"นั่นฝ่าบาท ฝ่าบาทกลับมาแล้ว"
ทันทีที่ มากอร์น ปรากฏตัว ก็ได้มีเสียงตะโกนออกมาจากกลุ่มคนแคระ พวกเขารีบเข้ามาต้อนรับทันที
พ่อของมากอร์นเดินนำหน้า นำเผ่าค้อนสงครามเข้ามาทำความเคารพมากอร์น
"ยินดีต้อนรับฝ่าบาท"
เสียงตะโกนของพวกเขาดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา
"ท่านพ่ออย่าทำเช่นนี้ ลุกขึ้นเถอะ"
มากอร์นที่เพิ่งเทเลพอร์ตมาก็ตกใจ รีบเข้าไปพยุงเหล่าผู่อาวุโสสูงสุดด้วยความเร่งรีบ
ไม่ว่าเขาจะเป็นหัวหน้าเผ่าหรือราชา แต่ยังคงเป็นบุตรชายผู้อาวุโสสูงสุด ซึ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันลืม
ผู้อาวุโสสูงสุดที่ถูกเขาพยุงขึ้น ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พยักหน้าตอบกลับ
"เอาละ เอาละ ในเมื่อกลับมาแล้ว พวกเราก็เข้าไปคุยกันในเผ่ากันเถอะ"
"ตกลง"
ดวงตาของ มากอร์น เกิดสั่นไหวขณะที่เขายยุงผู้อาวุโสสูงสุดเดินเข้าไปในเผ่าอย่างช้าๆ
อย่างไรก็ตาม เพียงไม่นาน เขาก็ได้พบกับ หลิน ยู ที่อยู่ด้านนอกกลุ่มคน เขาพูดกับหลิน ยู ทันที "หลิน ยู ข้าจะจัดการเรื่องในเผ่าให้เรียบร้อยก่อน แล้วข้าจะไปเจ้าเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว"
"ไม่เป็นไร เจ้าทำธุระของตัวเองก่อนเถอะ ข้าแค่มาที่นี่เพื่อตรวจสอบว่าการเคลื่อนราบรื่นดีหรือไม่"
พวกเขาทั้งสองเพิ่งได้พบกันเมื่อไม่กี่วันก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเรื่องให้พูดมากนัก
หลังจากที่พูดคุยไม่กี่คน
มากอร์น ก็นำคนแคระแหละกองกำลังผู้พิทักษ์เข้าไปด้านใน
หลิน ยู พา เซียว ฉางกุ้ย และ เหว่ย กัง ออกมาจากหุบเขารีบมุ่งหน้ากลับไปยังเมืองหวงซา
เมื่อเขาเดินไปได้ครึ่งทาง เขาหันกลับมาและพูดกับพวกเขาทั้งสองคนว่า "ก่อนอื่น พวกเจ้าไม่สามารถปล่อยให้ใครเข้ามายังที่นี้ได้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากข้าในอนาคต โดยอย่างยิ่งการหายตัวเข้ามา"
"อย่าได้กังวลขอรับ ข้าน้อย จะจัดเวรยามคอยเฝ้าประจำการเอาไว้" เหว่ย กัง ตอบกลับด้วยความเคารพ
"เจ้าทำได้ดีมาก หากใครกล้าที่จะละเมิดกฏนี้ พวกเจ้าสามารถสังหารมันได้เลยโดยไม่ต้องรายงานข้า" จิตสังหารสาดประกายออกมาจากดวงตา ของ หลิน ยู
เป็นเวลากว่าครึ่งปีที่เขาอาศัยอยู่ในโลกดึกดำบรรพ์ เขาไม่ใช่คนดีที่ไหน ต่อให้เป็นผู้หญิงแต่ถ้าหากทำให้เขาสูญเสียผลประโยชน์ เขาก้สามารถสังหารได้โดยไม่ลังเล
เมื่อเห็นจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากดวงตาของเขา เซียว ฉางกุ้ย และ เหว่ย ถึงกับสั่นสะท้านรีบตอบกลับทันที "ขอรับ!"
"ต่อจากนี้ข้าจะหมอบหมายหน้าที่นี้ให้กับพวกเจ้า"
หลิน ยู ไม่ได้พูดอะไรมากนัก เพียงแค่ขึ้นไปบนภูเขาและรีบกลับไปยังดินแดน
เมื่อเขาห่างออกไป ร่างที่ตึงเครียดของทั้งสองก็ผ่อนคลายลงทันที ร่องรอยความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
"พลังของนายท่านดูเหมือนจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อก่อนซะอีก" เหว่ย กัง กล่าวออกมาด้วยความหวาดกลัว
"แบบนี้ซิดี!" เซียว ฉางกุ้ย เฝ้ามองไปยังทิศทางที่ หลิน ยู จากไปอย่างเงียบๆ ดวงตาของเขาฉายแววความฉลาดที่ไม่ธรรมดา
"ในฐานะที่เป็นบุคคลระดับสูง การสังหารเป็นสิ่งที่จำเป็น ในอดีตนายท่าน ทรงเมตตาและรักผู้คน แม้ว่ามันจะดี แต่มันไม่สามารถทำให้เขากลายบุคคลระดับสูงได้อย่างแท้จริง ตอนนี้ดูเหมือนข้าจะคิดมาเกินไป"
อย่ามองว่า เซียว ฉางกุ้ย เป็นชายชราผู้แสนดี
ในความเป็นจริงตัวเขาเป็นผู้รักษาการเจ้าเมืองหวงซามาหลายปีแล้ว
ในด้านบุคลิกของผู้ทรงอำนาจ มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบเคียงเข้าได้ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงสามารถดูแลเมืองหวงซาให้เป็นระเบียบได้
ภาพลักษณ์ของนายเหนือหัวนั้นไม่เพียงแค่ต้องมีความเมตตาเท่านั้น แต่ยังต้องทรงพลังอีกด้วย
เป็นการผสมผสานระหว่างความสง่างามกับพลังความแข็งแกร่งนี้เป็นหนทางแห่งการปกครอง
.....
อีกด้านหนึ่ง
หลักจากที่ หลิน ยู กลับมายังดินแดน เขาก็ไปยังแดนศักดิสิทธิ์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้มุ่งหน้าไปยังภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์เพื่อรวบรวมทรัพยากร เพราะเขาเพิ่งได้รับข่าวว่าการจราจลบนภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ใช่แล้ว
นี้มันก็ผ่านมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้วนับตั้งแต่การจราจลของภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์ครั้งสุดท้าย
วันที่เหล่ามอนสเตอร์ได้รุกรานมายังแดนศักดิ์สิทธิ์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ในเวลานั้นจะมีมอนสเตอร์ที่อยู่เหนือกว่าระดับ 10 ปรากฏขึ้น เขาไม่กล้าเสี่ยงที่จะมุ่งหน้าไปยังรอบๆของภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์
รวมถึงในเวลานี้บรรดาราชันบนเกาะลอยฟ้าก็เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติเช่นกัน พวกเขาต่างมาเพื่อสอบถามเกี่ยวข่าวการจราจล
"ข้าได้ยินจากผู้ที่เพิ่งกลับมาจากภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์ว่าบรรยากาศที่นั้นเริ่มที่จะโกลาหลแล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็คงเกิดจราจลขึ้น"
"เฮ้อ ข้ายังต้องการสังหารมอนสเตอร์อีกสองสามตัวแท้ๆ มันวนมาถึงอีกแล้วงั้นเหรอ ข้าไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะเต็ม!"
"ข้าไม่รู้ว่าข้าคิดไปเองหรือเปล่า ข้ารู้สึกว่าช่วงเวลาการเกิดจราจลของมอนสเตอร์นี้เมื่อเร็วๆนี้ มันดูเหมือนจะสั้นลงเรื่อยๆ"
"ฮ่าฮ่า เจ้าไม่ได้คิดไปเองงั้นเหรอ นี้ไม่ใช่ว่ามันผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วงั้นเหรอ?"
"บางที ข้าอาจไม่ได้สนใจเวลามากนัก ช่วงนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากจริงๆ"
เหล่าราชันได้ร่วมตัวกันบนเกาะลอยฟ้าสองสามคน ขณะที่สอบถามเกี่ยวข้อมูลและพูดคุยเกี่ยวกับบางสิ่ง
มีคนจำนวนมากมาตั้งแผงขายของมีเสียงตะโกนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลิน ยู เดินอยู่ท่ามกลางเหล่าผู้คน ทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์บนภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์อย่างคร่าวๆ ดูเหมือนว่าการจราจลจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้
ในเวลานั้นจะมีราชันระดับสูงจำนวนมากปรากฏขึ้นเพื่อทรัพยากร
เขายังไม่ลืมมอนสเตอร์ระดับ 10 ได้ที่เขาได้เจอกับเกาะลอยฟ้าระหว่างกระจราจลครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงอันตราย
เมื่อคิดดูแล้ว
เขาก็ไม่ได้อยู่บนเกาะลอยฟ้านานนัก รีบเทเลพอร์ตกลับไปยังดินแดนทันที
หลังจากนั้นไม่นาน มากอร์น ก็ได้มาหาเข้าพร้อมกับองครักษ์คนแคระสองสามคน
"เป็นอย่างไรบ้าง เสร็จแล้วงั้นเหรอ" หลิน ยู ถามขึ้นทันที
"แน่นอน นอกจานี้ข้ายังได้นำคนในอาณาจักรและทรัพยากรมาด้วยเพื่อทำการขยายถ้ำเผ่าค้อนสงคราม มันอาจจะมีผู้คนในอาณาจักรมากกว่านี้มาอาศัยอยู่ที่นี้ เจ้าต้องช่วยข้าดูแลพวกเขา"
มากอร์น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ หลิน ยู ดังนั้นเขาจึงไม่สุภาพแม้แต่น้อย
นอกจากนี้ เขาก็ยังได้อาศัยอยู่ที่นี้มานานแล้ว เขายังรู็ถึงศักยภาพของเมืองหวงซาอีกด้วย ในระยะเวลาสั้นๆที่เขาได้มาเยือนที่นี้จนถึงเวลาถึงเผ่าของเขาได้ตั้งถิ่นฐานขึ้น
"ไม่ต้องห่วง เจ้าไม่รู้งั้นเหรอว่าข้าเป็นคนอย่างไร"
หลิน ยู ตกลงทันที
หากคนแคระย้ายมาที่นี้จำนวนมากมันคงสายเกินไปแล้ว ที่เขาจะต้อนรับ
หลังจากนั้น
เขาก็พูดคุยกับมากอร์นเกี่ยวกับการสร้างอุปกรณ์ รวมถึงเรื่องเล็กน้อยภายในอาณาจักรคนแคระ
จะกระทั่ง มากอร์น วางใจในเรื่องนี้ เขาก็เปลี่ยนหัวข้อพร้อมกับทำสีหน้าที่จริงจัง
"หลิน ยู เมื่อครั้งที่ข้ารับมรดกของราชาคนแคระ ข้าได้รับข้อมูลบางอย่างมามันเกี่ยวข้องกับภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์ ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่น่าหวาดกลัวหลบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของโลกนั้น ในอนาคตเจ้าต้องระวังตัวให้ดี"
"บางอย่างที่น่าหวาดกลัว?"
หลิน ยู ตกตะลึงนี้เป้นครั้งแรกที่เขาเห็นการแสดงออกที่จริงจังของ มากอร์น
"ใช่" มากอร์นพยักหน้าอย่างเงียบๆ "มันไม่มีข้อมูลมากมายนักที่ถูกบันทึกเอาไว้ในมรดก ทั้งหมดถูกทิ้งเอาไว้โดยราชาคนแคระแต่ละรุ่น แต่ข้ารู้สึกได้ว่าเลยสิ่งนั้นต้องทรงพลังอย่างมาก มันมีพลังเหนือที่พวกเราจินตนาการไว้"
เสียงของเขาเคร่งขรึมอย่างมาก ราวกับมันเพียงแค่คำพูดมันไม่สามารถอธิบายอารมณ์ของเขาออกมาได้ในขณะนั้น ซึ่งทำให้การแสดงออกของ หลิน ยู กลายเป็นจริงจัง
ถ้าหากเขาเดาถูก
การดำรงอยู่ของตัวตนที่ทรงพลังที่ มากอร์น พูดถึงอาจจะเกี่ยวกับมือยักษ์ที่เขาเห็นภายในอาณาจักรลับขนาดใหญ่นั้น
มือยักษ์นั้นอาจจะเป็นมือของเทพเจ้าด้วยซ้ำ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็พยักหน้าอย่างจริงจัง "ตกลง ข้าจะฟังเจ้า อย่าลืมบอกข้าหากเจ้ามีข้อมูลเพิ่มเติมในอนาคต"
"ถ้าอย่างนั้นข้าต้องไปก่อนแล้ว ยังมีอีกหลายสิ่งในเผ่าที่รอข้าไปจัดการ หากเจ้ามีอะไร เจ้าสามารถไปหาข้าได้ที่เผ่า ถ้าหากข้าไม่อยู่ที่นั้น ให้เจ้าจุดไฟและส่งข้อความมาทางนั้น"
หลังจาก มากอร์น พูดจบ เขาก็จากไปพร้อมกับองครักษ์
เขาไม่ได้นำองครักษ์มาด้วยมากนักเมื่อเขามา ดังนั้นมันจึงไม่ได้เป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากนัก
เพราะมันไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่จะมีคนแคระปรากฏตัวขึ้นที่เมืองหวงซา
หลังจากที่พวกเขาจากไปไกล หลิน ยู ก็กลับไปยังดินแดนอีกครั้ง และเริ่มจัดการสิ่งต่างๆผ่านทางหน้าต่างอาณาเขต โดยเริ่มจากเรื่องเล็กๆก่อน
อย่างไรก็ตาม เขายังให้ความสนใจเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์ผ่านช่องแชท
....
เช้าวันรุ่งขึ้น
ข่าวการจราจลของมอนสเตอร์ก็มาตามนัดหมาย
ทันทีที่ หลิน ยู ตื่นเต้น ช่องแชทอาณาจักรก็ราวกับจะระเบิดออก
"ให้ตายเถอะ! ข้ากลัวแทบตาย ตอนที่ข้าไปยังวิหาร ข้าเจอเข้ากับมอนสเตอร์ระดับ 10 กลับจะหนีไม่รอดซะแล้ว"
"เจ้าเพิ่งจะรู้งั้นเหรอ ห้ามไปแดนศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ มันอันตรายเกินไป"
"ข้าต้องการที่จะสังหารมอนสเตอร์อีกซักสองสามตัวเพื่อพลังเวทย์นิ โชคดีจริงๆที่ข้าสามารถหนีได้ไว"
"อย่างเจ้าน่ะไม่ไหวหรอก นั้นเป็นสิ่งที่ราชันระดับสูงเท่านั้นที่สามารถจัดการได้"
ในขณะนั้น ราชันจากอาณาจักรต่างๆ ก็พูดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆที่เกิดถึงบนภูมิภาคหลักของมอนสเตอร์
อีกด้านหนึ่งบนเกาะลอยฟ้าภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอาณาจักรลับ ได้มีการต่อสู้กันอันดุเดือดทุกหนแห่งในเวลานี้
กองกำลัของราชันระดับสูงกับมอนสเตอร์แห่งความโกลาหลระดับสูง กำลังต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งบนเกาะต่างๆ
ไม่ว่าพวกเขามุ่งไปทางไหน เกาะก็แตกออกเป็นเสี่ยง ชั้นบรรยากาศถูกทำลาย
แม้ว่าจะมีมอนสเตอร์ระดับ 10 อยู่ด้วยก็ตาม แต่พวกมันจะถูกขัดขวางเอาไว้โดยมหาอำนาจระดับ 10 เหล่านั้น พยายามที่จะสังหารพวกมัน
สุดท้านแล้ว มอนสเตอร์ระดับ 10 นั้นหายากอย่างมากดังนั้น พวกเขาจะพลาดโอกาศครั้งหนึ่งในชีวิตเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน
เป็นอย่างที่พูดกันในช่องแชท
นี้เป็นเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่มีเพียงราชันระดับสูงเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมได้เหล่าราชันระดับต่ำ ทำได้เพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ในห้องตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวรอจนกว่าการจราจลจะสิ้นสุดลง
"เฮ้ออ.."
หลิน ยู ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกอิจฉาอยู่ภายในใจ
เมื่อมีมอนสเตอร์จำนวนมากมายขนาดนั้นมารวมตัวกันอยู่ที่นั้น มันต้องเป็นทรัพยากรจำนวนมากขนาดไหนกัน?
ถ้าเขาแข็งแกร่งมากกว่านี้ เขาคงสามารถเข้าร่วมการล่าสังหารได้ทันที มันน่าเสียดายจริงๆ
แต่เห็นแก่ชีวิตดวงน้อยๆของเขา เขาไม่ควรวิ่งเข้าไปหาความตาย ถ้าหากเขาบังเอิญเทเลพอร์ตไปเจอเข้ากับมอนสเตอร์ระดับ 10 ต่อให้มีกี่ชีวิตก็คงไม่พอ
เขาใช้เวลาว่างนี้ดูทหารที่จะเอามากลายพันธุ์
ดูว่าเขาสามารถสร้างสกิลกลายพันธุ์ที่ทรงพลังได้หรือไม่
หลังจากที่ครุ่นคิด หลิน ยู ก็ตรงไปยังต้นไม้โลก เปิดหน้าต่างอัญเชิญทหารออกมา พรางมองดูการสนทนาของเหล่าราชัน
ในเวลานี้ หน้าต่างอัญเชิญทหารของเขาสามารถกล่าวได้ว่าน่าตกตะลึงอย่างมาก มีทหารจำนวนมากกว่าในตอนแรกที่เขามายังโลกนี้อย่างมหาศาล มันมีตั้งแต่ระดับ 1 จนถึง ระดับ 7
ทหารระดับต่ำเหล่านั้นล้วนถูกวิจัยโดยหอคอยทหารของเขาเมื่อเขาไม่ได้ใช้งาน
สำหรับทหารระดับ 7 นั้นใช้ช่วงเวลานี้เขายังวิจัยทหาร 5 ตัวด้วยกัน หญ้าเกล็ดเงิน ภูติไม้โบราณ แบนชีต่างๆ เห็ดระเบิด และจิตวิญญาณดอกไม้
เพราะเขาวิจัยทหารทุกประเภท ในตอนนี้เขาสามารถอัญเชิญทหารเหล่านี้ออกมาได้ทันที ซึ่งสะดวกอย่างมาก
แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดก็คือทหารระดับ 6
สิ่งที่เขาวิจัยก็คือร่างขั้นสูงของจิตวิญญาณปฐพี
เจ้าตัวนี้เป็นทหารหายากประเภทแรกที่เขาได้รับมาหลักจากมายังโลกนี้
มันสามารถถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการเติบโตอันรวดเร็วของเขา และยังเป็นตัวตั้งตนสกิลของหลิง ซี ทหารราชวงศ์ตัวแรกของเขา
ซึ่งตอนนี้เมื่อก้าวขึ้นมาสู่ระดับสูง ทำให้มันถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง
โดยไม่คาดคิด ในช่วงเวลาสองสามวันที่ผ่านมาเขายุ่งอยู่กับการเดินทาง เขาจึงได้วิจัยมันจนสำเร็จโดยที่เขาไม่ทันสังเกต
เขาเปิดหน้าต่างอัญเชิญทหารระดับ 7 อย่างรวดเร็ว เขาเลื่อนลง
แน่นอนมันมีทหารชนิดใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา เรียกว่า [จิตวิญญาณชีวิต]
Copyright © 2025 xxxxx.com, All Right Reserved