ตอนที่ 122 - บทที่ 122 เดี๋ยวข้าไปถามให้

บทที่ 122 เดี๋ยวข้าไปถามให้

"ใช่"

เฉาซือกวงมองไปข้างหน้าผ่านกล้องส่องทางไกลแล้วพูดว่า "ในหมู่พวกเขา ยังมีบางคนที่ส่องมาที่พวกเราด้วยกล้องส่องทางไกล และบางคนที่มีปืนก็ให้ความสนใจอยู่ฝั่งเราด้วยเช่นกัน เกรงว่าเรากำลังพุ่งเข้าหาพวกเขาเหมือนในอดีต พวกเขาก็จะทราบทันที

เมื่อถึงเวลาพวกเขาจะยิงเราก่อน "

“พวกเขากล้าหรือ?!”

มีคนตะโกนออกมา

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเห็นด้วย และโมเมนตั้มของชายคนนั้นก็อ่อนลงและพูดว่า "ไม่ได้หรือ? งั้นเราแกล้งทำเป็นว่าเข้าไปทักทายไม่ได้เหรอ?"

“เจ้าคิดว่าพวกเขาโง่เหรอ?”

เฉาซือกวงเหลือบมองเขา "ถ้าเป็นเข้า ซึ่งมีสิ่งของต่างๆ มากมาย เจ้าจะระวังเมื่อเห็นทีมล่าที่มีคนจำนวนมากเข้ามาหาเจ้าหรือป่าว? แน่นอนว่าพวกเขาต้องระวังตัวอยู่แล้ว"

"แต่..แต่..."

ชายคนนั้นยังไม่ยอมแพ้และต้องการพูดอะไรบางอย่าง

เสียงหนึ่งขัดจังหวะเขา

“โอเค ปล่อยพวกเขาไปก่อน” จ้าวซานพูดออกมาอย่างช้าๆ

"...!"

ทุกคนในปัจจุบันมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง แม้แต่กลุ่มคนที่คิดว่ามันมีความเสี่ยงและถอยกลับมาก็มีสีหน้าเหลือเชื่อบนใบหน้าของพวกเขาเหมือนกัน

“พี่สาม ท่านยอมแพ้อย่างนั้นเหรอ?”

ชายปากเบี้ยวพูดอย่างไม่เต็มใจว่า “คราวนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วที่อยู่ในเมืองซ่งเจียเป่า ไม่มีคนขวางทางแล้ว พวกเราก็มีความมากมาย แม้ว่าพวกเขาจะมีปืนแล้วยังไงล่ะ ถ้าเรามาเร่งลงมือด้วยกัน พวกเขาไม่สามารถยิงพวกเราได้ทุกคนอย่างแน่นอน”

“แล้วใครอยู่ข้างหน้าล่ะ เจ้างั้นเหรอ?”

จ้าวซานมองเขาอย่างเย็นชา

ชายปากเบี้ยวตัวสั่นทันที และรอยยิ้มที่น่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้ปรากฏบนใบหน้าของเขา

ท่านล้อข้าเล่นงั้นเหรอ?

คนที่วิ่งอยู่ด้านหน้าน่าจะตายก่อน…

และเขายังเด็กมาก เขาไม่อยากตายแบบนี้

“หรือเจ้า? เจ้า? หรือว่าเจ้า?”

ไม่ว่าดวงตาของจ้าวซานจะไปทางไหนก็ไม่มีใครกล้ามองหน้าเขา พวกเขาก้มศีรษะลงเพื่อดูรองเท้า หรือหันศีรษะไปดูพื้นที่รกร้าง

“นี่ยังไม่พออีกเหรอ?”

ตอนนี้ดูเหมือนจ้าวซานมีอารมณ์ไม่ดีอย่างมาก

เขาไม่รู้ว่าใครในกลุ่มที่จะถูกพวกเฉินเจียไจ้ยิง

แต่ในฐานะหัวหน้าทีม เขาก็จะต้องลงมือด้วยอย่างแน่นอน

และแม้แต่เขาก็มีโอกาศถูกยิงด้วยเช่นกัน

และถ้าเขาโชคดีโดนยิงแล้วไม่ตาย แต่มันก็ยากที่จะรักษาเหมือนเดิมไม่ใช่หรือ? หากรักษาไม่ดีอาจมีความผิดปกติซ่อนเร้นอยู่ก็เป็นได้ และมันจะทำให้เขาอยู่ในขั้นที่ 3 ขอบขอบเขตการชำระล้างร่างกายไปตลอดชีวิตก็เป็นได้

เขากำลังจะบุกทะลวงเข้าสู่ขอบเขตกรับปรับแต่งกล้ามเนื้อ ดังนั้นเขาจึงรับความเสี่ยงนี้ไม่ได้

“อะแฮ่ม พี่สาม ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ” เฉาซื่อกวงพูดด้วยรอยยิ้ม “จริงๆ แล้ว ทุกคนไม่มีเจตนาอื่นใด เพียงแต่การปล่อยให้เฉินกัวตงและคนอื่นๆ ออกไปแบบนี้ พวกเราไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่”

“ใช่แล้ว พี่สาม”

“ข้ารู้สึกว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์เกินไปก็เท่านั้น”

“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาได้สิ่งเหล่านี้มาได้อย่างไร ในความคิดของข้า มันต้องมีความลับที่น่าตกใจอยู่ในนั้นแน่ๆ”

"วางใจเถอะ"

มุมปากของจ้าวซานเงยขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มที่พอใจ "พวกเขาจะรอดจากวันนี้ได้ แต่พวกเขาจะรอดในวันต่อๆได้งั้นหรือ หลังจากที่ข้ากลับไป ข้าจะไปบอกพี่ใหญ่และพี่สองเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อถึงเวลานั้นเฉินกัวตงและพรรคพวกของเขาจะต้องส่งมอบทุกอย่างออกมาอย่างเชื่อฟังแน่นอน”

หลังจากสิ้นเสียงของเขา ดวงตาของทุกคนก็สว่างขึ้น

ถูกต้องแล้วทำไมพวกเขาถึงลืมเรื่องพี่ใหญ่กันพี่สองล่ะ?

หนึ่งในนั้นอยู่ในขั้นกลางของขอบเขตการปรับแต่งกล้ามเนื้อ และอีกคนหนึ่งอยู่ในขั้นปลายขอบเขตการปรับแต่งกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่ใหญ่จ้าว ซึ่งสามารถชักธนูแรง 500 ปอนด์ได้อย่างง่ายดาย และแม้แต่สัตว์อสูรระดับกลางแรกหุ้มเกราะยังถูกฆ่าตายด้วยธนูดอกเดียว!

ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ แม้ว่าคู่ต่อสู้มีปืนไรเฟิลอยู่ในมือแล้วยังไงล่ะ? พวกเขาสามารถยิงพี่ใหญ่จ้าวถูกงั้นเหรอ? ไม่มีทาง!

“พี่สามเป็นคนมองการณ์ไกลจริงๆ พวกเราเองที่หุนหันพลันแล่นไป” ชายปากเบี้ยงพูดคำเยินยอ

“ใช่..ใช่ ถ้าเป็นเรา พวกเราหุนหันพลันแล่นไป และแม้ว่าเราจะสามารถกวาดล้างอีกฝ่ายได้แต่พวกเราก็ต้องจ่ายราคาบางส่วนออกไปอย่างแน่นอน”

“ใช่แล้วล่ะ พี่สามทำสิ่งนี้เพื่อความปลอดภัยของเรา”

“พี่สาม ท่านช่างใจดีกับพวกเราอย่างมาก”

เมื่อฟังคำประจบเหล่านี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวซานก็หนาขึ้น เขาเหมือนไม่รู้หรือว่าคนเหล่านี้จงใจยกยอตัวเอง?

แน่นอนเขารู้

แต่อย่างไรก็ตาม คำพูดที่ทำให้คนรู้สึกดีและมีความสุข และเขาไม่คิดว่าคำพูดที่ดีเป็นเรื่องโกหก

ห่างออกไปหนึ่งหรือสองกิโลเมตร เฉินกัวตงและพรรคพวกของเขาก็เตรียมพร้อมปะทะอยู่แล้วเช่นกัน

พวกเขารู้ว่าถ้าพวกเขาออกมาพร้อมกับวัวป่าเหล่านี้ วันหนึ่งพวกเขาจะพบกับผู้คนจากจ้าวเจียเป่า พวกเขาจะเก็บพาหนะพวกนี้ไปไว้ในหมู่บ้านเพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาใช่ไหม? ไม่มีทาง

ดังนั้นเมื่อเห็นฉากนี้พวกเขาก็เตรียมใจและเตรียมพร้อมต่อสู้ไว้แล้ว

ขณะที่พวกเขากำลังเดินไป พวกเขาก็ให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวในระยะไกล ถ้าจ้าวซานและกลุ่มของเขามาจริงๆ พวกเขาก็จะเข้าสู่สถานพร้อมรบทันที

เฉินฟานได้รับข่าวและใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อสังเกตกลุ่มคนในระยะไกล

“ดูเหมือนพวกเขาไม่มีความตั้งใจที่จะโจมตีพวกเรานะเลย”

เกาหยางกล่าวขึ้น

เฉินกัวตงและคนอื่น ๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ไม่ต้องกังวล แม้ว่าพวกเขาจะมีคนมากมาย แต่พวกเขาก็มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องกังวล และพวกเราก็มีหลายคนเช่นกันแถมพวกเรายังมีปืนอยู่ในมือ นี่ยังไม่นับพวกเรายังมีเสี่ยวฟานด้วยนะ” กู่เจียงไห่วิเคราะห์ออกมาอย่างใจเย็น

“ถูกต้อง แม้แต่พวกโจรขโมยม้าที่อยู่นอกซ่งเจียเป่าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเสี่ยวฟาน พวกคนของจ้าวเจียเป่าเหล่านี้จะเทียบกับพวกโจรขโมยม้าได้อย่างไร?”

“ตาเฒ่าหลิว ท่านกังวลเกี่ยวกับจ้าวซานและกลุ่มของเขามากเกินไป”

ทุกคนหัวเราะออกมา

“ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้วางแผนที่จะลงมือกับพวกเราจริงๆ พวกเขาหันหลังกลับและมุ่งหน้าไปทางอื่นแล้ว” หลิวหยงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

พวกเขากลัวอย่างนั้นเหรอ?

“ก็ถือว่าดีแล้ว”

ในที่สุดทุกคนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า

หลังจากช่วงเช้าที่วุ่นวาย พวกเขาก็เดินทางไปกลับสี่รอบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้รับเหยื่อมากมายอย่างยิ่ง

พวกเขาหมดแรงแล้วจริงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงวางแผนจะกลับไปทานอาหารกลางวันและหลังจากพักผ่อนสักพัก พวกเขาก็จะไปฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ต่อ

ด้วยเหยื่อจำนวนมาก พวกเขาไม่จำเป็นต้องออกไปล่าสัตว์ในอีกหลายวันข้างหน้าได้ ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งความสนใจไปที่การฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เท่านั้นได้

"มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง"

ในขณะนั้นเองเสียงของเฉินฟานฟังดูตื่นตระหนกเล็กน้อย

“มีอะไรงั้นหรือเสี่ยวฟาน?”

เฉินกัวตงที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจเล็กน้อย และรอยยิ้มดั้งเดิมบนใบหน้าของกู่เจียงไห่ หลิวหยง และคนอื่นๆ ก็กลายเป็นแข็งทื่อทันที

“ท่ามกลางทีมของพวกเขานั้น ข้าไม่พบลุงเว่ยและคนอื่นๆ เลย”

ขณะที่เฉินฟานพูด ความหนาวเย็นก็แผ่กระจายไปทั่วหลังของเขา

เกาหยางซึ่งถือกล้องส่องทางไกลอยู่ในมือก็ตกตะลึงทันที

ไม่น่าแปลกใจที่เขามักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เขากังวลว่าอีกฝ่ายจะมาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงมุ่งความสนใจไปที่ผู้นำจ้าวซานเป็นส่วนใหญ่

ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินคำพูดของเฉินฟาน เขาจึงรู้สึกตัวขึ้นมา

ใช่แล้วเทียนกง เทียนหยวนและคนอื่นๆ ล่ะ? พวกเขามีหลายคนแต่เขาไม่เห็นพวกเขาเลยสักคนเดียว?

บรรยากาศเงียบสงบและน่ากลัวอย่างมาก

ในจิตใจของทุกคน มีความคิดเดียวกันก็เกิดขึ้นในจณะนี่ เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเทียนกงและคนอื่นๆจริงๆ ?

ไม่..มันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้

เฉินกัวตงรีบปฏิเสธความคิดนี้ แต่เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดเหมือนกระดาษไปแล้ว

“เสี่ยวฟาน” เขาพึมพำออกมา กลืนน้ำลายเต็มปาก และถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เจ้ามองผิดไปหรือเปล่า เจ้าลองค้นหาพวกเขาให้ละเอียดกว่านี้ไหม”

“ใช่ เทียนกงและคนอื่นๆ พวกเขาไม่ได้ติดตามจ้าวซานและทีมของเขามาเพื่อล่าสัตว์ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาใช่ไหม? คราวนี้ทำไมเขาถึงไม่มา ถ้าไม่สบายน่าจะมีพวกเขามาสักคนสองคนไม่ใช่หรือ?” หลิวหยงเลียริมฝีปากของเขา

“ครั้งสุดท้ายเราก็เห็นพวกเขามาไม่ใช่หรือ?”

“ใช่ มันต้องมีพวกเขาสักคนอยู่ข้างใน”

คนอื่นๆก็พูดกันตามๆ กัน

“เกาหยาง เจ้ามองหาทุกคนแล้วหรือยัง?”

"ไม่…ไม่มีเลย"

เกาหยางพูดอย่างกังวลว่า "ข้าได้ค้นหาหลายครั้งแล้ว เทียนกงและคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะไม่ได้อยู่ในนั้นจริงๆ ไม่ได้อยู่ในนั้นเลยสักคนเดียว"

".....!"

ในขณะนี้ หัวใจของทุกคนจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งแห่งความมืดมิดทันที

เมื่อเกาหยางที่คุ้นเคยกับพวกเทียนกงทั้งหมดยืนยันอย่างนี้แล้ว ก็หมายความว่าเว่ยเทียนกงและคนอื่น ๆ ไม่ได้อยู่ในทีมตรงหน้าพวกเขาจริงๆ

ในกรณีนี้ มีความเป็นไปได้เพียงสองประการเท่านั้น

ประการแรกคือ เว่ยเทียนกงและคนอื่น ๆ ไม่ได้ออกมาพร้อมกับทีมล่า แต่อยู่ที่จ้าวเจียเป่า

อย่างที่สองคือพวกเขาประสบอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องรักษาตัว หรือ.....

หลิวหยงและคนอื่นๆ ไม่กล้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป แต่สัญชาตญาณของพวกเขาบอกพวกเขาว่าประการที่สองเป็นไปได้มากที่สุด

เมื่อพวกเขาพบกันที่ซ่งเจียเป่าเมื่อครั้งที่แล้ว พวกเขาสามารถบอกได้ว่า เทียนกงและคนอื่นๆ ดูเหมือนจะได้รับการดูถูกเหยียดหยามอย่างมาก

รวมทั้งอุปนิสัยของสามพี่น้องแห่งตระกูลจ้าวนั้นโหดร้ายมาก…

เฉินกัวตงตัวสั่นมองไปที่เฉินฟาน และถามพร้อมเผื่อโชคดีว่า "เสี่ยวฟาน พวกลุงเว่ยของเจ้า ไม่ได้อยู่ในทีมนั้นจริงๆ หรือ"

เฉินฟานส่ายหัวช้าๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ

ในขณะนี้เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่ง

“กัวตง เป็นไปได้ไหมที่เราคิดมากเกินไป?” กู่เจียงไห่ทนไม่ไหวและพูดว่า "บางทีเว่ยเทียนกงและคนอื่น ๆ อาจจะไม่ได้รับอุบัติเหตุ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างพวกเขาจึวไม่สามารถมาพร้อมกับจ้าวซานและคนอื่นๆได้ในครั้งนี้?"

“ใช่แล้ว เว่ยเทียนกงและคนอื่นๆ เป็นนักรบ แม้ว่าจ้าวซานอยากจะทำอะไรรุนแรงกับพวกเขาจริงๆ แต่เขาก็ต้องคิดถึงความรู้สึกของนักรบคนอื่นๆด้วยใช่ไหม?”

“ใช่ ข้าก็คิดว่านั้นคือเหตุผลอื่นๆที่พวกเทียนกงไม่ได้มาด้วย”

คนที่เหลือก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อโน้มน้าวใจให้คิดไปในทางที่ดี แต่มันก็ได้ผลน้อยมาก

เฉินกลัวตง, หลิวหยง, เกาหยางและคนอื่นๆ มีสีหน้าน่าเกลียดอย่างมาก ในตอนแรกพวกเขามีความสุขเล็กน้อยที่พวกจ้าวเหลาซานไม่ได้ลงมือกับพวกเขา

แต่กลับกลายเป็นว่ามีบางสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้นเกิดขึ้นอยู่

“เดี๋ยวข้าไปถามให้.."

มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

ทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็รวมตัวกันที่คนพูด

“แทนที่จะเดาด้วยความเป็นกังวลอย่างนี้ ควรถามพวกเขาให้ชัดเจนจะดีกว่า”

เฉินฟานวางกล้องส่องทางไกลลงแล้วพูดขึ้น