ตอนที่ 174

บทที่ 174 : เรายินดีจะติดตามท่านเซียนซุยเฮ็งผู้สูงส่ง!

ในแสงสีแดงที่ลุกโชน ลวดลายมังกรบนร่างกายของหวังตงหยางก็ค่อยๆ ลอยออกมา

ในพริบตา มันก็กลายเป็นมังกรเพลิงยาวเจ็ดนิ้ว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามังกรเพลิงตัวนี้จะตัวเล็กมาก แต่มันก็ไม่ได้อ่อนแอเลย

ทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้น ดวงตาสีแดงของมันก็จ้องมองไปที่พระจื่อเตอ

แสงพุทธอันแรงกล้าดูเหมือนจะขัดหูขัดตามังกรเพลิงตัวน้อย

มันส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเปิดปากขึ้น จากนั้นมันก็พ่นลมหายใจอันร้อนผ่าวออกมา

ทันทีหลังจากนั้น คลื่นความร้อนก็พุ่งออกมาและชนเข้ากับหน้าอกของพระจื่อเตอด้วยความเร็วปานสายฟ้า

บู้มมมมม!

พร้อมกับเสียงเผาไหม้ ลมหายใจอันร้อนระอุของมังกรเพลิงตัวน้อยก็ได้พุ่งทะลุผ่านหัวใจของพระจื่อเตอไป

พระจื่อเตอที่กำลังจะโจมตีหวังตงหยางเมื่อกี้หยุดแข็งค้างในทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างในขณะที่เขามองไปที่หวังตงหยางด้วยความเหลือเชื่อ

“ นี่มัน... ยังไง.. มันเป็นไปได้ยังไง!”

หากคุณมีเมาส์ คุณต้องเล่นเกมนี้ ไม่มีการติดตั้ง เล่นฟรี.

เขาก้มหัวลงด้วยความงุนงงและเห็นว่ามีรูขนาดใหญ่ปรากฎขึ้นที่บริเวณหน้าอกของเขา ขณะเดียวกัน ขอบของมันก็เป็นสีดำไหม้เกรียม เนื้อ กระดูก และอวัยวะภายในล้วนกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว

หากผู้ฝึกตนขอบเขตเทพทั่วไปได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ พวกเขาก็คงจะเสียชีวิตลงในทันที

อย่างไรก็ตาม พระจื่อเตอก็เป็นพระโพธิสัตว์ที่ฝึกตนมานานหลายร้อยปี พลังชีวิตของเขาแข็งแกร่งมาก และเขาก็ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ เขาหมุนเวียนพลังปราณเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของเขา

“ พี่ใหญ่?!”

“ เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้คืออะไร?!”

“ เจ้าสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย เจ้าใช้วิชามารอะไรกัน?!”

เมื่อพระโพธิสัตว์อีกสี่องค์เห็นดังนี้ พวกเขาก็ลุกขึ้นและรีบวิ่งไปด้านข้างพระจื่อเตอในทันที พวกเขาล้อมรอบพระจื่อเตอเอาไว้เพื่อคุ้มครองและส่งพลังพุทธไปรักษาเขา

แม้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้งและต้องการจะแย่งชิงสิทธิความเป็นผู้นำ แต่พวกเขาก็ยังมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูภายนอก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญหน้ากับการดำรงอยู่ที่ลึกลับและทรงพลัง

ทันทีที่มังกรเพลิงตัวเล็กปรากฏตัวขึ้น มันก็เปิดการโจมตีด้วยความเร็วที่เหนือจินตนาการ มันทำให้พระจื่อเตอได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ในพริบตาเดียว

มันไม่น่าเชื่อเลย!

พระจื่อเตอเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีอายุมากสุด ในโลกสูญสวรรค์ทั้งหมด เขาก็ถือได้ว่าเป็นพระโพธิสัตว์ระดับแนวหน้า แบบนี้แล้วเขาจะพ่ายแพ้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?!

เว้นซะแต่ว่ามังกรเพลิงตัวน้อยนี้จะอยู่ในขอบเขตเทวา!

แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร!

“ โฮกกกก!”

ในขณะนี้ มังกรเพลิงตัวน้อยที่กำลังแหวกว่ายอยู่ในอากาศก็คำรามออกมา

มันส่ายกรงเล็บและหัวและพลิกตัวไปมาในอากาศราวกับว่ามันไม่พอใจกับผลลัพธ์ก่อนหน้านี้

ด้วยเหตุนี้เอง ดวงตาสีแดงของมังกรเพลิงตัวน้อยจึงจ้องมองไปที่พระจื่อเตออีกครั้ง

ทันทีหลังจากนั้น เกล็ดบนตัวของมันก็เริ่มลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีแดงชาด พลังที่ลุกสว่างไสวโชติช่วงแผ่ออกมาอีกครั้งและทำให้ทุกคนใจสั่น

ในครั้งนี้ มังกรเพลิงตัวน้อยไม่ได้ยับยั้งความแข็งแกร่งของมันอีกต่อไป แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่งปกคลุมคฤหาสน์ตระกูลหวังทั้งหมดในทันที

สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซียนปฐพี พวกเขามองไปที่มังกรเพลิงตัวน้อยด้วยความเหลือเชื่อราวกับว่าพวกเขากำลังเห็นผี

“ ซะ.. เซียนสวรรค์?!”

“ แต่มันจะเป็นเซียนสวรรค์ไปได้อย่างไร!”

“ เป็นไปไม่ได้!”

ทั้งห้องจัดเลี้ยงตกอยู่ในความโกลาหล เซียนปฐพีบางคนรับรู้แล้วว่ามังกรเพลิงตัวน้อยอาจจะอยู่ที่ขอบเขตเซียนสวรรค์

ความรู้สึกตื่นตระหนกสุดขีดผุดขึ้นในหัวใจของทุกคนในทันที

เซียนสวรรค์!

แม้แต่ในโลกสูญสวรรค์ พวกเขาก็ยังนับได้ว่าอยู่ยงคงกระพัน!

ด้วยเหตุนี้เอง ในโลกสูญสวรรค์ เซียนสวรรค์จึงแข็งแกร่งมาก พวกเขาเป็นตัวตนที่ทุกคนต้องเงยหน้าขึ้นมอง

แต่นี่คือโลกเบื้องล่าง สถานที่ซึ่งแม้แต่เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับเซียนมนุษย์ก็ยังไม่ได้รับการสืบทอด แบบนี้แล้วเซียนสวรรค์จะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?!

แม้แต่เหิงเซียผู้สมบูรณ์แบบของสำนักเซียนอรุณในตอนนั้นก็ยังไม่ได้แข็งแกร่งจนเกินจริงขนาดนี้

เมื่อเผชิญหน้ากับมังกรเพลิงที่ทรงพลังเช่นนี้ มันก็ไม่มีใครเทียบกับมันได้

คฤหาสน์ตระกูลหวังทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบงัน

มังกรเพลิงตัวน้อยยังไม่ได้เปิดการโจมตีครั้งที่สองและทำเพียงแค่ปล่อยออร่าออกมาเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังทำให้เซียนมนุษย์ เซียนปฐพีและพระโพธิสัตว์จำนวนมากตกตะลึงไปแล้ว

ไม่มีใครกล้าขยับ

พระโพธิสัตว์ทั้งสี่รวมถึงจื่อถงและจื่อเฟิงซึ่งล้อมรอบพระจื่อเตออยู่เองก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม

พวกเขากลัวว่าพวกเขาจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านโดยเปลวเพลิงบนมังกรไฟตัวน้อย

ด้วยพลังของมังกรเพลิงตัวน้อย ตราบใดที่พวกเขาสัมผัสหรือแม้แต่เข้าไปใกล้มัน พวกเขาก็อาจจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านได้!

เหตุผลที่หน้าอกของพระจื่อเตอถูกเจาะเป็นรูนั้นก็เป็นผลมาจากลมหายใจของมังกรเพลิงตัวน้อยเท่านั้น

มันยังไม่ได้โจมตีจริงๆ!

พระจื่อถงบังคับตัวเองให้สงบลงและมองไปที่หวังตงหยาง เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่? เจ้าจะช่วยเจ้าปีศาจซุยเฮ็งฆ่าพวกเราทั้งหมดเลยรึยังไงกัน!”

ทันทีที่เขาพูดแบบนี้ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็กระสับกระส่ายในทันที ใบหน้าของพวกเขาแสดงออกถึงความหวาดผวาอย่างหาที่เปรียบมิได้

เมื่อมีมังกรเพลิงตัวน้อยอยู่ฝั่งหวังตงหยาง เขาก็จะสามารถทำสิ่งนั้นได้จริงๆ

“ เปล่าเลย” หวังตงหยางส่ายหัวและยิ้ม “ ท่านเซียนผู้สูงส่งนั้นมีเมตตาและไม่ได้กระหายเลือดขนาดนั้น แต่เหล่าขุนนางชั้นสูงเอ๋ย ข้าคิดว่าพวกเจ้าน่าจะสนใจเรื่องที่ข้าจะเล่าต่อไปนี้...”

จากนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจว่าทุกคนต้องการจะได้ยินหรือไม่ เขาอธิบายทุกสิ่งเกี่ยวกับการรวบรวมผลึกน้ำค้างสวรรค์ของสำนักเซียน

มันมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเหล่าสำนักเซียนใช้ประโยชน์และกดหัวพวกเขาอย่างไร

หลังจากฟังคำอธิบายของหวังตงหยาง สีหน้าของผู้คนจากตระกูลขุนนางในปัจจุบันก็เปลี่ยนแปลงไป

จากความตกใจในตอนแรกค่อยๆ เปลี่ยนกลายเป็นความโกรธ ในท้ายที่สุด พวกเขาก็มองไปที่เหล่าผู้คนจากสำนักเซียนด้วยความเกลียดชัง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นว่าไม่มีใครจากสำนักเซียนกล้าปฎิเสธหรือทำการโต้แย้งใดๆ

นี่เป็นเรื่องจริงไปโดยปริยาย

ด้วยเหตุนี้เอง เซียนมนุษย์หลายคนจากตระกูลขุนนางในปัจจุบันจึงโกรธจัด พวกเขายืนขึ้นและตะคอกถาม

“ มันเรื่องจริงหรอ?!”

“ ตระกูลขุนนางของเราไม่คู่ควรแม้แต่จะซดน้ำแกงก้นหม้อเลยหรอ!”

“ พวกมันคิดว่าเรากำลังคุกเข่าขอทานอยู่รึไง!”

โดยปกติแล้ว เมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับผู้คนจากสำนักเซียน พวกเขาก็จะแสดงท่าทีถ่อมตัวมาก พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าลึกๆ แล้ว พวกเขาจะถูกกดขี่จนถึงขนาดนี้

แน่นอนว่าพวกเขากล้าลุกขึ้นมาด่าอีกฝ่ายตอนนี้ก็เป็นเพราะพวกเขารู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังพยุงพวกเขาอยู่

และคนๆ นั้นก็คือ “เซียนผู้สูงส่ง” ที่หวังตงหยางกล่าวถึง!

ในความเห็นของพวกเขา ถ้าเขาสามารถส่งมังกรเพลิงขอบเขตเซียนสวรรค์ออกมาได้ เขาก็น่าจะเทียบได้กับราชาสวรรค์แล้ว

“ แบบนี้แล้วพวกเจ้ายังต้องการจะทำงานให้กับสำนักเซียนเหล่านี้อีกหรือไม่?” หวังตงหยางมองทุกคนด้วยรอยยิ้มและชูคอขึ้นเล็กน้อย “ ภารกิจที่ท่านเซียนผู้สูงส่งมอบให้กับข้านั้นก็คือการสังหารเหล่าเซียนและพระโพธิ์สัตว์จากสำนักเซียนทั้งสี่และโถงพุทธมามกะเป่าหลิน”

เซียนมนุษย์หลายคนจากตระกูลขุนนางมองหน้ากันเมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องนี้ จากนั้นพวกเขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจและคุกเข่าลงไปทางหวังตงหลิน

“ เรายินดีจะติดตามท่านเซียนซุยเฮ็งผู้สูงส่ง! โปรดชี้แนะพวกเราด้วย!”

ในเวลาเดียวกัน ในสำนักงานว่าการในเมืองฉางเฟิง

ทันใดนั้นซุยเฮ็งก็สัมผัสได้ถึงแสงเจ็ดสีที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาเขา

ทันทีหลังจากนั้น แสงสีแดงและแสงสีขาวบางส่วนก็ทะลุผ่านความว่างเปล่าและบินเข้ามาหาเขา

พวกมันหลอมรวมเข้ากับจุดตันเถียนของเขา...