ตอนที่ 305

บทที่ 305: ถนนนี้เรียบ เจ้าเต็มใจที่จะเดินบนมันไหม?

ชื่อของราชาปราชญ์ที่รับช่วงต่อจากเฉินถังเพื่อดูแลกระจกตาแห่งชะตาดาราคือเว่ยกวง เขาไม่ได้หนุ่มและมีอายุมากกว่า 10,000 ปีแล้ว เขาดูเป็นคนสงบและค่อนข้างจริงจัง

มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะตื่นตระหนก

แต่กระนั้น ตอนนี้มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นบางสิ่งที่ไม่น่าเชื่อและอุทานออกมาในขณะที่เขาเรียกอีกสองคน

มือที่ชี้ไปที่กระจกตาแห่งชะตาดาราถึงกับสั่นสะท้าน

ราชาปราชญ์อีกสองคนคือหวังคั่นและซูจิวเฉิน ทั้งสองคนทำงานร่วมกับเว่ยกวงมาหลายปีแล้วและไม่เคยเห็นเขาลนลานขนาดนี้มาก่อน

“ เกิดอะไรขึ้น? มีบางอย่างเกิดขึ้นในอาณาจักรห้าทัศนะอย่างงั้นหรอ?”

“ หรือว่าปราชญ์ที่เราตรวจพบก่อนหน้านี้จะหายตัวไปแล้ว?”

ทั้งสองคนงงงวยและรีบมาข้างหน้าเว่ยกวงเพื่อดูกระจกตาแห่งชะตาดารา

จากนั้นดวงตาของพวกเขาก็แข็งทื่อ และสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนจากสับสนเป็นตกใจ รูม่านตาของพวกเขาสั่นอย่างรุนแรงราวกับว่าพวกเขากำลังเห็นผี

“ กระจกอาจทำงานผิดปกติหรือเปล่า? สิ่งนี้จะไปเกิดขึ้นได้อย่างไร?!”

“ มันจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้องแน่ๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่สถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น!”

หวังคั่นและซูจิวเฉินเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

ข้อมูลที่แสดงบนกระจกตาแห่งชะตาดารานั้นแปลกประหลาดเกินไป มันเป็นไปไม่ได้ที่มันจะเป็นเรื่องจริง

“ 139 ปราชญ์ในหนึ่งวัน มีคน 139 คนทะลวงไปสู่ขอบเขตปราชญ์ในอาณาจักรห้าทัศนะ!” เว่ยกวงกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ราชาปราชญ์ที่สง่างามกำลังสั่นราวกับว่าเขามีอาการชัก

“ นี่มันอาจจะเกิดขึ้นจริงก็ได้” ซูจิวเฉินบังคับตัวเองให้สงบลงและพูดด้วยเสียงเบาว่า “ ศิษย์พี่เว่ย ข้าจะไปตามศิษย์พี่เฉินและบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“ ใช่ใช่ ไปตามศิษย์น้องเฉินและบอกให้เขากลับมาก่อน” เว่ยกวง กลับมารู้สึกตัวและพยักหน้าซ้ำๆ “ สิ่งที่แปลกประหลาดเช่นนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เราไม่สามารถรีบร้อนตรวจสอบได้”

“ กระนั้นเราก็จะเพิกเฉยต่อสถานการณ์นี้ไม่ได้” หวังคั่นขมวดคิ้วและพูดว่า “ เราควรสั่งให้สำนักรองส่งปราชญ์ออกไปตรวจสอบก่อนดีไหม? ตราบใดที่เราปลอมตัวดีๆ มันก็ไม่น่าจะเป็นอะไร”

“ ใช่ นั่นเป็นวิธีแก้ปัญหาเดียวเท่านั้น” ซูจิวเฉินพยักหน้าและพูดต่อว่า “ มันเป็นการดีที่สุดที่เราจะหาคนเพิ่มอีกสักสองสามคนและใช้พวกเขาตรวจสอบเรื่องราวความเป็นมาและดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นในอาณาจักรห้าทัศนะ”

พื้นที่ที่อาณาจักรราชันสุริยันตั้งอยู่นั้นกว้างใหญ่มาก มันมีสำนักและกลุ่มต่างๆ มากมายที่นี่ มันมีการแบ่งลำดับชั้นที่เข้มงวดมากในระหว่างสำนักต่างๆ

มันมีราชาปราชญ์สี่คนในศาลาภัยพิบัติชะตาดารา และครั้งหนึ่งพวกเขาก็เคยสร้างผู้สร้างขึ้น จนถึงทุกวันนี้ มันก็ยังคงมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับผู้สร้างและเศษซากของผู้สร้างหลงเหลืออยู่ ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงนับเป็นหนึ่งในสำนักเซียน

และสำนักเซียนก็เป็นสำนักระดับสูงสุด

ด้วยเหตุนี้เอง สำนักทั้งหมดที่อยู่ในขอบเขตอิทธิพลของพวกเขาจึงต้องฟังคำสั่งของพวกเขา มิฉะนั้นมันก็จะเกิดภัยพิบัติเอาได้

“ ลงมือทำกันเลยเถอะ” เว่ยกวงพยักหน้าและพูดว่า “ สถานการณ์ใน อาณาจักรห้าทัศนะนั้นแปลกเกินไป เราไม่สามารถก้าวเข้าไปโดยไม่วางแผนอะไรได้”

“ ถูกต้อง” หวังคั่นและซูจิวเฉินเห็นด้วย

จากนั้นซูจิวเฉินก็จากไปอย่างรวดเร็วและไล่ตามเฉินถังไปด้วยเรือเหาะของเขา

….

ปราชญ์มากกว่าร้อยคนบรรลุเต๋าในเวลาเดียวกัน และชั้นปรากฏการณ์มากมายก็ห่อหุ้มดาวชงหยางเอาไว้

มันเพิ่มความเข้มข้นของปราณกำเนิดสวรรค์และปฐพีบนโลกใบนี้ขึ้นมาหลายเท่า มันทำให้ดาวเคราห์ดวงนี้เหมาะแก่การฝึกตนมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่ปราชญ์ 100 คนบรรลุการพัฒนาของพวกเขาและปรากฏการณ์เต๋าจำนวนมากก็ได้สลายไป ทุกสิ่งในโลกก็เปล่งรัศมีออร่าแห่งความสุขที่หนาแน่นออกมาราวกับว่าทุกสิ่งในดาวชงหยางนั้นกำลังแสดงความยินดีกับพวกเขา

นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ดาวชงหยางมีเทพดวงดาว และความสุขของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดวงดาวก็จะหมายถึงความสุขของเทพดวงดาวด้วยเช่นกัน ดอกบัวสีทองโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับสายฝนเย็น

หลังจากสัมผัสกับดอกบัวสีทองเหล่านี้และสายฝนแล้ว ปราชญ์มากกว่า 100 คนที่เพิ่งทะลวงสำเร็จก็รู้สึกว่าขอบเขตการฝึกตนของพวกเขานั้นได้รับการรวมเข้าด้วยกัน ราวกับว่าพวกเขาได้ทะลวงผ่านมานานแล้ว

มันเป็นของขวัญจากสวรรค์จริงๆ

ในเวลาเดียวกัน ซือเหยาซึ่งได้เห็นกระบวนการทั้งหมดจากในร้านอาหารก็เผยสีหน้าประหลาดใจ

เธอมีประสบการณ์ในการบรรลุเต๋าและกลายเป็นปราชญ์มาก่อน และเธอก็ยังได้เฝ้าดูลูกศิษย์ของเธอใช้ยาปราชญ์มาแล้ว แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่เคยเห็นฉากแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน

พวกเขาทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกและแม้แต่เทพดวงดาวต่างก็มาแสดงความยินดีกับเขาได้

นี่เป็นเพราะปรากฏการณ์เต๋ามากกว่าร้อยครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่อดาวชงหยางอย่างงั้นหรอ?

ไม่ นั่นไม่ถูกต้อง!

หากปรากฏการณ์เต๋ามากกว่าร้อยครั้งนี้ปรากฏขึ้นพร้อมกัน มันก็ควรจะสร้างความเสียหายให้กับดาวชงหยางแทนสิ

“ บางทีมันอาจจะเป็นเพราะคำสั่งนั่น”

ซือเหยามองไปที่เป่ยฉิงซูบนแท่นและคำสั่งในมือของเขา “ อาจารย์ที่เขากล่าวถึงเป็นการดำรงอยู่แบบไหนกัน? ราชาปราชญ์? ไม่ แม้แต่ราชาปราชญ์ก็ยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้…”

“ หลังจากเฝ้าดูมานานเจ้าคิดว่ายังไง?” ในขณะนี้ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเธอก็พูดขึ้นอีกครั้ง เขาหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร เจ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังหน่อยจะได้ไหม?”

“ ท่านเป็นใครกันแน่?” ซือเหยาหันไปมองชายหนุ่มและขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าบุคคลนี้ไม่สามารถหยั่งรู้ได้ และเธอก็ระมัดระวังต่อเขามาก

“ นามสกุลของข้าคือซุย เจ้าจะเรียกข้าว่าคุณชายซุยก็ได้” ชายหนุ่มยิ้ม “ เจ้ายังไม่ตอบข้าเลยนะ เจ้าคิดว่าไง?”

“ คุณชายซุย?” ซือเหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตระหนักได้ว่าเธอไม่คุ้นชื่อคนตระกูลซุยเลย เธออดไม่ได้ที่จะระแวดระวังมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงทำตามคำพูดของชายคนนี้และพูดว่า “ ข้าไม่ค่อยมีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก ข้าแค่รู้สึกว่าการฝึกตนอันขมขื่นนับพันปีของข้านั้นเทียบไม่ได้เลยกับยาปราชญ์หนึ่งเม็ด ข้าแค่รู้สึกเสียใจเล็กน้อย”

“ นั่นก็เป็นเรื่องธรรมชาติ” ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินออกไป ก่อนที่เขาจะจากไป เขายิ้มและพูดว่า “ หนังสือตำราโบราณของศาลาหมื่นนักบุญมีคุณภาพดีมาก เจ้าสามารถใช้มันเพื่อชำระหนี้ของเจ้าได้”

“ อะไรนะ?!” ซือเหยาตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น ขณะที่เธอกำลังจะถาม เธอก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ได้หายตัวไปแล้ว เธอพึมพำกับตัวเองว่า “ เขาใช้วิธีอะไรกัน.. ข้าไม่รู้สึกถึงมันเลย?”

“ เดี๋ยวก่อนนะ เขาพูดว่าหนังสือตำราโบราณหรอ? เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังสำนักมรณาเก้าสวรรค์ที่เป่ยฉิงซูกล่าวถึง?!”

“ อย่างที่คาดไว้ เขายากจะหยั่งถึงจริงๆ!”

….

ปรากฏการณ์เต๋าขนาดใหญ่ได้สลายไปแล้ว และปราชญ์ใหม่กว่า 100 คนก็ได้ออกจากดาวชงหยางไปแล้ว

ดาวเคราะห์โบราณกลับสู่ความสงบดังเดิม

หลังจากซุยเฮ็งออกมาจากร้านอาหาร เขาก็ไม่ได้กลับไปที่ลานเล็กๆ ของตระกูลหลี่ เขามาที่สำนักมรณาเก้าสวรรค์ เขายืนอยู่ตรงนั้นแต่ไม่มีใครเห็นเขา

เฉพาะเมื่อเป่ยฉิงซูจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วเท่านั้น เขาจึงเห็นซุยเฮ็ง

“ ศิษย์คารวะท่านอาจารย์” เป่ยฉิงซูคำนับ

“ ตามข้ามา” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อย

ในช่วงเวลาต่อมา เขาก็นำเป่ยฉิงซูบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ผ่านก้อนเมฆ เขาก็สามารถมองเห็นส่วนโค้งของดาวเคราะห์ได้ ภูเขาสูงกลายเป็นเนินดินขนาดเล็ก

เป่ยฉิงซูตามหลังซุยเฮ็งไป เขารู้สึกงงงวยเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าซุยเฮ็งต้องการจะทำอะไร

“ เจ้ารู้สึกยังไงที่ได้เห็นเซียนอนันต์ทองกว่าร้อยคนบุกทะลวงสู่ขอบเขตปราชญ์ต่อหน้าต่อตา” ซุยเฮ็งหัวเราะเบาๆ

“…” เป่ยฉิงซูเงียบลงในทันที หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ถอนหายใจและพูดว่า “ พูดตามตรง ข้าก็สับสนเล็กน้อย”

“ ว่ามา” ซุยเฮ็งพยักหน้า

“ จู่ๆ ข้าก็ไม่เข้าใจความหมายของการฝึกตนของข้า” เป่ยฉิงซูยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ ท่านอาจารย์ ท่านสามารถสร้างปราชญ์และราชาปราชญ์ได้โดยไม่ต้องคิดอะไร”

“ เนื่องจากการมีอยู่ของขอบเขตที่สูงกว่านั้นสามารถช่วยผู้คนในขอบเขตที่ต่ำกว่าได้อย่างง่ายดาย แบบนั้นแล้วความหมายของการฝึกตนคืออะไร? การยืนกรานที่จะเดินบนเส้นทางนี้มันหมายความว่าอย่างไร?”

“ ในแง่หนึ่ง มันก็มีเส้นทางแห่งการฝึกตนที่ต้องผ่านอุปสรรคอันยากลำบากมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ในทางกลับกัน ตราบใดที่ใครก็ตามได้ขอให้คนที่อยู่ในขอบเขตที่สูงกว่าช่วยมอบความแข็งแกร่งให้กับพวกเขา พวกเขาก็จะสามารถขึ้นสู่จุดสูงสุดได้โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ…”

“ อันที่จริง ตราบใดที่เจ้าเต็มใจ ข้าก็ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เจ้ากลายเป็นปราชญ์ได้เท่านั้น แม้แต่ราชาปราชญ์ก็ยังเป็นไปได้” ซุยเฮ็งยืนเอามือไพล่หลังและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ ข้าสามารถทำให้เจ้ากลายเป็นผู้สร้างหรือเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าผู้สร้างก็ได้”

“…” เป่ยฉิงซูเงียบลงอีกครั้งเมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของเขาซับซ้อนมาก มันเกิดความสงสัย ตกใจ และไม่เต็มใจ ในท้ายที่สุด เขาก็หายใจเข้าลึกๆ และโค้งคำนับซุยเฮ็ง “ ท่านอาจารย์ โปรดอธิบายให้ข้าทราบทีเถิด”

“ ข้าเคยได้ยินคำพูดหนึ่ง ของขวัญแห่งโชคชะตาได้ถูกทำเครื่องหมายราคาเอาไว้อย่างลับๆ แล้ว” ซุยเฮ็งเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ โดยหันหลังให้เป่ยฉิงซู

“ มันไม่มีทางลัดในการฝึกตน มันมีเพียงพลังที่เจ้าฝึกฝนขึ้นมาเองเท่านั้นที่เป็นของเจ้า ถ้าเจ้าทะลวงผ่านด้วยความช่วยเหลือจากพลังของข้า ความแข็งแกร่งของเจ้าก็จะกลายเป็นแค่เพียงส่วนเสริมจากพลังของข้า เจ้าจะสูญเสียความเป็นไปได้ในการเดินตามเส้นทางของเจ้าเองไปตลอดกาล”

“ คนเหล่านี้ได้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของข้าแล้ว สิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะหมายถึงความเป็นและความตายของพวกเขาเท่านั้น แต่ความคิดและรูปแบบการคิดของพวกเขาก็จะยังถูกควบคุมโดยเจตจำนงของข้าอีกด้วย”

“ และนี่ก็คือราคาที่พวกเขาจะต้องจ่าย”

ความคิดและรูปแบบการคิดทั้งหมดของพวกเขา?!

เป่ยฉิงซูตกตะลึงอย่างสมบูรณ์และรู้สึกขนลุกเล็กน้อย ถ้าสิ่งนี้ถูกควบคุมโดยใครบางคนได้ พวกเขาจะยังถือว่าเป็นตัวตนเดิมได้หรือไม่?

ในขณะนี้ จู่ๆ ซุยเฮ็งก็หันกลับมา และเสียงของเขาก็อ่อนโยนขึ้นในขณะที่เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ ฉิงซู จริงๆ แล้วเจ้าก็สามารถเป็นเหมือนฮุ่ยฉีได้ ข้าสามารถใช้พลังของข้าเพื่อช่วยให้เจ้าเพิ่มพูนการฝึกตนของเจ้าได้”

“ ด้วยวิธีนี้ อิทธิพลที่ข้ามีต่อเจ้าก็จะค่อนข้างต่ำ และความคิดของเจ้าก็จะไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม เจ้าก็จะต้องยอมแพ้ในเส้นทางกายาเต๋ายุทธ์และเจ้าก็จะไม่มีทางพึ่งพาการฝึกตนของเจ้าเองเพื่อเอาชนะข้าได้”

“ ลองคิดดูให้ดี ด้วยความก้าวหน้าในการฝึกตนของเจ้าในปัจจุบัน แม้ว่าเจ้าจะรอจนสิ้นอายุขัย แต่เจ้าก็อาจจะไปไม่ถึงขอบเขตเล็กๆ ที่ต่ำกว่าข้าก็ได้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ราคานี้ก็ไม่มีอยู่จริง”

“ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเทียบกับกายาเต๋ายุทธ์ที่จำเป็นต้องผ่านการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เส้นทางนี้ก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นเส้นทางที่ราบรื่นโดยไม่มีปัญหาใดๆ”

“ ฉิงซู ตราบใดที่เจ้าตกลง ต่อจากนี้ไป เจ้าก็จะกลายเป็นยอดฝีมือที่อยู่เหนือกว่าผู้สร้าง ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าก็กลายจะเป็นผู้ปกครองโลกและท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันนับไม่ถ้วน ว่าไงล่ะ?”

“ ท่านอาจารย์?!" ดวงตาของเป่ยฉิงซูเบิกกว้างและใบหน้าของเขาก็เผยให้เห็นสีหน้าตกใจ ร่างกายของเขาแข็งเกร็งขึ้น