่นี่ มันมีเพียงหมอกและเมฆ อาคาร ศาลา และนักพรตที่กำลังนั่งสมาธิหรือฝึกวรยุทธ์

บนยอดเขาตงหัว

นักพรตวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะมีอายุประมาณ 50 ปีก็เดินมาที่ขอบหน้าผา เขามองไปที่ทะเลเมฆเบื้องหน้าเขาและตะโกนว่า “ ท่านอาจารย์ มีข่าวที่ค่อนข้างแปลกในรายงานใหม่ที่เหล่าศิษย์ส่งมาจากเชิงเขา”

“ โอ้?” เสียงอุทานเบาๆ ดังขึ้นมาจากในทะเลเมฆ

จากนั้น เมฆที่ขาวราวหิมะก็ลอยขึ้นมาเหมือนคลื่นและเปิดเป็นเส้นทางยาว

นักพรตเต๋าในชุดสีเขียวที่ดูมีอายุประมาณ 60 ปีมีรูปร่างหน้าตาเหมือนปราชญ์และมีผมสีขาวค่อยๆ เดินออกมาอย่างช้าๆ

ชายคนนี้คือเจ้าสำนักคนปัจจุบันของตำหนักเต๋าอี้ จางชูหมิง

“ พลังเทวะของท่านเจ้าสำนักได้พัฒนาขึ้นอีกครั้งแล้ว ในตอนนี้ แม้แต่การเดินข้ามเหวที่ไร้ก้นบึ้งก็ยังง่ายเหมือนกับการเดินบนพื้นราบ!” นักพรตวัยกลางคนกล่าวด้วยความอิจฉาและชื่นชม “ ข้าสงสัยจริงๆ ว่าข้าจะมีโอกาสได้ไปถึงขอบเขตเทพบ้างไหมนะ”

หลังจากปลดล็อกสมบัติเทวะในร่างกายแล้ว เขาก็จะสามารถปรับแต่งพลังที่อยู่เหนือจินตนาการได้ และนั่นก็เป็นสัญลักษณ์สำคัญของผู้ฝึกตนขอบเขตเทพ

พวกเขาอาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้สมบูรณ์แบบ เป็นยอดฝีมือจากสวรรค์ และเป็นผู้วิเศษ!

“ สิ่งนี้จะเรียกว่าพลังเทวะได้อย่างไร?” จางชูหมิงส่ายหัวและถอนหายใจเบาๆ “ มันก็เป็นแค่เพียงก้อนเมฆที่ควบแน่นรวมกันจนกลายเป็นทางเดิน นี่เป็นเพียงลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น มันไม่คุ้มค่าที่จะกล่าวถึงเลย แบบนั้นแล้วมันจะเรียกว่าพลังเทวะได้อย่างไร”

“ ท่านเจ้าสำนัก ท่านจะต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ” นักพรตวัยกลางคนยิ้มและพูดว่า “ ในโลกปัจจุบัน มันก็มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้”

“ อย่างไรก็ตาม เมื่อร้อยปีที่แล้ว ข้าก็เคยได้เห็นมากับตาแล้วว่าพลังเทวะที่แท้จริงนั้นคืออะไร…” จางชูหมิงดูเหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ส่ายหัว “ เอาเถอะ อย่าไปพูดถึงเรื่องนั้นเลย มาคุยกันดีกว่าว่ามีข่าวพิเศษอะไรจากตีนเขา”

“ เมื่อร้อยปีที่แล้ว?” นักพรตวัยกลางคนรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้ถามต่อ เขาตอบว่า “ มันเกี่ยวกับราชาหยานผู้ก่อการกบฎแห่งเฟิงโจว ท่านเจ้าสำนัก ท่านยังจำราชาหยานคนนั้นได้ไหม?”

“ ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นข้าจึงต้องจำมันได้อยู่แล้ว” จางชูหมิงพยักหน้าและลูบเคราสีขาวของเขา เขายิ้มและพูดว่า “ ทำไมล่ะ? หรือว่าราชาหยานจะยึดเฟิงโจวสำเร็จแล้ว? จักรพรรดิไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆ ได้อีกต่อไปและต้องการให้ข้าออกมาจากสันโดษรึ?”

“ เปล่าเลย” นักพรตวัยกลางคนส่ายหัวและหยิบรายงานออกมา เขายื่นมันให้จางชูหมิงและพูดว่า “ ท่านเจ้าสำนักโปรดอ่านนี่ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีปรากฏการณ์ทัณฑ์สวรรค์ปรากฎขึ้นอย่างฉับพลันในมณฑลซีหลิง และในปรากฎการณ์ครั้งนี้ กองทหารนับแสนของราชาหยานและตัวราชาหยานเองก็ได้เหลือแต่เพียงเถ้าถ่าน ถึงกระนั้น คนธรรมดาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย”

“ มันเป็นไปได้ยังไงกัน!” ดวงตาของจางชูหมิงเบิกกว้างขณะที่เขาลูบเคราของตน “ เจ้าแน่ใจนะว่านั่นไม่ใช่ข่าวลือ?”

“ ศิษย์คนหนึ่งได้ไปที่มณฑลซีหลิงเพื่อตรวจสอบ พลเมืองทุกคนล้วนได้เห็นฉากในคืนนั้น ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะใช่ข่าวลือ” นักพรตวัยกลางคนดูเหมือนจะเป็นกังวลเล็กน้อยและถามด้วยเสียงต่ำว่า “ ท่านเจ้าสำนัก เวลาร้อยปีใกล้จะมาถึงแล้ว เป็นไปได้ไหมว่ามันจะเกี่ยวกับ...”

“ ไม่” จางชูหมิงส่ายหัว “ เนื่องจากมันไม่ได้ทำร้ายคนธรรมดา ดังนั้นข้าจึงเกรงว่ามันจะไม่ใช่พลังของธรรมชาติ แต่กระนั้นแล้วการดำรงอยู่แบบใดกันที่จะสามารถทำสิ่งนั้นได้? การดำรงอยู่ที่ทรงพลังเช่นนี้จะมีอยู่ได้อย่างไร? มันเป็นไปไม่ได้…”

ในขณะที่เขารู้สึกตกใจ เขาก็ตกอยู่ในภวังค์ความสับสน

ในฐานะผู้ฝึกตนที่มาถึงขีดจำกัดของขอบเขตมนุษย์แล้ว จางชูหมิงก็รู้ดีว่าขีดจำกัดสูงสุดของขอบเขตเทพนั้นอยู่ที่ไหน ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ใครจะทำในสิ่งที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้

แม้แต่เซียนมนุษย์ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าขอบเขตเทพก็ยังไม่สามารถทำได้

หรือมันจะเป็นทัณฑ์จากสวรรค์จริงๆ? แต่ในโลกนี้มันมีสิ่งที่เรียกว่าทัณฑ์สวรรค์อยู่จริงๆ หรอ?

เต๋าสวรรค์จะสนใจเกี่ยวกับข้อพิพาทในโลกมนุษย์ด้วยหรอ?

ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้น จางชูหมิงก็รู้สึกขนลุกไปทั่วร่าง

เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าโดยสัญชาตญาณ

ถ้าสวรรค์มีความรู้สึกนึกคิด มันก็คงจะน่ากลัวไม่น้อยเลย

….

มีสถานที่ที่เรียกว่าภูเขาแสงทองในหยูโจว

ตามตำนานเล่าว่าในสมัยโบราณมีพระพุทธเจ้าได้เคยมาเทศนาที่นี่ และแสงสีทองก็ส่องลงมาปกคลุมทั่วบริเวณดังนั้นมันจึงได้ชื่อว่านี้มา

ต่อมามีพระรูปหนึ่งได้สร้างวัดขึ้นที่นี่และตั้งสำนักขึ้น และในปัจจุบัน มันก็กลายมาเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่งของชาวพุทธ และชื่อของมันก็คือ “โถงเป๋าหลินพุทธมามกะ”

ในเวลาเดียวกันกับที่ตำหนักเต๋าอี้ได้ทราบเกี่ยวกับการล่มสลายอย่างลึกลับของกองทัพของราชาหยาน ทางโถงเป๋าหลินพุทธมามกะเองก็ได้รับข่าวแล้วเช่นกัน

ด้วยเหตุผลนี้เอง เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันจึงเคาะประตูห้องทำสมาธิเป็นพิเศษและปลุกปรมาจารยผู้ซึ่งปลีกตัวอยู่อย่างสันโดษมานานถึง 20 ปี

“ ท่านปรมาจารย์ เวลาร้อยปีใกล้จะมาถึงแล้ว ปรากฏการณ์นี้เป็นลางบอกเหตุหรือไม่?” เจ้าอาวาสเป็นศิษย์หลักของพระตูฟา

พระตูฟาดูเหมือนกับพระร่างผอมบางในวัยเจ็ดสิบ เขามีเคราสีขาวยาวและใบหน้าที่ดูมีอายุเล็กน้อย

เขาหลับตาลงเล็กน้อยแล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า “ นี่คือความพิโรธของพระพุทธเจ้าและบทลงโทษต่อเหล่าสรรพสัตว์ เจ้าสามารถให้ศิษย์ของเราใช้มันเป็นสื่อในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้”

“ แต่ท่านปรมาจารย์…” เจ้าอาวาสกังวลเล็กน้อย

ถ้า “ความพิโรธ” นี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ แบบนี้แล้วความพิโรธนี้จะไม่ยิ่งใหญ่เกินไปหรอ?

“ เจ้าไม่ต้องกังวล” พระตูฟาลืมตาขึ้นและพนมฝ่ามือเข้าหากัน เขายิ้มและพูดว่า “ นี่ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะสามารถสร้างขึ้นมาได้ ดังนั้นมันจึงมีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือความพิโรธของพระพุทธเจ้า เห็นได้ชัดว่าความเมตตาของพระพุทธเจ้านั้นไม่มีขอบเขต อมิตาพุทธ!”

….

ในนครหลวงซึ่งเป็นศูนย์กลางของต้าจิน

เว่ยอี้จักรพรรดิเจียนหยางวัย 49 ปีกำลังนอนอย่างเกียจคร้านในห้องนอนของเขา

ในขณะนี้ เขาก็กำลังฟังรายงานของรัฐมนตรีชูหยวนเหลียงเกี่ยวกับเรื่องการเมืองผ่านหน้าจอ

เมื่อชูหยวนเหลียงกล่าวว่ากองทัพของราชาหยานแห่งเฟิงโจวที่ถูกทำลายลง เขาก็ดีดตัวขึ้นมานั่งตรงและหัวเราะอย่างเต็มที่ “ ฮ่าฮ่าฮ่า ดี! ดี! ดี! จักรพรรดิองค์นี้คือบุตรแห่งสวรรค์ แม้แต่สวรรค์ก็ยังช่วยเหลือข้า!”

“ กลุ่มโจรกบฎหยานได้กระทำการเลวทรามมามากมายเกินไปและต้องเสียชีวิตลงเนื่องจากความพิโรธของสวรรค์ นี่เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าบุตรแห่งสวรรค์อย่างข้านั้นเป็นตัวแทนของสวรรค์!”

ชูหยวนเหลียงรีบพูดขึ้นต่อว่า “ ฝ่าบาท ท่านสามารถใช้โอกาสนี้เพื่อเสริมสร้างการควบคุมของรัฐโดยรอบเราได้ด้วย มันใกล้จะครบรอบร้อยปีแล้ว บางทีท่านอาจจะได้รับโอกาสต่างๆ มากขึ้นด้วยสิ่งนี้”

“ ถูกต้อง ถูกต้อง รัฐมนตรีชูรู้ใจจักรพรรดิองค์นี้ดีจริงๆ!” จักรพรรดิเจียนหยานอารมณ์ดีมาก ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่ง “ อีกอย่าง เมื่อสองสามวันก่อน เจ้าบอกข้าว่ามันมีผู้ว่าการมณฑลที่สามารถเรียกลมและฝนและสามารถเอาชนะกองทัพโจรที่แข็งแกร่งกว่า 50,000 นายได้ เขาชื่ออะไรนะ?”

“ เรียนฝ่าบาท นั่นน่าจะเป็นผู้ว่าการซุยเฮ็ง” ชูหยวนเหลียงกล่าวด้วยความเคารพ

“ ใช่แล้ว! ซุยเฮ็ง” จักรพรรดิเจียนหยานพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ นี่เป็นคุณูปการครั้งใหญ่หลวง กลุ่มโจรหยานได้สร้างความหายนะมาหลายปีแล้ว และมันก็ไม่มีใครในเฟิงโจวที่สามารถหยุดพวกเขาได้ ดังนั้นแล้วบุคคลผู้นี้จึงถือได้ว่าได้สร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวง”

“ อาจเป็นเพราะเหตุนี้ สวรรค์จึงส่งบทลงโทษลงมาและทำลายกลุ่มโจรหยานจนหมดสิ้น บุญมากก็ต้องตอบแทนให้มาก เฉาฉวนผู้ว่าการ รัฐเฟิงโจวเพิ่งจะถูกลอบสังหารไปเมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับการมอบตำแหน่งผู้ว่าการรัฐเฟิงโจวให้กับซุยเฮ็ง?”

“ เรียนฝ่าบาท ท่านจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ” ในที่สุดชูหยวนเหลียงก็หยุดเห็นด้วย เขาเป็นเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง เขารีบพูดต่อว่า “ แม้ว่าผลงานของซุยเฮ็งจะยอดเยี่ยม แต่เขาก็เป็นเพียงผู้ว่าการมณฑลเล็กๆ ถ้าจู่ๆ เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งกลายมาเป็นผู้ว่าการรัฐขึ้นมา เขาก็อาจจะเผลอไปสร้างศัตรูมั่วได้ และนั่นก็จะไม่ใช่เรื่องดีแน่”

“ นั่นก็ฟังดูสมเหตุสมผลอยู่” จักรพรรดิเจียงหยานพยักหน้าและคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ งั้นเอาแบบนี้เป็นไง? ข้าจะมอบยศแม่ทัพเว่ยหยวนกับทองคำ 300 ตำลึงและตรากองทัพให้กับเขา ด้วยวิธีนี้ เขาก็จะสามารถเกณฑ์ทหารมาอยู่ใต้อาณัติได้ 100,000 นาย”

“…” ชูหยวนเหลียงตกตะลึง

ใครๆ ก็สามารถบอกได้ว่าทหาร 100,000 นายนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกิดการกบฎขึ้นในทันที

อย่างไรก็ตาม ในความคิดที่สอง เขาก็ตระหนักได้ว่าเฟิงโจวนั้นอยู่นอกเหนือการควบคุมของราชสำนักแล้ว ดังนั้นมันจึงดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรที่จะให้ยศแม่ทัพเว่ยหยวนให้กับอีกฝ่าย

ในที่สุดชูหยวนเหลียงก็โค้งคำนับและพูดว่า “ เรียนฝ่าบาท ความเมตตาของท่านช่างกว้างใหญ่ดุจดั่งมหาสมุทร!”

….

ข่าวการล่มสลายของราชาหยานได้แพร่กระจายไปทั่วโลกแล้ว และโดยธรรมชาติแล้ว มันก็ได้ไปถึงมณฑลลู่แล้วเช่นกัน

ซุนผานซื่อและคนอื่นๆ ต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมด

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆ เลย ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ไม่มีใครคิดว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับซุยเฮ็ง

ในยุคแห่งความโกลาหลเช่นนี้ คำกล่าวเรื่องทัณฑ์สวรรค์ก็เป็นสิ่งที่สามารถยอมรับได้

ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่ยับยั้งการกดขี่ประชาชนเลย แต่พวกเขายังโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำ

ในเวลาเดียวกัน ซุนผานซื่อและคนอื่นๆ ก็ยังคงกระจายข่าวลือเกี่ยวกับผู้ว่าการมณฑลคนใหม่

เขาอ้างว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เกิดจากผู้ว่าการมณฑลคนใหม่

ทันทีที่ซุยเฮ็งและคนอื่นๆ มาถึงทางเข้าของมณฑลลู่ พวกเขาก็เห็นพลเมืองจำนวนมากมาคุกเข่าอยู่บนพื้น อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อต้อนรับพวกเขา

ประชาชนเหล่านี้ถือป้ายที่ปักทอด้วยผ้าและมีข้อความเขียนเอาไว้ว่า

“ ขอท่านผู้ว่าการโปรดประทานทางออกให้แก่เราด้วย!”