ตอนที่ 250

บทที่ 250 : รายงานท่านประมุขเซียน

มันมาจากผู้ก่อตั้งต้าเว่ย จักรพรรดิหงหยินหวังซานจุน

ในเวลาเดียวกัน คำเชิญก็ยังระบุว่าหวังซานจุนครั้งหนึ่งเคยได้รับยาศักดิ์สิทธิ์จากซุยเฮ็งซึ่งได้เปลี่ยนชะตากรรมของเขาและทำให้เขามีชะตากรรมบางอย่างร่วมกับซุยเฮ็ง

หลี่เฉิงสังเกตเห็นสิ่งนี้

เขาตัดสินใจพาน้องสาวไปยังงานเลี้ยงในทันที

บางทีพวกเขาอาจได้รับประสบการณ์ในการกอดต้นขาของใครบางคน!

….

ในเวลาเดียวกันกับงานเลี้ยงในเมืองฉางเฟิง แสงสีดำสนิทก็ตกลงมาจากท้องฟ้าทางทิศตะวันตก

แสงนี้ไม่ได้เด่นแจ้งในตอนกลางคืน มันแทบจะไม่มีใครสังเกตเห็นมันเลยในขณะที่มันลงจอดอย่างเงียบๆ ในเมืองหยงโจว

เรือเหาะรูปกระสวยยาวกว่า 30 ฟุตค่อยๆ ร่อนลงอย่างช้าๆ บนยอดเขา

ทันทีหลังจากนั้น พื้นผิวของเรือเหาะก็เปล่งแสงสีดำ รูปสี่เหลี่ยมปรากฏขึ้นบนพื้นผิวเรียบและก่อตัวเป็นประตู

ชายชุดดำเดินออกมา เขาเปิดฝ่ามือและคว้าเบาๆ จากนั้นเรือเหาะยาว 30 ฟุตก็กลายเป็นวัตถุยาวหนึ่งนิ้วและตกลงมาในมือของเขา

“ หืม…” ชายในชุดดำหายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตาลง เขาดูสดชื่นมาก

จากนั้นเขาก็กางแขนออกและชูขึ้นไปบนฟ้า เขาชมเชยว่า “ ช่างเป็นโลกที่สะอาดเสียจริงๆ มันไม่มีค่ายกลป้องกัน และไม่มีรูปปั้นทองแดงเดินตรวจตราอยู่ทุกหนทุกแห่ง นี่แหละคือเสรีภาพ!”

“ ภูเขาและแม่น้ำไม่แสดงอาการว่าถูกปราชญ์เข้าแทรกซึม พวกมันล้วนเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่ธรรมชาติได้สรรค์สร้างขึ้นมา มหัศจรรย์ มหัศจรรย์จริงๆ! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โลกใบนี้ก็จะเป็นของข้า เย่หาน!”

“ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น ข้าก็ต้องค้นหาก่อนว่าหลี่เฉิงและหลี่เว่ยพบอะไรแล้วรึยัง”

“ นอกจากนี้ ข้าก็ยังต้องยืนยันระดับของบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกใบนี้และจัดทำรายชื่อสังหารหมู่ มันจะสะดวกที่สุดหากข้าจะอยู่ที่นี่หลังจากที่ข้าฆ่าพวกมันหมดแล้ว”

“ หื้ม แม้ว่าข้าจะคันไม้คันมือนิดหน่อยและข้าก็อยากจะฆ่าใครสักคนในตอนนี้ แต่หากข้าทำเช่นนั้น มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้จะเตือนศัตรูให้รู้ตัว และนั่นก็จะไม่น่าสนุกอีกต่อไป มันเป็นการดีกว่าที่จะค่อยๆ แพร่กระจายโรคระบาดออกไปอย่างช้าๆ สำหรับสถานที่… ก็เอาเป็นจุดที่ข้าอยู่ก็แล้วกัน”

“ จุ๊จุ๊จุ๊ ฮ่าๆ! มีสิ่งมีชีวิตมากมายบนโลกใบนี้ และแม้จะเป็นเพียงในรัศมี 10,000 ลี้ แต่มันก็ยังมีผู้คนมากมาย มากระจายเมล็ดพันธ์แห่งโรคระบาดใส่พวกมันกันก่อนนี่แหละ…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค ควันสีดำสนิทก็คลืบคลานออกมาจากฝ่ามือของเย่หาน ควันฟุ้งกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว มันกลายเป็นกลุ่มควันสีดำนับพัน

นี่คือเมล็ดพันธุ์แห่งโรคระบาด

สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เป็นเทวา ตราบใดที่พวกเขาติดโรคนี้ ร่างกายของพวกเขาก็จะอ่อนแอลงอย่างมากด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก การฝึกตนของพวกเขาจะถูกทำให้ว่างเปล่า และพวกเขาก็จะกลายเป็นคนไร้ค่าภายในเวลาไม่ถึงสิบวัน

นอกจากนี้ โรคนี้ก็ยังมีความสามารถในการแพร่กระจายที่ทรงพลังมาก ตราบใดที่มีคนอยู่ในระยะสามฟุตจากคนที่เป็นโรค พวกเขาก็จะติดเชื้อในทันที

ด้วยความสามารถในการแพร่เชื้อระดับนี้ ก่อนที่ผู้ติดเชื้อรายแรกจะแสดงอาการ โรคนี้ก็จะแพร่กระจายไปทั่วเมืองใหญ่แล้ว และความตื่นตระหนกอันไม่รู้จบก็จะปกคลุมหัวใจของทุกคน

“ ฮ่าฮ่าฮ่า จงกลัว จงหวาดกลัว! นี่คืออาหารสำหรับการฝึกตนของข้าทั้งหมด!” เย่หานยิ้มและใบหน้าภายใต้เสื้อคลุมสีดำของเขาก็ดูน่ากลัวมาก

….

หลังจากมาถึงงานเลี้ยงของหวังซานจุน หลี่เฉิงและหลี่เว่ยก็ตระหนักได้ว่ามี “เซียน” มากมายในเมืองฉางเฟิง

ขอบเขตการฝึกตนของเหอฉิงโหรวนั้นสูงที่สุดในบรรดาทุกคนในปัจจุบัน เธอเป็นเซียนสวรรค์แล้ว

เฉินตงได้ทะลุทะลวงไปยังขอบเขตเซียนปฐพีแล้ว หลิวหลี่เต๋า จ้าวกวงและลู่เจิงหมิงเป็นเซียนมนุษย์ แม้แต่ตัวเอกของงานเลี้ยงอย่างจักรพรรดิหงหยินก็ยังเป็นเซียนมนุษย์

พวกเขาทั้งหมดสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นสำนักขนาดกลางในดาวชงหยาง

และสำหรับมังกรเพลิงกับเทพวารีหงที่ไม่ได้มางานเลี้ยง แค่พวกเขาก็เพียงพอแล้วที่จะจัดอยู่ในสำนักอันดับต้นๆ ในขณะที่หลี่เฉิงและหลี่เว่ยกำลังมองดูทุกคนที่อยู่ที่นี่ เหอฉิงโหรว เฉินตง หวังซานจุนและคนอื่นๆ ก็กำลังมองดูสองพี่น้องอยู่เช่นกัน

โดยเฉพาะหวังซานจุน

เขารู้อยู่แล้วว่าสองพี่น้องคู่นี้ได้ถูกกำหนดให้อยู่ที่นี่โดยซุยเฮ็ง นี่หมายความว่าสำหรับซุยเฮ็งแล้ว สองพี่น้องคู่นี้ก็มีความสำคัญมากอย่างแน่นอน บางทีพวกเขาอาจจะมีข้อมูลที่สำคัญมาก

หากเขาสามารถช่วยท่านเซียนซุยเค้นเอาข้อมูลที่มีค่ามาจากสองพี่น้องคู่นี้ได้ มันก็จะลดภาระงานให้กับท่านเซียนซุยได้ไหมนะ?

หลังจากคิดได้แล้ว จักรพรรดิหงหยินแห่งราชวงศ์ต้าเว่ยก็ได้ลงมือในทันที

เขาเริ่มเข้ามาหาหลี่เฉิงพร้อมกับแก้วเหล้าและยิ้มในขณะที่พยายามเข้าใกล้อีกฝ่าย “ พี่หลี่ แม้ว่าท่านจะแก่กว่า แต่ท่านก็ยังดูเด็กมาก ข้าขอเรียกท่านว่าพี่ได้ไหม?”

“ เอ๊ะ? หึ แน่ใจนะ!” หลี่เฉิงพยักหน้าด้วยความสับสน แม้ว่าเขาจะอายุมากกว่า 700 ปีแล้ว แต่ความคิดของเขาก็ยังเด็กมาก ในแง่ของประสบการณ์ชีวิต เขาก็อาจจะไม่ได้มีมากไปกว่าหวังซานจุนด้วยซ้ำ

“ ฮ่าๆ แน่สิพี่ชาย” หวังซานจุนมีบุคลิกที่ตรงไปตรงมา ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาก็อายุน้อยที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงไม่ได้รั้งตัวเองไว้ เขาพูดห้วนๆ ว่า “ เอาล่ะขอข้าถามอะไรหน่อยสิ สถานการณ์ในดาวชงหยางของท่านเป็นยังไงบ้าง?”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา คนอื่นๆ ก็อดไม่ได้ที่จะมองมาที่พวกเขา

แม้ว่าทุกคนจะรู้ที่มาของหลี่เฉิงและหลี่เว่ยอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ได้มีใครกล้าถามเกี่ยวกับสถานการณ์ในดาวชงหยาง

ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนและยังเป็นศัตรูกันอย่างคลุมเครือ ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะรีบถามเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้

กระนั้น พวกเขาก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าหวังซานจุนจะถามออกไปตรงๆ

นอกจากนี้ เขาก็ไม่ได้ตีรอบพุ่มไม้แต่ถามตรงๆ เลย

สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันที

พวกเขาเองก็ต้องการจะทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ของดาวชงหยาง

ดาวเคราะห์ที่สามารถสร้างเซียนอนันต์ทองสองคนได้จะต้องทรงพลังเพียงใดกัน?

อย่างไรก็ตาม หลี่เฉิงจะตอบคำถามนี้หรือไม่?

ในขณะที่ทุกคนกำลังรู้สึกสงสัย หลี่เฉิงก็ยิ้ม เมื่อเขาได้ยินคำถามของหวังซานจุน เขาก็มีความสุขมาก

จริงๆ แล้วเขาก็กังวลมากว่าจะไม่มีโอกาสได้โอ้อวดและจะไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ติดตามของซุยเฮ็งได้ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงตกลงอย่างง่ายดายและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าพี่ งั้นเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ก็ถือเป็นเพียงเรื่องธรรมดา”

“ แม้ว่าดาวชงหยางจะไม่ได้ถือว่ามีชื่อเสียงมากมายอะไรนักในโลกนับไม่ถ้วน แต่มันก็ยังคงเป็นดาวที่มีชื่อเสียงอยู่พอสมควร มันเป็นดาวที่คนรู้จักกันไปทั่วและไม่ใช่ดาวไร้นาม”

“ อันที่จริง ตราบใดที่เจ้าสามารถเดินทางออกจากดาวดวงนี้และเข้าสู่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวได้ มันก็จะไม่ยากเลยสำหรับเจ้าที่จะทำความเข้าใจสถานการณ์ของดาวชงหยางหลังจากได้สัมผัสกับผู้ฝึกตนจากที่ต่างๆ…”

ฟู่ว–

ในขณะนี้ คลื่นลมร้อนก็พัดเข้ามาจากด้านนอกและหยุนหลี่เฉิงเอาไว้

ทันทีหลังจากนั้น เปลวเพลิงสีแดงเพลิงก็พุ่งเข้ามา

เปลวเพลิงนี้มีออร่าที่ทรงพลังอย่างมาก มันทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต้องกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว และสายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่เปลวเพลิง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลี่เฉิงและหลี่เว่ย พวกเขาถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจและใบหน้าของพวกเขาก็เผยให้เห็นถึงความกลัวอย่างสุดขีด

เปลวเพลิงนี้มาจากมังกรเพลิงฮั่วซาน

ก่อนหน้านี้ บนท้องฟ้าเหนือแม่น้ำหง หลี่เฉิงและหลี่เว่ยก็เคยได้เผชิญหน้ากับพลังของมันมาก่อนแล้ว

“ อย่ากลัวไปเลย”

เสียงของฮั่วซานฟังดูสบายๆ มาก มันไม่ได้มีแรงกดดันเลย มันเต็มไปด้วยเสน่ห์อันอ่อนโยนที่ปลอบประโลมหัวใจ มันทำให้หลี่เฉิงและหลี่เว่ยสงบลงเล็กน้อย

จากนั้น ลูกบอลเพลิงก็เปลี่ยนกลายเป็นเสามังกรเพลิงสีแดงยาวหนึ่งฟุตที่ตกลงมากลางโต๊ะงานเลี้ยง

การกระทำที่แปลกประหลาดดังกล่าวทำให้ทุกคนสับสน

หลี่เฉิงเองก็ยังลังเลเล็กน้อยว่าเขาควรจะพูดต่อจากก่อนหน้านี้ดีหรือไม่

หลิวหลี่เต๋ามองไปรอบๆ และทำได้เพียงยืนขึ้นก่อนจะถามว่า “ ผู้อาวุโส ท่านมาที่นี่เพื่อ…”

“ ข้าได้ยินมาว่าผู้มาเยือนจากนอกโลกคนนี้ต้องการจะอธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์บนดาวชงหยาง ดังนั้นข้าจึงมาฟังเพื่อที่จะได้นำเรื่องนี้ไปรายงานต่อท่านประมุขเซียน” ฮั่วซานกล่าวอย่างเฉยเมย