ตอนที่ 338

บทที่ 338: นี่อาจเป็นจ้าวเต๋า?!

ซุยเฮ็งมักจะเห็นปีศาจในงานศิลปะต่างๆ บนโลก

มันเกือบจะเป็นเผ่าที่จำเป็นสำหรับโลกแฟนตาซีทุกใบ

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังไม่เคยเห็นปีศาจมาก่อนจนถึงตอนนี้

ความแข็งแกร่งในการต่อสู้โดยรวมของดาวเต๋าโจวไม่ได้สูงนัก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ถ้าจะไม่มีปีศาจ แต่มันก็ยังแปลกเล็กน้อยที่มันจะไม่มีปีศาจบนดาวชงหยางเลยทั้งๆ ที่เป็นสถานที่ที่มีปราชญ์

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นระหว่างการเดินทางหรือแม้แต่ในบันทึก เขาก็ยังไม่เคยเห็นพวกปีศาจเลย

มันแปลกมาก!

ด้วยเหตุนี้เอง แม้แต่ซุยเฮ็งที่ได้เริ่มต้นเส้นทางสู่ขอบเขตก่อเกิดวิญญาณแล้ว เผ่าปีศาจจึงยังคงเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างลึกลับ

แม้ว่าเขาจะสามารถรู้แจ้งและสร้างปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้นมาได้ด้วยขอบเขตการฝึกตนในปัจจุบันของเขา แต่สิ่งนี้ก็ยังแตกต่างจากแนวคิดของสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ

และจู่ๆ ทันใดนั้นเขาก็เห็นปีศาจ ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสำหรับเขา

เมื่อเทียบกับความประหลาดใจของซุยเฮ็งแล้ว จักรพรรดิปีศาจก็มีเพียงความหวาดกลัวเท่านั้น

ตั้งแต่ร่างกายจนถึงจิตวิญญาณของเขา เขาก็รู้สึกราวกับว่าเขาได้พบกับการดำรงอยู่ที่น่ากลัวที่สุดในชีวิตของเขา มันทำให้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขากำลังสั่นสะท้าน และเขาก็รู้สึกหวาดกลัวจนแทบจะขาดใจตาย

เพียงแค่มองไปที่ซุยเฮ็งและสัมผัสถึงออร่าที่ซุยเฮ็งปล่อยออกมา มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาเกือบจะเป็นลมตาย

“ มันมีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?!” หัวใจของจักรพรรดิปีศาจเต็มไปด้วยความกลัว เขารู้สึกสับสนอย่างมากและคิดกับตัวเองว่า “ แก่นแท้วิญญาณของข้าคือราชาปราชญ์ แม้ว่าข้าจะเคยได้พบกับผู้สร้างมาแล้ว แต่มันก็ยังไม่น่ากลัวถึงขนาดนี้เลย!”

“ หรือว่าเขาจะเป็นจ้าวเต๋า? จ้าวเต๋าที่มีร่างกายเต๋าขอบเขตที่เจ็ดขั้นสูงสุด?! แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไร? มันจะไปมีจ้าวเต๋าในอาณาจักรสวรรค์ที่แตกสลายได้อย่างไร? หรืออาณาจักรสวรรค์จะได้เปิดขึ้นอีกครั้งแล้ว?”

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ใบหน้าที่ซีดเซียวอยู่แล้วของจักรพรรดิปีศาจก็ยิ่งซีดเซียวขึ้นไปอีก ขาของเขาสั่นจนทรุดลง

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อควบคุมร่างกายของเขาและร้องขอความเมตตาจากซุยเฮ็ง

เมื่อเทียบกันแล้ว จักรพรรดิที่อยู่ข้างๆ เขาก็รู้สึกดีกว่ามาก

เขายังคงรักษาร่างมนุษย์ของเขาเอาไว้ ไม่ว่าใครจะมองเขายังไง เขาก็ยังดูเหมือนมนุษย์ เขาสามารถปลอบใจตัวเองได้

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จักรพรรดิคิดว่าเขาจะสามารถหลอกซุยเฮ็งได้ ซุยเฮ็งก็ได้มองมาที่เขาและหัวเราะเบาๆ “ วิญญาณของเจ้าแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไปเล็กน้อย วิญญาณของเจ้าดูเหมือนกับสุนัขจริงๆ”

ก่อนที่จักรพรรดิจะทันได้ตอบสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้น จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าร่างกายทั้งหมดของเขาเริ่มเบาลง ราวกับว่าเขาถูกปลดออกจากพันธนาการด้วยพลังที่มองไม่เห็น

ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างสุดจะพรรณนา

อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ

จักรพรรดิค้นพบสถานการณ์ของเขาอย่างรวดเร็ว วิญญาณของเขาถูกดึงออกจากร่างและถูกตรึงไว้ข้างๆ โดยไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

“ นี่ นี่ ข้า!!”

เขากลัวจนสุดขีดและไม่สามารถแม้แต่จะพูดประโยคที่สมบูรณ์ได้

ในขณะนี้ ในที่สุดจักรพรรดิปีศาจก็สามารถควบคุมร่างกายของเขาได้ เขาคุกเข่าลงต่อหน้าซุยเฮ็งและตะโกนว่า “ คารวะจ้าวเต๋า ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”

“ จ้าวเต๋า?” ดวงตาของซุยเฮ็งเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม “ ข้าจะยังไม่ฆ่าเจ้าในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม ข้าก็มีคำถามสำหรับเจ้า และข้าก็หวังว่าเจ้าจะสามารถตอบพวกมันตามความเป็นจริงได้”

“ ใช่ ใช่ ข้าจะตอบตามความเป็นจริงอย่างแน่นอน จ้าวเต๋าโปรดอย่าลังเลที่จะถาม” จักรพรรดิปีศาจรีบพยักหน้าและถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดความกลัวในใจของเขาก็ค่อยๆ ลดลง

“ ข้า ข้าด้วย!” จักรพรรดิที่กลายร่างเป็นวิญญาณสุนัขรีบตะโกน เขายังต้องการจะรักษาชีวิตของเขา

“ พวกเจ้าสองคนอยู่ที่นี่ไปก่อน” ซุยเฮ็งพยักหน้าเล็กน้อยและแช่แข็งปีศาจทั้งสองไว้ในอากาศ จากนั้นเขาก็พูดกับหลี่หมิงเฉียงที่อยู่ข้างๆ ว่า “ โลกใบเล็กได้รวมเข้าด้วยกันแล้ว ไปดูกันเถอะ”

“ ค่ะท่านอาจารย์!” หลี่หมิงเฉียงพยักหน้าอย่างมีความสุข หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

สำหรับเธอแล้ว การรวมโลกใบใหม่เข้าด้วยกันก็นับเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก

ทรัพยากรของโลกสูญสวรรค์มีจำกัด ซึ่งนั่นก็หมายความว่าการพัฒนาความแข็งแกร่งของต้าโจวจะทำให้ขอบเขตการฝึกตนของเธอชะงักงันลงโดยตรงด้วย

แต่เมื่อโลกใบใหม่ได้รวมเข้าด้วยกันแล้ว มันก็หมายความว่าทรัพยากรที่ดินของโลกสูญสวรรค์ได้เพิ่มขึ้น และมันก็ยังได้นำชาวพื้นเมืองจำนวนมากมาอีกด้วย

สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่จำเป็นในการเพิ่มความแข็งแกร่งของประเทศ

หลี่หมิงเฉียงยังรู้สึกว่าตราบเท่าที่เธอสามารถคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้ เธอก็จะมีโอกาสทะลวงผ่านคอขวดในปัจจุบัน

จากนั้นเธอก็จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตที่เจ็ดของโลกเซียน!

….

ในเวลาเดียวกันกับที่จักรพรรดิปีศาจและจักรพรรดิมนุษย์ถูกจับ ทุกคนในโลกนั้นก็ตกตะลึง

คลื่นของปรากฏการณ์ที่น่าตกตะลึงทำให้ทุกคนในโลกนั้นตกตะลึงไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อม่านแสงเริ่มกวาดไปทั่วโลก ผู้คนก้รู้สึกว่ามันไม่น่าแปลกใจเลย

ก่อนที่โลกทั้งสองจะหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ ม่านแสงสีทองซึ่งลงจอดเพียงแห่งเดียวก่อนหน้านี้ก็ได้เคลื่อนตัว

ประการแรก ความกว้างของมันแผ่ออกไปจนสุดขอบโลก จากนั้นมันก็แผ่ขยายออกไปทั้งสองด้านต่อหน้ามัน ชั้นของแสงถูก "ผลักออก" และเริ่มกวาดไปทั่วโลกด้วยความเร็วที่รวดเร็วมาก

ราวกับว่ามันกำลังสแกนโลกทั้งใบรวมถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกใบนี้

หลังจากยืนยันว่าไม่มีปัญหา ในที่สุดโลกใบเล็กนี้ก็รวมเข้ากับโลกสูญสวรรค์อย่างสมบูรณ์

สำหรับชาวพื้นเมืองของโลกใบนี้ พวกเขาก็รู้สึกเพียงว่าพื้นใต้เท้าของพวกเขากำลังเคลื่อนไหว และจากนั้นมันก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

อย่างไรก็ตาม ผู้ฝึกตนคนใดก็ตามที่มีความสามารถในการสัมผัสกฎแห่งสวรรค์และปฐพีจะต่างก็ตกตะลึง

พวกเขาตระหนักได้ว่าในระดับของกฎ โลกที่พวกเขาอยู่ก็ได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

ท้องฟ้าสูงขึ้น พื้นดินหนาขึ้น โลกทั้งใบยิ่งลึกลับขึ้นและกว้างใหญ่ไพศาลมากขึ้น

ความรู้สึกนี้ราวกับว่าโลกทั้งใบได้ทะลวงขอบเขตและผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทุกคนสับสน

อย่างไรก็ตาม เมื่อกลุ่มผู้ฝึกตนที่อ้างตนว่ามาจากต้าโจวปรากฏตัวขึ้น ชาวพื้นเมืองของโลกใบนี้ก็เข้าใจอย่างคร่าวๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

โลกที่พวกเขาอยู่ได้หลอมรวมกับอีกโลกหนึ่งแล้ว!

….

จางหยานเฉิงตกตะลึง

เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีเทวา เซียนสวรรค์และแม้แต่ราชาสวรรค์ในตำนานมากมายขนาดนี้ในโลกสูญสวรรค์!

การดำรงอยู่ที่ทรงพลังและน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่น่าเชื่อเหล่านี้ปรากฏขึ้นมาเป็นกลุ่มๆ

จากนั้นพวกเขาก็บุกทะลวงไปทุกหนทุกแห่งที่ปีศาจรวมตัวกันและจับกุมปีศาจที่สร้างปัญหา

กระบวนการทั้งหมดนั้นง่ายดาย มันไม่มีการต่อสู้ที่รุนแรงเลย มันเป็นการปราบปรามฝ่ายเดียวเหมือนกับการล่าเพื่อความบันเทิง

สิ่งนี้ทำให้เกิดผลกระทบอย่างมากต่อแนวคิดเรื่องชีวิตของจางหยานเฉิงอย่างไม่ต้องสงสัย

เขาเฝ้าดูอย่างอดไม่ได้ในขณะที่ปีศาจที่ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้เหล่านั้นถูกคนจากต้าโจวจับไปด้วยวิธีต่างๆ ชั่วขณะหนึ่ง เขาก็สงสัยในคุณค่าของชีวิตของเขา

ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ได้สาบานว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อฆ่าปีศาจและกอบกู้โลก

แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลย เขายังไม่แม้แต่จะฆ่าปีศาจที่ทำลายบ้านเกิดของเขาเลยด้วยซ้ำ!

ผู้ฝึกตนจากต้าโจวนั้นมีพลังมหาศาลและสามารถกำจัดปีศาจทั้งหมดในโลกได้โดยตรง

และนั่นก็คือจุดสิ้นสุดของมัน

เขาชนะแล้วหรอ?

มันไม่ใช่ว่าผลลัพธ์นี้ไม่ดี ปีศาจถูกกำจัดและโลกก็กลับสู่ปกติ ดังนั้นจางหยานเฉิงจึงย่อมมีความสุขมากโดยธรรมชาติ

แต่เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

สิ่งเหล่านี้ที่เขาควรจะทำได้จบลงแล้ว…

ตอนนี้เขาควรทำอย่างไรต่อ?

เขาควรทำอย่างไรกับกระบี่สังหารมาร?

อะไรคือคุณค่าของชีวิตของเขา?

เป็นเวลาสามเดือนแล้วนับตั้งแต่การรวมโลกเข้าด้วยกันได้ผ่านพ้นไป

จางหยานเฉิงได้เข้าใจถึงสถานการณ์ของสิ่งที่เรียกว่าราชวงศ์ต้าโจวแล้ว แต่มันก็ดูเหมือนว่าเขาจะยังคงไม่สามารถฟื้นตัวจากอาการตกใจนี้ได้และยังดูกระวนกระวายใจมาก

โชคดีที่เขามีน้องสาวของเขาหยางลั่วคอยปลอบโยนและทำให้จิตใจของเขาสงบลง

เมื่อเร็วๆ นี้ เมื่อหยางลั่วเห็นว่าจางหยานเฉิงยังไม่ฟื้นตัว เธอจึงริเริ่มที่จะพาเขาไปยังเมืองหลวงของต้าโจว

เธอต้องการให้เขาพยายามค้นหาคุณค่าของชีวิตของเขาในสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลกใหม่นั้น

“ น้องสาว เมืองหลวงของต้าโจวอยู่ข้างหน้าแล้วหรอ?” จางหยานเฉิงนั่งรถม้าและมองไปที่เมืองอันงดงามในระยะไกล เขาอดไม่ได้ที่จะชมว่า “ ช่างเป็นประเทศที่ยอดเยี่ยมอะไรแบบนี้”

“ ใช่แล้ว นี่คือเมืองหลวงของต้าโจว และมันก็ยังเป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในโลกสูญสวรรค์” หยางลั่วมองไปที่เมืองใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าเธอด้วยท่าทางที่ซับซ้อนเล็กน้อย

“ น้องสาว เจ้ากำลังปิดบังอะไรข้าอยู่หรือเปล่า?” จางหยานเฉิงมองไปที่หยางลั่วด้วยความกังวล

“ ไม่ ข้าเปล่า” การจ้องมองของหยางลั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเธอได้ยินคำถามนี้ ในที่สุดเธอก็หลับตาลงและกับริมฝีปากของเธอเบาๆ “ พี่ชาย ท่านจะเข้าใจเองเมื่อเราไปถึงเมืองหลวงของต้าโจว”

“…” จางหยานเฉิงเงียบลงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ ในเมื่อเจ้าไม่เต็มใจที่จะพูด งั้นข้าก็จะไม่บังคับเจ้า”

“ ขอบคุณพี่ใหญ่” หยางลั่วก้มศีรษะลง เธอยังคิดกับตัวเองว่า “ ข้าขอโทษพี่ใหญ่ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ...”

“ จักรพรรดิปีศาจ ข้าสัมผัสได้ว่าท่านอยู่ในเมืองหลวง ข้ากำลังจะส่งกระบี่สังหารมารไปให้ท่านแล้ว สิ่งนี้น่าจะช่วยท่านได้ใช่ไหม?”