ตอนที่ 110

บทที่ 110 : ซือจุนเป็นอาจารย์ของราชาสวรรค์หงหวู่

เช้าวันรุ่งขึ้น

อู๋หยินมาเยี่ยมซุยเฮ็ง ในแง่ของตำแหน่งและอำนาจทางการ เขาก็อยู่เหนือกว่าซุยเฮ็ง แต่กระนั้นทัศนคติของเขาก็ต่ำต้อยและถ่อมตัวมาก

หลังจากเห็นซุยเฮ็งแล้ว อู๋หยินก็โค้งคำนับโดยตรงและพูดว่า “ ผู้น้อยคารวะซือจุน”

ซือจุนเป็นชื่อที่มีเกียรติซึ่งใช้ในสมัยโบราณเพื่ออ้างถึงผู้ว่าการรัฐ

ในฐานะผู้ว่าการเขตฉางเฟิง การพูดกับซุยเฮ็งเช่นนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขายอมรับซุยเฮ็งในฐานะผู้ว่าการรัฐเฟิงโจวแล้ว

“ ไม่ต้องสุภาพมากก็ได้” ซุยเฮ็งโบกมือให้อู๋หยินยืนขึ้น เขาไม่ได้ย้ำว่าเขายังไม่ได้เป็นผู้ว่าการรัฐของเฟิงโจว เขายิ้มและพูดว่า “ เจ้าเดินทางมาหลายพันลี้เพื่อมาที่นี่ เจ้ามีจุดประสงค์อะไรกัน?”

“ เพื่อหาผู้ปกครองที่ชาญฉลาดสำหรับเฟิงโจว” การแสดงออกของอู๋หยินดูเคร่งขรึมในขณะที่เขาพูดอย่างจริงจัง “ ข้าเดินทางตามท่านเฉินมา และทุกคนที่เราพบต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามณฑลลู่นั้นเป็นเหมือนกับสวรรค์ มันแตกต่างจากโลกที่โกลาหลวุ่นวายข้างนอกนั่นโดยสิ้นเชิง”

“ คนไถนามีนาเป็นของตนเอง ทุกคนในเมืองมีบ้านเป็นของตนเอง คนงานมีทรัพย์สินเป็นของตนเอง ทุกครอบครัวมีอาหารเหลือเฟือ ผู้คนใช้ชีวิตและทำงานอย่างสงบสุข ไม่มีตระกูลหรือสำนักใดที่ทำตัวเผด็จการ นี่เป็นสถานที่ที่หายากมากในโลก ดังนั้นแล้ว ได้โปรดเป็นผู้ว่าการรัฐเฟิงโจวและช่วยผู้คนในเฟิงโจวให้รอดพ้นจากกองไฟและคลื่นน้ำด้วยเถิด”

“ ข้าได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะเป็นผู้ว่าการรัฐของเฟิงโจว” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “ อย่างไรก็ตาม ข้าก็ยังขาดเงื่อนไขหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือจดหมายแต่งตั้งโดยผู้ว่าการรัฐคนปัจจุบัน”

“ ข้าสามารถช่วยท่านแก้ปัญหานี้ได้” อู๋หยินพูดขึ้นในทันทีเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ “ พี่ชายของข้าเป็นผู้ว่าการรัฐเจียงโจวคนปัจจุบัน เขาสามารถเป็นตัวแทนของราชสำนักและเสนอชื่อท่านเป็นผู้ว่าการรัฐเฟิงโจวได้”

“ ยอดเยี่ยม! ข้าต้องขอบคุณเจ้าแล้วสินะ” ซุยเฮ็งยิ้ม

ณ จุดนี้ แผนการของเขาในการเป็นผู้ว่าการรัฐของเฟิงโจวก็ได้สำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาเพียงแค่ต้องเขียนเอกสาร และเมื่อจางซูหมิงมาถึง เขาก็จะสามารถตรงไปที่เขตฉางเฟิงเพื่อรับตำแหน่งของเขาได้

“ คนของเฟิงโจวต่างหากที่ควรขอบคุณท่าน ซือจุน” อู๋หยินโค้งคำนับอีกครั้งและพูดอย่างถ่อมตัวว่า “ เมื่อเร็วๆ นี้ข้ามีคำถาม และข้าก็สงสัยว่าข้าควรจะถามมันดีหรือไม่”

“ ลองว่ามาสิ” ซุยเฮ็งพยักหน้า

“ รูปแบบการปกครองของมณฑลนี้คล้ายคลึงกับของราชาสวรรค์หงหวู่เมื่อ 300 ปีก่อน…” อู๋หยินหยุดชั่วครู่และหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถามต่อ “ ข้าขอถามได้ไหมว่าท่านเคยอ่านมหาคลังสอดประสานไหม?”

ในสายตาของคนส่วนใหญ่ มันก็ไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนักระหว่าง 280 ปีที่แล้วกับ 300 ปีที่แล้ว เมื่อพวกเขาพูด พวกเขาก็จะไม่สามารถแยกความแตกต่างได้ในทันที

“ โอ้?” ซุยเฮ็งเลิกคิ้วเล็กน้อยและยิ้ม “ เจ้ารู้จักมหาคลังสอดประสานด้วยหรอ?”

“ ข้าบังเอิญได้รับบทที่ไม่สมบูรณ์มาหนึ่งถึงสองบท และทุกคำในนั้นก็ล้วนเป็นความจริง!” ดวงตาของอู๋หยินสว่างขึ้นในขณะที่เขามองไปที่ ซุยเฮ็งด้วยความปรารถนาอย่างหาที่เปรียบมิได้ “ ไม่ทราบว่าท่านมีมันกี่บทอย่างงั้นหรอ?”

“ ถ้าเจ้าอยากดู ข้าจะให้เจ้าทั้งเล่มเลยก็ยังได้” ซุยเฮ็งยิ้มและรวบรวมแสงสีเหลืองจากร่างของอู๋หยิน

นี่คือแสงสีเหลืองที่เกิดจากความปรารถนา

แม้ว่าเขาจะไม่มีมหาคลังสอดประสานอยู่ในมือ แต่มันก็ไม่มีปัญหาสำหรับเขาที่จะเขียนมันขึ้นมาในตอนนี้ ท้ายที่สุดแล้ว คนแต่งหนังสือเล่มนี้ก็คือเขาเอง

“ ให้ข้า…ทั้งเล่ม?!” อู๋หยินตื่นเต้นมากจนร่างกายของเขาสั่นสะท้าน เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ นับตั้งแต่ที่ราชาสวรรค์หงหวู่ได้หายตัวไปเมื่อ 300 ปีก่อน มหาคลังสอดประสานก็ได้ถูกราชสำนักผนึกเอาไว้ มันยากมากที่จะหาบทใดบทหนึ่งอ่านได้ในโลก แต่กระนั้น ท่านก็มีหนังสือทั้งเล่มเลยจริงๆ หรอ? ไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านจะสามารถปกครองได้อย่างสมบูรณ์แบบ…”

เห็นได้ชัดว่าเขาตื่นเต้นมาก และใบหน้าของเขาก็แดงขึ้นเล็กน้อย

“ ฮ่าฮ่า ไม่จำเป็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้” เสียงของซุยเฮ็งมีพลังที่ทำให้อารมณ์ที่กำลังปั่นป่วนอยู่ของอู๋หยินสงบลง เขายิ้มและพูดว่า “ ข้าจะให้หลิวหลี่เต๋าเอาหนังสือไปส่งให้เจ้าในตอนบ่าย”

“ ขอบพระคุณนายท่าน!” อู๋หยินคุกเข่าลงพร้อมกับป้องมือ หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างหาที่เปรียบมิได้

นับตั้งแต่ที่เขาได้สัมผัสกับมหาคลังสอดประสาน เขาก็ได้ปฏิบัติต่อทฤษฎีภายในนั้นราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่าและพยายามค้นหาเศษเสี้ยวที่เหลืออย่างอุตสาหะ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่เคยได้อะไรกลับมาเลย

และมาตอนนี้ เขาก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะได้รับหนังสือทั้งเล่มในครั้งเดียว!

หลังจากกลับมาถึงที่พักของเขา อู๋หยินก็รออย่างใจจดใจจ่อ

เขาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะนั่งรออีกต่อไป เขาเดินวนไปมารอบๆ ห้อง นิ้วมือของเขาขยับอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าเขารีบร้อนและแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะได้อ่านมหาคลังสอดประสานทั้งเล่ม

ในที่สุดหลังจากเสียงเคาะประตูดังขึ้น อู๋หยินก็เห็นหลิวหลี่เต๋าเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสือที่เขาใฝ่ฝัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นปก เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

มหาคลังสอดประสานเล่มนี้มีปกหนังสือที่ยังดูใหม่เอี่ยม ราวกับว่าหมึกบนปกเพิ่งจะแห้ง!

“ รองผู้ว่าการหลิว ซือจุนเป็นคนคัดลอกสิ่งนี้อย่างงั้นหรอ?” อู๋หยินอดไม่ได้ที่จะถาม

“ ถูกต้องแล้ว มันถูกเขียนขึ้นโดยท่านผู้ว่าการ” หลิวหลี่เต๋ามอบหนังสือให้กับอู๋หยิน “ เชิญอ่านมันได้ตามใจเลย ข้ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีก ดังนั้นข้าขอตัวลาไปก่อน”

“ ขอบคุณมาก” อู๋หยินขอบคุณหลิวหลี่เต๋าและปิดประตู เขาถือหนังสือไปที่โต๊ะด้วยมือทั้งสองข้างอย่างระมัดระวัง

“ เฮ้อ ข้าคงจะคิดมากเกินไปเอง แม้ว่าซือจุนจะเต็มใจให้ข้ายืมหนังสืออันล้ำค่า แต่เขาก็คงจะไม่ให้ต้นฉบับมาแก่ข้าหรอก ข้าสงสัยจังว่ามันจะมีความแตกต่างระหว่างฉบับดั้งเดิมกับฉบับคัดลอกมากแค่ไหน”

อู๋หยินปรับอารมณ์ของเขาและดูคำว่า “มหาคลังสอดประสาน” บนหน้าปก เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “ สามคำนี้ดูคล้ายกับลายมือของราชาสวรรค์หงหวู่มาก มันดูคล้ายกันมากจริงๆ”

“ ราวกับว่าอันที่อยู่ในมือข้านี้เป็นสำเนาของต้นฉบับ และยิ่งไปกว่านั้น เมื่อดูจากลายมือแล้ว ซือจุนก็คงจะชอบการฝึกคัดลายมือมากแน่ๆ เขาถึงได้มีลายมือที่สง่างามเช่นนี้”

ย้อนกลับไปในตอนนั้น ในตอนที่ราชาสวรรค์หงหวู่ปรากฏตัวขึ้น ชุดหนังสือมหาคลังสอดประสานก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันก็ได้ถูกคัดลอกมานับครั้งไม่ถ้วน และรุ่นต่างๆ นั้นก็แตกต่างกันโดยธรรมชาติ และลายมือก็เทียบกันไม่ได้เช่นกัน

ด้วยเหตุนี้เอง ต้นฉบับและสำเนาจึงล้วนเป็นสมบัติที่หายากมาก

บทที่เหลืออยู่ในมือของอู๋หยินนั้นถือเป็นสมบัติในบรรดาสมบัติ มันเป็นชิ้นส่วนที่เหลืออยู่ของมหาคลังสอดประสานดั้งเดิมที่ซุยเฮ็งได้มอบให้กับหงฟู่กุ่ย!

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงคิดว่าลายมือของซุยเฮ็งนั้นดูเหมือนกับลายมือของราชาสวรรค์หงหวู่มาก

อย่างไรก็ตาม ยิ่งอู๋หยินอ่านหนังสือที่เขาเพิ่งได้รับมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ เขาพึมพำกับตัวเองว่า “ ทำไมมันถึงดูคล้ายกันจัง? มันดูไม่เหมือนกับของก๊อปด้วยซ้ำ!”

ลายมือในมหาคลังสอดประสานนั้นได้รับการคัดลอกและเลียนแบบมาโดยสมบูรณ์

และแม้ว่าเขาจะพากเพียรในการพยายามจะคัดลอกมัน แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าเขายังมีเสน่ห์ได้ไม่เท่ากับอันเดิม ถึงกระนั้น เขาก็กลับรู้สึกคุ้นเคยกับลายมือนี้เป็นอย่างดี

เมื่อเขาหลับตาลง รายละเอียดทั้งหมดของลายมือนี้ก็จะปรากฏขึ้นในใจของเขาในทันที

แม้ว่าลายมือจะคล้ายคลึงกัน แต่เขาก็สามารถระบุได้อย่างรวดเร็วว่านี่ไม่ใช่ของจริงแต่เป็นสำเนา

“ พวกมันเหมือนกันมาก พวกมันเหมือนกันทุกประการ ทั้งลักษณะของการตวัดพู่กันและรายละเอียดเหล่านี้ หรือแท้จริงแล้ว… มันจะเหมือนกันทุกประการจริงๆ?!”

อู๋หยินตกใจสุดขีดและลุกขึ้นยืน

เขามองไปที่มหาคลังสอดประสานบนโต๊ะด้วยความเหลือเชื่อ

นี่ดูไม่เหมือนกับฉบับคัดลอกเลย มันเป็นเพียงการทำสำเนาของต้นฉบับเท่านั้น!

“ เป็นไปได้ยังไง? มันเป็นเวลาเกือบ 300 ปีแล้วที่มันถูกสร้างขึ้น และผู้เขียนเองก็น่าจะเสียชีวิตไปนานแล้ว” อู๋หยินหลับตาลงและส่ายหัว เขาวางแผนที่จะสลัดความคิดนี้ออกไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อใดก็ตามที่เขาลืมตาและเห็นถ้อยคำในมหาคลังสอดประสาน เขาก็รู้สึกคุ้นเคยจนน่าเหลือเชื่อ

ความมีเหตุผลของเขาบอกเขาว่านี่คืองานที่แท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย

“ แต่ไม่ นั่นมันไม่ถูกต้อง!” ร่างของอู๋หยินสั่นสะท้าน เขานึกถึงอะไรบางอย่าง “ ว่ากันว่ามหาคลังสอดประสานเป็นเคล็ดวิชาที่ราชาสวรรค์หงหวู่ได้รับมาจากเทพเซียนในตอนที่เขาเข้าไปในภูเขาเซียนโดยบังเอิญเมื่อเขายังเด็ก”

“ และแม้ว่ามันจะมีคนไม่มากที่เชื่อทฤษฎีนี้ และพวกเขาก็แค่รู้สึกว่าผู้เขียนไม่ต้องการจะเปิดเผยตัวตนของเขา แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ? มันจะเป็นอย่างไรถ้าผู้ที่เขียนมหาคลังสอดประสานนั้นไม่ใช่มนุษย์จริงๆ?”

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปยังสำนักงานเทศมณฑลขณะที่เขาพึมพำว่า “ ระหว่างทางมาที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นมณฑลต่างๆ หรือเมื่อข้ามาถึงเมืองหลวงของมณฑล หลายคนก็ต่างพูดว่าท่านผู้ว่าการซุยนั้นเป็นเซียนที่ลงมาโปรดพวกเขา”

“ นอกจากนี้ มันก็ยังมีสามัญชนหลายคนที่กล่าวว่าเขาสามารถเรียกลมพายุและทำให้แผ่นดินถล่มได้ เขาเป็นเทพเซียนที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ หรือว่าความจริงแล้วทั้งหมดนี่จะเป็นเรื่องจริง? และหากมันเป็นจริง หนังสือเล่มนี้ก็จะ…”

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ เขาก็ตกตะลึงในทันที เขาพึมพำกับตัวเองว่า “ ซือจุน ท่านคือเทพเซียนที่สอนวิธีช่วยโลกให้กับราชาสวรรค์หงหวู่เองหรอกหรอ?! แท้จริงแล้วท่านก็คืออาจารย์ของราชาสวรรค์หงหวู่!!!”

“ ข้า.. ข้าได้พบกับผู้เขียนมหาคลังสอดประสานแล้วจริงๆ หรอ! ถ้านี่เป็นเรื่องจริง ถ้าซือจุนเป็นเช่นนั้นจริงๆ… งั้นราชาสวรรค์หงหวู่ก็อาจจะสามารถปรากฏขึ้นอีกครั้งบนโลกนี้ได้!!!”

เมื่ออู๋หยินนึกถึงเรื่องนี้ ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลงไปทางสำนักงานเทศมณฑลและพูดด้วยความเคารพว่า “ ข้าจะปฏิบัติตามการปกครองของท่าน เริ่มจากเฟิงโจว จากนี้ไป ข้าอู๋หยินจะยอมสละชีวิตเพื่อท่าน!!!”

….

ในขณะที่ อู๋หยินกำลังศึกษาเรื่องมหาคลังสอดประสานอย่างอุตสาหะ ฮุ่ยฉีและโจวหงอี้ก็ได้มาถึงชายแดนหยูโจวและหยงโจวแล้ว

พวกเขาทั้งสองเลือกพื้นที่ภูเขาที่ห่างไกล นอกเหนือจากหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาไม่กี่แห่งในรัศมี 100 ลี้แล้ว มันก็มีเพียงสำนักเล็กๆ ตั้งอยู่เท่านั้น

พวกเขาเปิดกล่องเคลือบเงา ณ กลางพื้นที่ภูเขาและฉีดพลังปราณของพวกเขาเข้าไปในพระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์ที่ทำจากกระดูกไก่ตามวิธีที่ซุยเฮ็งสอนพวกเขา

ในพริบตาเดียว เสาแสงหนา 1,000 ฟุตก็ได้ปรากฏขึ้นบนพระธาตุหยก แสงแห่งความเมตตาที่บริสุทธิ์อย่างยิ่งพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับว่ามันกำลังเชื่อมต่อนภากับปฐพี

ยิ่งไปกว่านั้น เหนือเมฆนั้น มันก็ปรากฏเป็นกายทิพย์ของพระโพธิสัตว์ประทับอยู่บนแท่นดอกปทุม มันสามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจนเป็นระยะทางหลายร้อยลี้ และมันก็มีแม้กระทั่งเสียงสวดมนต์ของชาวพุทธที่ดังก้องกังวาลไปทั่วสวรรค์และปฐพี มันกระจายดังออกไปหลายพันลี้

ฉากนี้ราวกับว่าพระโพธิสัตว์จากโลกเบื้องบนได้เสด็จลงมาที่นี่

สำนักเล็กๆ ที่อยู่ใกล้พวกเขาที่สุดต่างก็ตกตะลึง ทุกคนต่างมองปรากฏการณ์ที่น่าตกตะลึงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาด้วยปากที่อ้าค้าง แต่กระนั้นมันก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจสอบ

เมื่อสมบัติหายากปรากฏขึ้น ตระกูลเล็กๆ ก็จะไม่กล้ารนหาที่ตายด้วยการโผล่หัวออกมาก่อนถูกไหม?

ในเวลาเดียวกัน

พระคงซีซึ่งเพิ่งจะเดินลงมาจากภูเขาแสงทองก็หยุดเดินในทันที เขามองไปที่ท้องฟ้าไกลด้วยแววตาอันหม่นหมองและพูดด้วยความตกใจว่า “ พระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์?!”

จางซูหมิงเจ้าสำนักของตำหนักเต๋าอี้ซึ่งเพิ่งจะเดินทางออกมาจากหยงโจวเองก็ตกตะลึงเช่นกัน

เขาขยี้ตาและมองดูเงาของพระโพธิสัตว์บนท้องฟ้าด้วยความเหลือเชื่อ เขาเม้มริมฝีปากและพึมพำ “ นี่มันล้อกันเล่นหรือเปล่า? พระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์นี้มาจากไหนกัน!”

สำนักและตระกูลขนาดต่างๆ ต่างก็ได้เห็นปรากฏการณ์บนท้องฟ้าเช่นกัน

พวกเขาทั้งหมดตื่นตระหนก

ปรากฏการณ์ที่พระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์ปรากฏขึ้นบนโลกนั้นสั่นสะเทือนโลกและเป็นไปไม่ได้ที่จะซ่อนมัน

ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่งด้วยความเร็วที่สูงมาก

ผู้ฝึกตนจำนวนนับไม่ถ้วนเริ่มเคลื่อนไหวในทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้

ไม่ว่าพวกเขาจะมีคุณสมบัติพอจะคว้ามันได้หรือไม่ แต่พวกเขาทั้งหมดก็ยังเลือกที่จะวิ่งไปที่ชายแดนภูเขา

แม้แต่พระคงซีที่วางแผนจะไปยังมณฑลลู่ในเฟิงโจวก็ยังต้องกลับลำ

เขาได้รับคำสั่งใหม่ในทันที เขาหยุดทุกอย่างที่กำลังทำอยู่และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะไปแย่งชิงพระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์

มีเพียงจางชูหมิงเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่กะทันหันนี้ และเดินทางต่อไปยังเฟิงโจว

ปีที่ 31 ของต้าจิน ในฤดูใบไม้ร่วง

ที่ชายแดนของหยงโจว พระธาตุหยกของพระโพธิสัตว์ได้ปรากฏขึ้นและเขย่าโลกทั้งใบ!