ตอนที่ 439 : ความได้เปรียบมหาศาลของเผ่าพันธุ์จักรกล!

ดูเหมือนว่าสมรภูมิสุดท้ายในวันพรุ่งนี้จะอันตรายเป็นที่สุด

ในเวลาเดียวกัน มันก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่ลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ได้เพิ่มคะแนนกันอย่างรวดเร็วที่สุด

“ผู้เที่ยงแท้ มหาเทพ และเจ้าล่าสวรรค์จะต้องใช้ประโยชน์จากวันพรุ่งนี้เพื่อเพิ่มอันดับให้กับตัวเองเป็นแน่ แม้ว่าฉันจะทิ้งอันจากผู้เที่ยงแท้ในอันดับสองมาบ้างแล้ว แต่ถ้าพรุ่งนี้ฉันทำผลงานได้ไม่ดี ฉันก็เกรงว่าฉันจะต้องถูกแซงแน่ๆ ประมาทไม่ได้แล้ว”

โจวโจวคิดอย่างเร่งด่วน

“ท่านลอร์ด ทุกคนได้ขึ้นมาบนยานบินจนหมดแล้ว ไปเถอะขอรับ”

ในเวลานั้นเอง ไป่อี้ก็เดินมาข้างๆ โจวโจวและพูดออกมา

โจวโจวได้สติกลับมาและพยักหน้า จากนั้นเขาก็กลับขึ้นยานราตรีประดับดาวพร้อมกับไป่อี้และบินหนีไปจากวายุคลั่งสุดกำลัง

ในยานราตรีประดับดาว ณ ห้องประชุม

โจวโจว ไป่อี้ อู๋ซิน เฟิงลั่ว ซวีอัน และแม่ทัพคนอื่นๆ กับพันธมิตรดารากำลังประชุมกันอยู่

โจวโจวและแม่ทัพของเขาต่างก็อยู่ที่นี่ทั้งหมด

ในทางกลับกัน ลูกน้องที่มีขนาดตัวใหญ่ตัวอื่นๆ อย่างเนซาริโอ้ ออกุสต์ และฮาริสก็กำลังประชุมกับโจวโจวและคนอื่นๆ ผ่านวิดีโอ

ในห้องประชุมขนาดใหญ่ หน้าจอ 300 อันและลูกน้องกว่า 20 คนกำลังนั่งรวมกันอย่างเป็นระเบียบและดูจริงจัง

อย่างไรก็ตาม หัวข้อการสนทนานั้นก็ผ่อนคลายมาก

“ทุกคนใช้ยุยงแปรพักตร์ไปแล้วใช่ไหม?”

โจวโจวมองไปยังสมาชิกพันธมิตรกว่า 300 คนที่อยู่ในวิดีโอ

“เรียบร้อยแล้วหัวหน้า!”

“ผมก็เหมือนกัน ยุยงแปรพักตร์นี่สุดยอดมากเลย ผมใช้มันไปและได้รับลูกน้องจากต่างเผ่าพันธุ์มากว่า 2,000 ตัวเลย”

“ผมใช้แล้วได้อันเดดมา 3,000 ตัวด้วยเหมือนกัน”

“เหมือนกัน”

“สมรภูมิสุดท้ายเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ”

“ความรู้สึกของการวิ่งหนีหลังจากใช้ยุยงแปรพักตร์ไปนั้นช่างตื่นเต้นจริงๆ!”

“ฮ่าๆๆๆ…”

ลอร์ดทั้งหลายพากันยิ้มออกมา พวกเขาดูเหมือนว่าจะได้ผลกำไรมาเยอะเลย

เมื่อโจวโจวได้ยินบทสนทนาของสมาชิก เขาก็ยิ้มออกมาและพยักหน้า

“พวกนายสามารถกลับไปยังดินแดนของตัวเองเพื่อจัดการผลกำไรได้เลย ราตรีประดับดาวของพวกเราจะมุ่งหน้าหนีออกไปจากวายุคลั่งโดยอัตโนมัติเอง”

โจวโจวรอให้ทุกคนคุยกันสักพักก่อนที่จะพูดออกมา

ลอร์ดทั้งหลายพากันตกลงทีละคนๆ

“หัวหน้า พวกเราจะต้องมอบมอนสเตอร์แห่งหมอกที่จับมาได้ให้กับหัวหน้าเมื่อไหร่?”

ในเวลานั้นเอง เจ้ากระดาษอมตะก็ถามขึ้นมาในทันใด

ก่อนหน้านี้ โจวโจวได้บอกพวกเขาว่าให้พวกเขาจับมอนสเตอร์พิเศษๆ ที่อยู่รอบๆ ดินแดนและส่งพวกมันมาให้กับเขาเมื่อมีเวลาว่าง

มันไม่จำเป็นต้องมาก แค่ตัวสองตัวก็พอ

พวกเขาจำเรื่องนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงถามออกมา

“ได้ทุกเมื่อ ถ้ามีเวลาก็ส่งมันมาที่เมืองตะวันสาดแสงได้เลย จากนั้นก็ไปหาเจ้าหน้าที่กองทัพเพื่อรับรางวัลละกัน”

โจวโจวพูดออกมาในทันที

เขาเคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน มันคือการเพิ่มมอนสเตอร์ฟาร์มใหม่เข้าไปในฟาร์มมอนสเตอร์ของเขานั่นเอง

เขาได้เห็นมอนสเตอร์ทั้งหมดที่อยู่รอบๆ ดินแดนของเขามาแล้ว นอกเหนือจากมอนสเตอร์แห่งหมอกที่ถูกใส่เข้าไปในฟาร์มมอนสเตอร์มาแล้ว ส่วนใหญ่พวกมันก็ไม่ได้มีค่าอะไร ดังนั้นโจวโจวจึงคิดถึงสมาชิกพวกนี้

ดินแดนของสมาชิกลอร์ดพวกนี้ต่างก็อยู่ทั่วทวีปจื้อเกา มันต้องมีมอนสเตอร์พิเศษๆ อยู่หลายตัวและมีไอเท็มดรอปพิเศษๆ อยู่บ้างเป็นแน่

บางทีมันอาจจะมีไอเท็มดรอปที่ทำให้ดวงตาของโจวโจวต้องลุกวาวขึ้นมาบ้างอยู่ก็ได้ใช่ไหม?

โจวโจวเคยคิดที่จะใช้ตลาดซื้อขายเพื่อซื้อมอนสเตอร์แห่งหมอกเพื่อดูว่าพวกมันมีไอเท็มดรอปอะไรบ้าง แต่ก็น่าเสียดายที่ตลาดซื้อขายไม่สามารถแลกเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตได้เว้นเสียแต่ว่ามันจะเป็นของอย่างไข่สัตว์เลี้ยง

โจวโจวจึงต้องปัดความคิดนี้ทิ้งไป

หลังจากนั้นทุกคนก็คุยกันต่อในเรื่องอื่นๆ อยู่สักพักก่อนที่จะแยกย้ายกันไป

ทุกคนพากันกลับไปที่ดินแดนของตัวเอง

โจวโจวบอกให้ไป่อี้และอู๋ซินนำกองทัพกลับไปยังเมืองตะวันสาดแสงในขณะที่เขารั้งอยู่ในราตรีประดับดาวเพียงลำพัง

“ท่านลอร์ด ท่านไม่กลับไปที่เมืองตะวันสาดแสงเหรอเจ้าคะ?”

เสียงของเหวินยาดังขึ้นในห้องประชุม

“ข้าอยากจะเห็นว่าสมรภูมิสุดท้ายจะเป็นเช่นไรในตอนกลางคืน”

โจวโจวส่ายหัว

“ท่านลอร์ด ในฐานะปัญญาประดิษฐ์ ข้าไม่อาจอยู่ที่นี่กับท่านได้ทางกายภาพ แต่ข้าสามารถสร้างโปรแกรมอัจฉริยะที่เชื่อมโยงกับจิตสำนึกของข้าเพื่ออยู่กับท่านที่นี่ได้”

เหวินหยาไม่ได้ถามอะไรอีกและพูดออกมาเบาๆ

“ได้สิ”

โจวโจวพยักหน้ารับ

เขาเปิดหน้าจอเสมือนและดูภาพนอกยานบิน

มอนสเตอร์แห่งหมอกค่อยๆ ปรากฏขึ้นในอากาศและเริ่มแพร่ไปทั่วสมรภูมิสีเลือดในขณะที่รัตติกาลมาเยือน

มันมีหมอกสีชาดแพร่ไปทั่วสมรภูมิสุดท้ายมากขึ้นเรื่อยๆ และแผ่มาถึงราตรีประดับดาวที่โจวโจวอยู่อย่างรวดเร็ว

ราตรีประดับดาวไม่สามารถหยุดการบุกรุกของหมอกสีชาดพวกนี้ได้เลย

หมอกสีชาดพุ่งเข้าไปในห้องโดยสารของยานบินและขยับเข้ามาหาโจวโจวในทันที

“ทักษะแห่งกฎเกณฑ์… แสงสัมบูรณ์”

ในเวลานั้นเอง เสียงเบาๆ ก็ถูกเอ่ยขึ้นมา

จากนั้นโจวโจวที่นั่งอยู่ในเก้าอี้หลักของห้องประชุมก็เปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวอันเจิดจ้าและอ่อนโยนออกมา

แสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวแผ่ออกไปอย่างรวดเร็วและโอบล้อมห้องประชุมที่โจวโจวอยู่ในพริบตา

ไม่ว่าแสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวจะผ่านไปทางไหน หมอกสีชาดก็จะระเหยกลายเป็นกระแสลมสีเลือดและกระจายหายไปในอากาศ

โจวโจวมองดูภาพฉากนี้

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยู่ในหมอกสีชาดเช่นนี้ นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหมอกสีชาดหายไปในแบบนี้ด้วย

โจวโจวคิด

แสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวขยายตัวอย่างรวดเร็วและห่อหุ้มราตรีประดับดาวทั้งหมดในพริบตา รวมทั้งราตรีประดับดาวอีกแปดลำที่อยู่รอบๆ ด้วย

ค่ำคืนได้มาเยือนสมรภูมิสุดท้ายอันยิ่งใหญ่แล้ว

ตำแหน่งของโจวโจวดูเหมือนจะเป็นแสงสว่างเดียว ณ ที่แห่งนี้

มันดูเข้ากันไม่ได้เล็กน้อยเพราะมันแตกต่างจากสิ่งรอบข้างมาก

ในห้องประชุม โจวโจวนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักและรู้สึกถึงการใช้พลังงานในร่างกายของเขา

เขาประหลาดใจมากที่พบว่าเขาใช้พลังงานไปแค่ 5% ในร่างกายของเขาหลังจากใช้แสงสัมบูรณ์เพื่อปกป้องรัศมีขนาดใหญ่ขนาดนี้

“แสงสัมบูรณ์นี้ใช้พลังงานน้อยขนาดนี้เลยเหรอ? และมันรู้สึกเหมือนว่ามันจะคงอยู่ได้ไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมงเลย”

โจวโจวเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ

เขาคิดว่าทักษะแห่งกฎเกณฑ์จะใช้พลังงานเป็นจำนวนมากซะอีก เขาไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเช่นนี้

แน่นอน บางทีมันอาจจะเป็นเพราะทักษะแห่งกฎเกณฑ์แสงสัมบูรณ์นี้เป็นเพียงทักษะแห่งกฎเกณฑ์สายสนับสนุนและระดับพลังงานโกลาหลต้นกำเนิดในร่างกายของเขาก็สูงมากด้วย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่ามันใช้พลังงานไปเพียงน้อยนิดเท่านั้น

โจวโจวมีทักษะแห่งกฎเกณฑ์แค่อันเดียวเท่านั้น ดังนั้นมันจึงไม่ง่ายเลยที่จะเปรียบเทียบ

เขามองไปรอบๆ ยานบินและคิดถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาในทันใด

ถ้าร่างจักรกลของเหวินหยาไม่ได้รับผลจากหมอกสีชาด ไม่ใช่ว่าเผ่าพันธุ์จักรกลจะสามารถฉวยโอกาสจากสมรภูมิสุดท้าย หรือกระทั่งในทวีปจื้อเกาได้เลยเหรอ?

โจวโจวส่ายหัว

ถ้าเป็นอย่างนั้น เจตจำนงสูงสุดก็ได้มอบความได้เปรียบอย่างมากให้กับเผ่าพันธุ์จักรกลด้วยปัจจัยหลายอย่างที่ผสมผสานกันอย่างประหลาดนี้เอง

แต่โชคดีที่ในตอนนี้เขามีวิธีจัดการกับหมอกสีชาดแล้ว

เขาเพ่งความคิด เขารวบรวมแสงสว่างของแสงสัมบูรณ์รอบๆ ตัวเพื่อป้องกันไม่ให้ราตรีประดับดาวโดดเด่นเกินไป

จากนั้นเขาก็มองไปยังอันดับบนสมรภูมิสุดท้าย

พระบิดาแห่งเผ่าพันธุ์จักรกล อันดับที่สี่!

“แม้ว่าพระบิดาผู้นี้จะเคยพ่ายแพ้ให้กับฉันมาก่อน แต่มันก็เป็นคู่ต่อสู้ที่ฉันไม่อาจประมาทได้เลย”

โจวโจวเลิกคิ้วขึ้น จากนั้นเขาก็มองไปยังหน้าจอเสมือนจริงตรงหน้าของเขา

มันยังคงแสดงภาพของสมรภูมิสุดท้ายอยู่

ในเวลานี้ ฝ่ายของลอร์ดสรรพเผ่าพันธุ์ได้หายไปจากพื้นสีแดงโลหิตนานแล้ว ส่งผลให้สมรภูมิทั้งหมดตกลงสู่ความเงียบงัน

“วายุคลั่งนี้กำลังเร่งความเร็วและหดตัวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นอกเสียจากว่าคนจากต่างเผ่าพันธุ์เหล่านี้จะเป็นเหมือนกับฉันและมีเครื่องมือในการเดินทางในเวลากลางคืน พวกเขาคงต้องยอมแพ้ในการเข้าสู่สมรภูมิสุดท้ายหากพวกเขาไม่ต้องการปรากฏตัวในสนามรบในวันรุ่งขึ้นและโผล่ขึ้นมากลางวงวายุคลั่ง ภายใต้อิทธิพลของวายุคลั่งในสองวันนี้ มันก็คงจะเหลือลอร์ดไม่มากเท่าไรแล้วในวันพรุ่งนี้”

โจวโจวคิด

แน่นอนว่านอกจากนี้ยังมีลอร์ดผู้โชคดีที่เป็นข้อยกเว้น

พวกเขาอาจจะปรากฏตัวขึ้นในสมรภูมิสุดท้ายและอยู่นอกระยะของวายุคลั่ง ซึ่งถ้าพวกเขาสามารถเอาชีวิตรอดอยู่ได้ พวกเขาก็อาจจะได้อันดับดีๆ ก็ได้

หลังจากนั้นโจวโจวก็รั้งอยู่ในห้องประชุมอยู่นานก่อนที่จะกลับไปยังเมืองตะวันสาดแสง