"เนื่องจากเป็นเช่นนี้ ข้าจะกลับไปหารือกับคนในเผ่าก่อน"
ด้วยการยอมรับของ หลิน ยู ทำให้ มากอร์น รู้สึกโล่งใจเช่นกัน
เพราะเขานั้นรู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะ หลิน ยู ตัวเขาคงได้ตายบนภูเขาไฟลูกนั้นไปแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงการหาวัสดุมาให้เขาในภายหลัง จนเขาสามารถสร้างค้อนเทพเจ้าสงครมได้สำเร็จ รวมถึงยังจัดหาที่อยู่ให้กับเขาอีกด้วย
อันที่จริงตัวเขาไม่อยากจะจากที่นี้ไปเลย
เขาคุ้นเคยกับชีวิตอันเงียบสงบที่เมืองชายแดนนนี้มานานแล้ว
เพียงแต่เขาไม่สามารถทนเห็นคนในเผ่าพันธุ์เดียวกันเกิดความขัดแย้งได้
ในไม่ช้าพวกเขาก็กลับไปยังภูเขาพร้อมกับเหล่าคนแคระจากเผ่าหอกทมิฬและเริ่มพูดคุยเรื่องนี้กับคนในเผ่า
"นายท่าน เหล่าคนแคระกำลังจะออกไปจากเมืองหวงซาของเรางั้นหรือขอรับ"
เซียว ฉางกุ้ย อดไม่ได้ที่จะถามออกมา
ยิ่งเขาอายุเยอะขึ้น เขาก็ยิ่งเห็นความแตกต่างทางด้านเผ่าพันธุ์น้อยลง
ยิ่งไปกว่านั้น คนแคระเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งกับพวกเขามาช่วงเวลาหนึ่ง แม้แต่ในบางครั้ง เหล่าคนแคระก็จะมาร่วมงานเลี้ยงและดื่มไวน์ร่วมกับพวกเขา
พวกเขาถือว่าคนแคระเหล่านี้เป็นเพื่อนของเขาไปแล้ว
ตอนนี้จู่ๆ มีคนมาบอกว่าต้องการให้พวกเขาจากไป เขาอดไม่ได้ที่หนักใจ
"ไม่ต้องกังวล ถึงแม้ว่าพวกเขาจะจากไปจริงๆ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตัดการติดต่อกับพวกเรา"
หลิน ยู นั้นเชื่อมั่นในตัว มากอร์น อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม เขานั้นมีประตูมิติแห่งอาณาจักรลับ ซึ่งสามารถเทเลพอร์จไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ตลอดเวลา
เนื่องจากอาณาจักรคนแคระอยู่ใกล้กับอาณาจักรเอลฟ์ มันจึงไม่น่าจะอยู่ห่างจากเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรลับมากนัก ดังนั้นตัวเขาจึงสามารถเดินทางไปหาได้หากต้องการ
ใช่แล้ว
แม้ว่าสุดท้ายจะรู้สึกเศร้าอยู่นิดหน่อยก็ตาม
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุ้นกันอยู่นั้น
มากอร์นและคนอื่นๆ รีบเดินทางออกจากเมืองหวงซาอย่างรวดเร็ว กลับไปภูเขาในเผ่า
รวบรวมเหล่าผู้อาวุโสและสมาชิกในเผ่า ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ นั่งล้อมรอบเตาหลามเริ่มการประชุมเผ่าขึ้น
หลังจากแนะนำ คนในเผ่าหอกทมิฬ สั้นๆ มากอร์นก็อธิบายสาเหตุและผลกระทบทุกอย่างและฟังความเห็นของคนในเผ่า
"ราชามากอร์น ท่านหมายความว่าจะให้เราลงคะแนนว่าจะอยู่ต่อหรือจะไปงั้นเหรอ?"
หลังจากที่ฟังเรื่องราว พ่อของมากอร์น ผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่า ค้อนสงคราม ก็ได้ถามขึ้น
"อืม หลิน ยู นั้นเป็นคนดี ดีมากๆ ดังนั้นพวกเราต้องตัดสินใจว่าจะอยุ่หรือไป" มากอร์นพยักหน้าและพูดขึ้น
เสียงของเขาแผ่วเบากว่าปกติมาก แต่มันยังคงก้องไปทั่วเตาหลอม ที่ด้านในเป็นลาวาพวยพุ่งออกมา
ในช่วงเวลานี้
เหล่าคนแคระทั้งหมดเงียบลง
แม้แต่ผู้อาวุโสที่หัวแข็งที่สุดที่เคารพบรรพชนของเขาเป็นอย่างมากก็เงียบลง
ไม่ต้องพูดถึงคนแคระรุ่นเยาว์ทั้งหลาย
หลายคนเกิดหลังจากที่เผ่าของเขาแยกตัวออกมาจากอาณาจักร
อาณาจักรคนแคระนั้นไม่คุ้นเคยกับพวกเขา พวกเขานั้นไม่ได้ดีแม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับชาวนาในเมืองหวงซาที่คอยส่งอาหารให้กับเขา
ทำให้พวกเขาสามารถสร้างบ้านอยู่ที่นี้ได้อย่างมั่นคง
ตอนนี้จู่ๆ ก็มีคนมาพูดว่าอยากให้พวกเขากลับไปยังอาณาจักร เขารู้สึกสับสนอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าต้องทำอะไรอยู่พักหนึ่ง
เตาหลอมทั้งหมดกลายเป็นเงียบสงัด
ได้ยินเพียงเสียงลาวาพลุ่งพล่านออกมา
"ท่านราชา"
ในที่สุด คนแคระที่อยู่ข้างๆทั่งเหล็ก ข้างเขาก็พูดขึ้น
การแสดงออกของเขาดูลังเลเล็กน้อย แต่หลังจากพบกับการจ้องมองของ มากอร์น เขาก็กลายเป็นคนแน่วแน่
"ข้าไม่อยากไปจากที่นี้"
"ทำไม?"
การแสดงออกของ มากอร์น ไม่เปลี่ยนแปลง เขาเฝ้ามองคนแคระที่อยู่ตรงหน้า
"มันไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่ชอบที่นี้"
เคราะที่มุมปากของอิกนีลยกขึ้นเล็กน้อย
"ผู้คนในเมืองหวงซานั้นเป็นคนดีมาก พวกเขามักช่วยเหลือเราเสมอ บางครั้งพวกเขายังแอบส่งอาหารให้เรามากขึ้นด้วย อีกแม้แต่ตอนที่มีงานเลี้ยงพวกเขายังชวนข้าไปดื่มด้วย ทำให้ข้าได้พบเจอผู้คนมากมายจากเผ่ามนุษย์"
"เขาคิดว่าหากเทียบกับอาณาจักรคนแคระที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน ข้าคิดว่าที่นี้คงจะเหมาะกับข้ามากกว่า"
"ถ้าหากอิกนีลอยู่ ข้าก็จะอยู่ด้วย" บาร์ทอม พูดต่อทันที
จากนั้นราวกับจุดเริ่มต้นของการพูดคุย เหล่าคนแคระต่างเริ่มแสดงความเห็นของพวกเขามากขึ้น
"ข้าก็เหมือนกัน ข้าเคยทำงานในร่างช่างตี้หล็ก เพื่อนมนุษย์เหล่านั้นใจดีกับข้ามาก"
"ข้าจะไปทุกๆที่ท่านราชาไป"
"ข้าไม่รู้ว่าที่อื่นนั้นเป็นอย่างไร แต่ข้าว่าที่นี้ดีที่สุดแล้ว"
"กลุ่มคนพวกเหล่านั้นที่สร้างปัญหา ก็ปล่อยให้เขาสร้างปัญหาไป มันไม่ได้ส่งผลต่อเผ่า ค้อนสงคราม ของเรานิ"
"ข้าอยากกลับไปที่อาณาจักรดู ข้าจำไม่ได้แล้วว่ามันเป็นอย่างไรหลักจากที่ข้าจากมา"
เหล่าคนแคระ ต่างพูดต่างความเห็น
แต่ส่วนมากพวกเขาตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี้เป็นส่วนใหญ่
ไม่รู้ว่าทำไม
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนในเผ่า มากอร์น ก็รู้สึกโล่งใจ
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ได้ตัดสินใจ หันไปมอง เลเซอร์ ที่อยู่ข้างๆเขา "เลเซอร์ เจ้าได้เห็นแล้วว่าคนในเผ่าของเขาไม่อยากจะจากที่นี้ไป"
"แต่ข้านั้นสัญญากับเจ้าว่าเขาจะกลับไปยังอาณาจักรกับเจ้าเพื่อแก้ปัญหาภายในอาณาจักร แต่ข้ากลับมายังที่นี้ ทำกลับมาบ้านของเขาหลังจากจัดการเรื่องราวต่างๆเสร็จสิ้น"
"นี้มัน..."
เลเซอร์ และลูกน้องของเขาต่างมองหน้ากัน ดูไม่ได้เล็กน้อย
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกในคนเผ่า ค้อนสงคราม พวกเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ อย่างน้อยผลลัพธ์นี้ก็ดีกว่าผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดที่พวกเขาคิดเอาไว้
"ได้ แล้วพวกเราจะไปกันเมื่อไร"
"พรุ่งนี้ ข้าจะบอกกับ หลิน ยู ว่าข้าขอใช้ประตูมิติของเขาเพื่อเทเลพอร์ตไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์"
"เยี่ยม มันจะได้เร็วขึ้น"
ดวงตาจอง เลเซอร์ เปล่งประกาย เห็นได้ชัดว่าเขารู้จักประตูมิติแห่งอาณาจักรลับ
สุดท้านแล้ว ที่เขามาที่นี้ในครั้งนี้ เขาต้องใช้ทรัพยากรไปเป็นจำนวนมากเพื่อใช้เทเลพอร์ตระยะไกลพิเศษ
ถ้าหากเขาสามารถใช้ประตูแห่งอาณาจักรลับได้ มันคือทางเลือกที่ดีที่สุด
....
นี้คือเรื่องราวทั้งหมด
หลังจากการพูดคุยสั้นๆ
ในที่สุดการประชุมก็จบลง
จากข่าวนี้ มากอร์น ก็ได้มาพบ หลิน ยู ซึ่งกำลังตรวจสอบงานนอกเมืองหวงซา และบอกต่อเขา
"เจ้าจะไม่ตกอยู่ในอันตรายเหมือนในอดีตใช่ไหม"
หลิน ยู ที่ได้รู้เรื่องราวเขาก็มีความสุขอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็อดที่ถามออกมาอย่างเป็นห่วงไม่ได้
"ไม่ต้องกังวลไป เผ่า หอกทมิฬ มีความสัมพันธุ์ใกล้ชิดกับเผ่า ค้อนสงคราม มากพวกเราเป็นคนจัดหาอุปกรณ์ให้กับพวกเขา พวกเขาก็เป็นคนจัดหานักรบให้กับพวกเรา"
มากอร์น พูดออกมาเบาๆ
"จริงๆแล้ว" เลเซอร์ พยักหน้าอย่างเงียบๆ
"ค้อนเทพเจ้าสงครามเป็นดั่งตัวแทนของเจตจำนงแห่ง เทพสงคราม ใครก็ตามที่กล้าลบหลู่เจตจำนงของ เทพสงคราม จะถูกโจมตีโดยทุกเผ่า เจ้าสามารถวางใจได้ ข้าจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องมากอร์น"
"เจ้า?"
หลิน ยู มองไปยัง เลเซอร์อย่างสงสัย
ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร ดูเหมือนเข้าก็เพียงระดับ 9 เท่านั้น
แม้ว่ามันจะไมไ่ด้แยบนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนที่อยู่ในระดับ 9 หรือมากกว่า
"มนุษย์! นี้เจ้าสงสัยในความแข็งแกร่งของเผ่า หอกทมิฬ ของข้าอย่างนั้นหรือ?"
ดูเหมือนว่าความสงสัยในดวงของเขา จะทำให้คนแคระเผ่าหอกทมิฬเริ่มรำคาญ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่พอใจอย่างมาก
โชคดีที่ มากอร์นตอบสนองได้ทันท่วงที รีบเข้ามาขวางเอาไว้และอธิบายว่า "เผ่า หอกทมิฬนั้น เป็นเผ่าที่ทรงพลังที่สุดในบรรดาเผ่าพันธุ์คนแคระที่งหมด พวกเขาเกิดมาพร้อมกับความสามารถในการสื่อสารกับเทพเจ้า"
"อย่าคิดว่า เลเซอร์ เป็นเพียงระดับ 9 ธรรมดา เมื่อเขาเข้าสู่การต่อสู้ เขาสามารถใช้พลังที่ได้รับมาจากเทพสงคราม สื่อสารกับเหล่าทวยเทพ เพื่อเพิ่มพลังให้กับพวกเขาได้ระดับ 1 ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่มีเขาคุ้มครองอยู่ก็เพียงพอแล้ว"
"เพิ่มพลังขึ้น 1 ระดับ!?"
หลิน ยู ตกตะลึงไปในทันที
ถ้าระดับ 9 เพิ่มขึ้นไป 1 ระดับ นั้นไม่ใช่ระดับ 10 งั้นเหรอ?
พรสวรรค์ในการต่อสู้ของเผ่าหอกทมิฬ นี้ ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ระดับ 10 กับระดับ 9 นั้นแตกต่างกันอย่างมาก
ในช่วงเวลาสั้นๆ มันก็เพียงพอที่จะให้เขาสังหารระดับ 9 ได้หลายครั้งแล้ว
ตอนนี้เขาดูเหมือนจะเข้าใจเล็กน้อยแล้วว่าทำไมเหล่าคนแคระที่มีวิธีตีเหล็กที่ทรงพลัง พวกเขาถึงสามารถต้านทานตัวตนระดับสูงที่ละโมบเหล่านั้นได้
อาศัยพรสวรรค์นี้เพียงอย่างเดียว คงมีเพียงไม่กี่คนที่กล้ายั่วยุเขา
"ฮึ่มม! ที่นี้เจ้าก็คงจะรู้แล้วซินะ!"
เลเซอร์ เงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจราวกับพวกเขาหมายถึงเขา
"มันยอดเยี่ยมจริงๆ"
หลิน ยู ต้องยอมรับความจริงข้อนี้
จากนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้และพูดต่อ "เมื่อพวกเจ้ากลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ งั้นเจ้าก็ควรจะผ่านอาณาจักรเอลฟ์ใช่ไหม"
"ใช่ อาณาจักรคนแคระของเรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรเอลฟ์ ดังนั้นพวกเราจึงจะไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรเอลฟ์เพื่อขอใช้เทเลพอร์ตกลับไปยังอาณาจักรคนแคระโดยตรง"
"จริงเหรอ? ดีเลย ข้าก็มีเรื่องที่ต้องไปทำที่ป่าแห่งวิญญาณเหมือนกัน งั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วยเมื่อถึงเวลา"
"เจ้ากำลังจะไปที่ป่าแห่งวิญญาณงั้นเหรอ?"
มากอร์น และ เลเซอร์ ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง มองเข้าด้วยความประหลาดใจ
"ข้าไม่คัดค้าน แต่เจ้าควรรู้ไว้ว่าพวกเอลฟ์นั้นไม่ต้อนรับมนุษย์ให้เข้าไปในป่าของพวกเขา เจ้าแน่ใจหรือว่าจะยังที่นั้น"
"เลเซอร์พูดถูก พวกเอลฟ์นี้น่าคำราญพวกนั้นหยิ่งเป็นบ้า หากเจ้าไม่ระวัง เจ้าอาจจะถูกโจมตี แล้วเจ้าไปทำอะไรที่นั่นกันละ"
"ข้าไปเพราะสิ่งนี้"
หลิน ยู พลิกฝ่ามือของเขาเผยให้เห็นเครื่องหมายที่อยู่บนหลังมือของเขา เมื่อได้สองได้ยินคำพูดเขาก็มองไปที่หลังมือของเขาทันที
ในวินาทีถัดมา
ทันใดนั้นดวงตาของเลเซอร์ก็เบิกกว้าง
"นี้มัน... เครื่องหมายบุตรแห่งธรรมชาติ! เจ้ามีสิ่งนี้ได้อย่างไรกัน"
"เจ้าพูดว่าอะไรนะ นี้มันเครื่องของเอลฟ์นะ"
มากอร์นก็ตกตะลึงเช่นกัน
เขาเคยเห็นเครื่องหมายนี้บนหลังมือของ หลิน ยู มาก่อน
ในตอนนั้น เขาคิดว่าเป็นเป็นเพียงสัญลักษณ์แปลกๆเท่านั้น แต่เสียงร้องของ เลเซอร์ ทำให้เขาตกใจมาก
เห็นได้ว่าเขารู้เกี่ยวกับเครื่องหมายอันนี้ดี
มีเพียง หลิน ยู เท่านั้นที่ไม่รู้ เขาถามขึ้นด้วยความสงสัย "ก่อนหน้านี้ข้าสื่อสารกันตอนไม้ในวิหารแห่งธรรมชาติภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ และเหล่าเอลฟ์ก็มอบสิ่งนี้ให้กับข้า"
เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็หยิบโทเค็นที่มีรูปใบไม้ที่เอลฟ์ชรามอบให้กับเขาก่อนหน้านี้
เมื่อเลเซอร์เห็นโทเค็น นี้ใบหน้าของเขาก็ตกตะลึงอีกครั้ง "หากข้าคิดไม่ผิด โทเค็นอันนี้จะมอบให้กับแขกผู้มีเกียรติของอาณาจักรเอลฟ์เท่านั้นที่จะสามารถมีได้"
"แขกผู้มีเกียรติ?"
"ใช่ พวกเขาน่าจะรับรู้ข้อมูลคำพยากรณ์จาก เทพแห่งธรรมชาติผ่านเครื่องหมายบนเมือของเจ้า เหมือนกับที่เหล่าคนแคระของเราเชื่อในเทพแห่งสงคราม เหล่าเอลฟ์ก็เชื่อใน เทพแห่งธรรมชาติเช่นกัน"
"ข้าว่าแล้วเชียว"
หลิน ยู ก็ตระหนักได้ทันที
ถ้าเขาพูดอย่างนั้น เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องหมายนี้จะเป็นอันตรายต่อเขา
เพียงแค่ใช้โอกาศนี้ในการเข้าไปยังอาณาจักรเอลฟ์ และสอบถามเกี่ยวกับเครื่องหมายที่อยู่บนตัวเขา
ไม่รู้ว่าทำไม
เขามักจะรู้สึกว่ามีความลับที่ยิ่งใหญ่อยู่ในนั้น
แต่สักวันเขาก็ต้องรู้อยู่ดี
เรื่องนี้จะรอช้าไม่ได้ ควรแก้ไขให้เร็วที่สุดจะดีกว่า
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved