ตอนที่ 371 : ยุยงแปรพักตร์ที่สร้างความประหลาดใจให้กับโจวโจว (1)

ณ เมืองสายน้ำหิมะ

โจวโจวและพรรคพวกของเขาเพิ่งเดินออกมาจากค่ายกลข้ามมิติก็ได้ยินเสียงร้องการต่อสู้อันน่าสยดสยองและการยิงปืนใหญ่ข้างนอกทันที

พวกมันเป็นเสียงจากมอนสเตอร์ของกองทัพมอนสเตอร์และเหล่าทหารจากเมืองสายน้ำหิมะ

ในเวลานั้นเอง เจ้าเมืองสายน้ำหิมะ จางเจ้อ ก็ได้รับข่าวว่าราชาแห่งอาณาจักรออโรร่าจะมาเยือนแล้ว ดังนั้นเขาจึงมารออยู่ที่นี่สักพักแล้ว

เมื่อหลี่หยวนกัน โจวโจว และคนอื่นๆ ปรากฏตัวออกมาจากค่ายกลข้ามมิติ อีกฝ่ายก็เดินเข้ามาทันที

“เจ้าเมืองสายน้ำหิมะจางเจ้อขอคาราวะฝ่าบาท!”

จางเจ้อกล่าวด้วยความเคารพ

เขาสวมเครื่องแบบสีขาวราวหิมะขอบสีทอง ใบหน้าของเขาดูใจดี และผมของเขาก็มีสีดำแซมสีขาว มันมีรอยย่นที่หางตาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เขาดูแก่พอตัวเลย

ในเวลานั้นเอง จางเจ้อก็มองมายังหลี่หยวนกันที่อยู่ตรงหน้าของเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ตามข่าวจากเพื่อนของเขาในราชสำนัก หลังจากที่พระองค์พบว่าองค์หญิงถูกลอบสังหาร เขาก็เสียใจมาก ภายในเวลาไม่ถึงวัน ผมและเคราของเขาก็กลายเป็นสีขาวไปแล้ว

หลังจากเขาได้รู้ข่าวนี้ เดิมทีเขาก็เป็นกังวลมากเกี่ยวกับสภาพร่างกายและจิตใจของฝ่าบาท แต่เมื่อเขาได้เห็นฝ่าบาทที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ มันจะเป็นอย่างที่สหายของเขาพูดได้ยังไง?

ไม่เพียงแต่ผมเผ้าของเขาจะยังดกดำ แต่ผิวของเขาก็ยังเต่งตึงด้วย เขากระทั่งดูเด็กกว่าเดิมมาก

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้ติดตามฝ่าบาทมาหลายสิบปีแล้ว และมั่นใจว่าราชาที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือคนที่เขารู้จักจริงๆ เขาก็คงจะคิดว่ามันเป็นคนอื่นไปแล้ว

ในเวลานั้นเอง หลี่หยวนกันก็เห็นอีกฝ่ายกำลังมองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ เขาย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายประหลาดใจเรื่องอะไร แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์มามาก แต่เขาก็ยังอดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้

เยี่ยมจริงๆ!

“สงครามเกิดขึ้นนานแค่ไหน? สงครามเป็นอย่างไรบ้าง?”

เขาไม่คิดมากเกี่ยวกับมัน หลี่หยวนกันถามออกมาทันที

“สงครามเพิ่งเริ่มขึ้นขอรับ อย่างไรก็ตาม ศัตรูก็มีกองกำลังจำนวนมากและมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน แม้ว่าข้าจะสั่งให้ทุกคนในเมืองสายน้ำหิมะมาสู้ศึกและรวบรวมทหารได้เกือบ 200,000 คนแล้ว แต่ข้าก็เกรงว่าจะไม่สามารถยันพวกมันไว้ได้นาน”

“ฝ่าบาท ที่นี่อันตรายเกินไป ข้ารู้สึกว่าตราบใดที่ฝ่าบาทปลอดภัย อาณาจักรออโรร่าก็จะไม่มีทางถูกทำลาย! ดังนั้นข้าจึงอยากขอร้องให้ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวเองก่อนและกลับไปพักอยู่ที่เมืองหลวงก่อนเถอะขอรับ!”

จางเจ้อพูดอย่างจริงจังตั้งแต่ต้นจนจบ

หลี่หยวนกันส่ายหัว

“ข้ารับรู้ความตั้งใจของเจ้า แต่ข้าก็มีแผนการของข้า ยังไงก็เถอะ คราวนี้ข้าพาสหายคนหนึ่งมาด้วย เขา… เขาไปไหนแล้วล่ะ?”

เขามองไปยังที่ว่างข้างๆ กายและตระหนักได้ว่าโจวโจว อู๋ซิน และซีฉือได้หายไปแล้ว

“ฝ่าบาท ข้าอยู่บนกำแพง”

ในเวลานั้นเอง เสียงของโจวโจวก็ดังขึ้นในใจของหลี่หยวนกัน

การสื่อสารทางจิตงั้นเหรอ?

เขามีวิธีการแปลกๆ เช่นนี้ด้วย

หลี่หยวนกันประหลาดใจ

จากนั้นเขาก็บอกตำแหน่งของโจวโจว

เมื่อจางเจ้อได้ยินเช่นนี้ เขาก็พาองค์ราชาไปยังกำแพงเมืองของเมืองสายน้ำหิมะทันที

บนกำแพงเมือง เมื่อหลี่หยวนกันและจางเจ้อขึ้นมา พวกเขาก็เห็นโจวโจวยืนอยู่บนกำแพงเมืองและมองไปยังสมรภูมิด้านนอกอยู่แล้ว

พวกเขามองตามไปด้วย

มอนสเตอร์แห่งหมอกทุกชนิดที่เหมือนทะเลกว้างใหญ่พัดมาจากทุกทิศทุกทาง และล้อมรอบเมืองสายน้ำหิมะเอาไว้และโจมตีอย่างต่อเนื่อง

ในเวลานี้ โจวโจวก็รู้สึกเหมือนกับว่าเมืองสายน้ำหิมะเป็นดั่งเรือน้อยที่ลอยลำอยู่ในทะเลที่ไร้ขอบเขต มันพร้อมที่จะจมลงสู่ก้นทะเลได้ทุกเมื่อเลย

โจวโจวลอบกลั้นหายใจ

นี่คือความกดดันของสงครามระดับล้านคนเหรอ…

ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นกองทัพราชาศพไร้หน้า 500,000 ตัวบุกเมืองปฐมอาณาจักรมาก่อน

ในตอนนั้นเขาคิดว่าความอดทนของเขาแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นภาพตรงหน้า เขาก็ตระหนักได้ว่าเขามันช่างไร้เดียงสาจริงๆ

เมื่อเทียบกับกองมัพมอนสเตอร์แห่งหมอก 2 ล้านตัว กองทัพราชาศพไร้หน้าแค่ 500,000 ตัวก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย และก็คงไม่ต้องพูดถึงกองกำลังรักษาเมืองแค่ 200,000 คนที่เมืองสายน้ำหิมะรวบรวมมาได้เลย

แพ้แน่ๆ มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น

“ฝ่าบาท ในเมื่อท่านอยู่ที่นี่แล้ว ข้าก็ขอฝากหน้าที่ในการบัญชาทัพไว้กับท่านด้วย”

จางเจ้อกล่าวด้วยความเคารพ

ในช่วงปีแรกๆ เขาได้ติดตามหลี่หยวนกันไปรบทุกที่ มันจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าฝ่าบาทนั้นมีพรสวรรค์ทางการทหารมากขนาดไหน

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฝ่าบาทก็คงจะรับหน้าที่ในการบัญชาทัพแน่ๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือหลี่หยวนกันกลับส่ายหัว

จากนั้นสายตาของเขาก็เด็ดเดี่ยวขึ้นมา

“มันไม่มีอะไรต้องบัญชา ทหารและชาวเมืองทุกคน จงสู้จนตัวตาย!”

เสียงของเขาเย็นยะเยือก

สิ่งมีชีวิตที่ต่อสู้กับมอนสเตอร์แห่งหมอกย่อมรู้ดี นอกเหนือจากฝ่ายเพียงไม่กี่ฝ่ายที่ยินดีรับเชลยและผู้ทรยศแล้ว มอนสเตอร์แห่งหมอกส่วนมากจะไม่แสดงความเมตตาใดๆ ต่อสิ่งมีขีวิตอื่นบนทวีปจื้อเกา

เมื่อสงครามเริ่มขึ้น ผลลัพธ์ก็มีแค่สองทางเลือกเท่านั้น คือหนึ่งเอาชนะมอนสเตอร์แห่งหมอกและรอดชีวิตไปให้ได้ หรือถูกมอนสเตอร์แห่งหมอกสังหาร!

มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่มอนสเตอร์แห่งหมอกจะสงสารพวกเขาและปล่อยพวกเขาไปถ้าพวกเขายอมจำนน!

ดังนั้นหลี่หยวนกันจึงไม่ลังเลเลย!

ไม่ว่ายังไง ไม่ว่าพวกเขาจะสู้หรือยอมจำนน พวกเขาก็ต้องตายอยู่ดี

งั้นมันจะมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ให้สู้จนตัวตาย?

จางเจ้อย่อมรู้เรื่องนี้ดี ดังนั้นเขาจึงตกลงโดยไม่ลังเล เขาส่งคนไปแจ้งคำสั่งของฝ่าบาทกับทหารทันที

ในเวลานั้นเอง หลี่หยวนกันก็มองไปที่โจวโจวในทันใด

ความหมายในแววตาของเขาก็เรียบง่ายมาก

[ไหนคำสัญญาที่เจ้าพูดเมื่อวานว่าจะช่วยข้า?]

โจวโจวเองก็เห็นแววตาของอีกฝ่ายและย่อมรู้ความหมายดี ดังนั้นเขาจึงยิ้มออกมาและกล่าวว่า

“ฝ่าบาท โปรดให้ข้าส่งทหารออกไปรบนอกเมืองด้วย นอกจากนี้ช่วยปล่อยให้ทหารของข้าเข้าและออกเมืองสายน้ำหิมะได้ตามชอบใจ อย่าให้บาเรียสูงสุดหยุดพวกเขาได้”

“นั่นคือทหารของเจ้า เจ้าตัดสินใจได้เลย”

หลี่หยวนกันกล่าว

“งั้นข้าจะหาเวลาเหมาะๆ เปิดประตูเมืองให้ เมื่อถึงเวลานั้น ทหารของท่านก็สามารถบุกออกไปได้เลย”

จางเจ้อกล่าวเสริมทันที

เขาเองก็สงสัย

ฝ่าบาทและชายหนุ่มผู้นี้อยากจะทำอะไรกันแน่?

“ไม่จำเป็นต้องเปิดประตูเมืองก็ได้”

โจวโจวส่ายหัว

จากนั้นเขาก็มองไปยังอู๋ซิน เมื่ออู๋ซินเห็นสายตาของโจวโจว เขาก็เรียกทหารระดับแพลตตินั่มขาว 500 คนที่เขาพามาด้วยทันที

หลังจากเห็นทหารระดับแพลตตินั่มขาว 500 คน หลี่หยวนกันที่รู้อยู่แล้วก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไร

อย่างไรก็ตาม จางเจ้อก็ประหลาดใจมาก

ทหารระดับแพลตตินั่มขาว 500 คน!

แม้แต่ในอาณาจักรออโรร่า มันก็ถือว่าเป็นกองกำลังที่ทรงพลังมากๆ

ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย…

แต่เขากำลังจะทำอะไร?

“อีกสักพักให้เจ้ากระโดดลงจากกำแพงเมืองและพุ่งเข้าสู่สนามรบเป็นเวลา 30 ลมหายใจ หลังจากผ่านไป 30 ลมหายใจให้กลับมาที่เมืองสายน้ำหิมะทันทีและกลับมาหาข้า ระวังเรื่องความปลอดภัยด้วย! ไม่จำเป็นต้องสังหารอีกฝ่ายมากนัก สิ่งสำคัญที่สุดคือการปกป้องตัวเองและกลับมาอย่างปลอดภัย!”

โจวโจวสั่ง

ยุยงแปรพักตร์ของเขาสามารถใช้ได้เมื่อกองกำลังของเขาต่อสู้กับอีกฝ่ายเท่านั้น

ดังนั้นพวกเขาจึงต้องส่งกองกำลังออกไปสังหาร

ทหารระดับแพลตตินั่มขาว 500 คนพวกนี้คือหัวกะทิในหมู่ทหารของเขา

ตราบใดที่พวกเขาไม่รนหาที่ตาย มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่พวกเขาจะทำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ได้

“ขอรับท่านลอร์ด!”

ทหารระดับแพลตตินั่มขาว 500 คนพูดออกมาด้วยความเคารพทันที