ตอนที่ 74

บทที่ 74: ราชาสวรรค์หงหวู่

ชื่อหงหวู่ทำให้ซุยเฮ็งนึกถึงบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งราชวงศ์หมิงบนโลก

ในเวลาเดียวกัน เขาก็รอคอยที่จะได้ยินมากขึ้นเช่นกัน เป็นไปได้ไหมว่าหงฟู่กุ่ยจะได้เปลี่ยนชื่อของเขา?

แต่ถ้าเป็นหงฟู่กุ่ยจริง ผู้นำของโลกจะกลายเป็นต้าจินได้อย่างไร?

เขาล้มเหลวอย่างงั้นหรอ?

หลิวหลี่เต๋าและซูเฟิงอันคิดว่าซุยเฮ็งเป็นเซียนจากโลกอื่น ดังนั้นเขาจึงไม่เคยได้ยินเรื่องราชาสวรรค์หงหวู่

นอกจากนี้ หลังจากที่ราชวงศ์ต้าจินก่อตั้งขึ้น พวกเขาก็ยังควบคุมข้อมูลเกี่ยวกับราชวงศ์ก่อนหน้านี้อย่างเข้มงวด ด้วยเหตุนี้เอง โดยธรรมชาติแล้ว มันจึงมีคนน้อยมากที่รู้เรื่องนี้

และ ณ จุดนี้ มันก็ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาเลย แม้แต่ผู้ว่าการมณฑลเองก็ยังอาจจะไม่รู้

ในขณะนี้ ทั้งสองก็มองหน้ากัน พวกเขาต้องการจะตอบคำถามของซุยเฮ็งแต่พวกเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้

ซุยเฮ็งมองของพวกเขาและพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ ซูเฟิงอันพูดต่อได้”

“ ขอบคุณท่านผู้ว่าการ” ซูเฟิงอันโค้งคำนับก่อนจะดำเนินการเล่าต่อ “ ตามบันทึกของศาลากระบี่ยู่หัว ราชาสวรรค์หงหวู่ก็ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในปีที่ 12 ของราชวงศ์ก่อนหน้า ซึ่งก็คือเมื่อ 288 ปีที่แล้ว…

ในขณะนั้น มันก็เป็นช่วงปลายของราชวงศ์ มันมีกองทัพปฏิวัตินับไม่ถ้วนและในเวลานั้น ราชาสวรรค์หงหวู่ก็เป็นหัวหน้าของกองทัพปฏิวัติ เขาเป็นนายทหารที่สามารถจัดการคนเป็นร้อยได้ด้วยตนเพียงลำพัง...”

ในคำอธิบายของเขา ราชาสวรรค์หงหวู่ก็เริ่มต้นจากนายทหารธรรมดา

ด้วยการสะสมความดีความชอบในการต่อสู้ เขาจึงได้กลายมาเป็นผู้หมวด ผู้บังคับกองร้อย และจากนั้นก็เป็นแม่ทัพทีละขั้น และหลังจากที่เขาแต่งงานกับลูกสาวของผู้นำกองทัพปฏิวัติ เขาก็ได้ควบคุมกองกำลัง 100,000 นายอย่างสมบูรณ์

หลังจากเข้าควบคุมกองทัพแล้ว ราชาสวรรค์หงหวู่ก็ได้ผูกมัดจิตใจของผู้คนเอาไว้อย่างกว้างขวาง ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็ได้รวบรวมพลเมืองจำนวนมากและผูกมัดพวกเขาเอาไว้กับอุดมการณ์ของเขา และในเวลาเพียงไม่กี่ปี เขาก็ได้พัฒนากองทัพจนมีทหารมากถึงหนึ่งล้านนายและเริ่มกวาดล้างไปทั่วโลก เขาค่อยๆ สร้างยศฐาบรรดาศักดิ์จนกลายมาเป็นราชาสวรรค์

เมื่อถึงจุดสิ้นสุดของราชวงศ์ มันก็ย่อมส่งผลกระทบต่อสำนักและตระกูลใหญ่ต่างๆ

และขณะที่ราชาสวรรค์หงหวู่ขยายตัวออกไป ผลประโยชน์ของบางสำนักและบางตระกูลก็เริ่มได้รับผลกระทบ

ด้วยเหตุนี้เอง สำนักและตระกูลใหญ่จึงได้ส่งคนมาเจรจากับเขา และหลังจากที่การเจรจาล้มเหลว พวกเขาก็ต้องการจะใช้กำลังและถึงกับฆ่าบุตรชายของราชาสวรรค์หงหวู่

สิ่งนี้สร้างความบาดหมางในระดับความเป็นและความตาย ราชาสวรรค์หงหวู่เริ่มเข่นฆ่าผู้ฝึกตนอย่างไร้จุดหมาย

ไม่มีขุมอำนาจใดในโลกที่จะสามารถรอดพ้นจากความเกรี้ยวโกรธของเขาไปได้

นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับตระกูลหวังแห่งหลางหยา พวกเขาเป็นผู้ร้ายที่ทำให้ลูกชายคนโตของราชาสวรรค์หงหวู่ต้องเสียชีวิต เมื่อพวกต้องเผชิญหน้ากับกองทัพนับล้าน ไม่ว่าผู้ฝึกตนของพวกเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด และไม่ว่าเคล็ดวิชายุทธ์ของพวกเขาจะน่าตกใจมากแค่ไหน แต่มันก็ล้วนไร้ประโยชน์ ทั้งตระกูลของพวกเขาเกือบจะถูกกำจัดลง

ในท้ายที่สุด ผู้ฝึกตนขอบเขตเทพก็ได้เคลื่อนไหวและนำทายาทสายตรงของตระกูลหวังแห่งหลางหยาสองสามคนออกไปเพื่อรักษาสายเลือดของพวกเขาเอาไว้

หลังจากการต่อสู้กันในครั้งนั้น หลายสำนักและหลายตระกูลก็ได้เข้าใจอย่างสมบูรณ์แล้วว่าราชาสวรรค์หงหวู่นั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย

ด้วยเหตุนี้เอง สำนักและตระกูลใหญ่นับไม่ถ้วนจึงเริ่มผนึกกำลังกัน

ประการแรก พวกเขาหมิ่นประมาทราชาสวรรค์หงหวู่ในที่สาธารณะ และในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็ใช้กำลังของตัวเองเพื่อรวบรวมกองทัพ

พวกเขาได้ส่งยอดฝีมือไปลอบสังหารเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สำนักและตระกูลใหญ่จำนวนมากมักจะใช้วิธีนี้โดยต้องการจะแก้ปัญหาที่ต้นตอของปัญหา

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครคาดคิดว่าราชาสวรรค์หงหวู่จะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้อยู่ในครอบครอง

เขาสามารถฆ่าผู้ฝึกตนขอบเขตเทพลงได้ด้วยการตวัดกระบี่เพียงครั้งเดียว!

มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะลอบสังหารและตัดหัวเขา!

อย่างไรก็ดี การกระทำเหล่านี้ก็ยังคงทำให้ราชาสวรรค์หงหวู่รู้สึกโกรธจัด

เขาสั่งประหารผู้ฝึกตนขอบเขตเทพทุกคนบนโลกโดยไม่สนว่าพวกเขาจะมาจากสำนักหรือตระกูลใดก็ตาม!

ภัยพิบัติในโลกยุทธ์นี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

“ แค่นั้นเองหรอ?”

ซุยเฮ็งขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้ยินสิ่งนี้

จากคำอธิบายของซูเฟิงอัน ราชาสวรรค์หงหวู่คนนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงผู้นำกองทัพปฏิวัติที่มีความแข็งแกร่งเล็กน้อย

เขาดูไม่เหมือนกับหงฟู่กุ่ยเลย

ในตอนนั้น หงฟู่กุ่ยก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายมาจากเขา

หลังจากที่ซูเฟิงอันอธิบายสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับราชาสวรรค์หงหวู่เสร็จ เขาก็เห็นซุยเฮ็งตกอยู่ในห้วงความคิด

สิ่งนี้ทำให้เขางงงวยและประหม่าเล็กน้อย เขารู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเขาอาจจะพูดอะไรผิดไป แต่กระนั้นเขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเขาพูดอะไรผิดไป

“ ราชาสวรรค์หงหวู่ที่ท่านพูดมานั้นยังไม่ครอบคลุมพอ” ทันใดนั้นหลิวหลี่เต๋าก็พูดขึ้น น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเคารพ “ พูดตามตรง นั่นก็เป็นเพียงราชาสวรรค์หงหวู่ในสายตาของสำนักยุทธ์”

“ ที่จริงแล้ว ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของราชาสวรรค์หงหวู่ก็ไม่ได้อยู่ที่ความแข็งแกร่งทางการทหารของเขา และมันก็ยังไม่ได้อยู่ที่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ในมือของเขาด้วย แต่มันอยู่ในความคิดของเขา การปกครองแบบทหาร และอุดมคติในการบริหารของเขา”

“ ในช่วงร้อยปีแรกของราชวงศ์ต้าจิน ราชสำนักก็ห้ามไม่ให้ผู้ใดอ่านข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับราชาสวรรค์หงหวู่ นี่เป็นเพราะพวกเขากลัวอุดมคติของเขา!”

ขณะที่เขาพูด รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความชื่นชม “ ปกติแล้วข้าจะชอบอ่านหนังสือเวลาว่าง ดังนั้นข้าจึงเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี”

“ อันที่จริง ตราบใดที่ท่านศึกษาประวัติของราชาสวรรค์หงหวู่อย่างรอบคอบ ท่านก็จะพบว่าเขานั้นแตกต่างจากผู้นำทั้งหมดในกองทัพปฏิวัติและแม้แต่จักรพรรดิหรือแม่ทัพทุกคนในสมัยโบราณ”

“ มันไม่เคยมีจักรพรรดิหรือแม่ทัพคนไหนที่จะยืนหยัดเคียงข้างประชาชนเฉกเช่นพระองค์มาก่อน แล้วนับประสาอะไรกับกองทัพที่ไม่เคยฉกฉวยเงินและอาหารจากประชาชน? มันไม่เคยมีการเหยียดหยามสตรีและพวกเขาทำแม้แต่จ่ายค่าอาหาร!”

“ นอกจากพวกเขาจะไม่เข้าร่วมกับสำนักหรือตระกูลใดแล้ว พวกเขายังมุ่งเป้าไปที่พวกสำนักและเหล่าตระกูลใหญ่อีก พวกเขาปราบปรามอีกฝ่ายแล้วทรงแจกจ่ายที่ดินและทรัพย์สินแก่ประชาชนเพื่อมอบให้เป็นที่ดินทำกิน”

“ มันไม่เคยมีกองทัพใดที่ถือว่าการรวมโลกเป็นความรับผิดชอบของพวกเขา แม้แต่ทหารธรรมดาที่สุดก็ยังรู้ว่าพวกเขากำลังต่อสู้เพื่ออะไร และด้วยอุดมการณ์อันแน่นแฟ้นและทรงพลังนี้เอง พวกเขาจึงไม่มีวันละทิ้งกองทัพแม้ว่ากองทัพทั้งหมดจะต้องถูกกวาดล้างก็ตาม”

“ ราชาสวรรค์หงหวู่โจมตีสำนักยุทธ์และตระกูลใหญ่ไม่ใช่เพราะความแค้นส่วนตัว แต่มันเป็นเพราะเขาต้องการจะช่วงชิงเอาชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนทั่วโลกกลับมาจากกลุ่มใหญ่เหล่านี้”

“ ต่อเมื่อการดำรงชีวิตของผู้คนไม่ถูกควบคุมโดยพวกสำนักและเหล่าตระกูลใหญ่อีกต่อไปแล้วเท่านั้น ผู้คนจึงจะสามารถมีชีวิตที่มั่นคงได้ และการสังหารผู้ฝึกตนขอบเขตเทพทั้งหมดบนโลกนั้นก็ทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์นี้เช่นเดียวกัน…”

เมื่อกล่าวถึงราชาสวรรค์หงหวู่ หลิวหลี่เต๋าก็ดูจะกลายเป็นคนช่างพูดขึ้นมาในทันที

คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชมและมีร่องรอยของการบูชาเล็กน้อย

ดวงตาของเขาเป็นประกายในขณะกล่าว

นี่อาจเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ของเขาเอง

หลิวหลี่เต๋ารู้ดีว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดและขาดความกล้าหาญ เมื่อเขาเผชิญหน้ากับปัญหา เขาก็ต้องการจะป้องกันตัวเองอยู่เสมอและไม่กล้าที่จะพุ่งไปข้างหน้า

ด้วยเหตุนี้เอง ในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลลู่ เขาจึงไม่กล้าที่จะทำข้อตกลงกับพวกสำนักหรือตระกูลใหญ่ต่างๆ

เขาทำได้เพียงปกป้องผู้คนที่นี่เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่มั่นคงและไม่อดอยากเท่านั้น

อย่างไรก็ดี สิ่งนี้ก็ยังทำให้เขายิ่งชื่นชมราชาสวรรค์หงหวู่มากขึ้นเท่านั้น

มันต้องใช้ความกล้าหาญมากขนาดไหนจึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายอันสูงส่งเช่นนี้ได้?

มีเพียงบุคคลเช่นนี้เท่านั้นที่จะสามารถทำให้โลกเบ่งบานสดใสในช่วงสุดท้ายของราชวงศ์ได้!

หลังจากได้ยินเรื่องราวของหลิวหลี่เต๋าแล้ว ซูเฟิงอันก็เงียบลงไป

บางทีอาจเป็นเพราะตำแหน่งที่แตกต่างกันของพวกเขาหรืออาจเป็นเพราะข้อจำกัดของราชสำนักต้าจิน

บันทึกเกี่ยวกับราชาสวรรค์หงหวู่ของศาลากระบี่ยู่หัวนั้นมีมุมมองแคบเกินไป

“ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ สินะ”

ซุยเฮ็งพึมพำเบาๆ ราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

จากนั้นเขาก็เงียบลงและไม่พูดอะไรเป็นเวลานาน

หลังจากนั้นไม่นาน

ขณะที่หลิวหลี่เต๋ากับซูเฟิงอันกำลังรู้สึกประหม่าเล็กน้อย จู่ๆ ซุยเฮ็งก็ถามขึ้น

“ แล้วจุดจบของราชาสวรรค์หงหวู่ผู้นี้เป็นยังไงบ้าง?”