ตอนที่ 82

บทที่ 82: กระบี่ของเธอ

ณ ห้องโถงด้านใน

เฉินตงนั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมกับขมวดคิ้ว เขาจ้องมองไปที่กองเอกสารด้วยสีหน้าเป็นกังวล

เด็กสาวที่ดูมีอายุประมาณ 18 ถึง 19 ปีกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ไกล สองน่องของเธอห้อยอยู่ในอากาศ

เธอกำลังเล่นกับกระบี่ยาวในฝัก

ฝักนี้ทำด้วยไม้สีม่วง มันค่อนข้างสวยงาม แต่ก็ไม่ได้สะดุดตาจนเกินไป

ด้ามกระบี่เล่มนี้แกะสลักเป็นรูปก้อนเมฆ วัสดุของมันไม่ใช่ทองหรือหยก แต่มันถูกอาบไปด้วยแสงสีม่วงจาง ดังนั้นมันจึงทำให้เห็นได้ชัดว่ากระบี่เล่มนี้ไม่ได้ธรรมดา

“ พี่ชาย ภารกิจที่ท่านผู้ว่ามอบให้ท่านมันสำคัญมากเลยหรอ?”

เฉินหยิงวางกระบี่ของเธอลงบนโต๊ะข้างๆ และเอามือท้าวใบหน้าของเธอ เธอพึมพำเบาๆ ว่า “ ท่านไม่แม้แต่จะคุยกับข้าเลยหลังจากกลับมาถึงที่นี่ นอกจากนี้ เหตุใดมันถึงมีคนน้อยจังเลยในสำนักงานแห่งนี้?”

ในขณะนี้ แม้ว่าเฉินตงจะยังเป็นผู้บัญชาการและเป็นนายอำเภอ แต่เขาก็ไม่ได้มีผู้ใต้บังคับบัญชาในที่พักอีกต่อไป

มันเหลือแต่เพียงคนรับใช้และทหารยามธรรมดาๆ เท่านั้น

เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาได้ยอมรับผู้ว่าการมณฑลคนใหม่ให้เป็นผู้บังคับบัญชาของเขา

พฤติกรรมนี้ทำให้เฉินหยิงรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก

ผู้ว่าการคนนี้เป็นคนยังไงกัน?

ทำไมเขาถึงสามารถทำให้พี่ชายของเธอเลื่อมใส่ได้มากถึงขนาดนี้?

แม้ว่าครั้งสุดท้ายที่เธอกลับมาจะเป็นเมื่อสิบปีที่แล้ว และตอนนั้นเธอก็ยังเป็นเพียงเด็กน้อย แต่เธอก็ยังจำทัศนคติที่ร่าเริงของเฉินตงในตอนนั้นได้ พี่ชายของเธอไม่ได้สนใจผู้ว่าการมณฑลในช่วงเวลานั้นเลย

“ พี่ชาย ท่านเล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ” เฉินหยิงกระโดดลงมาจากบนเก้าอี้และเดินไปรอบๆ เฉินตง เธอหัวเราะคิกคักและพูดว่า “ ท่านผู้ว่าการคนนั้นเป็นคนแบบไหนกัน? เขาทรงพลังมากเลยหรอ?”

“ ท่านผู้ว่าการเป็นเหมือนกับเทพเจ้า” เฉินตงอธิบายอย่างเรียบง่าย แต่สายตาของเขาก็ยังคงจดจ่ออยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะ

นี่เป็นข้อมูลทุกประเภทเกี่ยวกับหวังจินเซิง มันมีรายละเอียดมากมายและมีแม้กระทั่งสิ่งที่เขาทำเมื่อตอนยังเด็ก

และปัญหาตอนนี้ก็คือวิธีการกระจายข่าว

มันจะดีที่สุดถ้าทุกคนได้รับรู้เรื่องนี้

เขาพยายามจะบอกข่าวเหล่านี้กับกองคาราวานพ่อค้าเพื่อให้พวกเขาช่วยกระจายข่าว แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังรู้สึกว่าเขาไม่สามารถเชื่อใจพวกพ่อค้าได้มากขนาดนั้น

แม้ว่าซุยเฮ็งจะฆ่าพ่อค้าท้องถิ่นไปเป็นจำนวนมาก แต่พวกพ่อค้าก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากนัก พวกเขาเพียงแค่ใช้เส้นทางคมนาคมทางน้ำของแม่น้ำหงเพื่อมาที่นี่เพื่อซื้อขายสินค้าก็เท่านั้น ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก

“ หึ! ไร้สาระ” เฉินหยิงทำหน้ามุ่ย เธอไม่พอใจเล็กน้อยกับท่าทีของเฉินตง แต่เธอก็ไม่ใช่คนชอบใช้อารมณ์ฉุนเฉียว เธอเดินมาที่โต๊ะอย่างเงียบๆ และอ่านเอกสารข้อมูลบนนั้น เธอพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ มันคือคนจากตระกูลหวังแห่งหลางหยา!”

“ เจ้ารู้จักตระกูลหวังแห่งหลางหยาด้วยหรอ?” เฉินตงเงยหน้าขึ้นมองน้องสาวของเขาและถามด้วยความสงสัย “ สำนักเซียนอรุณของเจ้าไม่ได้ถูกปิดผนึกไปเมื่อร้อยปีที่แล้วหรอกหรอ?”

“ พี่ชาย นี่ท่านบ้าไปแล้วหรอ? ตระกูลหวังแห่งหลางหยาก็ปรากฎตัวมาตั้งหลายร้อยปีแล้วนะ” เฉินหยิงอดไม่ได้ที่จะกลอกตาแล้วพูดว่า “ นอกจากนี้ แม้ว่าเราจะปิดผนึกภูเขา แต่มันก็ยังมีศิษย์ที่ลงมาเพื่อตรวจสอบเรื่องความเป็นไปของโลกอยู่”

ก่อนกลับมาที่นี่ ทั้งสองคนก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเจ็ดวันแล้ว พวกเขาไม่ได้ห่างเหินกันเหมือนเมื่อแรกพบอีกต่อไป พวกเขาพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง

พวกเขาเป็นเหมือนกับพี่น้องที่อยู่ด้วยกันมานานหลายปี

“ อั้ยย้ะ ข้ากำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ ดังนั้นเลยสับสนเล็กน้อย” เฉินตงตบหัวของเขา เขาดูเขินอายเล็กน้อย

“ ฮึ่ม เพราะท่านทำอาหารเก่ง ดังนั้นข้าจะยกโทษให้ก็ได้!” เฉินหยิงกอดอกและยิ้มราวกับว่าเธอเป็นคนใจกว้างมาก เธอถามอีกครั้งว่า “ ข้าได้ยินท่านพึมพำกับตัวเองมาสองวันแล้ว ท่านต้องการจะกระจายข่าวว่าหวังจินเซิงถูกขังอยู่ที่นี่หรอ?”

“ ใช่แล้ว ผู้ว่าการได้สั่งให้ข้าหาทางกระจายข่าวว่าหวังจินเซิงได้ถูกควบคุมตัวอยู่ในมณฑลลู่” เฉินตงพยักหน้าและพูดต่อว่า “ และมันก็จะเป็นการดีที่สุดถ้าทุกคนได้รู้เรื่องนี้”

“ เอ๋?” เฉินหยิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอถามด้วยความสงสัย “ ท่านต้องการให้ทุกคนรู้เรื่องนี้ ไม่ใช่แค่คนจากตระกูลหวังแห่งหลางหยาหรอ?”

“ ก็ประมาณนั้น” เฉินตงส่ายหัวและถอนหายใจ

“ นี่มันง่ายจะตาย” เฉินหยิงดีดนิ้วและยิ้มกว้าง “ พี่ชาย ถ้าข้าคิดวิธีให้ท่านได้ ท่านก็จะต้องบอกข้านะว่าท่านผู้ว่าการเป็นคนแบบไหน ตกลงไหม?”

“ เจ้ามีวิธีจริงๆ หรอ” เฉินตงมองน้องสาวของเขาอย่างสงสัย ในภาพจำของเขา ผู้หญิงคนนี้ก็รู้แค่วิธีกิน ดื่ม ซื้อของและเล่นเท่านั้น เธอดูแข็งแรงและกระฉับกระเฉง แต่เธอก็ไม่ได้ดูฉลาดมากนัก

ต้องบอกว่าในสายตาของพี่ชาย ไม่ว่าน้องสาวของเขาจะงดงามสักเพียงใด แต่เธอก็ยังอยู่แค่ในระดับของดอกไม้เท่านั้น ทั้งๆ ที่ในสายตาของคนอื่น รูปร่างหน้าตาของเฉินหยิงนั้นก็ถือได้ว่าเป็นสาวงามระดับชาติไปแล้ว

“ แน่นอน แต่ท่านต้องสัญญากับข้าก่อน” เฉินหยิงดูมั่นใจมากและพูดด้วยรอยยิ้ม

“ พูดมาก่อน” เฉินตงไม่ได้ตกหลุมพรางของน้องสาว

“ เฮ้ ท่านก็รู้แต่วิธีรังแกข้า นานๆ ทีข้าจะกลับมานะ!” เฉินหยิงกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ แต่เธอก็ยังคงแสร้งทำเป็นทำอะไรไม่ถูกและพูดว่า “ เฮ้อ~ เอาล่ะ! ท่านอาจารย์บอกว่าเราควรทำความดีและช่วยเหลือผู้อื่นให้มากๆ ดังนั้นข้าก็จะยอมทำดีกับท่านสักครั้ง พี่ชาย ข้าขอถามท่านหน่อย ตั้งแต่สมัยโบราณ อะไรที่แพร่กระจายได้ง่ายที่สุด และอะไรที่เป็นที่รู้จักได้ง่ายที่สุด?”

“ คำสั่งของทางการ?” เฉินตงครุ่นคิด

“ เหอะ ทำไมคนธรรมดาถึงสนใจแต่เรื่องพวกนี้กันนะ? ท่านไม่เคยเดินไปมาบนท้องถนนกันรึไง” เฉินหยิงกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม “ มันคือเรื่องราวในตำนานที่ถูกเล่าขานผ่านนักเล่าเรื่องต่างหาก”

“ ข้าได้ไปเที่ยวมาทั่วทั้งมณฑลลู่แล้วในช่วงสองวันที่ผ่านมา มันมีโรงน้ำชาอยู่ทางใต้ของเมือง นักเล่าเรื่องภายในนั้นเป็นที่นิยมมากในหมู่ผู้คน นอกจากนี้ มันก็ยังมีอีกแห่งหนึ่งทางตะวันตกของเมือง ตราบใดที่พวกเขาเริ่มเล่า โรงน้ำชาก็จะเต็มไปด้วยผู้คนอย่างแน่นอน”

“ นอกจากนี้ พวกพ่อค้าที่มาจากภายนอกก็ยังชอบซื้อหนังสือนิทานจากร้านหนังสือกลับไปอ่านแก้เบื่อระหว่างทางกลับบ้านด้วย”

“ เจ้ากำลังจะบอกให้เราทำให้ข่าวของหวังจินเซิงที่ถูกขังอยู่ที่นี่ให้กลายเป็นเรื่องราวสำหรับเล่าขานและปล่อยให้นักเล่าเรื่องบอกเล่าและตีพิมพ์เป็นหนังสือเพื่อแจกจ่ายให้กับพ่อค้าที่ผ่านไปมาอย่างงั้นใช่ไหม” ทันใดนั้นเฉินตงก็เข้าใจได้ในทันที

“ ถูกต้องแล้ว!” เฉินหยิงยิ้มและกล่าวว่า “ หลายคนชอบแนะนำสิ่งที่พวกเขาชอบให้กับผู้อื่น ดังนั้นแล้วมันจะมีวิธีใดที่จะเร็วไปกว่าการให้ผู้คนเผยแพร่ข้อมูลกันเองอีกล่ะ?”

“ นี่ฟังดูมีเหตุผลมาก!” เฉินตงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้าหลังจากคิดเรื่องนี้ เขามองไปที่เฉินหยิงด้วยความประหลาดใจ “ เจ้าคิดเรื่องนี้ได้อย่างไร เจ้าโง่จะตายในตอนที่เจ้ายังเด็ก”

“ ห้ะ! ท่านเรียกใครว่าโง่กัน!” เฉินหยิงไม่พอใจอย่างมาก

เธอเติบโตขึ้นมาบนภูเขาตั้งแต่ยังเด็กและไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนบนโลกมนุษย์ และผู้คนบนภูเขาต่างก็แก่กว่าเธอ ดังนั้นเธอจึงมีนิสัยเหมือนกับเด็ก

แป้ะๆๆ!!

ในขณะนี้ เสียงตบมือก็ดังขึ้นจากด้านนอก ในวินาทีต่อมา ซุยเฮ็งก็เดินเข้ามาพร้อมกับฮุ่ยฉีล

“ คารวะท่านผู้ว่าการ!” เฉินตงรีบยืนขึ้นและโค้งคำนับ

“ ท่านผู้ว่าการ?” เฉินหยิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะโค้งคำนับให้กับซุยเฮ็งด้วยความเคารพ “ คารวะท่านผู้ว่าการ”

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าซุยเฮ็งคือใคร แต่คนเดียวในมณฑลลู่ที่สามารถทำให้เฉินตงต้องพูดด้วยความเคารพได้นั้นก็จะต้องเป็นผู้ว่าการอย่างแน่นอน

ผู้ว่าการคนนี้เป็นคนที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเฉินตง ดังนั้นแล้วในฐานะน้องสาวของเขา เธอจึงต้องให้เกียรติอีกฝ่ายเช่นกันล

เธอไม่สามารถทิ้งภาพจำแย่ๆ เอาไว้ได้ และแม้ว่าวันนี้ทั้งสองคนจะทะเลาะกันบ่อย แต่พวกเขาก็ยังดูแลกันและกันได้เป็นอย่างดีเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอก

“ ไม่ต้องสุภาพมากก็ได้” ซุยเฮ็งโบกมือของเขา สายตาของเขาจับจ้องไปที่เฉินหยิง

“ ท่านผู้ว่าการ…” เฉินตงตื่นตระหนก

“ ท่านมองมาที่ข้านานแล้วนะ” เฉินหยิงยิ้มและลูบแก้มของเธอ “ มีเม็ดข้าวติดอยู่บนหน้าข้าหรอ?”

เธอพยายามทำอารมณ์ให้สงบลง

ในความเป็นจริงแล้ว ขอบเขตการฝึกตนของเธอก็เทียบได้กับจุดสูงสุดของขอบเขตสัมผัสโลกาแล้ว แบบนั้นแล้วเธอจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไรว่ามีข้าวติดหน้าอยู่บนหน้า?

“ เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักเซียนอรุณสินะ?” จู่ๆ ซุยเฮ็งก็ถามขึ้น

“ ห้ะ?” เฉินหยิงตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอเบิกตากว้างและแสดงสีหน้าว่างเปล่า “ ท่านผู้ว่าการ สำนักเซียนอรุณคืออะไรกัน?”

ศิษย์ของสำนักเซียนอรุณต้องซ่อนตัวตนของพวกเขาให้ดีเมื่อพวกเขาออกจากภูเขา

พวกเขาไม่สามารถบอกใครได้ว่าพวกเขาคือศิษย์ของสำนักเซียนอรุณ

นอกภูเขาคังเฉิง มันก็มีเพียงเฉินตงเท่านั้นที่รู้ว่าเธอเป็นศิษย์ของสำนักเซียนอรุณ

เธอไม่คิดเลยว่าพี่ชายของเธอจะเปิดเผยข้อมูลนี้ให้กับอีกฝ่าย

ในขณะนี้ เฉินตงซึ่งยืนอยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความตกใจ เขารีบก้มหน้าลงและต้องการจะอธิบายแทนเฉินหยิง อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ การอธิบายก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป

ฉวิ้ง!

ในขณะนี้ จู่ๆ เสียงชักกระบี่ก็ดังขึ้นในความเงียบงัน มันเป็นเหมือนกับเสียงปีกของนกกระเรียนที่ทะยานขึ้นสู่ท้องนภา มันทะลวงผ่านจิตใจของคนทั้งสามที่อยู่ตรงนั้นในทันที

ในเวลาเดียวกัน แสงสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนกระบี่และร่ายรำไปมารอบๆ ซุยเฮ็ง ชั้นของเมฆหลากสีกระจายออกไปพร้อมกับแสงกระบี่ มันทำให้ห้องโถงด้านในเต็มไปด้วยแสงหลากสีอย่างรวดเร็ว

“ ศาสตร์กระบี่เซียนอรุณ?!” เฉินหยิงอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา เธอมองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความเหลือเชื่อและตกใจอย่างมาก “ ท่าน.. ท่านรู้เคล็ดวิชาลับของสำนักเราได้อย่างไร นอกจากนี้…”

เธอไม่แน่ใจว่าเธอจะบอกส่วนที่เหลือดีหรือไม่

นี่เป็นเพราะเธอกำลังสงสัยว่าเมื่อกี้เธออาจจะเห็นภาพหลอน!

สิ่งที่ซุยเฮ็งแสดงออกมาให้เห็นเมื่อกี้นั้นคือจุดสูงสุดของศาสตร์กระบี่เซียนอรุณ “แสงกระบี่เมฆา” และสำหรับเธอแล้ว มันก็อยู่ในขอบเขตในตำนาน

มันมีเพียงเจ้าสำนักคนปัจจุบันและผู้อาวุโสบางคนเท่านั้นที่สามารถบรรลุวิชาถึงระดับนี้ได้

แบบนี้แล้วทำไมมันจึงตกไปอยู่ในมือของคนนอกได้?

นอกจากนี้ อีกฝ่ายก็ยังเป็นผู้ชายอีก!

สำนักเซียนอรุณไม่เคยรับศิษย์เพศชายมาก่อน!

อย่างมากที่สุด มันก็มีศิษย์บางคนที่ได้ลงมาจากภูเขาและบังเอิญสอนวรยุทธ์ให้กับผู้ชายบางคน อย่างไรก็ตาม คนเหล่านั้นก็ไม่สามารถถูกพิจารณาว่าเป็นได้แม้แต่ศิษย์ในนาม แล้วนับประสาอะไรกับการถ่ายทอดสุดยอดเคล็ดวิชาของสำนัก?

“ พอดีข้าเคยรู้จักกับผู้ก่อตั้งสำนักของเจ้าน่ะ” ดวงตาของซุยเฮ็งดูลึกล้ำในขณะที่เขาถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา

ในขณะที่มองไปยังเฉินหยิงที่อยู่ตรงหน้าเขา สายตาของเขาก็ดูเหมือนกับคนที่ได้เห็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว 200 ปี เขามองเห็นเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังฝึกวิชากระบี่อยู่เบื้องหน้าเขา

“ กับ… ผู้ก่อตั้งสำนักของข้า?!” เฉินหยิงตกตะลึงเล็กน้อยและรู้สึกว่าความคิดของเธอกำลังยุ่งเหยิง

ฉวิ้ง!

ในขณะนี้ จู่ๆ กระบี่สีม่วงที่เฉินหยิงวางไว้บนโต๊ะก็สั่นและลอยขึ้นมาเอง

มันดูราวกับว่ามันกำลังตอบสนองต่อการเรียกของอะไรบางอย่าง

ซุยเฮ็งหันศีรษะและมองดูมัน จากนั้นเขาก็มองไปที่เฉินหยิง “นี่คือกระบี่ที่ผู้ก่อตั้งสำนักของเจ้าเป็นคนตีขึ้นมาเองใช่ไหม?”

เฉินหยิงพยักหน้าโดยไม่รู้ตัวและพูดว่า “ ชะ.. ใช่แล้ว!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซุยเฮ็ง จากนั้นเขาก็ถามอย่างสุภาพว่า “ ขอข้าดูมันหน่อยได้ไหม?”