ตอนที่ 209 - บทที่ 209 ทั้งหมดนี้สมเหตุสมผลใช่ไหม!

บทที่ 209 ทั้งหมดนี้สมเหตุสมผลใช่ไหม?!

“แล้วฆาตกรทำเช่นนี้เพื่อเงินหรือป่าว?” ม่านตาของเฉิงเล่ยหดตัวลงอย่างกะทันหัน

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขามักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องนัก

“เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในที่เกิดเหตุ กรณนี้ก็ไม่สามารถตัดออกได้ และยังมีความเป็นไปได้อื่น ๆ อีกด้วย”

ชายคนนั้นพูดอย่างระมัดระวัง

คนที่อยู่ข้างๆพวกเขาทั้งโกรธและหวาดกลัวเมื่อได้ยินสิ่งนี้

โกรธฆาตกรคนนี้ต้องการอะไร? แล้วทำไมต้องสอบสวนก่อนฆ่ากวนเต๋อซีล่ะ?

แน่นอนว่าความน่ากลัวที่แท้จริงอยู่ในเมืองอันชาน ถ้าเขารู้ว่าน้องชายของเขาเสียชีวิตในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้ เขาไม่รู้ว่าเขาจะโกรธแค่ไหน

"ตูม ตูม ตูม"

มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

“กัปตัน” ยามอีกคนหนึ่งเข้ามาถือกระดาษสองสามแผ่นในมือแล้วพูดด้วยสีหน้าแปลก ๆ : "ข้อมูลเกี่ยวกับครัวเรือนนี้ได้รับการตรวจสอบแล้ว ท่านดูสิ"

เฉิงเล่ยรับแฟ้มเอกสารมา

ทันใดนั้น ม่านตาของเขาก็ขยายออก

หัวหน้าครัวเรือน: หยางมู

น้องชาย: หยางเสี่ยวฉุน

ภรรยา: ฉางฮวน

ชื่อทั้งสามนี้ค่อนข้างคุ้นเคยกับเขาราวกับว่าเขาเคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง

ใช่!

หยางเสี่ยวฉุนคนนี้เป็นหนึ่งในทหารยามไม่ใช่หรือ? เขาได้ยินมาว่าเขาเห็นคนๆหนึ่งฆ่าขโมยม้ากลุ่มหนึ่งและแย่งชิงพาหนะของพวกโจรเหล่านั้น จากนั้พวกเขาก็รวมกลุ่มสองสามคนและต้องการปล้นเขา แต่หลังจากจากไปพวกเขาก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย

ความทรงจำในใจของเฉิงเล่ยปรากฏขึ้นราวกับภาพสไลด์

หวังซินเป็นคนบอกข่าวนี้กับเขา เขาบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเล่าให้ฟังฟัง หรือจะเป็นผู้หญิงคนนี้?

เขามองดูศพบนพื้นอย่างกะทันหัน และเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาในใจของเขา

"คือเธอนี้เอง!"

“กัปตัน มีอะไรผิดปกติ?”

“ท่านพบอะไรงั้นหรือ?”

เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลายคนรอบข้างก็ถามอย่างตื่นเต้น

จนถึงตอนนี้ มีเพียงการค้นหาฆาตกรให้พบเท่านั้นที่พอจะสามารถระงับความโกรธของบุคคลนั้นได้

ถ้ากัปตันรู้มันคงจะดีอย่างมาก

เฉิงเล่ยขมวดคิ้วราวกับว่าเขาไม่ได้ยินสิ่งที่คนรอบตัวเขาพูด

แม้ว่าตัวตนของคนเหล่านี้จะได้รับการยืนยันแล้ว แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกวนเต๋อซีอย่างไร? แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?

"มันอาจจะเป็น..?"

ทันใดนั้นเขาก็คิดถึงการเดา

นั่นคือหลังจากหวังซินถูกเขาปฏิเสธแล้ว จากนั้นจึงหันหลังกลับและไปหากวนเต๋าซีหรือป่าว?

ดูจากลักษณะอุปนิสัยของอีกฝ่ายก็เป็นไปได้

“ไปเรียกหวังซินมาให้ข้า”

เขาออกคำสั่งทันที

"ได้ครับ"

ชายผู้ถือแฟ้มเอกสารวิ่งออกไป และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เข้ามาด้วยสีหน้าสับสน "กัปตัน หวังซินเขาลาออกจากการเป็นทหารยามแล้ว"

"อะไร?"

เฉิงเล่ยผงะไป

"เขาลาออกตั้งแต่เมื่อไหร่?"

“เมื่อสองสามวันก่อนครับ”

“เจ้ารู้ไหมว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน? ไปตามเขามาให้ข้าหน่อย”

"ได้ครับ"

ชายคนนั้นจากไปอีกครั้ง

“กัปตัน ท่านพบอะไรบางอย่างงั้นหรือ?”

คนข้างๆอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

"..ยังไม่ชัดเจน"

เฉิงเล่ยส่ายหัว

เขารู้สึกว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาค่อนข้างสับสนอย่างมาก

ทำให้ตอนนี้บรรยากาศภายในห้องดูอึมครึมอย่างมาก

จนมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากที่ไกล ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

เฉิงเล่ยรีบหันศีรษะและมองไปที่ประตู เขาคิดว่าคนที่เขาส่งไปก่อนหน้านี้มีข่าว แต่ไม่ใช่..เป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ปรากฏตัวที่ประตู

"พี่ใหญ่ซ่ง"

เฉิงเล่ยรีบเข้าไปหาเขา

คนที่มานั้นเตี้ยและอ้วน เขาเป็นเจ้าของซ่งเจียเป่าแห่งนี้ ซ่งไห่หลง ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเฉิงเล่ย

ซ่งไห่หลงมีท่าทีตื่นตระหนกในดวงตาของเขาในขณะนี้ และถามว่า "น้องเฉิง กัปตันกวนตายจริงๆเหรอ?"

"อืม"

เฉิงเล่ยพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

ใบหน้าของซ่งไห่หลงซีดลง เขาเดินช้าๆ เข้าไปในห้อง เดินขึ้นไปบนศพ และตัวแข็งทื่อทันที จากนั้นร่างของเขาก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้

“ใคร! ใครเป็นคนทำ!”

ปากของเขาสั่น

ความโกรธของเขาไม่มากเท่าความกลัว

เขาสามารถจินตนาการได้ว่าถ้าเขานำศพนี้ไปอยู่ต่อหน้ากวนเต๋อฮวา ศพนี้อาจทำให้หัวใจของเขาแตกสลายได้

“ขยะ เจ้าพวกขยะซัดใส่ข้าวทั้งหมด!”

ซ่งไห่หลงหันกลับมามองดูผู้คนข้างๆ เขาแล้วสาปแช่งด้วยความโกรธ "พวกเจ้าต่างเลี้ยงเสียข้าวสุด พวกเจ้าปล่อยให้ฆาตกรฆ่าคนในปราสาทให้ออกไปอย่างง่ายๆได้อย่างไร แถมคนที่ตายเป็นกวนเต๋าซี! พวกเจ้าต้องตามหาฆาตกร ให้ข้าภายวันนี้ ไม่อย่างนั้นอย่าคิดจะรอดไปได้แม้สักคนเดียว!”

ทุกคนในห้องก้มหน้าไม่กล้าหายใจ

ให้ตามหาฆาตกรงั้นเหรอ? พวกเขาจะหามันได้ที่ไหน?

ไม่มีใครเป็นคนโง่ ฆาตการจะอยู่ที่นี่อย่างซื่อสัตย์เพื่อรอให้พวกเขาไปจับงั้นหรือ? หลังจากฆ่าใครคนแล้วฆาตกรอาจจะหนีไปนานแล้ว

โลกนี้กว้างใหญ่มาก พวกเขาจะพบคนๆนี้ได้จากที่ไหน?

“บัดซบ ไอ้สารเลวตัวไหนเป็นคนทำ!”

ซ่งไห่หลงยังคงสาปแช่ง

เฉิงเล่ยขมวดคิ้ว และหัวใจของเขากระสับกระส่าย

เขายังไม่เข้าใจว่าทำไม กวนเต๋าซีจึงปรากฏตัวที่นี่

เขามีลางสังหรณ์ว่าถ้าเขาสามารถเข้าใจปัญหานี้ได้ เขาอาจจะสามารถไขปริศนาทั้งหมดได้

และในขณะนี้ก็มีเสียงฝีเท้าด้านนอกประตูอีกครั้ง

บรรยากาศในห้องก็เงียบลงทันที

“กัปตัน ทะ..ท่านผู้นำ!”

เมื่อผู้ที่เพิ่งเข้าเห็นซ่งไห่หลง เขาก็ตกใจมาก

ซ่งไห่หลงกำลังจะโกรธ เฉิงเล่ยส่ายหัวแล้วถามว่า "เป็นยังไงบ้าง? เจ้าเจอเขาแล้วหรือยัง?"

ชายคนนั้นกลืนน้ำลาย ส่ายหัวแล้วพูดว่า "เราไปที่บ้านของหวังซินแล้วพบว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น ตามที่เพื่อนบ้านบอก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ปรากฏตัวมาสองหรือสามวันแล้ว"

"อะไรนะ?"

เฉิงเล่ยผงะไป

“ไม่มาสองสามวันแล้วเหรอ? บ้านก็ไม่กลับแถมยังลาออกจากงาน แล้วเขาไปไหนล่ะ?”

เฉิงเล่ยดูสับสนอย่างมาก

"ไม่"

ทันใดนั้น เฉิงเล่ยก็ตระหนักได้ว่า "ทำไมข้าถึงคิดไม่ออกล่ะ ใครเป็นคนทำเรื่องให้หวังซินออกจากการเป็นทหารยาม?"

ทันทีที่เขาถามคำถาม เขามีคำตอบอยู่ในใจแล้วจริงๆ

“กัปตันกวนครับ”

ผู้มาเยือนเหลือบมองศพบนพื้นแล้วพูดว่า "เป็นกัปตันกวนสั่ง"

ดวงตาของเฉิงเล่ยเบิกกว้าง

“น้องเฉิงเจ้ารู้อะไรงั้นหรือ?” ซ่งไห่หลงที่อยู่ด้านข้างถามอย่างเร่งรีบเมื่อเห็นสิ่งนี้

สายตาของคนรอบข้างก็แสดงความคาดหวังเช่นกัน

เฉิงเล่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ

“พี่ซ่ง ข้าอาจรู้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว”

“โอ้? น้องเฉิงบอกข้าหน่อยสิ!”

ซ่งไห่หลงกล่าวอย่างกังวลว่า "น้องเฉิงหากเราไม่พบฆาตกร ข้าจะไม่สามารถไปที่เมืองอันซานเพื่อจัดการธุรกิจได้ ในเวลานั้นไม่เพียงแต่ข้าเท่านั้น แต่เจ้าก็ยังจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย"

“พี่ซ่ง ข้าเข้าใจแล้ว”

ดังที่เฉิงเล่ยพูด เขาก็เหลือบมองผู้คนรอบตัวเขาแล้วพูดว่า "พวกเจ้าออกไปก่อน"

“พวกเจ้าไม่ได้ยินเหรอ? ออกไป!”

ซ่งไห่หลงคำราม

ทุกคนวิ่งออกไปด้วยความหวาดกลัว

ในบ้านมีเพียงสองคนและศพทั้งสองอยู่บนพื้น

"พี่ซ่ง"

เฉิงเล่ยเหลือบมองร่างของผู้หญิงคนนั้นแล้วพูดว่า "ถ้าข้าเดาไม่ผิด หวังซินไม่ได้ออกจากหมู่บ้าน แต่ตายไปแล้ว เช่นเดียวกับผู้หญิงคนนี้ เขาเสียชีวิตด้วยน้ำมือของกวนเต๋อซี"

"...???"

ซ่งไห่หลงรู้สึกงุนงงและราวกับสูญเสียวิญญาณ

“พี่ซ่งอย่าพึ่งสับสน ท่านจะรู้เมื่อข้าพูดจบ”

เฉิงเล่ยเล่าให้ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

ยิ่งซ่งไห่หลงได้ยินมากเท่าไร เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น

“พี่ซ่ง ท่านสังเกตไหมว่าคนที่เสียชีวิตเหล่านี้มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน?”

“มีอะไรเหมือนกัน?”

ซ่งไห่หลงอ้าปากกว้างแล้วถาม

“พวกเขาทุกคนล้วนรู้เรื่องโจรขโมยม้า”

ดวงตาของเฉิงเล่ยฉายแสงอันเย็นชา

“หยางมู่และหยางเสี่ยวฉุน หลังจากรู้เรื่องขโมยม้าแล้วก็ไปที่เฉินเจียไจ้ และตอนนี้ก็ไม่รู้ที่อยู่ของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาคงจะตายไปแล้ว

ฉางฮวนและหวังซินก็เสียชีวิตเช่นกันหลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับขโมยม้า คนที่ฆ่าพวกเขาคือกวนเต๋อซี

ถ้ากวนเต๋อซีไม่ตาย ข้าคิดว่าหยางมู่และหยางเสี่ยวฉุนอาจถูกเขาฆ่าเหมือนกัน แต่เมื่อกวนเต๋อซีตายไปแล้ว แล้วใครเป็นคนฆ่าเขาล่ะ?"

“เจ้าหมายความว่าเป็นเฉินเจียไจ้เป็นคนที่ฆ่ากวนเต๋อซี!”

ซ่งไห่หลงโพล่งออกมา

เฉิงเล่ยพยักหน้าแล้วพูดว่า “มีความเป็นไปได้มาก”

“เจ้าหมายถึงนอกจากเฉินเจียไจ้แล้ว ยังมีคนอื่นที่เป็นฆาตกรอีกงั้นเหรอ?” รอยยิ้มที่เพิ่งปรากฏบนใบหน้าของซ่งไห่หลงก็แข็งทื่อทันที

"อืม"

เฉิงเล่ยขมวดคิ้วและพูดว่า "เพราะข้าไม่สามารถเข้าใจสิ่งหนึ่ง นั้นคือถ้ามีคนบอกว่าการตายของกวนเต๋อซีเป็นการกระทำโดยคนในเฉินเจียไจ้เพื่อเก็บเป็นความลับ แล้วพวกเขารู้ได้อย่างไรว่ากวนเต๋อซีรู้เรื่องนี้ด้วย?”

ท้ายที่สุดเมื่อพิจารณาจากลำดับนั้น กวนเต๋อซีควรได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้หลังจากเขา ในเวลานั้นหยางเสี่ยวฉุนและคนอื่น ๆ อาจประสบอุบัติเหตุแล้ว และพวกเฉินเจียไจ้ไม่น่าจะรู้จากทั้งฉางฮวนและหวังซินเช่นกัน

เช่นนั้นพวกเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร

“น้องเฉิง..น้องเฉิง เจ้าฉลาดมากมาตลอดชีวิต แต่เจ้ากลับสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ข้าจะอธิบายเรื่องนี้ให้เจ้าฟังก็แล้วกัน”

มุมปากของซ่งไห่หลงหยักขึ้น "คนจากเฉินเจียไจ่จับหยางเสี่ยวฉุนและคนอื่นๆทั้งเป็น และได้รับรู้จากพวกเขาว่ามีผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงแอบเข้ามาเพื่อต้องการที่จะปิดปากเธอ

แต่ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ พวกเขากลับมาตอนที่กวนเต๋อซีฆ่าผู้หญิงคนนี้ จากนั้นพวกเขาก็ใช้ประโยชน์จากความสะเพร่าของกวนเต๋าซีและประสบความสำเร็จด้วยการลอบโจมตี ทั้งหมดนี้สมเหตุสมผลใช่ไหม?”...

…………