ตอนที่ 326

บทที่ 326: สร้างเทพจันทรา

บ่อยครั้ง เมื่อปราชญ์แห่งราชวงศ์หวู่มาถึง พวกเขาก็จะปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้โดยราชวงศ์หวู่เป็นการชั่วคราว แต่ทันทีที่ปราชญ์แห่งราชวงศ์หวู่จากไป พวกเขาก็จะกลับสู่รูปลักษณ์เดิมในทันที

ในสถานการณ์ที่การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางไกลไม่สะดวกนัก สถานการณ์นี้ก็หลีกเลี่ยงได้ยากมาก

เพราะเหตุนี้เอง หลังจากที่เป่ยฉิงซูรวมอาณาจักรห้าทัศนะเข้าด้วยกัน เขาจึงเข้าสู่สงครามบ่อยขึ้น

เวลาและพลังงานทั้งหมดถูกใช้ไปกับด้านนี้

และด้วยเหตุนี้เอง ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา เป่ยฉิงซูจึงสั่งให้สร้างค่ายกลเคลื่อนย้ายจำนวนมากบนดาวเคราะห์ทั้งห้าของอาณาจักรห้าทัศนะเพื่อให้สะดวกสำหรับการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูล

จากนั้นราชวงศ์หวู่ก็ค่อยๆ ขยายไปทั่วทั้งอาณาจักรห้าทัศนะ

อย่างไรก็ตาม มันก็เห็นได้ชัดว่าต้องใช้เวลาพอสมควรในการเปลี่ยนแปลงมันให้สมบูรณ์ตรงตามกับทิศทางของซุยเฮ็ง

ถึงอย่างนั้น มันก็ยังทำให้ซุยเฮ็งพัฒนาขึ้นมาก

ตราบเท่าที่การเปลี่ยนแปลงได้นำไปสู่แบบของโลกที่เขาต้องการ เขาก็จะสามารถปรับปรุงตัวอ่อนวิญญาณของเขาได้

สิ่งนี้ยังทำให้พลังธรรมของเขาแข็งแกร่งขึ้น และอิทธิพลของเขาที่มีต่อกฎภายนอกก็ยังเพิ่มขึ้นอีก

ในตอนนี้ ซุยเฮ็งก็สามารถห่อหุ้มดาวชงหยางทั้งหมดเอาไว้ด้วยพลังธรรมของเขาได้อย่างง่ายดาย

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ทำการทดลองเล็กๆ บนดวงจันทร์ที่อยู่ใกล้กับดาวชงหยางมากที่สุด

ด้วยการปรับเปลี่ยนกฎบนนั้น ดวงจันทร์ที่อ้างว้างดวงนี้จึงกลายมามีสภาพแวดล้อมเหมาะสำหรับอยู่อาศัย

และด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเริ่มสร้างบรรยากาศและมีแม่น้ำลำธารและอื่นๆ ปรากฏขึ้น

ในเวลาเพียงไม่กี่ทศวรรษ ดวงจันทร์ดวงนี้ก็ได้กลายเป็นดาวที่มีชีวิตขนาดเล็ก สิ่งมีชีวิตที่ค่อนข้างดึกดำบรรพ์ได้เริ่มถือกำเนิดขึ้นแล้ว

ในขณะนี้ ซุยเฮ็งก็กำลังยืนอยู่บนดวงจันทร์ที่เต็มไปด้วยพลัง

เบื้องหน้าของเขาคือทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สะท้อนเงาของต้นไม้สูงตระหง่านรอบตัวเขา เมื่อแสงแดดส่องกระทบ มันก็เปล่งแสงสีทองจางๆ แวววาว

แต่เดิมที่นี่เป็นปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ ทุกคนสามารถมองเห็นมันได้ด้วยตาเปล่าจากนอกโลก

หลังจากที่ดวงจันทร์กลายเป็นดาวเคราะห์ที่มีชีวิตแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดบนดาวดวงนี้

“ ก่อนจากไป ข้าจะต้องทิ้งของดูต่างหน้าเอาไว้ที่นี่สักหน่อย”

ดวงตาของซุยเฮ็งลึกล้ำในขณะที่เขามองไปที่ทะเลสาบและพึมพำกับตัวเอง จากนั้นเขาก็ยกนิ้วขึ้นและชี้ไปข้างหน้าอย่างนุ่มนวล เขาพูดเสียงเบา “ เทพจันทรา!”

ทันทีที่เขาพูดจบ ร่องรอยของพลังธรรมก็ไหลออกมาจากปลายนิ้วของเขา หลังจากผสมผสานเข้ากับกฎอันไร้ที่สิ้นสุด มันก็กลายเป็นแสงที่ใสมากและตกลงไปในทะเลสาบขนาดใหญ่

น้ำในทะเลสาบที่เงียบสงบแต่เดิมกระเพื่อมขึ้นในทันที กระแสน้ำวนปรากฏขึ้นกลางทะเลสาบ และน้ำในทะเลสาบโดยรอบก็เริ่มพุ่งสูงขึ้น

แสงแดดที่ตกกระทบบนผืนน้ำในทะเลสาบก่อนหน้านี้บิดเบี้ยวและโฟกัสไปที่ใจกลางของกระแสน้ำวนในทะเลสาบ มันเกิดเป็นเงาพร่ามัวเล็กน้อย

ร่างเงานี้มีเส้นโค้งที่ชัดเจน มันเหมือนกับเรือนร่างของผู้หญิง ร่างกายของเธอถูกอาบไปด้วยแสงที่สว่างและนุ่มนวลราวกับแสงจันทร์ในตอนกลางคืน

น้ำในทะเลสาบรอบตัวเธอค่อยๆ ระเหยกลายเป็นหมอกสีขาวที่ลอยอยู่ในอากาศ

ครู่ต่อมา แสงและเงาที่แต่เดิมพร่ามัวก็ได้ควบแน่นกลายเป็นหญิงสาวสวย เธอเดินออกมาจากกลางทะเลสาบ ฝ่ากลุ่มควันสีขาวหนาทึบ และมาถึงหน้าซุยเฮ็งอย่างช้าๆ

ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะอายุประมาณ 20 ปี ใบหน้าของเธองดงามและสดใสจนผิดปกติ ผิวของเธอเป็นสีขาวราวหิมะ มันสว่างไสวราวกับแสงจันทร์อันบริสุทธิ์และไร้ที่ติ

เธอสวมชุดสีขาวราวพระจันทร์ มันเรียบง่ายและสง่างาม ไม่มีการตกแต่งพิเศษใดๆ แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงส่วนโค้งที่สง่างามของเธอได้เป็นอย่างดี เมื่อรวมเข้ากับผมสีดำนุ่มสลวยที่ปรกไหล่ของเธอแล้ว เธอก็ยิ่งดูศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีก

“ คารวะท่านประมุขเซียน” ผู้หญิงคนนั้นคุกเข่าลงและคำนับซุยเฮ็งด้วยความเคารพ

“ ลุกขึ้น” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและพูดว่า “ จากนี้ไป เจ้าคือเทพจันทราแห่งดาวชงหยาง”

ราวกับว่าคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเขาเป็นคำสั่งจากสวรรค์ ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ อักษรรูนเต๋าและกฎบนดวงจันทร์ทั้งดวงก็ควบแน่นและรวมตัวกันกลายเป็นหินหยกสีขาวใสที่ลอยอยู่ต่อหน้าเทพจันทรา

ในเวลาเดียวกัน ดวงอาทิตย์ที่เปล่งแสงและความร้อนอันไม่รู้จบในใจกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็ริบหรี่ลง เกร็ดพลังเล็กน้อยของดวงอาทิตย์ถูกดูดออกมาและตกลงบนดวงจันทร์ มันเปลี่ยนเป็นพลังหยินในทันที

พลังหยินนี้ปรากฏชัดเจนราวกับแสงจันทร์และหลอมรวมเข้ากับหยกขาวบริสุทธิ์ มันสลักคำสองคำไว้บนนั้น

เทพจันทรา

“ นี่คือตราเทพของเจ้า” ซุยเฮ็งกล่าวอย่างเฉยเมย จากนั้นเขาก็ตวัดนิ้วเบาๆ และตราเทพจันทราก็พุ่งเข้าใส่หน้าอกสูงตระหง่านของอีกฝ่ายโดยตรง “ ในอนาคต เจ้าก็จะทำหน้าที่ปกป้องอาณาจักรห้าทัศนะ”

“ รับทราบท่านประมุขเซียน!” เทพจันทราโค้งคำนับด้วยความเคารพ เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองซุยเฮ็ง

“ อืม” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและไม่ได้พูดอะไรต่อ

จากนั้นร่างของเขาก็หายออกไปจากดวงจันทร์และมาถึงความว่างเปล่าภายนอก

เทพจันทราองค์นี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่สร้างขึ้นมาโดยซุยเฮ็งโดยใช้วิธีการที่คล้ายกับเก้ามังกรเพลิง มันมีร่องรอยของพลังธรรมของเขาและเกิดมาพร้อมกับการฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นต้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งเทพจันทรา เขาจึง “ปั้น” เธอให้กลายเป็นผู้หญิง

ด้วยวิธีนี้ อาณาจักรห้าทัศนะจึงจะปลอดภัยมากขึ้น

อย่างน้อยๆ สถานที่สำคัญๆ ก็จะไม่ถูกทำลายลงโดยกองกำลังจากภายนอก

อันที่จริงแล้ว สำหรับซุยเฮ็งในปัจจุบัน การสร้างสิ่งมีชีวิตขอบเขตรวมวิญญาณขั้นต้นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ตอนนี้เขาอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตรวมวิญญาณแล้ว และได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางสู่ขอบเขตก่อเกิดวิญญาณแล้ว

เมื่อเทียบกับการฝึกตนขอบเขตรวมวิญญาณขั้นต้น พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน

นี่แหละคือเสน่ห์ของการฝึกจน

….

ก่อนออกจากอาณาจักรห้าทัศนะ ซุยเฮ็งก็อยู่บนดาวเคราะห์ทั้งห้าดวงนี้เป็นระยะเวลาหนึ่ง

ตามการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันของดาวเคราะห์แต่ละดวง เขาจึงสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ต่างกันออกไป

พร้อมกันนั้น เขาก็ยังได้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของพลังธรรม

เมื่อแก่นแท้ของตัวอ่อนวิญญาณของเขาโตขึ้นและเอฟเฟกต์พิเศษของพลังธรรมของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น เขาก็เริ่มมีความรู้สึกที่คลุมเครือ...

สถานะแบบของโลกในขั้นตอนการทะลวงผ่านไปยังขอบเขตก่อเกิดวิญญาณนั้นอาจค่อนข้างสำคัญสำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตก่อเกิดวิญญาณ

และเขาก็อาจจะเข้าใจมันได้จริงๆ ก็ต่อเมื่อเขาได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตก่อเกิดวิญญาณอย่างแท้จริงแล้วเท่านั้น

“ การฝึกตนนั้นไร้ที่สิ้นสุด”

ซุยเฮ็งถอนหายใจเบาๆ และเริ่มสวดคาถา

คาถาเซียนเคลื่อนย้ายหมื่นสวรรค์!

มันยากมากที่จะฝึกฝนคาถานี้ ในช่วง 200 ปีที่ผ่านมา เขาก็ไม่เคยผ่อนคลายการฝึกฝนของเขาเลย เขาได้แต่ฝึกฝนคาถานี้จนไปถึงขอบเขตรวมวิญญาณขั้นสุดท้าย

แน่นอนว่าการปรับปรุงนั้นชัดเจน

เดิมที เขาก็สามารถใช้มันเพื่อเทเลพอร์ตห่างออกไป 300 ปีแสงได้เท่านั้น แต่ตอนนี้เขาก็สามารถเดินทางข้าม 600 ปีแสงได้โดยตรงแล้ว

เวลาที่ต้องใช้ในการร่ายคาถาเองก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน จากสามวันสามคืนในตอนแรกก็เหลือเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืน

ในตอนที่เขาออกมาจากดาวเต๋าโจว เขาก็ได้ทิ้งเครื่องหมายวิญญาณไว้เบื้องหลังแล้ว และในตอนนี้ เขาก็เพียงแค่ต้องสวดคาถาเซียนนี้เพื่อเคลื่อนย้ายกลับไป

มันจะช่วยประหยัดเวลาและความพยายามของเขาได้มาก

และเนื่องจากเขายังต้องกลับไปที่ดาวชงหยางหลังจากมาที่ดาวเต๋าโจว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกลาใครเลย

หนึ่งวันหนึ่งคืนต่อมา

ซุยเฮ็งรู้สึกว่าพื้นที่มิติรอบตัวเขาเริ่มบิดเบี้ยว ในชั่วพริบตา แสงและเงาก็เปลี่ยนไป และสีสันจำนวนนับไม่ถ้วนก็พันวนกันต่อหน้าต่อตาเขา

ในช่วงเวลาต่อมา เขาก็รู้สึกตัวอีกทีว่าเขาได้ยืนอยู่ในเมืองฉางเฟิงแล้ว..