ตอนที่ 129 - บทที่ 129 คุณสมบัติสำหรับการเข้าดันเจี้ยนระดับยาก! ถึงเวลาเร่งเรตติ้งแล้ว!

เมื่อหลินอี้มองไปที่ช่องทักษะแบบพาสซีฟ เขาจึงนึกขึ้นได้ว่าเขาได้รับทักษะพาสซีฟใหม่หลังจากการเปลี่ยนอาชีพครั้งที่ 3

เมื่อกี้เขายังไม่ได้ดูว่ามันมีผลอะไรบ้าง

[การเอาชนะธาตุ]

[ประเภท: ทักษะพาสซีฟ]

[ระดับ: เริ่มต้น]

[หมวดหมู่: ทั่วไป]

[ผลลัพธ์ 1: ตอนนี้เวทมนตร์ธาตุทั้งหมดที่คุณใช้จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติม 10% เมื่อโจมตีเป้าหมายตามความสัมพันธ์แบบหักล้าง]

[ผลลัพธ์ 2: ตอนนี้เมื่อคุณใช้เวทมนตร์ธาตุต่างประเภทกัน ตามความสัมพันธ์แบบส่งเสริม เวทมนตร์ที่ใช้ทีหลังจะสร้างความเสียหายเพิ่มเติม 10%]

[ความสัมพันธ์แบบหักล้างของธาตุ: น้ำกับไฟหักล้างกัน, แสงกับมืดหักล้างกัน, สายฟ้าหักล้างไม้, ไม้หักล้างดิน, ดินหักล้างสายฟ้า, ธาตุลมไม่มีความสัมพันธ์แบบหักล้างกับธาตุอื่น ๆ แต่จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติม 5%]

[ความสัมพันธ์แบบส่งเสริมของธาตุ: ลม → ไฟ, ไฟ → ดิน, ดิน → มืด, มืด → น้ำ, น้ำ → สายฟ้า, สายฟ้า → แสง, แสง → ไม้, ไม้ → ลม]

นี่น่าจะถือเป็นทักษะพาสซีฟเพิ่มความเสียหายที่คลาสสิกที่สุดแล้ว

ความจริงแล้วธาตุต่าง ๆ มีความสัมพันธ์แบบส่งเสริมและหักล้างกันอยู่แล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้หลินอี้ไม่ได้สังเกตเท่านั้นเอง

และก่อนที่จะได้รับทักษะพาสซีฟนี้

แม้หลินอี้จะเผลอทำให้เกิดความสัมพันธ์แบบหักล้างโดยไม่ได้ตั้งใจ ความเสียหายก็ไม่ได้เพิ่มขึ้น

แต่ตอนนี้ เขาเหมือนได้ปลดล็อกคุณสมบัตินี้อย่างเป็นทางการแล้ว

สำหรับนักเวทคนอื่น ๆ ทักษะพาสซีฟนี้อาจไม่ใช่ทักษะเพิ่มความเสียหายที่ดีนัก

เพราะพวกเขาใช้ได้แค่หนึ่งหรือสองธาตุเท่านั้น

บางครั้งอยากจะใช้ธาตุหักล้าง ก็ไม่มีวิธีที่จะทำได้

ตอนนี้หลินอี้มีธาตุถึง 4 ธาตุแล้ว

การได้รับธาตุอื่นๆ อีกสี่ธาตุในอนาคตก็เป็นเรื่องที่แน่นอน

ไม่เช่นนั้นเขาจะเอาแต้มทักษะมากมายไปใช้ที่ไหน

นอกจากการใช้ความสัมพันธ์แบบหักล้างแล้ว จริง ๆ แล้วความสัมพันธ์แบบส่งเสริมก็ใช้งานได้ดีกว่า

เพราะความสัมพันธ์แบบส่งเสริมนี้สามารถเพิ่มความเสียหายได้โดยไม่สนใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีธาตุที่หักล้างหรือไม่

เช่น ถ้าหลินอี้ใช้เวทมนตร์ธาตุลมระดับต่ำสุดอย่างกระบี่สายลมก่อนที่จะใช้ร่างอวตารแห่งเพลิงระดับ 8

ร่างอวตารแห่งเพลิงก็จะสร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก 10%

"นักศึกษา กรุณาแสดงบัตรด้วยครับ"

โดยไม่รู้ตัว หลินอี้เดินมาถึงประตูทางเข้าดันเจี้ยนแล้ว

เสียงของยามทำให้หลินอี้ได้สติ

หลังจากรูดบัตรนักศึกษา หลินอี้ก็เข้าไปในดันเจี้ยน

ทันใดนั้น หลินอี้รู้สึกว่าโทรศัพท์ในกระเป๋าสั่น เมื่อหยิบออกมาก็เห็นว่าเป็นข้อความจากหนานกงหลิง

"อยู่ไหน? พี่หาแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่นายต้องการได้แล้วหนึ่งอย่าง"

หลินอี้ตอบกลับ: "เพิ่งมาถึงดันเจี้ยนครับ"

"งั้นนายอาจต้องไปที่สนามประลองก่อน..."

"สิ่งที่นายต้องการ อะไรนะ ขาที่สามนั่นน่ะ มันเป็นรางวัลพิเศษหลังจากผ่านดันเจี้ยนระดับยากชั้นสองที่ชื่อว่า 'ขุดทองในทะเลทราย': มันจะดรอปในกระแสน้ำวนทะเลทราย"

"ดันเจี้ยนนี้เข้าได้เดือนละครั้งเท่านั้น"

"เพราะทุกครั้งที่ผ่านดันเจี้ยน มีโอกาสที่จะได้รับรางวัลสุ่มเพิ่มเติมจากกระแสน้ำวนทะเลทราย ดังนั้นมันจึงเป็นดันเจี้ยนที่นักศึกษาปีสองส่วนใหญ่ต้องเคลียร์ทุกเดือน"

"แม้แต่พวกเราปีสามก็ยังจัดทีมไปขุดทองในดันเจี้ยนนี้ทุกเดือน"

"ฉันเช็คคลังของมหาวิทยาลัยแล้ว ไม่มีของในสต็อก ขาที่สามของโจรทะเลทรายโรเจอร์นี่ หาได้แต่ต้องฟาร์มเอา"

"ส่วนที่ยากก็คือ ถ้าอยากได้วัสดุนี้จากกระแสน้ำวนทะเลทราย ต้องผ่านดันเจี้ยนให้เร็ว"

"30 ทีมแรกที่ผ่านดันเจี้ยนนี้ในแต่ละเดือนเท่านั้นที่จะมีโอกาสเลือกรางวัลได้หนึ่งครั้งในช่วงรับรางวัลจากกระแสน้ำวนทะเลทราย"

"ทีมของฉันเองก็ติดท็อป 10 ทุกเดือน แต่เดือนนี้ฉันผ่านไปแล้ว เลยพานายไม่ได้..."

"ตอนนี้ผ่านไปหลายวันแล้วตั้งแต่ต้นเดือน ไม่รู้ว่ามีกี่ทีมที่ผ่านไปแล้ว"

"แต่ตอนนี้ปัญหาไม่ได้มีแค่นี้ ดันเจี้ยนนี้เป็นดันเจี้ยนระดับยาก ปกติแล้วต้องถึงปีสอง และมีระดับ 4 ขึ้นไปถึงจะมีโอกาสผ่าน"

"ดังนั้นมหาวิทยาลัยจึงกำหนดว่าต้องมีระดับ B ขึ้นไปถึงจะมีคุณสมบัติเข้าได้"

“นายต้องหาทางเร่งระดับ และยิ่งเร็วยิ่งดี พยายามแย่งโอกาสเลือกรางวัลของ 30 ทีมแรกให้ได้!"

โทรศัพท์สั่นต่อเนื่อง หลินอี้ได้รับข้อความมากมายจากหนานกงหลิง

เห็นได้ชัดว่าเธอแอบเล่นโทรศัพท์ในห้องเรียนมากแค่ไหน

เธอทุ่มเทความสนใจทั้งหมดมาที่เขา

หลินอี้พิมพ์ตอบกลับสติกเกอร์ขอบคุณให้หนานกงหลิง พร้อมข้อความ: "ขอบคุณรุ่นพี่มากครับ ที่เสียเวลามาช่วย พรุ่งนี้ผมเลี้ยงข้าวพี่นะครับ!"

จากนั้นหลินอี้ก็เก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋า

แล้วออกจากดันเจี้ยน

ภายในมหาวิทยาลัยเสินเซียวห้ามทะเลาะวิวาทและใช้ทักษะทำร้ายอย่างเด็ดขาด

แต่ชัดเจนว่าทักษะเคลื่อนที่อย่างคำสาปสายฟ้าไม่รวมอยู่ในนั้น

เพราะเร่งรีบ หลินอี้จึงใช้วาร์ปติดต่อกันหลายครั้ง ทำให้เกิดเสียงอุทานตกใจมากมายในมหาวิทยาลัย

"เฮ้ย อะไรบินผ่านไปน่ะ?!"

"พวกนายได้ยินเสียงฟ้าร้องมั้ย?"

"โอ้แม่เจ้า แสบตาชะมัด!"

"บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าใช้ทักษะในมหาวิทยาลัยมั่ว ๆ! จับตัวมัน!"

"จับบ้านแกสิ เห็นแค่เงาด้วยซ้ำ!"

ครึ่งนาทีต่อมา หลินอี้ก็เดินทางเสร็จในระยะทางที่ปกติต้องใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาทีถึงจะเดินถึง

เขาเข้าสู่สนามประลองเสินเซียวอีกครั้ง

หลินอี้รู้สึกถึงบรรยากาศการแข่งขันที่เข้มข้นของสนามประลองเสินเซียว

แม้จะเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน

แม้ตอนนี้นักศึกษาบางคณะยังมีเรียนอยู่

ที่นี่ก็ยังคงคึกคักและเต็มไปด้วยไฟแห่งการต่อสู้

บนจอใหญ่ กำลังถ่ายทอดการต่อสู้ที่น่าสนใจ

เสียงของพิธีกรยังคงกระตือรือร้นและเร้าใจ

"นักศึกษา จะประลองเล่นๆ หรือจะแย่งชิงอันดับ?" เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนถามหลินอี้

การประลองในสนามแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ

การประลองเล่นๆ ระบบจะจับคู่คุณกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในระดับเดียวกันที่กำลังเข้าร่วมการประลอง

หลังจากแพ้ชนะ นอกจากจะส่งผลต่ออัตราชนะของคุณ ทำให้สถิติดูดีขึ้นแล้ว ก็ไม่มีรางวัลพิเศษอื่นใด

ส่วนการแย่งชิงอันดับ ก็คือการแข่งขันจัดอันดับ

"แย่งชิงอันดับครับ"

"ได้ครับ กรุณารูดบัตรเข้าสนามครับ"

หลังจากรูดบัตรนักศึกษาของตัวเอง

หลินอี้เดินเข้าไปในพื้นที่พักผ่อนสำหรับการแข่งขันแย่งชิงอันดับ

นี่เป็นดันเจี้ยนจำลองพิเศษอีกแห่งหนึ่ง เหมือนกับที่เขาเคยเข้าร่วมการแข่งขันจัดอันดับครั้งแรกไม่มีผิด

ในดันเจี้ยนจำลองนี้ หลินอี้สามารถเลือกคู่ต่อสู้ที่ต้องการท้าทายได้

แต่ก่อนที่หลินอี้จะเปิดรายชื่อ

เขาก็ได้รับการแจ้งเตือนอย่างกะทันหัน

[ติ๊ง! นักศึกษาหลินอี้ ในช่วงเวลาที่คุณไม่อยู่ที่สนามประลองเสินเซียว คุณได้รับคำท้า 167 ครั้งสำหรับการแย่งชิงอันดับ!]

[ในจำนวนนี้ มี 145 คำท้าที่ถูกยกเลิกโดยผู้ท้า!]

[ในจำนวน 22 คำท้าที่เหลือ ตอนนี้มีผู้ท้า 1 คนที่อยู่ในที่นั่งสำรองของสนามประลอง!]

[ตรวจพบว่าคุณชนะคู่ต่อสู้ในการแข่งขันแย่งชิงอันดับครั้งก่อน ตอนนี้คุณต้องรับคำท้าจากผู้ท้าคนนี้ คุณต้องการเริ่มการต่อสู้ทันทีหรือไม่?]

[โปรดทราบ! หากคุณปฏิเสธการต่อสู้ครั้งนี้ คุณจะต้องจัดการกับคำท้านี้ภายใน 4 วัน มิฉะนั้นสิทธิประโยชน์และทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับอันดับปัจจุบันของคุณจะถูกระงับชั่วคราว!]

หลินอี้รู้สึกขนลุกซู่

โอ้โห เขาไม่ได้มาสนามประลองแค่ 4-5 วัน ก็ได้รับคำท้ามากมายขนาดนี้

ตอนนี้เขามีสถานะที่ต้องรับคำท้า ดูเหมือนว่าถ้าปฏิเสธไปเรื่อย ๆ สุดท้ายก็จะเป็นแบบนี้