ตอนที่ 383 : ไอเท็มสุดท้าย—การปกป้องของเทพอสูรโลหิต!

โจวโจวยื่นมือขวาออกมาและตั้งสมาธิ

เลือดที่เปล่งแสงสีทองจางๆ ควบแน่นโดยอัตโนมัติบนผิวนิ้วชี้ของเขา จากนั้นภายใต้การควบคุมของพลังจิตเคลื่อนย้ายวัตถุ มันก็ตกลงบนคริสตัลโลหิตสุดท้าย

ร่างกายปัจจุบันของเขาอาจกล่าวได้ว่าเหนือมนุษย์ไปแล้ว มันจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่จำเป็นต้องกัดนิ้วเพื่อเรียกเลือดออกมา

อึดใจต่อมา คริสตัลโลหิตสุดท้ายก็หลอมละลายและกลายร่างอย่างช้าๆ จนสุดท้ายมันก็กลายเป็นรูปปั้นอสูรโลหิตตัวหนึ่ง

โจวโจวมองดู

[ไอเท็มสุดท้าย: การปกป้องของเทพอสูรโลหิต]

[เอฟเฟกต์: พกมันติดตัวไว้และมันจะเพิ่มพลังของเวทมนตร์โลหิตของท่าน 50% เมื่อต่อสู้กับศัตรูด้วยเวทมนตร์โลหิต เอฟเฟกต์นี้จะเพิ่มขึ้น 500 เท่า เอฟเฟกต์นี้จะมีผลเฉพาะกับสิ่งมีชีวิตที่มีระดับต่ำกว่าระดับเทพชั้นต่ำ]

[รายละเอียด: ไอเท็มสุดท้ายที่สร้างขึ้นโดยเทพอสูรโลหิตเพื่อลูกหลานของมัน มันถูกมองว่าเป็นสมบัติโดยเจ้าของของมันอยู่เสมอ]

“ไอเท็มสำหรับเวทมนตร์โลหิตงั้นเหรอ?!”

โจวโจวเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากการปะทะกันภายในแล้ว ไอเท็มชิ้นนี้ก็ยังมีประโยชน์มากในสมรภูมิสุดท้าย

ที่แห่งนี้เต็มได้ด้วยพลังงานโลหิต มันต้องมีศัตรูเป็นจำนวนมากแน่ที่เชี่ยวชาญในการใช้เวทมนตร์ประเภทโลหิต ซึ่งไอเท็มชิ้นนี้ก็คงจะมีประโยชน์มากแน่ๆ

โจวโจวคือผู้เชี่ยวชาญเวทมนตร์โลหิตแล้ว ดังนั้นการปกป้องของเทพอสูรโลหิตจึงมีประโยชน์กับเขาอย่างถึงที่สุด ดังนั้นเขาจึงเก็บมันไว้ในแหวนมิติโดยไม่ลังเล

หลังจากนั้นไม่นาน สมรภูมิก็ถูกเก็บกวาดจนเสร็จ

โจวโจวและเหล่าทหารพากันเดินเข้าไปในเมืองธารสีชาด

จากนั้นพวกเขาก็พบว่าสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในเมืองธารสีชาดนั้นค่อนข้างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีสิ่งปลูกสร้างอยู่เป็นจำนวนมาก พวกมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองในทวีปจื้อเกาเลย ในความเป็นจริงพวกมันอาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ

ถ้านี่คือทวีปจื้อเกา โจวโจวก็คงจะยึดครองมันไปแล้วโดยไม่ลังเล

อย่างไรก็ตาม สมรภูมิสุดท้ายก็เปิดขึ้นแค่สามวันเท่านั้น เมื่อสมรภูมิสุดท้ายปิดลง พวกเขาก็ต้องกลับไป

โจวโจวจึงไม่สนใจจะยึดครองมัน

พวกเขาตรงไปยังปราสาทของลอร์ดและพบกับแผ่นหินดินแดน

หลังจากไป่อี้ทำลายแผ่นหินดินแดนแล้ว โจวโจวก็ได้รับตราดินแดนระดับทองคำเหลืองขั้นกลางมา 1 อัน

“ฉันยังขาดตราดินแดนระดับทองคำเหลืองอีก 2 อันเพื่อใช้อัพเกรดดินแดนของฉันให้เป็นระดับทองคำเหลืองขั้นสูง”

โจวโจวมองไปยังตราดินแดนระดับทองคำเหลืองและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

“พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ฉันก็ไม่ได้อัพเกรดดินแดนของฉันซะทีเพราะฉันไม่อยากเสียสิ่งปลูกสร้างในเมืองสีชาดไป ทำให้ฉันไม่สามารถเอาตราดินแดนของพวกมันออกมาได้ พวกเราจะช้าไม่ได้แล้ว ถ้าฉันช้าออกไปอีก สมญานามรุ่งอรุณแห่งผู้บุกเบิกของฉันก็อาจจะถูกคนอื่นตัดหน้าไปก่อนได้”

โจวโจวเริ่มคิด

มันจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ เขาต้องมุ่งเน้นไปที่การอัพเกรดดินแดนของเขาบ้าง

เขาไม่ควรลังเลเกี่ยวกับเมืองสีชาดพวกนั้นมากเกินไป อย่างมากที่สุด เขาก็แค่ต้องส่งคนไปคอยปกป้องพวกมันเอาไว้เมื่อยามที่เขาเอาตราดินแดนออกมา และเมื่อเขาได้รับตราดินแดนมามากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต เขาก็แค่ใส่ตราดินแดนเหล่านั้นกลับเข้าไปในเมืองและทำให้สิ่งปลูกสร้างในเมืองฟื้นฟูสภาพกลับคืนมาก็เท่านั้น

เพราะหลังจากที่ดินแดนของเขาเลื่อนระดับขึ้นแล้ว ตราดินแดนระดับต่ำก็จะไม่มีค่าอะไรมากนอกเหนือไปจากการใช้ซื้อไอเท็มจากร้านค้าแห่งลอร์ด

เมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็คงจะดีกว่าที่จะใช้มันเพื่อชุบชีวิตเมือง!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ โจวโจวก็รู้สึกได้ในทันทีว่าความคิดนี้ก็ไม่เลวเลย

หลังจากนั้นไม่นาน ณ ห้องประชุม

โจวโจวกำลังหารือเรื่องการทหารกับแม่ทัพของกองทัพตะวันสาดแสงและกองทัพมอนสเตอร์ของเขา

เหล่าแม่ทัพของเขาย่อมไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว เพราะนับตั้งแต่ที่กองทัพตะวันสาดแสงและกองทัพมอนสเตอร์ถูกสร้างขึ้นมา ภายใต้การพิจารณาและคัดเลือกของอู๋ซินและไป่อี้ มันจึงมีเหล่าแม่ทัพที่คอยรับผิดชอบเรื่องต่างๆ อยู่

ในตอนนี้ มันมีแม่ทัพระดับกลางและระดับสูงกว่า 20 คนกำลังหารือกันเรื่องการทหารกับโจวโจว และก็ไม่ต้องพูดถึงแม่ทัพระดับต่ำที่ไม่มีคุณสมบัติจะเข้ามาที่นี่ด้วย

อาจกล่าวได้ว่า นอกเหนือจากความจริงที่ว่ากองทัพทั้งสองของโจวโจวนั้นไม่ใช่กองทัพระดับอาณาจักร แต่แง่มุมอื่นๆ ของกองทัพทั้งสองของเขาก็อาจถือเป็นกองทัพระดับอาณาจักรทั่วไปได้แล้ว

หลังจากหารือกันกว่าสิบห้านาที แม่ทัพคนหนึ่งก็ถามออกมา “พวกเราควรทำยังไงต่อดี?”

ทุกคนมองมาที่โจวโจว ไป่อี้ และอู๋ซิน

โจวโจวไม่พูดอะไรออกมา ส่วนอู๋ซินก็มองไปที่ไป่อี้

ไป่อี้พูดออกมาอย่างใจเย็น “ลองมองไปรอบๆ ดู ตอนนี้พวกเราพิชิตเมืองธารสีชาดนี้ได้แล้ว สิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกันของกำแพงเมืองนี้ค่อนข้างสมบูรณ์และอาจจะเหนือกว่าเมืองตะวันสาดแสงของพวกเราด้วยซ้ำ เมื่อรวมกับกำลังคนและปืนใหญ่พลังงานหมอกที่เรานำมา มันก็เพียงพอแล้วที่จะควบคุมเมืองแห่งนี้”

“ความคิดของข้าคือการประจำการในเมืองนี้ก่อน แล้วจึงส่งกองทัพวาดสวรรค์ไปตรวจตรารอบๆ เพื่อดูว่ามีลอร์ด ลอร์ดสีชาด หรือศัตรูอื่นๆ ที่เหมาะสมที่จะเป็น 'เหยื่อ' ของเราหรือไม่”

“เมื่อพวกเราเจอเหยื่อเหมาะๆ พวกเราก็จะโจมตีและจัดการกับอีกฝ่ายทันที จากนั้นพวกเราก็จะขยายขอบเขตการสำรวจของเราอย่างต่อเนื่อง หลังจากพบฐานใหม่ที่เหมาะสมแล้ว พวกเราก็จะตั้งรกรากในฐานใหม่ จากนั้นเราจะใช้สิ่งนี้เพื่อพัฒนาไปทีละขั้นและขยายผลลัพธ์ของพวกเราออกไป”

“ด้วยวิธีนี้ ทหารของพวกเราก็จะมีฐานที่มั่นที่มั่นคงซึ่งพวกเขาสามารถพักผ่อนได้ เมื่อเราพบกับการโจมตีของศัตรู พวกเราก็สามารถพึ่งพาสิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกันเมืองเพื่อโจมตีโต้กลับได้ หากจู่ๆ ศัตรูแข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเราจะต้านทานได้ ด้วยเมืองที่อยู่รอบๆ นี้ พวกเราก็ยังสามารถถ่วงเวลาไว้ก่อนได้และกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ทัน”

แม่ทัพทุกคนพยักหน้า

นี่เป็นวิธีการที่มั่นคงที่สุดในตอนนี้

โจวโจวและอู๋ซินก็พยักหน้าออกมาด้วย

โดยเฉพาะโจวโจว

ผลลัพธ์ของสมรภูมิสุดท้ายนั้นสำคัญกับเขามากจริงๆ อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ถึงขั้นที่เขาจะเอาชีวิตมาเสี่ยง

เพราะตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ มันก็ยังมีโอกาสอยู่เสมอ ถ้าเขาตาย ทุกอย่างก็จบ

ดังนั้นความคิดของไป่อี้จึงตรงกับความคิดของเขา

อย่างไรก็ตาม โจวโจวก็ยังมีบางสิ่งจะเสริม

เขามองไปยังเซียวเซียวที่นั่งอยู่ไกลออกไป

“เซียวซวนน้อย เจ้าอยากไปสำรวจรอบๆ กับกองทัพวาดสวรรค์ไหม? ข้าอนุญาตให้เจ้าควบคุมทิศทางการสำรวจของกองทัพวาดสวรรค์ได้”

โจวโจวยิ้ม

ทุกคนอดมองมาที่เซียวซวนไม่ได้เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้

ท่านลอร์ดเอ็นดูเด็กคนนี้มากเกินไปไหม

เขามอบอำนาจขนาดนี้ให้กับอีกฝ่ายเลยเหรอ?

หรือว่าเด็กคนนี้จะเป็นลูกนอกสมรสของท่านลอร์ด?

แม่ทัพบางคนอดเดาไม่ได้

เซียวซวนไม่สนใจสายตาของคนอื่น หลังจากได้ยินคำพูดของโจวโจวแล้ว เขาก็กระโดดลงจากเก้าอี้ทันทีด้วยความตื่นเต้นและยืดหลังให้ตรง “ท่านลอร์ดไว้ใจข้าได้เลยขอรับ!”

โจวโจวยิ้มและพยักหน้า

“อู๋ซินและแม่ทัพมอนสเตอร์ระดับเหนือสามัญ 3 ตัวให้ไปกับกองทัพวาดสวรรค์ พวกเราต้องรับประกันความปลอดภัยของกองทัพวาดสวรรค์และเซียวซวนด้วย”

เขาหันไปหาอู๋ซินและพูดออกมา

“ขอรับท่านลอร์ด!”

อู๋ซินและแม่ทัพมอนสเตอร์พูดออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน

โจวโจวพยักหน้ารับ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เหล่าแม่ทัพก็หารือกันจนเสร็จ

“ทุกอย่างคงจะขึ้นอยู่กับผลงานของเซียวซวนแล้ว”

โจวโจวยิ้มออกมาในขณะที่เขาดูเซียวซวนจากไป