ตอนที่ 356

บทที่ 356 ข้ากำลังจะได้เป็นจ้าวสวรรค์!

“ เป็นเจ้านี่เอง?!” เฟิงกวงหลินมองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความเหลือเชื่อและพูดด้วยความตกใจ “ เจ้าเองก็อยู่ที่นี่ด้วย!”

“ คนสองคนที่เจ้าต้องการจะเชิญคือศิษย์และคนรับใช้ของข้า” ซุยเฮ็งพยักหน้าเบาๆ “ คนรับใช้ของข้าอยู่ที่ไหน?”

บู้มมมม!

ผู้รับใช้สุดแกร่งในชุดคลุมสีเหลืองปรากฏตัวขึ้นจากอากาศเปล่าและตกลงมาจากท้องฟ้า เขาเดินตรงไปที่ด้านข้างและโค้งคำนับซุยเฮ็ง “ คารวะท่านประมุขเซียน!”

“ เจ้า.. เจ้าคือจ้าวเต๋า?!” เฟิงกวงหลินมองไปที่ซุยเฮ็งด้วยความกลัวสุดขีดและพึมพำว่า “ แต่มันจะไปมีจ้าวเต๋าได้อย่างไร?”

จ้าวเต๋าเป็นจุดสูงสุดของขอบเขตที่เจ็ดที่มีกายาเต๋าสมบูรณ์แบบ เขาสามารถใช้พลังแห่งกฎได้อย่างลึกซึ้ง

และในความเห็นของเขา เหตุผลที่ทำให้เขาสูญเสียความแข็งแกร่งในตอนนี้ได้ก็ดูจะเป็นผลกระทบมาจากพลังที่แปลกประหลาดบางอย่าง

ด้วยเหตุนี้เอง เฟิงกวงหลินจึงเชื่อมั่นว่าซุยเฮ็งเป็นจ้าวเต๋า

“ โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่และมีสิ่งลึกลับมากมายเกินกว่าจินตนาการของเจ้า” ซุยเฮ็งมองไปที่เขาและยิ้ม “ ลุกขึ้น ให้ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหน”

ในตอนนี้ เฟิงกวงหลินก็กำลังนั่งอยู่บนพื้นโดยที่หัวของเขามีรอยแตก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดและดูน่าสมเพชเป็นอย่างยิ่ง

อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจทำเท่านั้น

แม้ว่าร่างกายของเขาจะไม่มีพลังราวกับเป็นคนธรรมดาแล้ว แต่เขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาอยู่มาก ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงจะไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการตกจากที่สูงแน่

เมื่อเห็นว่าความคิดของเขาถูกมองทะลุแล้ว เฟิงกวงหลินก็ยืนขึ้นและทัศนคติของเขาที่มีต่อซุยเฮ็งก็ดูเต็มไปด้วยความเคารพอย่างมาก “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง เอ่อ… อะไรนำท่านมาสู่อาณาจักรราชันสุริยันของเราหรอ?”

“ ข้ามาที่นี่เพื่อนำความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยมาสู่สถานที่แห่งนี้” ซุยเฮ็งยิ้มและพูดตามความจริง

อย่างไรก็ตาม เฟิงกวงหลินก็ไม่เชื่อคำพูดนี้ อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงกล่าวชมอย่างผิวเผินว่า “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ท่านใจดีจริงๆ ดาวศักดิ์ศิทธิ์เทวะนี้ตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวายมาเป็นเวลานาน หากท่านสามารถฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยและทำให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยได้ มันก็จะเป็นบุญกุศลอันใหญ่หลวงแน่นอน”

“ ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระเช่นนี้หรอก” ซุยเฮ็งโบกมือของเขาและพูดด้วยเสียงจริงจัง “ พูดมาว่าทำไมเจ้าสำนักของเจ้าจึงต้องการเชิญพวกเขาไป”

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ชี้ไปที่หลี่หมิงเฉียงและผู้รับใช้สุดแกร่งข้างหลังเขา

“ ท่านเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว” เฟิงกวงหลินยิ้มอย่างเชื่องช้า “ เจ้าสำนักของเราไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ เขาแค่ต้องการจะเชิญทั้งสองท่านมาหารือเกี่ยวกับการปกครองของดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะ เขาไม่ได้มีความคิดอื่นใดอย่างแน่นอน”

“ หึๆ” ซุยเฮ็งเย้ยหยันแล้วพูดว่า “ ดีมาก ข้าเชื่อเจ้า เจ้าไปได้”

“ เอ่อ?” เฟิงกวงหลินตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “ ท่านเซียนผู้สูงส่ง ท่านบอกว่าข้าออกไปได้แล้วอย่างงั้นหรอ?”

“ ถูกต้อง เจ้ากลับไปได้แล้ว” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและยิ้ม “ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เจ้ากลับไปแล้ว ให้บอกเจ้าสำนักของเจ้าด้วยว่าข้าเองก็ต้องการจะหารือเกี่ยวกับการปกครองดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะกับเขาด้วย”

“ ในอีกสามปี ข้าอยากเห็นเขามาที่นี่เพื่อแสดงความเคารพต่อข้า เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าก็จะต้องมาด้วย หากเจ้าคนใดคนหนึ่งหายไปหรือไม่มีใครมา ข้าก็จะไปเชิญเจ้าสำนักของเจ้ามาที่นี่เองเป็นการส่วนตัว ว่าไงล่ะ?”

“…” เฟิงกวงหลินเงียบลง จากนั้นเขาก็หายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้ท่านเจ้าสำนักทราบอย่างแน่นอน”

จากนั้นเขาก็โค้งคำนับและจากไป

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาเดินออกไป เขาก็ตระหนักได้ว่าเขายังอยู่ในสภาพของมนุษย์ เขาไม่มีพลังที่เหนือธรรมชาติใดๆ เขาไม่สามารถบินได้และทำได้เพียงเดินออกไปเท่านั้น

“ ท่านเซียนผู้สูงส่ง นี่…” เฟิงกวงหลินมองไปที่ซุยเฮ็ง

“ ไปได้” ซุยเฮ็งโบกมือเบาๆ และยกเลิกข้อจำกัดของพลังแห่งกฎ

“ ขอบพระคุณท่านเซียนผู้สูงส่ง!” เฟิงกวงหลินป้องมือเขาในทันทีและขอบคุณซุยเฮ็ง จากนั้นเขาก็กลายเป็นลำแสงและทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เขาพุ่งออกจากดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะในพริบตา หลังจากมาถึงอวกาศ เขาก็นำเรือบินของเขาออกไปในทันที เขากลัวว่าซุยเฮ็งจะเปลี่ยนใจไม่ให้เขาออกไป

การจากไปของเฟิงกวงหลินได้นำความสงบสุขหวนกลับคืนสู่พระราชวัง

หลี่หมิงเฉียงรู้สึกงุนงงเล็กน้อยและถามซุยเฮ็งว่า “ ท่านอาจารย์ ทำไมท่านถึงปล่อยให้เฟิงกวงหลินจากไปล่ะ? ตามปกติแล้ว ท่านก็จะต้องบอกให้เขาอยู่ต่อและถามเกี่ยวกับความลับของตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์สิ?”

“ ฮ่าๆๆ ถูกต้องแล้ว” ซุยเฮ็งหัวเราะเมื่อได้ยินเช่นนั้น จากนั้นเขาก็พูดว่า “ อย่างไรก็ตาม การปล่อยเขากลับไปนั้นก็มีประโยชน์มากกว่าการให้เขาอยู่ที่นี่ต่อ เราจะสามารถให้เขารายงานสถานการณ์ที่นี่ต่อเจ้าสำนักของตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์ได้”

“ ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าเจ้าสำนักของตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะมาในสามปีตามที่สัญญาไว้หรือไม่?” หลี่หมิงเฉียงถามด้วยความประหลาดใจ

“ เราไม่จำเป็นต้องรอถึงตอนนั้นหรอก” ซุยเฮ็งยิ้มและพูดว่า “ หลังจากที่เฟิงกวงหลินกลับไปรายงาน เจ้าสำนักของตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็จะรีบถ่อมาหาข้าเอง”

“ เอ่อ?” หลี่หมิงเฉียงยังคงงงงวยโดยไม่รู้ว่าซุยเฮ็งซ่อนอะไรเอาไว้

….

เฟิงกวงหลินกลับมาที่ดาวราชันสุริยันโดยเร็วที่สุด

ในช่วงหนึ่งหมื่นปีที่ผ่านมาในชีวิตของเขา เขาก็ไม่เคยตื่นตระหนกและหวาดกลัวขนาดนี้มาก่อน

หลังจากออกมาจากดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะแล้ว เฟิงกวงหลินก็มีความคิดเดียวในใจของเขา เขาต้องกลับไปที่ตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงสถานที่แห่งนั้นเท่านั้นที่ปลอดภัย!

เห็นได้ชัดว่าซุยเฮ็งได้ทิ้งบาดแผลทางจิตใจเอาไว้ให้กับเขาแล้ว เขาอาจไม่กล้าแม้แต่จะออกจากตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์อีกในระยะสั้น แล้วนับประสาอะไรกับออกจากดาวราชันสุริยัน

ตอนนี้เขาเพียงต้องการจะขังตัวเองอยู่ในที่ที่ปลอดภัยที่สุดและนั่งเงียบๆ เพื่อพักผ่อน

แน่นอนว่าก่อนหน้านั้น เฟิงกวงหลินก็ยังต้องทำอะไรบางอย่าง

เขาต้องรายงานต่อเจ้าสำนักโจวฟานเกี่ยวกับการเผชิญหน้าของเขาบน ดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะและข่าวที่น่าตกใจว่าจ้าวเต๋าคนที่สองได้ปรากฏตัวขึ้นในอาณาจักรราชันสุริยันแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เฟิงกวงหลินกำลังคิดที่จะไปรายงานโจวฟาน

วิญญาณที่มองไม่เห็นซึ่งอยู่เหนือหัวของเขาสามฟุตก็ได้ยืดตัวออกมาอย่างเกียจคร้าน จากนั้นมันก็มองไปรอบๆ และเริ่มเดินไปรอบๆ ตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์

นี่คือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เจ็ดอารมณ์ที่แสดงออกมาในรูปของจิตวิญญาณของซุยเฮ็ง มันเป็นเทคนิคที่เขาเข้าใจเมื่อตอนที่เขายังอยู่ที่ขอบเขตแก่นแท้ทองคำขั้นสมบูรณ์

ตอนนี้ขอบเขตของเขาได้อยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตรวมวิญญาณแล้ว ดังนั้นผลของเทคนิคนี้จึงพัฒนาขึ้นด้วยตามธรรมชาติ มันสามารถทำหน้าที่เป็นผนึกวิญญาณและอนุญาตให้ซุยเฮ็งเชื่อมต่อกับมันได้ทุกเมื่อ

เหตุผลที่เขาปล่อยเฟิงกวงหลินไปก็เพื่อให้เขานำวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เจ็ดอารมณ์นี้ไปยังตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์

ก่อนอื่นเขาจะปล่อยให้มันตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะนำร่างหลักของเขาไป

แน่นอน ถ้ามันค้นพบสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง วิญญาณศักดิ์สิทธิ์เจ็ดอารมณ์ก็จะสลายตัวไปเอง และซุยเฮ็งก็จะไม่ไปที่นั่นโดยธรรมชาติ

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็มีเส้นทางนับพันและความปลอดภัยต้องมาก่อน

….

เฟิงกวงหลินรีบไปที่โถงบรรพชนและเห็นโจวฟานกำลังพักผ่อนโดยหลับตา

“ โอ้? ศิษย์น้อง ทำไมเจ้าถึงกลับมาเร็วจังล่ะ?” โจวฟานเปิดตาของเขาและมองไปที่เฟิงกวงหลินด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ เขายิ้มและพูดว่า “ เจ้ายังทำภารกิจไม่สำเร็จเลยนี่ เกิดอะไรขึ้น?”

เนื่องจากเขากลับมามือเปล่า นั่นจึงหมายความว่าประสบการณ์ของ เฟิงกวงหลินบนดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะในครั้งนี้นั้นไม่ได้ราบรื่นมากนัก ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์เลย เขาไม่ได้เอาอะไรกลับมาเลยด้วยซ้ำ

“ ศิษย์พี่ มันเป็นแบบนี้ มีจ้าวเต๋าอยู่บนดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะนั่น!” เฟิงกวงหลินกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบมิได้ “ ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังเป็นจ้าวเต๋าที่ทรงพลังอย่างยิ่งอีกด้วย”

“ ข้าจำได้อย่างชัดเจนว่าเขาพูดเพียงว่า ‘ในต้าโจว ศิษย์จากตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์จะไม่ได้รับอนุญาตให้มีพลังพิเศษ’ และในชั่วพริบตา ข้าก็สูญเสียขอบเขตการฝึกตนทั้งหมดของข้า และแม้แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของข้าก็ยังเทียบได้กับมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น มันน่ากลัวมากจริงๆ”

“ มีอะไรแบบนั้นด้วยหรอ!” โจวฟานเองก็เผยสีหน้าตกใจเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ เขาพูดเสียงจริงจัง “ คำพูดของเขาเป็นเหมือนกฎ มันสามารถจำกัดพลังของผู้สร้างได้ในทันที นี่เขามีกายาเต๋าแบบไหนกัน? เขาได้ฝึกตนจนถึงขอบเขตไหนแล้วกัน? เขาไม่แข็งแกร่งเกินไปหน่อยหรอ…”

“ ศิษย์พี่ ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรกันดี?” เฟิงกวงหลินถาม “ ก่อนหน้านี้ ในตอนที่เขาให้ข้ากลับมา เขาก็ได้บอก้ขาว่าเขาต้องการให้ข้าส่งข้อความมาถึงท่าน เขาหวังว่าท่านจะไปที่ดาวศักดิ์สิทธิ์เทวะกับข้าเพื่อไปเยี่ยมเขาในอีกสามปี”

“ มิฉะนั้นแล้ว เขาก็จะมาเชิญพวกเราเองเป็นการส่วนตัว”

“ เฮ้ นั่นมันจะมากเกินไปรึเปล่า!” โจวฟานหัวเราะเยาะ “ จ้าวเต๋านั้นทรงพลังอย่างแท้จริง แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ยงคงกระพันในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวแห่งนี้ เขาคิดจริงๆ หรอว่าตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของเราจะไม่มีวิธีจัดการกับเขา?”

“ ศิษย์พี่ ท่านวางแผนที่จะปลุกบรรพบุรุษให้ตื่นขึ้นอย่างงั้นหรอ?” ดวงตาของเฟิงกวงหลินสว่างขึ้น

บรรพบุรุษที่เขากล่าวถึงคือจ้าวเต๋าเพียงคนเดียวของตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์

อย่างไรก็ตาม เพื่อยืดอายุขัยของเขา จ้าวเต๋าคนนี้จึงได้อยู่ในสภาพหลับใหลมานานหลายหมื่นปีแล้ว หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีอยู่จริง

“ ถูกต้อง” โจวฟานพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ นี่เป็นช่วงเวลาพิเศษ ไม่ว่าข้าจะได้เป็นจ้าวสวรรค์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ มันจะต้องไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ หากเจ้าต้องการจะตำหนิใครสักคน เจ้าก็จงตำหนิจ้าวเต๋าจากโลกภายนอกเถอะที่ไม่รู้จักจุดยืนของเขาเอง!”

“ พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็สะสมพลังเพียงพอแล้วหรอ?” เฟิงกวงหลินกล่าวด้วยความประหลาดใจ “ เยี่ยมเลย ตราบใดที่ท่านกลายเป็นจ้าวสวรรค์ได้ เราก็จะได้เป็นใหญ่ในดินแดนแห่งนี้อย่างสมบูรณ์แล้ว”

“ ใช่แล้ว ตอนนี้ข้าจะไม่ปิดบังมันจากเจ้าแล้ว อันที่จริง ข้าก็ได้สะสมพลังมามากพอแล้วตั้งแต่เมื่อ 300 ปีที่แล้ว” โจวฟานกัดฟันและพูดต่อว่า “ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะนังผู้หญิงเลวทรามคนนั้น ข้าก็คงจะได้เป็นจ้าวสวรรค์ไปนานแล้ว!”

“ ยังผู้หญิงคนนั้นน่ารังเกียจจริงๆ!” เฟิงกวงหลินพยักหน้าเห็นด้วย “ อย่างไรก็ตาม ความเร็วในการฝึกตนของนางนั้นก็สั่นสะเทือนโลกอย่างแท้จริง ไม่น่าเชื่อว่านางจะสามารถกลายเป็นผู้สร้างได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้”

“ นางไม่ใช่ผู้สร้าง นางแค่คล้ายกับผู้สร้าง” โจวฟานส่ายหัวและพูดเสียงเบาว่า “ น่าเสียดายที่เราไม่สามารถจับตัวนางได้ เคล็ดวิชาการฝึกตนของนางนั้นพิเศษมาก…”

ในขณะนี้ วิญญาณศักดิ์สิทธิ์เจ็ดอารมณ์ก็ได้เดินไปเที่ยวทั่วตำหนักสวรรค์ราชันสุริยันศักดิ์สิทธิ์แล้วและได้ตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว

มันไม่มีอะไรอันตรายหรือใครที่แข็งแกร่ง

ด้วยเหตุนี้เอง ในขณะที่โจวฟานและเฟิงกวงหลินกำลังคุยกัน แสงสีทองก็ได้สว่างขึ้นในโถงบรรพชน

จากนั้นร่างที่พร่ามัวก็เดินออกมา

มันคือซุยเฮ็ง!

ในเวลาเดียวกัน กฎแห่งเต๋าอันยิ่งใหญ่รอบโถงบรรพชนก็ได้รับผลกระทบทั้งหมด

ความว่างเปล่าถูกปิดผนึกและพลังแห่งกฎก็หยุดนิ่ง

คนข้างในออกไปไม่ได้ และคนข้างนอกก็เข้ามาไม่ได้

พื้นที่แห่งนี้ได้กลายเป็นเขตแดนอันโดดเดี่ยวในทันที

แสงสีทองบนร่างของซุยเฮ็งยังไม่หายไป แต่สายตาของเขาก็ได้จับจ้องไปที่โจวฟานและเฟิงกวงหลินแล้ว เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ คนที่เจ้าเพิ่งพูดถึงมีชื่อว่าอะไร?”