ตอนที่ 277

บทที่ 277 : สถานที่ที่เต็มไปด้วย "อิสระ"

เมืองลู่หลิงเป็นหนึ่งใน 17 เมืองใหญ่บนดาวชงหยาง

เมืองและหมู่บ้านแปลกๆ กว่า 3,000 แห่งที่ตั้งอยู่รายรอบล้วนอยู่ภายใต้เขตอำนาจของเมืองลู่หลิงและมีพลเมืองนับไม่ถ้วน

พลังนี้ยิ่งใหญ่กว่าดาวเต๋าโจวมาก

ผู้ควบคุมอำนาจนี้คือตระกูลหลี่แห่งลู่หลิงซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ที่ดำรงอยู่มานานกว่า 20,000 ปี

แม้แต่ในบรรดา 19 ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในดาวชงหยาง ตระกูลหลี่ก็ยังอยู่ในอันดับต้นๆ

เหตุผลของความเจริญรุ่งเรืองของพวกเขานี้ก็มาจากการกอดต้นขาของสำนักมรณาเก้าสวรรค์

ตราบใดที่สำนักมรณาเก้าสวรรค์ต้องการบางสิ่ง ตระกูลหลี่ก็จะมอบทุกสิ่งให้พวกเขา อาจกล่าวได้ว่าตระกูลหลี่นั้นเชื่อฟังมาก

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ยังมักจะให้การสนับสนุนศิษย์ที่ยากจนของสำนักมรณาเก้าสวรรค์เพื่อช่วยพวกเขาซื้อสมุนไพรและโอสถวิญญาณที่จำเป็นในการฝึกตน พวกเขาจะมอบอาวุธให้กับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าบางคนด้วยซ้ำ

แม้ว่าศิษย์เหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็นคนธรรมดา แต่มันก็มีหลายคนที่ได้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง

คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะมีพลังมหาศาลเท่านั้น แต่พวกเขายังมีตำแหน่งที่ทรงพลังในสำนักมรณาเก้าสวรรค์

ด้วยเหตุนี้เอง ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลี่และสำนักมรณาเก้าสวรรค์จึงใกล้ชิดกันมาก คนเหล่านี้รู้วิธีตอบแทนความเมตตาและมักจะดูแลตระกูลหลี่ ตราบใดที่พวกเขาไม่ทำร้ายทรัพยากรของสำนัก พวกเขาก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ตระกูลหลี่ได้รับผลประโยชน์

สิ่งสำคัญที่สุดคือตระกูลหลี่เองก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน

จำนวนของเซียนทองคำนั้นคงที่อยู่เสมอ โดยอยู่ที่จำนวนมากกว่า 30 แม้ว่ามันจะมีเซียนอนันต์ทองไม่มากนัก แต่กระนั้นการหลั่งไหลของยอดฝีมือก็ยังเพิ่มเข้ามาไม่เคยหยุด

เมื่อถึงจุดสูงสุด พวกเขาก็มีเซียนอนันต์ทองถึงสี่คน

สิ่งนี้ทำให้สำนักมรณาเก้าสวรรค์ดูแลตระกูลหลี่เป็นอย่างดีและปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะบุคคลที่ไว้ใจได้ เมื่อมีผลประโยชน์ใดๆ สำหรับกลุ่มตระกูลต่างๆ พวกเขาก็จะต้องการให้ตระกูลหลี่ได้รับพวกมันก่อน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์นั้นเมื่อ 8,000 ปีก่อน

เมื่อ 8,000 ปีที่แล้ว ชายหนุ่มผู้มาจากภูมิหลังที่ยากจนและสามารถฝึกฝนได้ด้วยความช่วยเหลือของตระกูลหลี่ เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ มันสร้างความตกตะลึงกับดาวชงหยางทั้งหมดและแม้แต่อาณาจักรห้าทัศนะทั้งหมด

ชายหนุ่มคนนี้ชื่อเว่ยเฉิง

เขาเป็นอดีตเจ้าสำนักของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ ผู้อาวุโสสูงสุดคนปัจจุบันและเป็นผู้ดำรงอยู่บนสูงสุดของขอบเขตที่หกของโลกเซียน

จากนั้นเป็นต้นมา ความสัมพันธ์ของสำนักมรณาเก้าสวรรค์กับตระกูลหลี่ก็ได้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

พวกเขาได้รับการปฏิบัติเหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกันก็ว่าได้

สถานการณ์นี้ถึงจุดสูงสุดเมื่อ 7,000 ปีที่แล้ว

หลี่ฟาซึ่งมาจากตระกูลหลี่ได้เข้าร่วมสำนักมรณาเก้าสวรรค์และได้แสดงพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมออกมา แม้ว่าเว่ยเฉิงจะไม่สามารถรับศิษย์ได้โดยตรงเนื่องจากสถานะของเขา แต่เขาก็ยังนำหลี่ฟาไปไหนมาไหนด้วยและแนะนำเขาเองเป็นการส่วนตัว

หากไม่ใช่เพราะการเสียชีวิตที่ไม่คาดคิดของหลี่ฟาที่ทำให้ทัศนคติของ เว่ยเฉิงที่มีต่อตระกูลหลี่ค่อยๆ เย็นชาลง ตระกูลหลี่ในปัจจุบันก็คงจะรักษาตำแหน่งของพวกเขาในฐานะตระกูลอันดับหนึ่งในดาวชงหยางเอาไว้ได้แล้ว

หลังจากหลี่ฟาเสียชีวิตลง ตระกูลหลี่รุ่นที่ให้การสนับสนุนเว่ยเฉิงก็ค่อยๆ เสียชีวิตลงด้วยวัยชรา และความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหลี่และสำนักมรณาเก้าสวรรค์ก็ได้กลับสู่สภาวะปกติ

แต่ถึงกระนั้น ตระกูลหลี่ก็ยังเป็นหนึ่งในตระกูลที่สำนักมรณาเก้าสวรรค์พึ่งพาและห่วงใยมากที่สุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หลี่เฉิงและหลี่เว่ยบุกทะลวงไปสู่ขอบเขตเซียนอนันต์ทอง ตระกูลหลี่ได้กลับมามีความสำคัญมากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็มีเซียนอนันต์ทองเพียง 20 ถึง 30 คนเท่านั้นในสำนักมรณาเก้าสวรรค์ทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งสองก็ยังเพิ่งจะอายุได้ 700 ปีเท่านั้น

ในอนาคต พวกเขาก็มีศักยภาพพอที่จะไปถึงขอบเขตปราชญ์ได้!

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา สถานการณ์ก็ได้ปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักมรณาเก้าสวรรค์และตระกูลหลี่เริ่มห่างเหินขึ้นไปทุกที แม้แต่ผู้คนจากสำนักมรณาเก้าสวรรค์ก็ยังมักจะสร้างปัญหาให้กับตระกูลหลี่

ดูเหมือนกับว่ามันจะมีความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่มันก็ไม่ได้ตึงเครียดจนเกินไป

มีเพียงตระกูลหลี่เท่านั้นที่รู้ว่าเหตุใดสำนักมรณาเก้าสวรรค์จึงทำเช่นนี้

ในห้องประชุมของตระกูลหลี่

หัวหน้าตระกูลหลี่ฉวนนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ

เขาเป็นเซียนอนันต์ทองที่มีประสบการณ์และเป็นพ่อของหลี่เฉิงกับหลี่เว่ย เขามีศักดิ์ศรีสูงมากในตระกูลและคำพูดของเขาก็คือกฎ

มีหกคนนั่งอยู่ทั้งสองด้าน พวกเขาทั้งหมดเป็นเซียนทองและเป็นหัวหน้าตระกูลสาขาต่างๆ ของตระกูลหลี่

“ สำนักมรณาเก้าสวรรค์กำลังก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว วันข้างหน้าเราจะลำบากมากขึ้น พวกเจ้าคิดว่ายังไง?” หลี่ฉวนขมวดคิ้วและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ หากพวกเขาไม่ได้รับคำตอบจากเราเกี่ยวกับอาณาจักรลึกลับราชันสุริยัน ข้าก็เชื่อว่าเว่ยเฉิงจะไม่ยอมแพ้แน่”

“ พี่ใหญ่ อะไรคือสิ่งที่อยู่ในอาณาจักรลึกลับราชันสุริยัน? ทำไมมันถึงดึงดูดความสนใจของพวกเขามากนัก” หลี่เอินหัวหน้าสาขาที่สองถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ มันเป็นโอกาสที่จะทะลวงผ่านไปสู่จุดสูงสุดของขอบเขตปราชญ์อย่างงั้นหรอ?”

“ แล้วข้าจะไปรู้ได้ยังไง? ข้าเองก็ไม่เคยไปที่นั่นเหมือนกัน” หลี่ฉวนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ ข้าเคยบอกพวกเจ้าไปแล้วเกี่ยวกับอาณาจักรลึกลับราชันสุริยัน เมื่อ 20 ปีที่แล้ว จู่ๆ ปราชญ์คนหนึ่งก็ได้มาหาข้า”

“ เขามอบข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรลึกลับราชันสุริยันไว้ในใจของข้าและเตือนให้ข้าสำรวจมันด้วยตนเอง แต่กระนั้นข้าก็ไม่สามารถบอกใครได้ มิฉะนั้นเขาก็จะทำลายตระกูลหลี่ของเรา”

“ แต่ใครจะรู้ว่าสำนักมรณาเก้าสวรรค์จะได้รับข่าวจากที่ไหนสักแห่ง และหลงเชื่อว่าเรามีหลักฐานเกี่ยวกับอาณาจักรลึกลับราชันสุริยัน”

“ พี่ใหญ่ แล้วทำไมท่านถึงไม่สำรวจด้วยตัวเองล่ะ?” หัวหน้าสาขาที่สี่หลี่เฉียงถามต่อ “ เนื่องจากสำนักมรณาเก้าสวรรค์กังวลเกี่ยวกับมันมาก ดังนั้นมันก็จะต้องมีโอกาสมากมายรออยู่ข้างในแน่”

“ แม้ว่าท่านจะไม่สามารถเป็นปราชญ์ได้ แต่ท่านก็ยังปล่อยให้เฉิงเอ๋อหรือเว่ยเอ๋อได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ต่อไปแทนได้ ทั้งคู่เป็นเซียนอนันต์ทองแล้ว บางทีพวกเขาอาจจะกลายเป็นปราชญ์ก็ได้”

“ ถูกต้อง ตราบใดที่พวกเขากลายเป็นปราชญ์ได้ สำนักมรณาเก้าสวรรค์ก็จะไม่กล้าทำอะไรพวกเราอีกเลย” หัวหน้าสาขาที่ห้าหลี่ถงพยักหน้าและพูดว่า “ ดาวชงหยางยังคงถูกปกครองโดยผู้ที่แข็งแกร่ง”

“ แต่กระนั้นมันก็ไม่มีข่าวใดๆ ของเฉิงเอ๋อกับเว่ยเอ๋อมาเป็นเวลาหนึ่งร้อยปีแล้ว” หลี่เฟิงหัวหน้าสาขาที่สามขมวดคิ้วและพูดว่า “ เรือเหาะขนาดใหญ่ที่ตระกูลและสำนักต่างๆ ได้ส่งไปติดตามพวกเขาเองก็ไม่ได้กลับมาเช่นกัน แม้ว่าเราจะต้องการค้นหาพวกเขาในตอนนี้ แต่เราก็ไม่มีเงื่อนงำใดๆ เลย”

“ เฮ้อ…” หลี่ฉวนถอนหายใจและพูดว่า “ ข้าจะไม่อยากไปสำรวจอาณาจักรลึกลับราชันสุริยันได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม สถานที่แห่งนั้นก็อยู่ห่างไกลจากอาณาจักรห้าทัศนะ มันถูกคั่นด้วยดวงดาวนับพันดวง”

“ ยิ่งไปกว่านั้น ค่ายกลเคลื่อนย้ายทั้งหมดในอาณาจักรห้าทัศนะก็ยังถูกควบคุมโดยสำนักเซียนทั้งสาม ด้วยการฝึกตนของข้า ข้าก็จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 200 ปีในการเดินทาง และข้าก็ไม่มีเวลาพอ”

“ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าปราชญ์ลึกลับคนนั้นต้องการอะไรจากข้า แต่ที่แน่ๆ ในเวลาเพียงสิบปี เขาก็ได้ทำให้ตระกูลหลี่ของเราตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว เป้าหมายของเขาคืออะไรกันแน่!”

“ พี่ใหญ่ ทำไมเราไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรลึกลับราชันสุริยันกับสำนักมรณาเก้าสวรรค์ไปซะล่ะ” หลี่เอินเกลี้ยกล่อม “ ด้วยข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรลึกลับราชันสุริยัน เราก็จะสามารถแลกกับการคุ้มครองของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ได้ ข้าไม่คิดว่าปราชญ์ลึกลับนั่นจะกล้าที่จะเป็นศัตรูกับสำนักมรณาเก้าสวรรค์หรอกนะ”

“ แต่สำนักมรณาเก้าสวรรค์จะยอมกลายเป็นศัตรูกับปราชญ์เพื่อเราไหมล่ะ?” หลี่ฉวนชำเลืองมองน้องสองของเขาและเย้ยหยัน “ นั่นคือปราชญ์ที่สามารถทำลายตระกูลหลี่ของเราลงได้ด้วยลมหายใจเดียว”

“ ตอนนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรลึกลับราชันสุริยันอยู่ในมือ ดังนั้นเว่ยเฉิงก็จะไม่ฆ่าเราแน่ตราบเท่าที่เขายังต้องการจะได้รับมัน ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลหลี่ของเราก็ยังได้ติดตามสำนักมรณาเก้าสวรรค์มานานกว่า 10,000 ปีแล้ว ถ้าเขากล้าโจมตีจริงๆ มันก็จะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของพวกเขาแน่”

“ หากต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันของสำนักมรณาเก้าสวรรค์ เราก็ยังพอมีทางออก อย่างน้อยที่สุด ก่อนที่เว่ยเฉิงจะหมดอายุขัย เขาก็จะไม่ใช่วิธีการบ้าบอแน่ แต่กระนั้น ถ้าเราต้องเผชิญหน้ากับปราชญ์ลึกลับนั่น มันก็อาจจะไม่เป็นเช่นนั้น พวกเจ้าเข้าใจไหม?!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ทั้งห้องประชุมก็เงียบลง

ทุกคนมองหน้ากันและเห็นความสิ้นหวังในดวงตาของกันและกัน

หลี่ฉวนได้วิเคราะห์สถานการณ์เอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

ตระกูลหลี่มีเพียงทางเลือกเดียวในตอนนี้ นั่นคือการต่อต้าน

เขาต้องการหาทางฝ่าฟันมันไปก่อนที่อายุขัยของเว่ยเฉิงจะสิ้นสุดลง

แน่นอนว่าหากพวกเขาโชคดีและหลี่เฉิงหรือหลี่เว่ยทะลวงไปสู่ขอบเขตปราชญ์ได้ก่อน สถานการณ์ทั้งหมดก็จะไม่เป็นวิกฤตอีกต่อไป

ปัง! ปัง! ปัง!

ในขณะนี้ เสียงเคาะประตูห้องประชุมก็ทำลายความเงียบงัน

ยิ่งไปกว่านั้น เสียงเคาะประตูอย่างกะทันหันนี้ยังได้กระตุ้นความโกรธของทุกคนขึ้นในทันที

ห้องประชุมเป็นสถานที่สำคัญของตระกูลและไม่ควรถูกรบกวน

“ นายท่าน นายน้อยกับคุณหนูกลับมาแล้ว!” เสียงพ่อบ้านชราดังมาจากข้างนอก ความโกรธในใจของคนเหล่านี้หายลับไปในทันที

หลี่เฉิงกับหลี่เว่ยกลับมาแล้ว!

“ เร็วเข้า พาข้าไปหาพวกเขา!” หลี่ฉวนกระโดดออกจากที่นั่งของเขาอย่างตื่นเต้นและรีบออกจากประตูไปในทันที

คนอื่นๆ รีบตามไป

สำหรับตระกูลหลี่ในปัจจุบันแล้ว หลี่เฉิงกับหลี่เว่ยก็อาจกล่าวได้ว่าเป็นฟางเส้นสุดท้ายของพวกเขา

ซุยเฮ็งไม่ได้ไปตระกูลหลี่กับหลี่เฉิง

แต่เขากลับพาเป่ยฉิงซูและฮุ่ยฉีเดินไปรอบๆ เมืองลู่หลิงเพื่อปฏิบัติตามธรรมเนียมของที่นี่แทน

สำหรับเขาแล้ว นี่ก็เป็นการสำรวจสิ่งที่ไม่รู้จักเช่นกัน

แผนผังโดยรวมของเมืองลู่หลิงเป็นเมืองโบราณทั่วไป แต่มันก็มีขนาดใหญ่กว่านับไม่ถ้วน

เนื่องจากไม่มีรัฐหรือผู้ปกครองคอยกำกับดูแล ผู้คนที่นี่จึงมี "อิสระ" กันอย่างมาก

โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาก็สามารถสิ่งที่ขัดต่อกฎธรรมชาติแต่ไม่สามารถทำได้อย่างเปิดเผยก็เท่านั้น

ที่นี่แทบไม่มีกฎหรือมารยาทอะไรเลย

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

อย่างไรก็ตาม ในความเห็นของซุยเฮ็ง เสรีภาพนี้ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของความสับสนวุ่นวาย

เสรีภาพที่ไร้ขีดจำกัดจะค่อยๆ ก่อกำเนิดธรรมชาติของสัตว์ป่าและค่อยๆ ทำลายความเป็นมนุษย์ในตัวผู้คน

“ ฉิงซู เจ้าเคยจัดการเรื่องสามัญชนมาก่อน เจ้าประเมินสถานการณ์นี้ไว้ว่าอย่างไร?” ซุยเฮ็งชี้ไปที่ถนนที่วุ่นวายต่อหน้าเขาและถามเป่ยฉิงซู

“ ผู้คนที่นี่ป่าเถื่อนเกินกว่าจะเป็นมนุษย์ พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มลิงระดับสูงเท่านั้น” เป่ยฉิงซูส่ายหัวเบาๆ และพูดว่า “ จากสถานการณ์ของหลี่เฉิงและหลี่เว่ย มันก็ดูเหมือนว่ากลุ่มตระกูลใหญ่จะยังคงมีกฎอยู่บ้าง แต่คนธรรมดาก็ไม่ได้สนใจมันมากนัก”

“ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ผู้ปกครองของที่นี่ก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อผู้คนธรรมดาในฐานะมนุษย์” ฮุ่ยฉีพยักหน้า “ ตระกูลและสำนักที่นี่กำลัง 'ต้อน' สิ่งมีชีวิตทั้งหมดอยู่ อืม... นายท่าน ดูเหมือนว่ามันจะมีบางอย่างเกิดขึ้นข้างหน้า…”

ทันทีที่เขาพูดจบ มันก็เกิดความโกลาหลขึ้น

ทันทีหลังจากนั้น ชาวบ้านทั่วไปที่กำลังนอนทรุดตัวอยู่บนถนนและกำลังดื่มเหล้าอยู่ต่างก็ลุกขึ้นและคุกเข่าลงในทันที พวกเขาทำความเคารพและตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกัน

“ ยินดีต้อนรับท่านเซียนแห่งสำนักมรณาเก้าสวรรค์!”

“ ยินดีต้อนรับท่านเซียนแห่งสำนักมรณาเก้าสวรรค์!”