ตอนที่ 229 - บทที่ 229 ข้าต้องการขึ้นไปต่อสู้สู้บนสังเวียน!

บทที่ 229 ข้าต้องการขึ้นไปต่อสู้สู้บนสังเวียน!

“ชั้นใต้ดินของสมาคมงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง เมื่อเจ้าไปถึงสถานที่นั้น เจ้าจะรู้ว่ามีคนมากมายที่นั่น ทุกคนล้วนเป็นสมาชิกของสมาคมผู้อเวค หากเจ้าต้องการออกมาก็จะไม่มีใครหยุดเจ้าได้เช่นกัน” ชายร่างเตี้ยและอ้วนอีกคนหนึ่งพูดสนับสนุนขึ้น

เฉินฟานขมวดคิ้วและพูดว่า "พวกท่านทั้งสองอยากให้ข้าไปกับพวกท่าน แต่พวกท่านกลับไม่บอกข้าว่าจะพาข้าไปทำอะไร มันไม่เอาแต่ใจเกินไปหน่อยหรือ?"

“ขอโทษทีที่ข้าไม่ได้พูดให้มันชัดเจน”

"งั้นก็พูดมา.."

ทั้งสองมองหน้ากัน และชายร่างสูงและผอมก็รีบพูดว่า "เอาล่ะ น้องชาย จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ความลับ เจ้าสามารถหาใครสักคนในสมาคมแล้วค้นหาคำตอบได้"

“ใช่แล้วน้องชาย เจ้าไม่ต้องรีบร้อย ยังไม่สายเกินไปที่จะปฏิเสธหลังจากที่พวกเราพูดคุยกันจบแล้ว”

"โอเค งั้นเรามาพูดคุยกันเถอะ"

“เราจะเรียกน้องชายว่าอะไรดี?”

“ข้าชื่อหลี่ปิง”

“ปรากฏว่าคือน้องหลี่นี่เอง” ชายร่างสูงและผอมแนะนำตัวเอง "ข้าชื่อจาง จุน และเขาชื่อเหลียวเยว่ เราก็เพิ่งเข้าร่วมสมาคมได้ไม่นาน..."

“ขอเนื้อๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม..”

เฉินฟานขมวดคิ้ว เขาไม่ได้สนใจชื่อของสองคนนี้ เพราะถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสมาคมผู้อเวคในเมืองซื่อเฉิงในอนาคต

“เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าไม่คิดว่าน้องหลี่จะเป็นคนอารมณ์ร้อนขนาดนี้”

จางจุนยิ้มออกมาพร้อมกับมองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า "น้องชาย เจ้าเพิ่งมาที่นี่ น่าจะไม่รู้ว่าสมาคมมีสังเวียนการต่อสู้ โดยการที่ผู้อเวคสองคนทำการแข่งขันกันเอง และพวกเขาจะใช้คะแนนเป็นเดิมพัน ผู้ที่จะชนะจะสามารถเอาคะแนนของผู้แพ้ไปได้”

“ท่านหมายถึงอยากให้ข้าขึ้นไปต่อสู้บนสังเวียนการต่อสู้งั้นเหรอ?” เฉินฟานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่หัวใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อย

เขารู้สึกว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับผู้อเวคระดับ C เขาก็จะไม่กลัว ตราบใดที่เขาคุ้นเคยกับไพ่ตายของคู่ต่อสู้ มันก็คงไม่ยากที่จะฆ่าเขา

ในเมืองเล็กๆ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้อเวคระดับ C เช่นนี้ ถ้าจะเพิ่มคะแนนอย่างรวดเร็วด้วยวิธีนี้มันค่อนข้างจะยอดเยี่ยมใช่ไหม?

ตอนนี้เขาแค่กังวลว่าคะแนน 100 คะแนนของเขาจะไม่เพียงพอให้สามารถขึ้นไปต่อสู้ได้ด้วยซ้ำ

อย่างที่ทุกคนรู้หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินฟานพูดสิ่งนี้ออกมา ทั้งจางจุนและเหลียวเยว่ก็หัวเราะออกมา

“น้องหลี่เจ้าคิดว่าพี่ชายสองคนเช่นพวกเราดูเหมือนเป็นคนใจร้ายงั้นเหรอ? เจ้าเป็นคนมาใหม่ และถ้าเราขอให้เจ้าแข่งขันกับคนอื่น มันไม่ทำให้เจ้าบาดเจ็บงั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว เจ้าคิดว่าเราดูเหมือนเป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า?” เหลียวเยว่ยังยิ้ม “มันเร็วเกินไปที่เจ้าจะขึ้นไปบนสังเวียน แม้ว่าถ้าเจ้าชนะติดต่อกันเจ้าจะได้รับรางวัลพิเศษก็ตาม แต่ถ้าเจ้าลองคิดดูว่าในเมืองนี้มีผู้เชี่ยวชาญมากขนาดไหน เจ้าที่เป็นคนมาใหม่จะสามารถต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างไร เรื่องการขึ้นสังเวยข้าคิดว่าเราลืมมันไปเสียเถอะ”

"พวกท่านหมายถึงอะไร?"

“พวกเรากำลังพูดถึงวิธีอื่น” เหลียวเยว่มองไปรอบ ๆ และลดเสียงลง “การวางเดิมพัน เจ้าเคยได้ยินไหม?”

“วางเดิมพันงั้นหรือ?” ดวงตาของเฉินฟานหดตัวลงเล็กน้อย

“ถูกต้อง สามนาทีก่อนเริ่มการต่อสู้ แต่ละวงเดิมพันเราจะสามารถเดิมพันผู้เล่นสองคนในสนามได้ หากเดิมพันถูกคะแนนก็จะถูกคูณเป็นทวีหลายเท่า และเคยมีคนหลายคนในสมาคม ได้ใช้คะแนน 100 คะแนนลงเดิมพันจนสามารถได้กำไรมากกว่าสิบเท่า!”เหลียวเยว่กล่าวอย่างตื่นเต้น

“เท่าที่ข้าเคยเห็นมาคือคูณสิบเท่า ดังนั้นหนึ่งร้อยคะแนนภายในครึ่งวันก็กลายเป็นหนึ่งพันคะแนนแล้ว! น้องหลี่บอกหน่อยว่านี่เป็นการได้รับคะแนนที่รวดเร็วหรือป่าว?”

"มันเร็วกว่าการทำงานหนักอย่างมากหรือป่าว?"

ทั้งสองร้องเพลงด้วยกัน

“แต่นี่ไม่ใช่แค่การพนันงั้นเหรอ?”

เฉินฟานขมวดคิ้ว “สมาคมยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆเหรอ?”

จางจุนและเหลียวเยว่ยิ้มอย่างมีความหมาย

“แน่นอนว่ามันไม่ได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้น แต่เมื่อมองดูเผินๆ ใครก็ตามที่มีสติปัญญาเล็กน้อยก็จะพอเข้าใจได้”

“ดังนั้นโดยสรุปแล้ว เจ้าสามารถมั่นใจได้ว่าสมาคมจะไม่สร้างปัญหาให้เจ้าในเรื่องนี้อย่างแน่นอน”

พวกเขาทั้งสองคนต่างพูดสนับสนุนกัน

จริงๆ แล้ว ผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากเรื่องนี้ก็คือสมาคมในเมืองแห่งนี้

เพราะพวกเขาไม่เพียงไม่ได้ทำการลงโทษเท่านั้น แต่พวกเขายังเป็นเจ้ามือรับวางเดิมพันที่ใหญ่ที่สุดสำหรับการต่อสู้เช่นนี้ด้วย และพวกเขาจะได้รับภาษีตามอัตราการต่อรอง

ในช่วงเริ่มต้นนั้น เมื่อการประชุมใหญ่ของสมาคม พฤติกรรมประเภทนี้ที่สงสัยว่าเป็นการพนันก็ถูกห้ามโดยชัดแจ้งเช่นกัน จนกระทั่งต่อมาพวกเขาพบว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะห้ามปราม

แม้ว่าผู้อเวคในสมาคมจะทั้งลงต่อสู้ด้วยตัวเองหรือเล่นการพนัน มันก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และมันอาจจะทำให้รากฐานสมาคมเมืองนั้นๆตกต่ำลงเช่นกัน

และหากพวกเขาต้องการยุติพฤติกรรมประเภทนี้จริงๆ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นคือไม่อนุญาตให้มีการหมุนเวียนคะแนนอย่างอิสระ แต่ถ้าทำอย่างนี้มันก็จะส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของผู้อเวคอีกส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน

ดังนั้นในที่สุดพวกเขาก็เมินและทำเหมือนปิดตาข้างหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าพฤติกรรมเช่นนี้จะไม่ค่อยถูกต้องนัก แต่มันก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ของสมาชิกสมาคมผู้อเวคได้อย่างมากเช่นกัน

“เป็นอย่างนั้นเหรอ?”

เฉินฟานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

ส่วนเกี่ยวกับสิ่งที่สองคนนี้โอ้อวดมากเกินไป เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดเกี่ยวกับมัน เพราะคนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมจะสูญเสียเงินในที่สุด มีเพียงสมาคมที่ควบคุมอัตราต่อรองและผู้อเวคจำนวนน้อยเท่านั้นที่จะทำเงินได้มากมาย

อย่างไรก็ตาม เขาสามารถใช้ประโยชน์จากการที่คนเหล่านี้ไม่รู้จักความแข็งแกร่งของตนเอง และทำให้มันกลายเป็นโชคลาภของเขา!

ในเวลานั้นเขาอาจจะสามารถซื้อเม็ดยาพลังปราณได้ก็เป็นได้เมื่อเขากลับไปที่ฐาน?

“แล้วถ้าข้าอยากจะขึ้นไปต่อสู้สู้บนสังเวียนล่ะ?”

เฉินฟานถามขึ้น

จู่ๆ บรรยากาศก็เงียบลง และคนสองคนที่อยู่ข้างหน้าพวกเขาก็จ้องมองด้วยตาเบิกกว้าง ดูเหมือนว่าพวกเขาได้เห็นผี

หลังจากนั้นไม่นาน จางจุนก็อ้าปากกว้างแล้วพูดว่า "น้องหลี่ เจ้าต้องล้อเล่นกับเราสองคนใช่ไหม? เจ้าคือผู้มาใหม่ แต่เจ้าก็อยากขึ้นไปบนสังเวียนแล้วหรือ?”

“ใช่แล้ว คะแนนที่ต้องใช้ในการขึ้นสังเวียนคือขั้นต่ำ 50 คะแนน และไม่มีขีดจำกัดบน 100 คะแนนที่เจ้ามีจะหายไปในพริบตา มันไม่ดีเท่ากันการอยู่เฉยๆและเจ้าก็รอรับรายได้แปดเท่าหรือสิบเท่าหรือ?”

"ข้าแค่อยากลองดู"

เฉินฟานหัวเราะออกมา

"งั้นก็แล้วแต่เจ้า"

เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ทั้งสองก็หยุดชักชวนเขา

อย่างไรก็ตาม เฉินฟานก็เต็มใจที่จะไป และพวกเขาก็ได้รับค่าหัวเหมือนเดิม

ส่วนจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป พวกเขาก็ไม่สนใจหรอก

ทั้งสามเดินไปที่ทางเข้าลิฟต์ หลังจากประตูลิฟต์เปิด ทั้งสามก็เดินเข้าไป

จางจุนกลิฟต์ลงและมองกลับไปที่เฉินฟานแล้วพูดว่า "น้องหลี่ ข้าแนะนำให้เจ้าคิดให้ดีอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าในอดีตไม่มีผู้มาใหม่เช่นเจ้าที่ต้องการขึ้นสังเวยด้วยความมั่นใจอย่างเต็มที่ แต่ในสุดท้ายพวกเขาก็ถูกทุบตีจนพ่อแม่ก็จำพวกเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ ”

“สิ่งที่สำคัญคือเจ้าต้องสูญเสีย 50 คะแนน แต่หากเจ้าเดิมพันเจ้าสามารถเดิมพันได้ครั้งล่ะ 10 คะแนนในแต่ละครั้ง ดังนั้นด้วยคะแนนจำนวนนี้เจ้าสามารถเดิมพันได้ถึง 5 ครั้ง”

เฉินฟานยิ้มและถามว่า "แล้วถ้าข้าขึ้นไปบนสังเวียน ข้ายังจะเดิมพันได้ไหม?"

จางจุนและทั้งสองมองหน้ากัน

“น้องหลี่ต้องการเดิมพันพร้อมกับขึ้นสังเวียนด้วยงั้นเหรอ?”

เฉินฟานฮัมเพลง "ถูกต้อง ข้างวางแผนที่จะใช้คะแนนที่เหลือ 50 คะแนนเพื่อบังคับให้ตัวเองต้องชนะให้ได้"

จางจุนและสองคนเงียบอีกครั้ง

พวกเขาไม่รู้ว่าความมั่นใจของผู้มาใหม่นี้มาจากไหน

ด้วยเสียง "ติ๊งต๊อง" ประตูลิฟต์ก็เปิดออก และมีกลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาทางหน้า

ด้านนอกลิฟต์ห่างออกไป 20 ถึง 30 เมตร มีสังเวียนวงกลมอยู่ และมีคนสองคนบนสังเวียนเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือด ดูเหมือนว่าหนึ่งในนั้นจะมีความสามารถของธาตุดิน เพราะในบางครั้งก็จะมีกำแพงหินโผล่ขึ้นมาจากสังเวียน

อีกคนปลุกความสามารถด้านธาตุลม และได้ส่งใบมีดลมขนาดเท่าฝ่ามือออกไป โจมตีกำแพงดินของคู่ต่อสู้

ในขณะนี้ มีคนอย่างน้อยร้อยคนรอบเวทีและส่งเสียงตะโกนเสียงดังออกมาเชียร์

“โจมตีหน่อย! การเป็นฝ่ายตั้งรับตลอดเวลาจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? ข้าเดิมพันข้างเจ้า 50 คะแนนเชียวนะ”

“ เจ้ากำลังตื่นตระหนกอะไร แม้ว่าตู้เฟยจะดูดุร้าย แต่เมื่อมองดูก็ชัดเจนว่าใครใช้พลังจิตมากที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้ จากนั้นเมื่อพลังจิตของตู้เฟยหมดลง เขาจะพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”

“มารดาเจ้าสิ! ตู้เฟยไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่เมื่อเห็นมัน เจ้าจะรู้ในภายหลัง”

ความสนใจของผู้คนส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การต่อสู้ในสนามประลอง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สังเกตเห็นการมาถึงของเฉินฟานด้วยสีหน้ามีความหมายบนใบหน้าของพวกเขา

“โอ้..มีคนมาใหม่แล้ว”

“เขาถูกจางจุนและคนอื่นๆ หลอกอีกแล้วเหรอ?”

“ตอนนั้นข้าก็ถูกพวกเขาหลอกเช่นกัน และเสียคะแนนไปทั้งหมด 100 คะแนนเลย”

“แล้วทำไมเจ้ายังอยู่ที่นี่ล่ะ?”

“ก็มันสนุกไม่ใช่เหรอ? การทำภารกิจมันไม่น่าสนใจเท่านี้หรอก”

หลังจากที่พวกเขาพูดจบพวกเขาก็หันหน้ากลับไป

“น้องหลี่ เจ้าเห็นแล้วใช่ไหม? คนเหล่านั้นบนเวทีล้วนเป็นผู้อเวคระดับ D และมีพลังอย่างมาก” จางจุนเหลือบมองเฉินฟาน “ตอนนี้มันสายเกินไปที่จะเปลี่ยนใจนะ”

เฉินฟานส่ายหัวแล้วถามว่า “ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามที่ข้าถามในลิฟต์เมื่อกี้นี้”

เหลียวเยว่ที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างช่วยไม่ได้ "แน่นอนว่าเจ้าสามารถเดิมพันข้างตัวเอง แต่นั้นเจ้าจะได้รับคะแนนเมื่อเจ้าชนะเท่านั้น"

"เข้าใจแล้ว"

เฉินฟานพยักหน้า ถ้าเช่นนั้นก็เข้าทางเขาแล้ว

“แล้วข้าจะขึ้นไปบนสังเวียนได้อย่างไร”

“มากับเรา..มันทันเวลาพอดี เราจะพาเจ้าไปที่นั่น”

ทั้งสองพาเฉินฟานไปพบชายที่สวมแว่นกันแดดคนหนึ่ง พวกเขาเดินไปกระซิบ และชายส่วมแว่นกันแดดก็มองไปที่เฉินฟานเป็นครั้งคราว โดยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย

จากนั้นเขาก็เดินไปหาเฉินฟานและถามด้วยความสนใจอย่างมาก "เจ้าเป็นผู้มาใหม่เหรอ? เจ้าแน่ใจใช่ไหมว่าต้องการเข้าร่วมการแข่งขัน?"

“ใช่แล้วล่ะ” เฉินฟานพยักหน้า “ข้าได้ยินมาว่าเดิมพันขั้นต่ำคือ 50 แต้ม?”

"่ใช่"

“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะใช้ 50 คะแนนเพื่อขึ้นสังเวียนการต่อสู้” เฉินฟานกล่าวขึ้น

“เจ้ากล้าหาญมาก”

ชายสวมแว่นกันแดดไม่รู้ว่าจะชมหรือเยาะเย้ยดี

การมีนักสู้หน้าใหม่เป็นเรื่องดีเสมอ แม้ว่าจะเป็นเพียงคนใหม่ก็ตาม

“ไปกับข้า เราต้องไปลงทะเบียนข้อมูลของเจ้าก่อน”

จางจุนและเหลียวเยว่ที่อยู่ข้างๆ เขาส่ายหัวและถอนหายใจออกมา ขณะที่พวกเขามองดูเฉินฟานจากไป

เรื่องนี้มาถึงจุดนี้แล้ว และสายเกินไปที่หลี่ปิงจะเปลี่ยนใจแล้ว

ช่างน่าเสียดาย

ความจริงจะสอนบทเรียนให้เขาอย่างเข้มงวด

“เราก็ขึ้นไปกันเถอะ บางทีอาจมีคนใหม่มาแล้วก็เป็นได้?”

“วันนี้ผู้มาใหม่มาแล้ว ดังนั้นคนต่อไปน่าจะไม่มาเร็ว ๆ นี้หรอก” จางจุนมุ่ยหน้าไปทางสังเวียน “เราเพิ่งได้ 50 คะแนนไม่ใช่หรือ และเมื่อเกมนี้เริ่มขึ้นเราก็จะวางเดิมพัน คราวนี้ถ้าโชคดีเราก็จะสามารถเพิ่มคะแนนเป็นสองเท่าหรือมากกว่านั้นได้”

“ก็ได้ แต่คราวนี้เจ้าต้องฟังข้า และอย่าสุ่มเดิมพันมั่วซั่ว”

“ข้าขอแก้มีได้ไหม ทุกคนก็พลาดกันได้ล่ะน่า”

“ผายลมเจ้าสิ ครั้งที่แล้วเจ้าเสียคะแนนไปหมดแล้ว หากครั้งนี้เจ้ายังยืนกรานที่จะทำตามความคิดของตัวเอง เราก็จะแยกส่วนกันในอนาคต”

“โอเคๆ คราวนี้ฟังเจ้า ทำตามความคิดของเจ้าเลย”

จากนั้นทั้งสองก็เดินไปยังบริเวณรอบๆ สังเวียนเพื่อไปตรวจสอบนักสู้ที่เข้าตา...

.............