ตอนที่ 62

บทที่ 62: ในชั่วข้ามคืน ในช่วงสามวัน

หลังจากอธิบายทุกอย่างแล้ว หลิวหลี่เต๋าก็เตรียมพร้อมที่จะถูกปฏิเสธโดยซุยเฮ็ง

ท้ายที่สุดแล้ว ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลลู่ก็ดูจะไม่ใช่งานที่ดีเลย

เว้นซะแต่เขาอยากจะฆ่าคนจากสำนักกับตระกูลใหญ่เหล่านี้ทั้งหมดเพื่อยึดกิจการของพวกเขามาเป็นของตน นอกนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไปมีปัญหากับอีกฝ่าย

อย่างไรก็ตาม หากเขาลงมือทำจริง เขาก็จะต้องทำให้สำนักและตระกูลใหญ่ในเฟิงโจวขุ่นเคืองอย่างแน่นอน

และเมื่อถึงขั้นนั้น แม้แต่เซียนก็ยังยากที่จะเคลื่อนไหว

เขาไม่สามารถฆ่าคนในเฟิงโจวจนแม่น้ำกลายเป็นสีเลือดได้ถูกไหม?

ดูเหมือนว่าเขาจะยังคงต้องดำรงตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลลู่ต่อไป หลิวหลี่เต๋ารู้สึกเศร้าโศกใจเล็กน้อยราวกับว่าเขาสามารถคาดเดาอนาคตที่น่าเศร้าของเขาได้แล้ว

อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ จู่ๆ เขาก็ได้ยินซุยเฮ็งพูดขึ้น

“ ถ้าอย่างนั้นก็ยกตำแหน่งนี้มาให้ข้าเลย”

หลิวหลี่เต๋ารู้สึกราวกับว่าเขาได้ยินเสียงของเซียน!

เขาเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ซุยเฮ็ง “ ท่าน… ท่านตกลงหรอ?”

“ ถูกต้อง” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “ ข้าตกลง”

“ ท่านผู้ว่าการซุยช่างเปี่ยมล้นด้วยคุณธรรม ท่านผู้ว่าการซุยเป็นดั่งเทพเซียนตัวจริงเสียงจริง!” หลิวหลี่เต๋าก้มหัวหมอบลงด้วยความศรัทธา

นี่เป็นคำชมที่ออกมาจากใจจริง

เขาไม่คิดเลยว่าซุยเฮ็งจะยอมรับตำแหน่งนี้หลังจากที่เขาได้รู้ว่ามณฑลลู่นั้นยุ่งเหยิงมากเพียงใด

ในความเห็นของเขา สถานการณ์ในเมืองของมณฑลลู่ก็ไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไปแล้ว

แม้ว่าเทพเซียนจะลงมาจัดการเอง แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลลู่ก็ช่างเป็นตำแหน่งที่น่าหัวร้อน เขาไม่สามารถจัดการกับปัญหาใหญ่ๆ ได้ และมันก็ยังมีปัญหาแบบนั้นอีกมากมายไม่รู้จบ

หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็ได้ข้อสรุปเพียงข้อเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือซุยเฮ็งทำเช่นนี้เพราะความเมตตากรุณา

แน่นอนว่ามันน่าจะเป็นเพราะเขามั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเขาเองด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว นี่ก็คือเซียนที่มีความสามารถในการเรียกลมพายุ

“ ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า” ซุยเฮ็งโบกมือแล้วพูดว่า “ ผู้ว่าการหลิวรีบไปรายงานเถอะ ข้าพร้อมจะรับตำแหน่งแล้ว”

“ พร้อมแล้ว?” หลิวหลี่เต๋าอดไม่ได้ที่จะงงงวยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ แล้วกองทัพกบฎหยานล่ะ?”

การล่มสลายของกองทัพราชาหยานนั้นเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ดังนั้นข่าวจึงยังแพร่กระจายมาไม่ถึงสถานที่แห่งนี้

ด้วยเหตุนี้เอง ในความเข้าใจของหลิวหลี่เต๋า วิกฤตที่ใหญ่ที่สุดที่มณฑลลู่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้จึงยังคงเป็นกองทัพกบฏของราชาหยานที่ประจำการอยู่ในมณฑลซีหลิง

ซูเฟิงอันซึ่งยืนอยู่ข้างหลังซุยเฮ็งเองก็แสดงท่าทีสับสนเช่นกัน

ทั้งเขาและหลิวหลี่เต๋าต่างก็ไม่ได้สงสัยว่าซุยเฮ็งจะไม่สามารถรับมือกองทัพของราชาหยานได้

พวกเขาแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมซุยเฮ็งถึงบอกว่าเขาพร้อมจะไปที่นั่นแล้ว

ท้ายที่สุดแล้ว มณฑลจูเหอก็เป็นแนวหน้าของสงคราม ดังนั้นหากพวกเขาต้องการจะต่อต้านกองทัพกบฏหยาน การตั้งหลักที่นี่ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอย่างเห็นได้ชัด

“ ข่าวดี!”

“ ข่าวดี!”

“ ท่านผู้ว่าการเรามีข่าวดี!”

ในขณะนี้ เสียงของฮุ่ยฉีก็ดังมาจากข้างนอก

ปกติแล้วเขาจะไม่แสดงออกอารมณ์ใดๆ บนใบหน้า แต่ในคราวนี้ เสียงตะโกนที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นก็ได้ดังออกมาจากปากของเขา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นข่าวที่สำคัญมาก

“ เข้ามา” ซุยเฮ็งเรียกอีกฝ่ายเข้ามาขณะยิ้มขึ้น

“ ท่านผู้ว่าการ!” ฮุ่ยฉีเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับรายงานสำคัญ

เขาไม่ได้สนใจหลิวหลี่เต๋าหรือซูเฟิงอัน เขาคำนับให้กับซุยเฮ็งด้วยความเคารพก่อนจะกล่าวว่า “ เรียนท่านผู้ว่าการ ข้าเพิ่งจะได้รับรายงานมาจากหน่วยสอดแนม เมื่อคืนที่ผ่านมา มีอุกกาบาตหลายแสนดวงตกลงมาจากบนท้องฟ้าในมณฑลซีหลิง”

“ และในคืนนั้นคืนเดียว กองทัพกบฏของราชาหยานก็ได้ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือแม่ทัพ พวกเขาทั้งหมดล้วนถูกทำให้กลายเป็นเถ้าถ่านโดยอุกกาบาตนั่น อย่างไรก็ดี พวกมันก็ไม่ได้ทำร้ายคนธรรมดา และตามคำบอกเล่าของผู้คนในเมือง ในเวลานั้น มันก็มีเซียนองค์หนึ่งกำลังยืนอยู่บนท้องฟ้า ทุกคนล้วนเชื่อว่าสวรรค์ได้เปิดตาและส่งทัณฑ์สวรรค์เพื่อมาลงโทษพวกคนชั่วแล้ว!”

รายงานที่ฮุ่ยฉีกล่าวมานั้นฟังดูน่าเหลือเชื่อราวกับหลุดออกมาจากในตำนาน

หลิวหลี่เต๋า, เฉียนคังและซูเฟิงอันที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลต่างก็ตกตะลึง พวกเขาแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง

อุกกาบาตนับแสนตกลงมาทำลายกองทัพกบฏหลายแสนนายในชั่วข้ามคืน?!

ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาคือ—

“ มันเป็นไปได้ยังไง!!!”

นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว!

อย่างไรก็ตาม จู่ๆ ซูเฟิงอันก็นึกถึงเทพเซียนที่ช่วยเขาเอาไว้เมื่อคืนนี้

มันจะต้องเป็นฝีมือของเทพเซียนองค์นั้นแน่!

ในคืนเดียว เขาก็สามารถทำลายล้างกองทัพกบฎนับแสนได้โดยไม่ต้องทำร้ายคนธรรมดา นี่ช่างเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้!

แม้แต่เซียนมนุษย์อย่างผู้ว่าการซุยก็ยังทำไม่ได้!

อย่างไรก็ตาม จากคำพูดของผู้ว่าการซุยก่อนหน้านี้ เขาก็น่าจะรู้มานานแล้วเกี่ยวกับการล่มสลายของกองทัพกบฏหยาน

จากสิ่งนี้ มันก็เห็นได้ชัดว่าผู้ว่าการซุยนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับเทพเซียนองค์นั้นมากแน่ๆ

ตราบใดที่เขาติดตามผู้ว่าการซุยต่อไป เขาก็น่าจะมีโอกาสได้รู้มากขึ้นเกี่ยวกับตัวตนของเทพเซียนองค์นั้น!

สิ่งนี้ทำให้ซูเฟิงอันมุ่งมั่นที่จะติดตามซุยเฮ็งต่อไปมากยิ่งขึ้น

หลิวหลี่เต๋าตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ในฐานะผู้ว่าการมณฑลลู่ เขาก็รู้ดีว่ากองทัพกบฏของราชาหยานนั้นน่ากลัวเพียงใด

นั่นคือกองทัพที่มีแนวโน้มว่าจะสามารถยึดครองเฟิงโจวทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ และยังจะกลายเป็นกองทัพกบฏแรกที่สามารถยึดครองทั้งรัฐได้ พวกเขามีศักยภาพมากพอที่จะล้มล้างราชวงศ์ต้าจิน!

ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าพวกเขาจะสูญเสียทหารไปกว่า 50,000 นายในมณฑลจูเหอ แต่หลิวหลี่เต๋าก็ยังไม่เชื่อว่ากองทัพของราชาหยานจะยอมหยุดอยู่เพียงแค่นั้น

อย่างไรก็ดี เขาก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ากองทัพกบฏดังกล่าวจะกลับหายตัวไปทั้งหมดในชั่วข้ามคืน

พลังอะไรกันที่สามารถทำลายกองทัพนับแสนได้ในชั่วข้ามคืน?

มันน่าเหลือเชื่อมากเกินไป!

ยิ่งไปกว่านั้น จากคำอธิบายในรายงาน สิ่งที่เรียกว่าอุกกาบาตนั้นก็ได้กำจัดแค่กองทัพกบฏของราชาหยานเท่านั้น มันไม่ได้ทำอันตรายใดๆ ต่อคนธรรมดาเลย

ดังนั้นแล้ว สิ่งนี้ก็ย่อมไม่ใช่ภัยธรรมชาติแน่ๆ

มันน่าจะเป็นสิ่งที่มนุษย์... สร้างขึ้น?

แต่ใครกันจะสามารถทำเรื่องพิลึกพิลั่นเช่นนั้นได้!

แม้แต่เซียนก็ยังไม่สามารถทำได้!

เมื่อคิดถึง “เซียน” หลิวหลี่เต๋าก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซุยเฮ็ง ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

มันเป็นฝีมือของเขาเองหรอ?

จากคำพูดของผู้ว่าการซุยเมื่อกี้ เขาก็น่าจะรู้เรื่องนี้มาก่อนที่จะได้ฟังรายงานแล้ว

มันเป็นฝีมือของเขาจริงๆ หรอ?

ผู้ว่าการซุยที่กำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าเขาในตอนนี้มีความสามารถพอจะทำลายกองทัพนับแสนได้ในชั่วข้ามคืนเลยอย่างงั้นหรอ?!

แต่นั่นมันบ้าเกินไป!

มันไร้สาระมาก!

ความคิดนี้ทำให้หนังศีรษะของหลิวหลี่เต๋ารู้สึกเสียวซ่าและร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน เขาเริ่มรู้สึกว่าการที่เขาได้เข้ามาคุยกับซุยเฮ็งในวันนี้นั้นเป็นเรื่องที่พิเศษเอามากๆ

ซุยเฮ็งเห็นปฏิกิริยาของพวกเขาทั้งหมดและหัวเราะเสียงดัง “ นี่เป็นพรสองเท่าจริงๆ ฮุ่ยฉี ไปสั่งให้จ้าวกวงร่างประกาศ ให้เขาประกาศออกไปว่าทั้งมณฑลจะจัดพิธีการเฉลิมฉลองการล่มสลายของกองทัพกบฎหยานเป็นเวลาสามวัน และค่าใช้จ่ายทั้งหมดทางสำนักงานเทศมณฑลจะเป็นคนจัดการเอง”

“ ตามบัญชาท่านผู้ว่าการ!” ฮุ่ยฉีโค้งคำนับและหันหลังเตรียมจะกลับไป

“ อย่าเพิ่งรีบร้อน” ซุยเฮ็งสั่งให้เขาอยู่ต่อและพูดว่า “ หลังจากร่างประกาศเสร็จแล้ว ให้จ้าวกวงจัดงานเลี้ยงและเรียกเฒ่าลู่ไปด้วย งานเลี้ยงนี้จะมีแค่เราสี่คนเท่านั้น มันมีบางอย่างที่ข้าจะต้องบอกพวกเจ้า”

“ ท่านผู้ว่าการ…” ฮุ่ยฉีเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังในทันที เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เขาก็ลังเล ในท้ายที่สุด เขาก็ทำเพียงพยักหน้าและตอบว่า “ ข้าเข้าใจแล้ว!”

….

เมื่อหลิวหลี่เต๋ากำลังจะสร้างแท่นบูชาและเผาจดหมายแนะนำต่อ สำนักไท่ชงกับสำนักใหญ่อื่นๆ ในมณฑลลู่ก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว

การเปลี่ยนแปลงแรกคือราคาอาหาร มันเพิ่มขึ้นห้าเท่าในชั่วข้ามคืน สิ่งนี้ทำให้ประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ตื่นตระหนก

ถ่านหินเองก็ตามมาติดๆ

ในตอนนี้ฤดูหนาวก็ใกล้จะเข้ามาแล้ว มันถึงเวลาที่ผู้คนจะต้องตุนถ่านหินไว้ใช้สำหรับหน้าหนาวพอดี

เมื่อก่อน เมื่อถึงช่วงฤดูกาลนี้ มันก็จะมีการขนถ่านหินจากที่อื่นมาขาย

แต่ในปีนี้ เนื่องด้วยเหตุผลบางประการ มันจึงไม่มีเรือบรรทุกถ่านหินมาเทียบท่าเลยแม้แต่ลำเดียว

เมื่อประชาชนถามพ่อค้าที่เกี่ยวข้อง พวกเขาก็ได้รับเพียงคำตอบว่าพวกเขาต้องรอไปอีกสักระยะหนึ่ง

นอกจากจากอาหารและถ่านหิน ผ้าไหม เกลือ ผลไม้ สินแร่และอื่นๆ เองก็มีการขึ้นราคากันทั้งหมด

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันและไร้เหตุผลนี้ทำให้ผู้คนในมณฑลลู่ต่างก็สงสัยว่าพวกเขาทำอะไรผิด

ในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ทำได้เพียงร้องเรียนไปยังสำนักงานเทศมณฑลเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ได้รับข่าวว่าผู้ว่าการหลิวไม่ได้อยู่ในเมืองนี้อีกต่อไปแล้ว

สิ่งนี้ทำให้ประชาชนจำนวนมากต่างก็ตกตะลึงในทันที

อย่างไรก็ตาม คนธรรมดาก็ยังไม่กล้าพูดอะไร ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะต่อต้านทางการหากไม่จนมุมจริงๆ

สำนักไท่ชงและตระกูลใหญ่ต่างๆ ได้เตรียมการเอาไว้หมดแล้ว

เมื่อประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนมาถึงยังสำนักงานเทศมณฑล พวก “หน้าม้า” ก็เริ่มการแสดง พวกเขาแสร้งทำเป็นโกรธในขณะที่พวกเขาเริ่มตะโกนด่าทอโจมตีทางการ

เหล่าชาวเมืองที่เดิมมีความกลัวก็เริ่มจะรู้สึกโกรธขึ้นตาม

ไม่นาน สำนักงานเทศมณฑลก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

พวกเขาไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยได้อีกต่อไป

ในฐานะผู้บัญชาการมณฑลลู่ เฉินตงก็อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่มาก เขาพึมพำในใจว่า “ ผู้ว่าคนใหม่รีบมาสักทีเถอะ…”

ในเวลาเดียวกัน ในห้องส่วนตัวของร้านอาหารสามชั้น

ซุนผานซื่อกำลังเพลิดเพลินไปกับงานเลี้ยงร่วมกับคนอีกห้าคน

ในบางครั้ง ทุกคนก็จะมองออกไปนอกหน้าต่างและมองไปที่หน้าทางเข้าสำนักงานเทศมณฑลที่กำลังตกอยู่ในความวุ่นวาย พวกเขาทั้งหมดหัวเราะเสียงดังและบรรยากาศโดยรอบก็เต็มไปด้วยความสุข

“ ฮ่าฮ่าฮ่า! เป็นการแสดงที่ดีจริงๆ!”

ซุนผานซื่อชี้ไปทางสำนักงานเทศมณฑลและหัวเราะ เขาจิบเหล้าและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ ปัจจัยการดำรงชีพของทั้งมณฑลลู่นั้นขึ้นอยู่ในมือของพวกเราทั้งหกคน มาดูกันว่าผู้ว่าการมณฑลคนใหม่จะต่อสู้กับเราอย่างไร”

“ พวกเจ้าเชื่อไหมว่าหลังจากผู้ว่าการมณฑลคนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง เขาก็จะต้องมาขอโทษเราเป็นการส่วนตัวภายในเวลาไม่ถึงสามวันอย่างแน่นอน?”