ตอนที่ 203 ประตูจากอีกด้านเปิดออก

"เกิดอะไรขึ้น?"

"พี่ หลิน มันเกิดอะไรขึ้น!"

หลังจากนั้นไม่นาน ลั่ว เหลย และ ซู เซียงตง ก็ตื่นขึ้นจากภาพลวงตาเสียงหาหลิน ยู ที่อยู่ด้านนอก

โชคดีที่

พลังของภาพลวงตาจากดอกไม้อีกฝั่งไม่ได้ทรงพลังมากนัก

มันเป็นพลังที่สร้างภาพลวงตาเพียงช่วงคราวเพื่อให้มันสามารถลอบโจมตีพวกเขาได้

สิ่งที่ หลิน ยู คิดไม่ถึงคือดอกไม้อีกด้านหนึ่ง

จะบ้าคลั่งขึ้นมาในวันสุดท้าย แถมยังเลือกลงมือในช่วงเวลากลางคืนจนถึงเช้าที่เหล่าราชันอ่อนแอที่สุด

นี้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของราชันทุกคนอย่างแน่นอน

เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ ขึ้น เขาเกรงว่าคนมีราชันได้คนที่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม

"ระวัง รากไม้พวกเขามันจ้องจะดูดเลือดมนุษย์"

หลิน ยู หันกลับมาตะโกนบอกพวก ลั่ว เหล่ย จากนั้นก็ไปยังข้างๆกองทัพพืชสั่งให้พวกเขาต้านทานการโจมตีรอบๆทันที ขณะเดียวกันก็สังเกตุการเคลื่อนไหวของดอกไม้อีกด่านด้วย

เป็นไปตามที่เขาคิดไว้

หลังจากได้ดูดซับเลือดสดๆแล้ว กลีบของดอกไม้ที่อยู่ข้างๆ ก็ค่อยเริ่มเปลี่ยนสีดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

แม้แต่เมฆสีแดงก็ได้มารวมกันบนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง ย้อมท้องฟ้าบริเวณนั้นกลายเป็นสีแสงราวกับมันกำเนิดขึ้นจากหยดเลือด มันเป็นภาพที่ดูสยองพิลึก

หลินยูมองไปยังรอยแยกบนท้องฟ้าผ่านเมฆสีแดง ซึ่งเกิดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่

รูปร่างของมันช่างคล้ายกับรอยแยกบนท้องฟ้าของทวีปดึกดำบรรพ์แต่กว้างกว่ามาก

การค้นพบนี้ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง การคาดเดาที่น่ากลัวก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา

ก่อนที่เขาจะทันได้คิดอะไร

ทันใดนั้นก็เกิดเสียง "แก๊ก" บนท้องฟ้า รอยแยกขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

ทันใดนั้นก็เกิดพายุโหมกระหน่ำ

ลำแสงสีแดงเลือดพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้สนามรบทั้งหมดสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ในเวลาเดียวกันนั้นก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นในใจของราชันทุกคน

[ราชันทุกท่าน โปรดทราบต้นกำเนิดโลกระบาดได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว หมอกพิษโรคระบาดจะบีบตัวล่วงหน้า]

[ในเวลานั้น สนามรบจะลดลงเหลือเพียงครึ่งเดียวของขนาดเดิม โปรดเตรียมตัวให้พร้อม]

หมอกพิษโรคระบาดบีบตัวลง เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ เหล่าราชันประหลาดใจมากนัก

เลยไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก

แต่สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงคือหลังจากเสียงเตือนหมอกพิษจบลง ก็มีเสียงแจ้งเตือนอีกครั้งทันที

[ราชันทุกท่านโปรดทราบ ประตูจากอีกด้านเปิดออกแล้ว ทำให้มีมอนสเตอร์โกหาหลหลั่งไหลเข้ายังสนามรบจำนวนมาก]

[เนื่องจากได้มอนสเตอร์โกลาหลหลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้มอนสเตอร์ทั้งหมดในสนามรบกลายเป็น มอนสเตอร์โกลาหล โปรดระวัง!!]

....

"แมร่งเอ้ย! มอนสเตอร์โกลาหล!! พวกเราซวยแล้ว!"

"ทำไมถึงได้มีมอนสเตอร์โกลาหลปรากฏตัวในสนามรบ"

"ประตูอีกด้านมันคือห่าอะไรวะ!"

"เวร! ซอมบี้พวกเขานี้แข็งแกร่งขึ้นจริงๆด้วย!"

ราชันคนแล้วคนเล่าต่างร้องออกมา พวกเขาทั้งหมดตกใจพวกการแจ้งเตือนที่เกิดขึ้นอย่างกระทัน ต่างต่อต้านมันด้วยความสิ้นหวัง

สิ่งเดียวโชคดีคือ หลังจากดวงอาทิตย์ขึ้น รากไม้สีเทาของดอกไม้อีกด้านก็หยุดโจมตีหดกลับไปอย่างรวดเร็ว

ปล่อยให้พวกเขามีโอกาศหายใจ

หลิน ยู ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด พูดบางอย่างกับ พวกลั่ว เหล่ย ที่อยู่ข้างๆชะ สั่งให้กองทัพพืชออกจากที่พักมุ่งหน้าไปยังห้องโถงจินหยวน

ระหว่างทางพวกเขาเจอฝูงซอมบี้จำนวนมาก ซึ่งพวกมันแข็งแกร่งกว่าเมื่อวานถึง 20%

พวกระดับ 7 ยังใช้ทหารจำนวนมากรุมได้

แต่พวกระดับ 8 ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เขาต้องพึ่งพา หลิง ซี และ ชิง ถัง ในการสังหารพวกเขาทีละตัวเท่านั้น ทำให้ความเร็วในการเดินทางช้าลงอย่างมาก แม้แต่เหล่าดอกไม้มรณะของเขาก็ยังถูกสังหารและคืนชีพขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้วยระยะทางเพียงไม่กี่ 10 กิโลเมตรเขาใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง

เมื่อพวกเขามาถึงลานด้านหน้า กลุ่มของราชันคนอื่นก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นทีละคนจากทุกทิศทาง

อย่างไรก็ตามพวกเขาส่วนใหญ่ล้วนตกใจกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้างขึ้น

"นี้มันอะไรกัน!?"

ราชันคนหนึ่งได้เงยหน้าขึ้นมองไปยังรอยแตกที่น่าหวาดกลัวบนท้องฟ้า ซึ่งมันปกคลุมเกือบครึ่งของท้องฟ้าเลย

"นี้มันทำไม ... ดูเหมือนรอยร้าวที่ปรากฏขึ้นหลังจากโชคชะตาถูกพรากไป!?" ราชันอีกคนร้องออกมา

ทันทีที่คำพูดเหล่านั้น ออกมา มันทำให้ ราชันทั้งหมดรวมถึงหลิน ยู ตกตะลึง การคาดเดาในใจของเขาก็ได้รับการยืนยันในทันที

รอยแยกนี้

เป็นรอยแยกที่ปรากฏขึ้นหลังจากที่โชคชะตาถูกพรากไปจริงๆ

กล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ สนามรบที่พวกเขาอยู่นี้เป็นโลกที่โดนพรากโชคชะตาไปจนหมดสิ้น?

นี้มันทำให้ หลิน ยู ตกใจอย่างมาก

เขาคิดเสมอว่าเมื่อโชคชะตาหมดลง โลกใบนั้นจะล่มสลายกลายเป็นความว่างเปล่าไปในทันที

แต่ไม่คิดว่ามันแย่ยิ่งกว่านั้นเป็น 100 เท่า

มันไม่ได้สังหารพวกเขาในทันที

แต่ปล่อยให้พวกเขาตายลงอย่างช่างๆ ทรมาณจากหายนะอย่างแสนสาหัส

ดังนั้น ซอมบี้ที่พวกเขาพบระหว่างทางล้วนกลายพันธุ์มาจากผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองหลวงของอาณาจักรต้าหยานหลังจากที่โชคชะตาของพวกเขาถูกพรากไปจนหมด?

สิ้นหวังเกินไปแล้ว

"นี่... ถ้าหากโชคชะตาของทวีปดึกดำบรรพ์ถูกพรากไปจนหมด มันจะกลายเป้นแบบนี้ไหมนะ?"

เสียงของลั่ว เหล่ย สั่นคลอน

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วทำไมทำซอมบี้เหล่านี้ถึงรู้วิธีที่จะโจมตีราชันก่อน

เพราะว่าท่ามกลางซอมบี้เหล่านี้มีหลายตัวที่เคยเป็นราชันมาก่อนในช่วงชีวิตของพวกเขา!

เช่นเดียวกันกับพวกเขา!

ไม่ต้องพูดถึง ลั่ว เหล่ย แม้แต่ ซู เซียงตง ที่อยู่ด้านข้างใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่าเกียจ

สุดท้ายแล้วไม่มีใครอยากเห็นตัวเองกลายเป็นซอมบี้และถูกสังหารในฐานะมอนสเตอร์โดนราชันจากโลกอื่น ดังนั้นมันคงจะดีกว่าถ้าจะตายในทันที

"นี้คือความลับที่ซ่อนอยู่ในสนามรบหมายเลข 1!?"

หลิน ยู พูดออกมาอย่างเงียบๆ ดวงตาของเขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยัง ณ ใจกลางห้องโถงจินหยวน

หากจะบอกว่าชายที่นั่งอยู่โดดเดี่ยวภายในห้องโถงนั้นเป็นใคร เขาคงจะเป็นราชาแห่งอาณาจักรต้าหยานอย่างแน่นอน

ดังนั้น หลิน ยู จึงไม่รีบเร่งที่เข้าไปในพระราชวังมากนัก แต่เลือกที่จะเฝ้ามองจากระยะไกลแทน

แน่นอนว่ามันใช้เวลาเพียงไม่นานก่อนที่กลุ่มราชันเหล่านั้นจะหมดความอดทน พวกเขาเดินขึ้นบันไดไปพร้อมกับกองกำลังของพวกเขามุ่งหน้าไปเข้ายังห้องโถงจินหยวน

เมื่อราชันคนอื่นเห็นแบบ พวกเขาก็อดไม่ไหวที่จะติดตามไปเพราะความกลัวที่ว่าสมบัติอาจถูกชิงไปโดยอีกฝ่าย

หลังจากนั้นไม่นาน ที่กลุ่มของราชันเหล่านั้นหายไปจากสายตาของทุกคน

"อ๊ากกก..."

"อั่ก อ๊ากกก"

ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังสนั่นออกจากห้องโถงจินหยวน

ราชันคนอื่นๆที่ต้องการเข้าไปใกล้ก็ตกใจและหยุดลงอย่างกระทันหัน

จากนั้นเสียงภายในวังก็หายไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่มีเกิดขึ้นมาก่อน รอบด้านเงียบลงทันที

"พวกเขาทั้งหมดตายแล้วงั้นเหรอ!?"

ราชันที่กำลังจะเดินเข้าไปกลืนน้ำลายตัวเองด้วยความสยดสยอง

แม้แต่ราชันมีความแข็งแกร่งกว่าเขามีทหารระดับ 8 อยู่ด้วยยังถูกสังหาร เขาล้มเลิกความคิดที่เขาไปในห้องโถงทันที รออยู่ด้านนอกซักพัก แอบระวังเพราะกลัวจะมีมอนสเตอร์บางตัววิ่งออกมาจากด้านใน

เมื่อเวลาผ่านไป

ก็ได้มีราชันเข้ามายังที่นี้จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ลานด้านหน้าห้องโถงดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เมื่อจากราชันเผ่าต่างๆจากโลกอื่นปรากฏตัว

ตัวอย่างเช่น เผ่าทะเล เผ่าปิศาจ เผ่าสัตว์อสูร เผ่าวิญญาณ พวกเขาล้วนมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างจากมนุษย์

มีหลายเผ่าพันธุ์ที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งพวกเขาไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากเผ่าไหน ทำพวกผู้คนเปิดหูเปิดตาอย่างมาก

แต่ที่สะดุดตาที่สุดก็คือ หลิน ยู

มันเป็น ชิง ถัง นั้นใหญ่สะดุดตาเกินไป

ประกอบกองทัพพืชจำนวนมหาศาล มันจึงทำให้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยาก

นอกจากนี้ยังมีราชันหลายคนที่พูดคุยกัน

"เขาคงจะเป็น หลิน ยู ใช่ไหม นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นทหารที่แข็งแกร่งแบบนั้น"

"เจ้าพวกดอกไม้พวกนั้น ฉันคิดว่ามันคงมีไม่ต่ำกว่า 1000 ตัว!"

"มันเป็นจำนวนที่บ้าจริงๆ!"

"ราชันระดับ 6 มีกองกำลังมากมายขนาดนั้นได้ยังไงกัน?"

"ระวังตัวด้วย อย่าไปเข้าใกล้เขา"

"นายจะกลัวอะไร? มีราชันอยู่ตั้งเยอะแยะที่นี้ อีกทั้งยังมีอีกหลายคนที่มีทหารระดับ 8 เมื่อถึงช่วงเวลาต่อสู้ เขาไม่สามารถคว้าผลประโยชน์มาเป็นของเขาคนเดียวได้หรอก"

"ฉันก็ว่าอย่างนั้นเหมือนกัน"

ใช่แล้ว

ในเวลานี้นั้นที่ลานด้านหน้า

มีราชันหลายคนที่มีทหารระดับ 8

อย่างมากที่สุดพวกเขาก็แค่ หวาดระแวง หลิน ยู แต่ไม่ถึงกับขั้น หวาดกลัว

สุดท้ายแล้วพวกเขาหลายคนไม่เคยเห็น หลิน ยู ต่อสู้ จึงเข้าใจว่าข่าวลือที่เกี่ยวกับ หลิน ยู นั้นมันเกินจริงไปบ้าง

ข่าวลือมักเกินกว่าความจริงเสมอ

ไม่ว่าราชันคนนั้นจะทรงพลังแค่นั้น เขาก็เป็นเพียงราชันคนหนึ่ง เขาจะสามารถต้านทานการรุมจากทหารระดับ 8 จำนวนมากได้งั้นเหรอ

แต่พวกเขานั้นไม่ได้สังเกตว่าท่ามกลาง เหล่าราชันมีหลายคนที่มองเห็น หลิน ยู พวกเขาต่างถอยหนีด้วยความตื่นตระหนก

"บ้าเอ้ย!"

"ไปเถอะ พวกเราต้องถอยก่อนอย่าให้เขาจับได้"

"ไอ้โง่พวกนี้คงไม่คิดจะเอาชนะด้วยคนจำนวนมากหรอกใช่ไหม?"

"ถ้าพวกเขา อยากรนหาที่ตายละก็นะ"

ราชันเหล่านี้ เป็นผู้ที่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้กับ หลิน ยู และรอดชีวิตมาได้ พวกเขาต่างทราบดีถึงความน่ากลัวของหลิน ยู

มันไม่เกี่ยวข้องกับจำนวนแม้แต่น้อย

พวกเขาไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ ต่างถอยออกไปทีละคนจากล้านด้านหน้าห้องโถงยอมแพ้การแข่งขันชิงสมบัติสนามรบชิ้นสุดท้าย

ในขณะเดียวกันนั้น ลำแสงบนท้องฟ้าก็ตามที่คิดไว้ พุ่งลงมายังสนามรบ

[ราชันทุกท่าน สมบัติสนามรบสูงสุด "ลูกแก้วแห่งความศรัทธาขั้นสูง" กำลังจะปรากฏ]

[การใช้งานลูกแก้วแห่งความศรัทธาขั้นสูงจะได้รับพลังความศรัทธา 1000 แต้มทันที]

[สมบัติดังกล่าวจะปรากฏขึ้นขึ้นในอีกครึ่งชั่วโมงจนกว่าสนามรบจะปิดตัวลง]

.....

"บ้าไปแล้ว! สมบัติสนามรบสูงสุด ให้พลังความศรัทธาถึง 1000 แต้ม!"

"มันไม่ใช่ 500 แต้มงั้นเหรอ"

"เกิดอะไรขึ้น? หรือสมบัติครั้งสุดท้ายนี้ได้รับการอัพเกรด!"

"พลังความศรัทธา 1000 แต้ม ฉันคงหาไม่ได้แม้จะต้องใช้เวลาเป็นปีๆก็ต่าง! นี้มันออกจะเกินไปหน่อยแล้ว"

"ไม่ มีบางอย่างผิดปกติ ดูเหมือนสมบัติสนามจะไปตกลงในห้องโถงจินหยวน"

ราชันหลายคนร้องออกมาครั้งแล้วครั้งเหล่า วินาทีก่อนหน้านี้เขายังตื่นเต้นกับสมบัติสนามรบที่ได้รับการอัพเกรด แต่วินาทีต่อมาสีหน้าของพวกเขาก็ได้เปลี่ยนไปในทันที

เนื่องจากสถานที่ๆลำแสงนั้นตกลงมาคือ ณ ใจกลางของห้องโถงจินหยวน

ภายใต้การเฝ้ามองด้วยความตกตะลึงของพวกเขา ทันใดนั้นมันก็ได้หายเข้าใปในห้องโถงจินหยวนทันที

มันทำให้พวกเขาตกตะลึง

พวกเขาต่างมองหน้ากันโดยไม่รู้ตัว

แต่ในขณะนั้น จู่ๆ พลังที่น่าสะพรึงกลัวอันไร้ขอบเขตก็ปะทุขึ้นมาจากด้านในห้องโถง

"ตูมมม!"

เกิดเป็นเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ห้องโถงจินหยวนที่ถูกรากของดอกไม้จากอีกด้านห่อหุ้มไว้นั้น เริ่มเกิดรอยร้าวลุกลามไปทุกที่

"ไม่ ห้องโถงจินหยวนกำลังพังทลายลง รีบหนีเร็ว!!"

สีหน้าของราชันหลายคนเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขากรีดร้องออกมา รีบหนีออกจากลานด้านหน้าพร้อมกับกองกำลังของพวกเขา มองไปยังเสาหินที่ค่อยๆพังทลายลงด้วยความตกตะลึง

แม้แต่ประตูทางเข้าวงก็พังลงมาอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันนั้น ก็เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความดีใจดังออกมาจากด้านใน

"ผ่านมาร้อยปี ร้อยปี ในที่สุดประตูจากอีกด้านก็ถูกเปิดออกโดยข้า ในที่สุดข้าก็สามารถออกของสถานที่ผีสิงนี้ได้ซักที ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า..."

เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มควันที่ลอยคระครุ่งกวาดไปทั่ววัง

ร่างที่ล้อมรอบไปด้วยพลังเลือดเนื้อพร้อมกับหนวดระยางของเขาค่อยๆรอยขึ้นไปในอากาศ ปรากฏแก่สายตาของทุกคน

ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวอันไร้ขอบเขตทำไมพวกเขารู้สึกกดดันจนหายใจไม่ออกทำให้ราชันทุกคนสั่นสะท้านในทันที

"สิบ.. เขาอยู่ระดับสิบ!!"